ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] Misunderstand ::KiHae::

    ลำดับตอนที่ #1 : EP.1 ---ผมชื่อ ‘คิมคิบอม’---

    • อัปเดตล่าสุด 7 ส.ค. 54


     

    Title :: [SF] Misunderstand

    Paring :: Kibum x Donghae

    Rate :: PG -13

    Writer :: HwaRyeo

     

    สวัสดีค่ะ...ไรเตอร์ชื่อปุ๋ยนะคะ เป็นไรเตอร์ไร้นามในดินแดนคิเฮ แต่มีใจรักในคิมคิบอม และชอบที่จะได้เห็นคิบอมยืนเคียงข้างทงเฮค่ะ นี่คือฟิคคิเฮเรื่องแรกในชีวิต จริงๆเรื่องนี้มี 2 เวอร์ชั่นนะคะ เวอร์ชั่นโฮฮยอน(มินโฮ x จงฮยอน)จะลงในบอร์ดโฮฮยอน แต่ในเด็กดีจะลงคิเฮค่ะ สัญญาว่าเรื่องนี้จะไม่เกิน 5 ตอน (ทั้งๆที่ตั้งใจแค่ 3 ตอน)

     

    ยังไงก็ช่วยรัก Misunderstand กันด้วยนะคะ

    ---ผมชื่อคิมคิบอม’---

     

    ****************************

     

    “พี่คิบอม ที่พี่ซีวอนทิ้งน้อง เป็นเพราะอีทงเฮ”

     

     

    เหมือนว่าทุกอย่างจะเริ่มต้นที่ตรงนี้  คิมแทยอนน้องสาวของผมกำลังร่ำไห้อย่างน่าสงสารต่อหน้าผม ชื่อของคนสองคนที่เป็นต้นเหตุถูกเอ่ยออกมา มือของผมกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว

     

    ชเวซีวอน ผู้ชายที่น้องสาวของเขาแอบรักมานาน และเป็นรุ่นพี่ของเขาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนๆนี้สักเท่าไหร่ รู้แค่ว่าเป็นเจ้าของธุรกิจมือถือยักษ์ใหญ่ และเมื่อไม่นานมานี้ น้องสาวของเขาได้ไปสารภาพรักกับชเวซีวอน จากนั้นก็เห็นว่าอีกฝ่ายควงน้องสาวเขาไปไหนมาไหนอยู่พักหนึ่ง และก็ห่างหายไป...

     

                    เขาต้องดูแลกิจการโรงแรมที่รับช่วงต่อจากครอบครัวทำให้ไม่มีเวลาสนใจอะไรมากนัก คิดว่าเป็นเรื่องของหนุ่มสาวทั่วไป หากแต่นี่...มันไม่ใช่แค่นั้น มันไม่ใช่เรื่องของคนสองคน เพราะ...มีอีทงเฮ เข้ามาเกี่ยวข้อง

                   

    อีทงเฮ เพื่อนร่วมคลาส สมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเขา และตอนนี้ก็เป็นทายาทของเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ไม่อยากจะเชื่อว่าอีทงเฮกับชเวซีวอนจะคบกัน...

     

                    ใบหน้าคมละออกจากบานหน้าต่างใบใสในห้องทำงานส่วนตัว ก่อนหันกลับมายังโต๊ะทำงานแล้วจับจ้องไปที่การ์ดเชิญร่วมงานปาร์ตี้ฉลองวันเกิดของ อีทงกัน ประธานกรรมการบริหารผู้จัดการห้างสรรพสินค้า Kmall หรือพ่ออีทงเฮนั่นเอง

    เขาได้รับเชิญร่วมงานนี้ในฐานะผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจ และเพราะโรงแรมของเขาถูกใช้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงในค่ำคืนนี้  การจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ของพวกนักธุรกิจมักชวนนักธุรกิจการด้านอื่นๆเข้าร่วมด้วย เพื่อเป็นการปูทางสำหรับผลประโยชน์ล่วงหน้า มือหนาเอื้อมไปหยิบการ์ดนั้นขึ้นมาพร้อมยกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ

     

    ...แล้วเจอกัน...อีทงเฮ

     

    .

    ......

    …………

     

                    งานเลี้ยงสังสรรค์ในโรงแรมของคิมกรุ๊ป เป็นไปอย่างราบรื่น ความหรูหราและบริการชั้นเลิศดูจะเป็นที่พึงพอใจของอีทงกันและภรรยา รวมถึงบรรดาแขกเหรื่อต่างๆ  ในฐานะเจ้าของสถานที่คิมคิบอมได้เดินสำรวจความเรียบร้อยต่างๆ สายตาคมสอดส่องไปทั่วงาน แต่คงไม่เพียงแค่สำรวจความเรียบร้อยอย่างเดียวหรอก เพราะดูเหมือนร่างสูงจะกำลังมองหาอะไรบางอย่างด้วย ที่หน้างานตอนนี้มีประธานอี และภรรยายืนต้อนรับแขกอยู่ ร่างสูงจึงเดินเข้าไปทักทาย

     

                    “สวัสดีครับท่านประธานอี สถานที่และบริการเป็นอย่างไรบ้างครับ” เสียงนุ่มทุ้มถามขึ้น เรียกความสนใจของเจ้าของงานให้หันมา

     

                    “อ่า..คุณคิมคิบอม สมบูรณ์แบบและถูกใจผมมากเลยครับ สมแล้วที่เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในเกาหลี” ชายหนุ่มมีอายุที่ใบหน้ามีบางส่วนถ่ายทอดไปยังอีทงเฮยิ้มรับเจ้าของโรงแรมหนุ่มอย่างพอใจ ในขณะที่ผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างประธานอีก็ยิ้มแย้มพอใจเช่นกัน

     

                    “ใช่ค่ะ สวย หรู และอาหารก็อร่อยค่ะ ดิฉันแอบชิมมาแล้ว”

     

                    “ขอบคุณมากครับ หากมีข้อบกพร่องที่ใด กรุณาบอกได้เลยนะครับ” ร่างสูงกล่าวตามมารยาท ซึ่งความจริงงานบริการที่มาจากการดูแลของคิมกรุ๊ปเป็นที่ทราบกันดีว่าไร้ที่ติ

     

                    “ค่ะ แต่ถ้าจะรบกวน คงเป็นเรื่องงานหน้าแล้วกันนะคะ ดิฉันขอจองห้องบอลลูนสุดหรูเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานให้ลูกทงเฮของเราแล้วกันค่ะ คำพูดของคุณนายอีทำให้เจ้าของโรงแรมหนุ่มหล่อชะงักไปชั่วขณะก่อนจะซ่อนความรู้สึกไม่พอใจไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย

     

                    “งั้นหรือครับ” ตอบรับเพียงแค่นั้น แล้วประธานอีก็ดึงความสนใจไปยังผู้มาใหม่

     

                    “นั่นไง พูดถึงก็มาพอดีเลย ลูกชายตัวดีของผม” ร่างสูงมองตามเห็นผู้มาใหม่สองคนกำลังเดินเข้ามา ก็ไม่ได้ผิดจากที่คิด...อีทงเฮกำลังเดินเข้ามาในงานโดยมีชเวซีวอนเคียงข้าง สายตาเย็นส่งไปให้คนตัวบางที่มาใหม่อย่างไม่ได้ตั้งใจเท่าไรนัก และดูท่าอีทงเฮจะตกใจไม่น้อยที่เห็นเขา

     

    ตกใจงั้นหรือ?

     

                    “สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า นี่ครับของขวัญ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ผม สักครู่ก็คงมาถึงครับ” เสียงทักทายสุภาพของชเวซีวอนว่าที่เขยของตระกูลอีเอ่ยขึ้น

     

                    “ขอบใจมากซีวอน อ่าวนี่แหละครับคุณคิบอม อีทงเฮลูกชายผม แล้วนี่อีจินกิ คู่หมั้นของทงเฮ” ประธานอีถือโอกาสแนะนำให้ทายาทวงการธุรกิจรู้จักกัน แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าซีวอนทักทายคิบอมอย่างคนรู้จักกันมาก่อน

     

                    “ไง คิบอม ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

     

                    “อ่าว รู้จักกันมาก่อนแล้วหรอกหรอ”

     

    “ครับ คิบอมเป็นรุ่นน้องที่คณะ แล้วก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับทงเฮด้วย” คำบอกเล่าของซีวอนเรียกรอยยิ้มให้ผู้ใหญ่ทั้งสอง การรู้จักคนกว้างขวางเป็นเรื่องดีของนักธุรกิจ

     

    แต่สำหรับคิมคิบอมนั้น ดีเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ช่วยเสริมความสัมพันธ์ว่าชเวซีวอนเคยเป็นแฟนกับน้องสาวเขา แต่ดูท่าชเวซีวอนคงจะลืมไปแล้วล่ะมั้งว่าเคยเป็นแบบนั้น เพราะนอกจากไม่พูดถึงแล้ว ยังทำท่าทางอย่างกับไม่เคยมีเรื่องแบบนั้น

     

    “โอ้ว จริงหรือนี่ ดีจังเลย” ประธานอีและคุณนายอีหัวเราะอารมณ์ดี แบบนี้เรื่องสถานที่จัดงานแต่งคงสบายขึ้นอีกเยอะ

     

    “นี่ คิบอม โรงแรมนายเจ๋งมากเลย” ชเวซีวอนหันไปพูดกับรุ่นน้องอย่างคนอัธยาศัยดี แต่อีกฝ่ายก็ยังคงตอบรับเรียบๆ

     

    “ครับ”

     

    “ซีวอนชอบใช่ไหมจ๊ะ ดีเลย เพราะป้าตั้งใจจะจัดงานแต่งงานของพวกเธอที่นี่” คำพูดของคุณนายอีทำให้ชเวซีวอนยิ้มดีใจจนตาปิด ในขณะที่อีทงเฮกลับดูท่าทางตกใจ ตาคู่สวยเผลอสบเข้ากับคิมคิบอมอย่างไม่ตั้งใจก่อนจะหลบลงโดยไม่พูดอะไรสักคำ

     

    “ดีเลยครับ คิบอมรบกวนด้วยนะ”

     

    เพราะทั้งสามคนเอาแต่คุยกันจนลืมสังเกตอะไรบางอย่าง...คิมคิบอมเอาแต่มองไปที่อีทงเฮ และอีทงเฮก็เอาแต่หลบตาคิมคิบอม

    .

    ......

    …………

     

     

    เมื่อแขกเหรื่อมาจนเต็มงาน บรรยากาศในงานก็ครึกครื้น ส่วนใหญ่แล้วก็เกาะกลุ่มกันคุยเรื่องธุรกิจ บ้างก็มาเพื่อจุดประสงค์นี้  ต้องการผู้ร่วมลงทุนบ้าง ต้องการสิทธิอะไรบางอย่างบ้าง อีทงเฮที่เบื่อสังคมแบบนี้ได้แต่ทำหน้าเซ็งปลีกตัวออกมาจากชเวซีวอนที่กำลังโดนตัวแทนจากบริษัทต่างๆขอเจรจาเรื่องธุรกิจ พอนึกถึงพ่อแม่ตอนนี้ก็คงกำลังรับแขกอย่างเหน็ดเหนื่อย

     

    เมื่อไม่รู้จะทำอะไรดีร่างบางก็เลยเดินเรื่อยเปื่อยมาที่เคาเตอร์วางอาหาร มือบางหยิบแก้วที่บรรจุน้ำผลไม้มาถือไว้  จิบน้อยๆพลางคิดถึงเพื่อนสนิท ที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ ถ้าซองมินอยู่ทงเฮก็ไม่เหงาแบบนี้ แต่ดูเหมือนว่าอีทงเฮจะเข้าสู่ภวังค์คิดถึงเพื่อนได้ไม่นานเมื่อ

     

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” เสียงนิ่งเรียบที่เอ่ยทักไป  ทำเอาร่างบางสะดุ้งออกมาน้อยๆ ...คิมคิบอม

     

    ท่าทางตกใจไม่แพ้ตอนแรกที่เจอตอนหน้างาน ถึงอย่างนั้นก็ยังอุตส่าห์พยายามทักตอบไป

     

    “นะ..นาย สบายดีใช่ไหม”

     

    “จะแต่งงานหรอ” นอกจากไม่ตอบคำถามแล้ว กลับตั้งคำถามตรงๆไปพร้อมใบหน้าเรียบเฉย ทำเอาร่างบางตอบไม่ถูก ไม่เข้าใจอารมณ์ของอีกฝ่าย

     

    “คือ...”

     

    ...ยังคงเหมือนเดิม อีทงเฮไม่เคยคิดจะคุยกับเขาแม้แต่น้อย ไม่ว่าถามอะไรออกไป นอกจากคำตอบที่สั้นและติดขัด อีกฝ่ายยังเอาแต่หลบหน้า  รังเกียจกันมาก...หรือว่าตอนนี้ยิ่งรู้สึกผิดเรื่องแทยอนกับชเวซีวอน เขารู้ว่าอีทงเฮจะต้องรู้เรื่องการคบกันมาก่อนของน้องสาวเขากับชเวซีวอนแน่นอน คงจะลำบากใจไม่น้อยเมื่อเขาคือพี่ชายของคิมแทยอน แต่ยังไม่ทันมีคำพูดใดๆจากทั้งสองออกมา เสียงประกาศจากวิทยากรบนเวทีก็ดึงความสนใจไป

     

     

    “เอาล่ะครับท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน งานปาร์ตี้นี้จัดขึ้นเพราะเป็นวันเกิดของงท่าประธานอี แล้วเพื่อเป็นการเปิดงานอย่างเป็นทางการ ผมของเชิญท่านประธานอีขึ้นมากล่าวเปิดงานครับ” เสียงปรบมือดังเกรียวกราวต้อนรับเจ้าของงานขึ้นไปบนเวที

     

    “สวัสดีครับ ผมอีทงกัน รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ทุกท่านมาร่วมอวยพรในวันเกิดของผม ขอขอบพระคุณมากครับ และวันนี้ผมขอถือโอกาส ประกาศข่าวดีของตระกูลอีให้ทุกท่านได้รับทราบว่าอีกไม่นานจะมีการแต่งงานของอีทงเฮลูกของผมกับชเวซีวอนทายาทโทรศัพทืมือถือชื่อดังของเกาหลีครับ” จบคำกล่าว บรรดาแขกร่วมงานและสื่อมวลชนต่างฮือฮาออกมา เพราะนี่เท่ากับเป็นการดองธุรกิจระดับต้นๆของประเทศเข้าด้วยกัน

     

    “โอ้โหว นับว่าเป็นข่าวดีมากเลยจริงๆครับ ขอเชิญคุณหนูทงเฮกับคุณชเวซีวอนขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ” วิทยากรประจำงานกล่าวขึ้น ทงเฮก็มีม่าทีประหม่าออกมาให้เห็น ก่อนจะสบตากับอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนเล็กน้อย

     

    “เอ่อ...”

     

    แต่คิมคิบอมกลับละสายตาไปมองบนเวที นิ่งเฉย และเย็นชา

     

    “ไปเถอะ ทงเฮ” เป็นซีวอน ที่เดินเข้ามาหา แล้วจูงมือทงเฮขึ้นไปบนเวที ท่ามกลางเสียงปรบมือ ฮือฮา รวมถึงเสียงรัวชัตเตอร์ของบรรดาสื่อมวลชน ในหน้าหนังสือพิมพ์สังคมไฮโซในวันพรุ่งนี้ต้องมีข่าวประกาศแต่งงานของทั้งคู่อย่างไม่ต้องสงสัย

     

    ตาคู่คมของเจ้าของโรงแรมมองไปบนเวทีด้วยสายตาเรียบเฉย หากแต่มือก็กำแน่นจนเส้นเลือดโป่ง ก่อนจะล้วงเข้าไปหยิบอุปกรณ์สื่อสวยชิ้นหรูขึ้นมากดเบอร์โทรลงไป

     

                    “เอาล่ะ ตั้งแต่ตอนนี้...หาโอกาสแล้วทำให้สำเร็จ” จบคำพูด มือหนาลดลงก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือเข้าที่เดิม

    หากแต่ตาก็ยังคงจับจ้องไปที่ร่างบางบนเวทีตลอดเวลาจนกระทั่ง อีกฝ่ายเดินลงมาจากเวที หลังจากนั้นก็ไม่มีการพูดคุยหรือเผชิญหน้ากันอีกเลยระหว่างเขาและอีทงเฮ

     

     

     

                    “ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับพี่ซีวอน” พอลงมาจากเวที ร่างบางก็ขอตัวเข้าห้องน้ำทันที

     

    “ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”

     

    “ไม่เป็นไรครับ พี่ไปคุยกับเพื่อนพี่เถอะ เดี๋ยวผมมา” บอกปัดก่อนจะยิ้มน้อยๆให้คู่หมั้น

     

    “อืม” ซีวอนยิ้มตอบก่อนจะขยี้หัวของร่างเล็กเบาๆอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินกลับเข้าไปยังกลุ่มเพื่อนของเขา ทงเฮหันกลับไปทางห้องน้ำ เมื่อจัดการกับธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ก็เดินมาล้างมือที่หน้ากระจก  แต่ในขณะที่กำลังเช็ดมือและเตรียมจะออกจากห้องน้ำ อยู่ๆก็มีผู้ชายร่างใหญ่ใส่สูทอย่างดีสองสามคนเข้ามาจับตัวอีทงเฮไว้ เพียงแค่เห็นการแต่งตัวและการกระทำก็พอจะเดาได้ว่าคนพวกนี้ไม่มีอาชีพเป็นบอดี้การ์ดก็ต้องพวกนักฆ่า หรืออะไรสักอย่างที่ไม่ได้หวังดีกับเขา ซ้ำร้ายกว่านั้นในห้องน้ำนอกจากเขาและคนพวกนี้แล้ว ไม่มีคนอื่นอีกเลย

     

                     “อ๊ะ!! อะไรกันเนี่ย พวกแกเป็นใคร ปล่อยนะ!! ร่างบางทั้งตกใจทั้งหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก แม้เรื่องแบบนี้ ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น ทายาทนักธุรกิจระดับต้นๆของประเทศ มักต้องเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเรียกค่าไถ่อะไรต่างๆนาๆ หากแต่เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ในโรงแรมหรูที่ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัย

     

    "ปล่อยนะ!!!" ร่างบางยังไม่ลดความพยายามที่จะดิ้นรนและตะโกนเสียงดังแม้ว่าจะหวาดกลัวมากก็ตาม แต่คนเหล่านั้นก็ไม่มีทางปล่อย นอกจากเอามือปิดปากไม่ให้ส่งเสียงแล้วยังจับแน่นมากกว่าเดิม  ตาคู่หวานส่อแววหวาดกลัวอย่างปิดไม่มิด ก่อนจะมีประกายความหวังเมื่อเห็นการเข้ามาของใครบางคน ร่างบางอาศัยจังหวะสะบัดหน้าออกจากมือที่ปิดปากอยู่เพื่อส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากร่างสูง

     

    “คะ..คิบอม ช่วยด้วย!!! อือ...”

     

    แต่ดูเหมือนความหวังของอีทงเฮ จะไม่มีทางเป็นจริง เมื่อเจ้าของชื่อคิมคิบอมทำเพียงแค่ยืนมองด้วยสายตาเรียบเฉย ร่างบางดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากการจับยึดของคนแปลกหน้าทั้งหลาย เสียงร้องอู้อี้ที่ร้องขอความช่วยเหลือจากคิมคิบอมหยุดลงเมื่อมีผ้ามาปิดปาก  เหลือเพียงสายตาเว้าวอนขอความช่วยเหลือ ก่อนตาคู่นั้นจะปิดลงเพราะฤทธิ์จากสารเคมีบนผ้าที่ปิดอยู่

    .

    ......

    …………

     

    แสงจ้าส่องผ่านเปลือกตาสะกิดให้คนที่เริ่มมีสติตื่นขึ้น เปลือกตาค่อยๆยกขึ้น ก่อนม่านตาจะอ่านสิ่งที่อยู่ข้างหน้าชัดเจน หากแต่เพราะรู้สึกหนักหัวจึงหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะเปิดมาใหม่ พร้อมกับใช้ความคิดประมวลผลถึงที่มาที่ไป แต่ที่แน่ๆฉากที่ได้เห็นข้างหน้าไม่ใช่สถานที่ๆเคยอยู่แน่ๆ เตียงนอนขนาดใหญ่ในห้องๆหนึ่ง แต่ยังไม่ทันที่ทงเฮจะอ่านโจทย์นี้ออก คำตอบก็บอกชัดเจน

     

    "ตื่นแล้วหรอ" เจ้าของเสียงเรียบทุ้มเอ่ยขึ้น  ร่างบางตกใจจนพูดไม่ออก  ความทรงจำล่าสุดคือถูกจับมา ทั้งๆที่คิดว่าเป็นพวกเรียกค่าไถ่ แต่กลับกลายเป็น...

     

     

    'คิมคิบอม'

     

     

    เจ้าของร่างสูงในชุดเมื่อคืนที่ใส่ในงานหากแต่ไม่มีสูทตัวนอกแล้ว เหลือเพียงแค่เสื้อเชิร์ตที่ปลดกระดุมสองสามเม็ดบนไว้เท่านั้น คิมคิบอมยืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่ที่ผนังกระจกใสบานใหญ่ที่เปิดม่านอยู่ ภาพเบื้องหลังคือตึกเรียงรายของเมืองหลวงยามค่ำคืน นี่คงจะพอทำให้เดาได้ว่าที่นี่คือคอนโดชั้นสูงๆที่ใดที่หนึ่งในกรุงโซล

     

    ....เพราะอย่างนี้สินะ เมื่อตอนที่เขาขอความช่วยเหลือถึงเย็นชาใส่...

     

    "นะ..นาย ทำแบบนี้ทำไม จับฉันมาทำไม? คิดจะทำอะไร?" คำถามของร่างบางทำเอาเขายิ้มมุมปากอย่างพอใจ

     

    "นอนอยู่บนเตียงของฉัน ในห้องของฉัน..คิดว่าจะทำอะไรล่ะ" เสียงเรียบทุ้ม หากแต่ความหมายกลับส่อเจตนาอย่างโจ่งแจ้ง แน่นอนว่าต้องทำให้อีกฝ่ายตกใจเป็นอย่างมาก และนั่นก็คือสิ่งที่เขาตั้งใจให้เป็นไป

     

    "นะ..นาย" พูดแค่นั้น ก็มองซ้ายมองขวาก่อนลุกจากเตียง ทำท่าจะวิ่งออกไป แต่คนที่คาดการณ์ไว้แล้วก็ย่อมไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ  แขนแกร่งเกี่ยวเอวบางเอาไว้แล้วโยนลงบนเตียงอย่างไม่รีรอ 

     

    "โอ้ย!!!" ต่อให้เตียงนุ่มขนาดไหน แต่แรงที่โยนก็ทำให้เจ็บไม่ยาก ไม่เพียงแค่นั้น แต่ร่างสูงยังตามไปประกบร่างบางเอาไว้ไม่ให้ไปไหนได้อีก

     

    "อย่านะ!! คิมคิบอม...อย่า!!!" เสียงร้องดังลั่น เริ่มทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ แต่ถึงอย่างนั้นคนอย่างคิมคิบอมก็ไม่ได้ตะคอกรุนแรงอะไรกลับไป ทำเพียงกดเสียงต่ำนิ่งลงไปอีก

     

    "ร้องไปก็เท่านั้น เพราะยังไงฉันก็ไม่ปล่อย" แต่แค่นี้ก็ทำให้อีกฝ่ายพอจะรู้ได้ว่าคนด้านบนกำลังโกรธ เพียงแค่นั้นน้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว คงจะกลัวเขามากสินะ...

     

    แต่เมื่อคิมคิบอมตัดสินใจแล้ว คิดไตร่ตรองมาแล้วอย่างดี ก็ไม่มีทางที่จะถอยกลางคันเด็ดขาด เมื่อตอกย้ำความมั่นใจของตัวเอง ร่างสูงก็ปิดทางหนีของทงเฮโดยอาศัยความได้เปรียบของรูปร่างและแรงกำลังที่มีมากกว่า

     

    “ไม่นะ..ฮึก..อย่า...” แล้วก็ได้แค่นั้นเมื่อริมฝีปากถูกปิดลงด้วยริมฝีปากของอีกคน เหลือเพียงเสียงอื้ออึงในลำคอที่ต่อต้าน อย่างหวาดกลัว มือไม้ที่หวังจะได้ปัดป่ายก็ไร้ประโยชน์เมื่อคิมคิบอมดักทางได้ทั้งหมด สุดท้าย...เสื้อผ้าที่ใส่ก็ถูกถอดออกจนหมดสิ้น

     

    อีทงเฮกำลังจะสูญเสียทุกอย่างให้กับคิมคิบอม...เป็นการสูญเสียด้วยการขืนใจ

     

                และในที่สุดก็จบลง...ด้วยความจริงที่ว่า อีทงเฮเป็นของคิมคิบอมแล้ว

     

     

    "แล้วแบบนี้ นายยังจะแต่งงานกับชเวซีวอนได้อีกไหม" น้ำเสียงเรียบเฉยเช่นเดิมกระซิบที่ข้างหูของคนที่นอนหันหลังให้เขาพร้อมกับสะอื้นไห้

     

    “นายทำแบบนี้ ฮึก...เพราะไม่พอใจฉันเรื่องพี่ซีวอนใช่ไหม?”  ไม่มีคำตอบแต่กลับกลายเป็นคำถามของคนที่น้ำตานองหน้า คงเสียใจและผิดหวังจนทำอะไรไม่ถูก...แต่เขาก็เลือกที่จะกดจูบที่ไหล่ขาวเบาๆ ก่อนจะกลับมากระซิบเบาๆที่ใบหูขาว

     

    "ใช่" 

     

    แต่...ทุกอย่างมันซับซ้อนมากกว่าที่อีทงเฮจะเข้าใจได้ เพราะสิ่งสำคัญและความจริงของคิมคิบอมคือ....

     

     

    ผมรักอีทงเฮ....รักมานานแล้ว

     

     

     

    TBC...

     

     

     

    At Last ::

    ช่วงของ NC จริงๆแล้วมีนะคะ แต่ที่ Cut ออกเพราะไรเตอร์อารมณ์ติ๊ส ไม่อยากลง NC ในบอร์ด (ก็เขินอ่ะ) แต่จริงๆแต่งไว้นะคะ เพราะฉะนั้น หากใครอยากอ่านก็นอกรอบแล้วกันนะ ส่งเมลล์ Request มาที่ xcstasy_pui@hotmail.com แล้วไรเตอร์จะส่งไปให้อ่านเองค่ะ =,.=

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×