คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : EP.2 ---ผมชื่อ อี ทงเฮ---
---ผมชื่อ ‘อีทงเฮ’---
****************************
“คนที่ผมแอบรัก...เขาขืนใจผม”
ผมชื่ออีทงเฮ ครอบครัวของผมทำธุรกิจเกี่ยวกับศูนย์การค้า ทำให้ผมเลือกเรียนทางสาขาบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของเกาหลี และเพราะเป็นสถานศึกษาชื่อดัง ทำให้บรรดาทายาทนักธุรกิจต่างๆก็เลือกเรียนที่นี่เช่นเดียวกัน และที่นี่ทำให้ผมได้เจอกับ...คิมคิบอม
คิมคิบอม...ลูกนักธุรกิจระดับแนวหน้าของประเทศ ครอบครองกิจการโรงแรมที่หรูและดีที่สุดในเกาหลี เป็นผู้ชายที่ทุกคนหมายปอง เพราะสมบูรณ์แบบบทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ และการศึกษา
ผม...ก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นที่หมายปองคิมคิบอม ...หลงรักคิมคิบอมโดยไม่รู้ตัว จากแค่เพียงแอบมอง ก็กลายเป็นแอบชอบ...และจบลงด้วยการแอบรัก
ทั้งที่เรียนคลาสเดียวกัน แต่เราเคยพูดคุยกันนับคำได้ ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่ได้เป็นการส่วนตัว ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาจำผมได้บ้างหรือเปล่า
"คิดว่าตัวเองเป็นใคร... มีอะไรให้ฉันสนใจได้หรอ? ไปซะ ฉันไม่มีวันสนใจผู้ชายอย่างนายหรอก" เสียงทุ้มเรียบเย็นเอ่ยอย่างไม่ใยดีหรือไว้หน้าเด็กหนุ่มอีกคน หนำซ้ำพอพูดจบก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่หันมามองแม้แต่น้อยว่าอีกคนร่ำไห้หนักขนาดไหน
"..ฮึก...คิบอม ใจร้าย" ตัดพ้อออกมาทั้งน้ำตาอยู่ตรงนั้น
ภาพเด็กผู้ชายคนหนึ่งโดนคิมคิบอมปฏิเสธรักอย่างไร้น้ำใจชัดเต็มสองตาและสองหูของอีทงเฮ เขาบังเอิญมาได้ยิน และได้เห็นการตัดรอนน้ำใจของคนที่เขาแอบชอบโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่แทนที่จะรู้สึกโล่งใจที่เด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้สมหวัง กลับกลายเป็นว่า อีทงเฮมองตัวเองเป็นเงาของเด็กคนนั้น หากเขาสารภาพรักกับคิบอมบ้างล่ะ...
คงโดนหักหามน้ำใจไม่ต่างกับเด็กผู้ชายคนนั้น
เพราะฉะนั้นผมจึงหยุดทุกอย่างเอาไว้ คิมคิบอมไม่มีวันมองผู้ชายด้วยกันหรอก...รอบตัวของคิมคิบอมมีแต่ผู้หญิงรายล้อม แล้วเรื่องอะไรจะหันมามองผู้ชายอย่างเด็กคนนั้น รวมถึงผมด้วย
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมก็ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา กลัว...ว่าเขาจะจับอะไรบางอย่างจากสายตาผมได้ ว่าผมก็รักเขาแบบที่เด็กคนนั้นรัก...
.
.....
.........
.............
"ทงเฮ ลูกเรียนจบแล้ว พ่ออยากให้ลูกเข้ามาช่วยงานบริษัทสักที" เสียงของผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นในระหว่างทานอาหารมื้อเย็นกันพร้อมหน้า พ่อแม่ลูก ซึ่งประธานอีก็เห็นว่าทายาทเพียงคนเดียวคงพร้อมแล้วที่จะเริ่มช่วยเหลือกิจการของครอบครัวอย่างจริงจัง
"ครับคุณพ่อ แต่ผมยังรู้อะไรไม่เยอะเลย ให้ผมเรียนรู้งานก่อนได้ไหมครับ"
"ถึงยังไม่ต้องเรียนรู้งาน ลูกของพ่อก็สามารถช่วยงานบริษัทเราได้" คำตอบของคนเป็นพ่อ ทำให้ลูกชายเกิดความสงสัยถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนเป็นพ่อว่าต้องการบอกอะไรกันแน่ ตาคู่ใสหันไปมองคุณนายอีอย่างขอความเห็น
"ลูกจะว่าอะไรไหมจ๊ะ ถ้าพ่อกับแม่จะให้ลูกแต่งงานกับชเวซีวอน ลูกชายเจ้าของบริษัท Choi Bakery น่ะ"
เคร้ง!! เสียงช้อนหล่นลงกระทบจานทันทีที่คุณนายอีพูดจบ ...แต่งงาน
"อะ!! อะไรนะครับ ตะ..แต่ พี่ซีวอน เป็นผู้.."
"นั่นไม่ใช่ปัญหาถ้าลูกยินยอมนะ เพราะทางนู้นเขาก็อยากได้ลูกไปเป็นสะใภ้เหมือนกัน" คนเป็นแม่รีบแย้งขึ้นมาก่อนที่ร่างบางจะพูดจบ
"แต่.."
"เถอะนะทงเฮ พ่อยอมรับว่านี่คือการแต่งงานเชิงธุรกิจ ไม่ใช่ว่าเราเดือดร้อนอะไรนักหรอก แต่ Choi Bakery สามารถทำให้ศูนย์การค้าของเราครองความเป็นอันดับหนึ่งไว้ได้ เพราะ Choi Bakery จะผูกขาดเฉพาะห้างของเราทุกสาขาเท่านั้น แต่ถึงพ่อจะพูดอย่างนั้น...เพราะคนๆนั้นคือชเวซีวอน พ่อถึงวางใจ ว่าเขาจะดูแลลูกพ่อได้ และพ่อก็เชื่อว่าเขารักลูก"
จบประโยคอธิบายยาวเหยียดของพ่อทำให้อีทงเฮได้แต่นิ่งเงียบพูดไม่ออก ในสมองกำลังสับสน งง และตกใจ พ่อกับแม่ของเขาต้องการให้เขาแต่งงานกับชเวซีวอน ที่นอกจากจะเป็นทายาทของบริษัทเบเกอรี่ยักษ์ใหญ่แล้วยังเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของเขา ส่วนประเด็นที่ว่าเขาและชเวซีวอนเป็นผู้ชายนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรในเมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างยินยอม และยิ่งกว่านั้น ผมก็พอจะรู้ด้วยว่า
...พี่ซีวอนเขาชอบผม มานานแล้ว
ผม...คิดไม่ออกว่าควรจะทำอย่างไรดี ครอบครัว พ่อกับแม่ที่ให้ผมมาทั้งชีวิต ผมก็สมควรจะทำเพื่อพวกท่านบ้าง
ส่วนเรื่องความรัก ต่อให้ผมไม่แต่งงานกับพี่ซีวอน ผมก็ไม่มีวันสมหวังกับคนที่ผมแอบรักได้อยู่แล้ว พอตัดทอนข้อถูกข้อผิด ผมก็เลือก...ที่จะแต่งงาน
.
...
......
..........
ตั้งแต่ที่ผมและพี่ซีวอนต่างตกลงที่จะทำตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ เราสองคนก็อยู่ในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ซึ่งกันและกัน พี่ซีวอนดูแลผมดีมาก เอาใจผมทุกอย่าง แต่ผม...ก็อดแปลกใจอะไรบางอย่างไม่ได้ เพราะถึงผมจะพอรู้ว่าพี่ซีวอนแอบชอบผม แต่ถึงอย่างนั้นก่อนหน้านี้ผมได้ยินมาว่าพี่ซีวอนเคยคบกับ ‘คิมแทยอน’ น้องสาวของคิมคิบอม
ผม....ไม่สบายใจกับเรื่องนี้
“แทยอนน่ะหรอ พี่เอ็นดูเขาแบบพี่น้องน่ะ ...ทงเฮก็น่าจะรู้ว่าเพราะอะไร” น้ำเสียงจริงจังผิดกับท่าทีขี้เล่นแบบทุกที ส่วนประโยคที่อ้อมค้อมไม่บอกตรงๆนั้น เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายก็น่าจะเข้าใจ
“พี่..ซีวอน” และเมื่อได้โอกาส ชเวซีวอนก็เลือกใช้มันไม่ปล่อยให้หลุดลอยไป
“พี่น่ะ มองนายมาตลอดเลยนะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จัก” ความในใจที่มีถูกสารภาพออกมาให้คนที่อยากให้ฟังมานานได้รับรู้
และในวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ผมและพี่ซีวอนจะออกงานสังคมด้วยกัน ในวันเกิดของคุณพ่อผม มีบางอย่างที่ทำให้ผมกังวลเกี่ยวกับวันนี้ ในเมื่อสถานที่จัดงานมันคือ โรงแรมของคิมกรุ๊ป ผมไม่ได้เจอคิบอมมานานหลายเดือนหลังจากที่เรียนจบ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงเฝ้าคอยติดตามข่าวของเขาตามสื่อสังคมต่างๆ ได้รู้ว่าเขาได้รับช่วงต่อจากครอบครัวมาดำรงตำแหน่งระดับสูงในบริษัท และวันนี้ผมอาจจะได้เจอคิมคิบอม
ในใจของอีทงเฮแอบหวังว่าจะได้เจอ แต่ก็กังวลอย่างบอกไม่ถูก นั่นอาจจะเป็นเพราะวันนี้เขาและชเวซีวอนจะเคียงคู่กันในงานวันนี้ คิมคิบอมจะรู้สึกอย่างไร เมื่อคนที่น้องสาวเขาชอบเป็นคู่หมั้นของอีทงเฮ ...แล้วคิมคิบอม ยังจำอีทงเฮได้หรือเปล่า...
“นั่นไง พูดถึงก็มาพอดีเลย ลูกชายตัวดีของผม” แล้วการเผชิญหน้าก็เกิดขึ้น ผมตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก เพียงแค่ชั่วครู่ที่บังเอิญสบตากับคิมคิบอม เขามองผมด้วยแววตาไม่พอใจและเย็นชา เท่านี้ผมก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าสาเหตุที่จะทำให้เขาไม่พอใจผมได้ก็คงเป็นเรื่องที่ผมหมั้นกับพี่ซีวอนที่น้องสาวเขารักเท่านั้น
...มันเจ็บปวดและหวาดกลัว กลัวว่าเขาจะเกลียดผม
และยิ่งเมื่อคุณพ่อคุณแม่พูดถึงเรื่องจะจัดงานแต่งงานที่โรงแรมของคิบอมอีกนั้น มันยิ่งทำให้ผมไม่กล้ามองหน้าเขาเข้าไปใหญ่ ผมในความรู้สึกของเขา คงเป็นผู้ชายหน้าไหนก็ไม่รู้ที่มาแย่งคนที่น้องสาวเขารักไปไม่พอ ยังกล้ามาจัดงานแต่งที่โรงแรมของตระกูลคิมอีกต่างหาก
และมันช่างคาดไม่ถึงเอาเสียเลย ว่าเขาคนนั้นจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาคุยกับผม
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“นะ..นาย สบายดีใช่ไหม”
“จะแต่งงานหรอ” แค่คำถามสั้นๆของเขา ผมถึงกับรู้สึกราวกับหายใจไม่ออก ดูท่าทางของเขาไม่พอใจเอามากๆ ผมควรจะทำอย่างไรดี ควรจะอธิบายให้เขาฟังไหมว่าจริงๆแล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้
“คือ...”
แล้วผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เมื่อวิทยากรประกาศเริ่มงาน ผมตอกย้ำการหมั้นกับพี่ซีวอนอีกครั้งบนเวทีต่อหน้าเขา ทำไมผมถึงเจ็บปวดแบบนี้ คิมคิบอมต้องไม่พอใจผมเอามากๆเป็นแน่
แล้วที่ผมคิดไว้มันก็ไม่ได้ผิดอะไรจากความเป็นจริง เมื่อคิมคิบอมแสดงออกว่าไม่พอใจและโกรธผมด้วยการฉุดผมไปที่คอนโดของเขา
แล้วคืนวันนั้น ผมก็เป็นของคิมคิบอม...
ผมคิดว่าผมกำลังจะเป็นบ้า เมื่อตอนที่ถูกอีกฝ่ายกอด แม้ร่างกายและสมองพยายามที่จะต่อต้าน ผลักไส แต่เบื้องลึกในใจกลับเรียกร้องคิมคิบอม
ในตอนแรกมีแต่ความไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้กับผม ทำไมถึงขืนใจกันได้ลงคอ แต่เมื่อคิดดูแล้ว ผมก็หนีความจริงของเหตุผลที่คิมคิบอมทำแบบนี้กับผมไม่ได้ ว่าเขาไม่ได้กอดผม ครอบครองผมเพราะความรัก แต่ตรงข้ามมันคือความโกรธเกลียดไม่พอใจ
พอคิดได้แบบนี้มันก็เจ็บเหลือเกิน...
"แล้วแบบนี้ นายยังจะแต่งงานกับชเวซีวอนได้อีกไหม" เขาทำเพื่อกันผมให้ออกจากพี่ซีวอน ทำให้ผมกลับไปหาพี่ซีวอนไม่ได้
"นายทำแบบนี้ เพราะโกรธเรื่องพี่ซีวอนใช่ไหม?" ผมกลั้นใจถามออกไปทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่านอกจากเหตุผลนี้แล้วไม่มีเหตุผลอื่นเด็ดขาดที่คิมคิบอมจะมาแตะต้องเอาเปรียบเขาแบบนี้
ความรู้สึกร้อนจากริมฝีปากของร่างสูงที่ประทับลงมาที่ไหล่ทำให้หวั่นไหว แต่สุดท้ายก็แทบขาดใจเมื่อได้ฟังคำตอบที่ชัดเจน
"ใช่" แค่นี้น้ำตาก็ไหลออกมา โกรธตัวเองที่ยังอุตส่าห์แอบหวังว่าคำตอบจะเป็นอย่างอื่น
ร่างบางสะอื้นไห้เบาๆอย่างข่มอารมณ์แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ทางอยู่ด้านหลังก็คงรู้สึกได้ เรียวแขนแกร่งโอบกอดและดึงร่างบางเข้ามาชิดใกล้มากขึ้น จนหลังแนบกับอกแกร่ง
...แม้อ้อมกอดที่กำลังกอดผมอยู่จะทำให้รู้สึกเจ็บปวด แต่ผมก็ยินดีที่อย่างน้อยเขาก็กอดผมไว้ ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย....
"นายไม่มีวันได้ลงเอยกับชเวซีวอนเด็ดขาด" ปิดท้ายด้วยความพูดหนักแน่น ออกคำสั่ง ขัดกับท่าทีที่โอบกอดไว้
มันชัดเจนทุกประการว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อน้องสาวของเขา
แต่ถึงยังไงตอนนี้ผมก็ยังรัก...คิมคิบอม
.
...
......
..........
เมื่อเห็นว่าคู่หมั้นหายไปเข้าห้องน้ำนานเกินไป ชเวซีวอนก็เริ่มเป็นห่วงยิ่งเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก่อนปลีกตัวไปไม่ค่อยดีนัก พอโทรหาก็ไม่รับสาย ร่างสูงจึงออกเดินตามหาทงเฮ ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ ในงานและรอบๆงาน ไม่ปรากฏเห็นอีทงเฮอยู่เลย จากที่แค่เป็นห่วง ก็เริ่มกังวลหนักขึ้น
หลังจากที่ประธานอีและคุณนายอีทราบว่าทงเฮหายไปต่างก็กระวนกระวายไม่ต่างกัน บอดี้การ์ด รวมถึงเจ้าหน้าที่ในโรงแรมต่างช่วยกันตามหาร่างบาง ส่วนชเวซีวอนที่นึกได้ว่าคิมคิบอมน่าจะช่วยอะไรได้เยอะ จึงพยายามตามหาคิมคิบอม เมื่อไม่เห็นในงานก็เข้าใจว่าน่าจะอยู่ที่ห้องทำงาน
ขายาวก้าวเร็วขึ้นลิฟ แล้วกดชั้นที่สูงที่สุดในโรงแรมแห่งนี้ เขาพอรู้มาจากคิมแทยอนบ้าง ว่าห้องทำงานของบรรดาผู้บริหารจะอยู่ชั้นบนสุด ในใจหวังว่าคิมคิบอมจะช่วยอำนวยความสะดวกตามหาทงเฮได้
ประตูลิฟเปิดออกเมื่อมาถึงชั้นสูงสุดของสถานที่นี้ ขายาวรีบก้าวเร็วออกมา เค้าเตอร์ที่อยู่ด้านหน้าห้องใหญ่ที่มีป้ายบ่งบอกว่าเป็นห้องของคิมคิบอม มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งคงจะเป็นเลขานั่งอยู่
“ผมขอพบคุณคิมคิบอม”
ชายหนุ่มรีบบอกความประสงค์แต่ก็ไม่คิดจะรอฟังคำตอบรับหรืออนุญาต ผลักประตูเข้าไปอย่างรีบร้อน
“เดี๋ยวค่ะคุณ!!!”
แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อห้องทำงานนี้ว่างเปล่าไร้เงาของคิมคิบอม ชเวซีวอนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“คุณคิบอมไม่อยู่ค่ะ” เสียงเลขาคนเมื่อครู่เข้ามาบอก ซีวอนพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงว่ารับรู้ ก่อนจะหันหลังเพื่อเดินกลับออกไป แต่ในขณะที่หมุนตัวนั้น สายตาพลันเหลือบไปเห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานของคิมคิบอม หน้าจอที่แสดงผลเป็นภาพพักหน้าจอ
.....เป็นภาพของอีทงเฮและอีซองมินตอนเรียนมหาวิทยาลัย
ยังไม่ทันที่ชเวซีวอนจะได้คิดอะไร โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมารับด้วยท่าทางที่ยังอึ้งไม่หาย
“ซีวอนจ๊ะ เมื่อกี้ทงเฮติดต่อลุงกับป้ามาแล้วว่าขอไปนอนบ้านเพื่อน พอดีเพื่อนเขามีปัญหาไม่สบายใจ ซีวอนก็ไม่ต้องกังวลแล้วนะลูก”
...ไม่รู้ว่าที่ซีวอนกำลังกังวลตอนนี้ คือเรื่องอะไรกันแน่
ทำไมภาพพักหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคิมคิบอมถึงเป็นรูปอีทงเฮและอีซองมิน หากไม่มีความพิเศษก็คงไม่มีความจำเป็นต้องใช้รูปนี้ ตอนนี้ชเวซีวอนคิดได้แค่ว่า คิมคิบอมมีความรู้สึกพิเศษต่อหนึ่งในสองคนนี้
...ขอให้เป็นอีซองมินด้วยเถิดที่คิมคิบอมหมายปอง
TBC
.(again)
ความคิดเห็น