คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ช่วยเหลือเยียวยา 1
กิลเลียนนำคอนราดเข้าหมู่บ้าน พบกับซากศพที่นอนเกลื่อนกลาดกระจัดกระจายตามริมทาง ชาวบ้านทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ ผู้ที่เหลือรอดต่างก็มองมาทางพวกเข้าด้วยสีหน้าหวาดระแวง
คอนราดที่ฝีเท้าย่ำผ่านแอ่งเลือด เพียงปรายตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉย สำหรับชาวเทอร์ร่าที่จับชาวควินทาร์จำนวนมากไปเป็นทาส เขาย่อมไร้ซึ่งความเห็นใจ
ทว่าเรื่องราวบุญคุณความแค้นของสองเผ่าพันธุ์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่สามารถปฏิเสธเลยว่า เต็มไปด้วยความไม่ชอบมาพากล
เขาถามกิลเลียนด้วยน้ำเสียงเคลือบแคลง
"เป็นฝีมือท่าน?"
"ข้า?" กิลเลียนชีี้มาทางตน ใบหน้าเจ็บปวดราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรม "จะเป็นข้าไปได้อย่างไร? เป็นข้ารึที่ถือดาบฟาดฟันชาวบ้านน่าสงสารเหล่านี้? ก็เห็นอยู่ว่าข้าเพียงลอบสังเกตุการณ์อยู่รอบนอกหมู่บ้านกับมาร์คัส ซ้ำยังเกือบโดนลูกหลงฆ่าตายไปด้วยซ้ำ จะเป็นข้าไปได้อย่างไรกัน? อีกอย่างก็เป็นข้าไม่ใช่รึที่ส่งท่านสังหารโจรชั่วช้าเหล่านั้น? ในแง่หนึ่งพวกเขาจะต้องขอบคุณข้าด้วยซ้ำ"
"ชาวเทอร์ร่าส่วนใหญ่ความสามารถอื่น ๆ อาจมีไม่มากนัก แต่กลับขึ้นชื่อนักในเรื่องความเจ้าเล่ห์เพทุบายและการเข่นฆ่ากันเอง หากบอกท่านไม่ใช่ผู้ลงมือ ข้าเชื่อ แต่หากบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับท่านเลยแม้แต่น้อย ตีให้ตายข้าไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด" น้ำเสียงของคอนราดเย็นยะเยือก
กิลเลียนยิ้มไม่นำพา "สำคัญด้วยหรือ?"
"ในเมื่อท่านรู้ว่าจุดหมายปลายทางของข้าไม่อาจแก้คำสาปได้ ย่อมต้องรู้วัตถุประสงค์ของข้า เช่นนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่ท่านจะรู้วิธีแก้คำสาปของพวกเรา ข้าเพียงเกรงว่าหากควินทาร์ติดตามรับใช้ท่าน นานวันเข้าจุดจบคงไม่ต่างจากชายหัวล้านที่มีชื่อว่า บรอม คนนั้น"
"ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าต้องการให้ชาวควินทาร์ติดตามรับใช้?" รอยยิ้มของกิลเลียนคลุมเคลือ
"การกระทำของท่านล้วนกำลังบอก อีกอย่างหากมีเครื่องมือที่สามารถควบคุมชะตาชีวิตของชาวควินทาร์ได้ ใครบ้างล่ะที่จะไม่ต้องการให้พวกเราติดตาม เลิกเสแสร้งได้แล้ว"
ต่อให้คอนราดเป็นชาวควินทาร์เอง ก็ยังไม่มั่นใจต่อการล่อลวงของเครื่องมือชิ้นนั้นแม้แต่น้อย
"ติดตามรับใช้? ความภักดี?" กิลเลียนพึมพำ เขาไม่เชื่อคำพูดเหล่านี้ มันเลือนลางห่างไกลจับต้องไม่ได้จนเกินไป เขาไม่เคยต้องการหรือคาดหวังให้ใครมาติดตามหรือกระทั่งจงรักภักดี
สุดท้ายไม่ว่าจะความสัมพันธ์แน่นแฟ้นสักแค่ไหน ก็ยังหนีไม่พ้นพื้นฐานของคำว่าผลประโยชน์อยู่ดีไม่ใช่รึไง? มีหรือที่ผู้อื่นจะยอมติดตามท่านโดยไม่คาดหวังสิ่งใดตอบแทน ในโลกอันกว้างใหญ่แน่นอนย่อมต้องมีตัวประหลาดสักคนสองคนปรากฏขึ้นเป็นธรรมดา ทว่าส่วนใหญ่ก็ต่างต้องการผลตอบแทนไม่ใช่หรืออย่างไร?
กิลเลียนต้องการชาวควินทาร์มาใช้งานย่อมเป็นความจริง แต่จะให้มาเคารพนอบน้อมพินอบพิเทา เช่นนั้นก็เชิญไปที่อื่นเถอะ เขาไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น
ดังนั้นคำว่าติดตามรับใช้ หรือความจงรักภักดี สำหรับกิลเลียนแล้ว จึงไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของเขาแม้แต่น้อย
"เอาเถอะ จะคิดเช่นนั้นก็ตามใจ" กิลเลียนส่ายหัวคร้านจะสาธยายเจ้าหัวขาว เพราะภาพมายาคติเหล่านี้ไม่ใช่รึไงที่ทำให้ราชวงศ์ 'อาร์เฟเรียส' ของเจ้าเกือบต้องล่มสลาย?
คิดหรือว่าแค่รู้วิธีปลดปล่อยคำสาปก็เพียงพอให้กอบกู้ให้ราชวงศ์ของเจ้ากลับคืนมา?
หากเป็นในอดีตหลายพันปีก่อนอาจจะใช่ ทว่าหากในปัจจุบันก็นับว่าเพ้อฝันจนเกินไป ต่อให้ชาวควินทาร์จะแข็งแกร่งมากแค่ไหนแต่หากเทียบกับจำนวนมหาศาลของชาวเทอร์ร่า ก็ยังไม่อาจก่อคลื่นลมได้อยู่มิใช่หรือ? มิฉะนั้นกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังการสังหารชาวควินทาร์จำนวนมาก ก็คงไม่ปล่อยให้พวกหัวเขาเหล่านี้มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว
คอนราดที่เห็นท่าทีเมินเฉยไม่แยแสของกิลเลียน ก็เผยสีหน้าสันสนขึ้นมา หรือเขาจะเดาผิด?
เดินมาทางถึงใจกลางหมู่บ้าน พวกเขาก็พบกับซากศพที่กองเป็นพะเนินและชาวบ้านจำนวนมากที่กำลังถูกจับกุมในท่าทีสิ้นหวัง กิลเลียนมองไปทางคนที่ดูภูมิฐานมากที่สุด
"เจ้าคือหัวหน้าหมู่บ้าน?"
"ม ไม่ใช่... ข้าคือครอว์ฟอร์ด บีสลีย์ นักเวทย์ไม้ที่เดินทางมาทำภารกิจ หัวหน้าหมู่บ้านที่ท่านกำลังพูดถึงถูกสังหารไปแล้ว" กล่าวจบครอว์ฟอร์ดก็ชี้ไปทางยอดของกองภูเขาซากศพ เผยให้เห็นถึงชายวัยกลางคนรูปร่างท้วม นอนแผ่กางแขนขา ดวงตาเบิกโพลง ร่างกายแข็งทื่อไร้ลมหายใจ
ถูกฆ่าแล้ว? กิลเลียนประหลาดใจ เขาพิจารณาใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านผู้นั้น ก็พบว่าอีกฝ่ายเคยเป็นถึงพ่อค้าท่าทางละโมบของหมู่บ้านเดลในความทรงจำของกิลเลียน เบลมอร์ บัดนี้พ่อค้าคนนั้นถึงกับเป็นหัวหน้าหมู่บ้านแล้วหรือ?
3 ปีที่ผ่านมา หลายสิ่งหลายอย่างเหมือนจะเปลี่ยนไปไม่น้อย
ชาวบ้านพวกนี้ที่หลังจากร่วมมือขับไล่ตระกูลเบลมอร์บ้านแตกสาแหรกขาด ถึงกับได้ดิบได้ดีไม่น้อย พ่อค้าคนหนึ่งก็ยังมีวาสนาได้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ส่วนตัวเขาที่ถูกใส่ความว่าเกี่ยวข้องกับมนต์ดำ หากไม่ไปเป็นทาส ก็ต้องระหกระเหินกลายเป็นโจรแล้ว
ช่างดีนัก ดีจริง ๆ
"ภารกิจ?"
"มีดันเจี้ยนปรากฏขึ้นรอบนอกหมู่บ้านเดล พวกเราได้รับภารกิจจากหัวหน้าสมาคมให้มาทำลาย"
"อา เข้าใจแล้ว"
'มีดันเจี้ยนปรากฏขึ้นใกล้กับหมู่บ้านเดล?' กิลเลียนลูบปลายคาง
นับว่าเป็นเรื่องดีและเรื่องร้ายในเวลาเดียวกัน
เรื่องดีคือ ดันเจี้ยนนำทรัพยากรมหาศาลมาให้ เรื่องร้ายก็คือ หากไม่สามารถจัดการหรือควบคุมได้ ดันเจี้ยนจะนำปัญหามาให้อย่างไม่รู้จบ หากปล่อยเอาไว้ไม่ดูแล หมู่บ้านเดลถูกทำลายถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากปล่อยให้ดันเจี้ยนเริ่มขยายตัวหรือเริ่มมีสติปัญญาเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นเกรงว่าแม้แต่พาร์ธีอาก็ยังต้องจ่ายราคาแสนแพงเพื่อจัดการปัญหานี้
การทำลายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด คนที่มีความสามารถหล่อเลี้ยงดันเจี้ยน เกรงว่าจะมีเพียงกิลด์ใหญ่เท่านั้น
กิลเลียนนิ่งเงียบครุ่นคิดชั่งน้ำหนักผลดีผลเสีย
ดันเจี้ยนที่ปรากฏ ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับ 'ป่าเร้นลับ' ที่อยู่ทางเหนือของพาร์ธีอาหรือไม่ การที่พาร์ธีอามีทุกวันนี้ได้ ล้วนแล้วต้องขอบคุณคุณูปการป่าเร้นลับทางนั้นเป็นการเฉพาะ
หากไม่เกี่ยวก็แล้วไป แต่หากเกี่ยวเมื่อไหร่นั่นถือก็ว่ายุ่งแล้ว เนื่องจากกิลเลียนวางแผนจะปักหลักอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้เป็นเวลานาน...
กิลเลียนชำเลืองมองครอว์ฟอร์ดที่กำลังถูกจับมัดมือไขว้หลังท่าทางอเนจอนาถ ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลฉุดกระชากระชากลากถูและรอยฟกช้ำ ก็เข้าใจเรื่องราวได้ทันที
คาดว่าหากเรื่องราวดำเนินไปตามครรลองปกติ ครอว์ฟอร์ด บีสลีย์ ผู้นี้ก็คงหนีไม่พ้นชะตากรรมที่จะต้องถูกจับกลายเป็นทาส ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นนักเวทย์ ต่อให้เป็นนักเวทย์ธาตุไม้ที่ใต้หล้าดูแคลน ทว่าก็ยังคงเป็นผู้ใช้มานาอยู่ดี
ครอว์ฟอร์ด บีสลีย์? กิลเลียนลองค้นความทรงจำ ก็ไม่พบคนชื่อนี้ในนิยาย แสดงว่าไม่ใช่ตัวละครสำคัญ เช่นนั้นก็คงเป็นคนจากนคร พาร์ธีอาร์ อีกฝ่ายนับว่าโชคร้ายไม่น้อยที่ปรากฏตัวขึ้นที่หมู่บ้านขณะกำลังถูกปล้นพอดี
กองโจรอาชาสีชาต นับว่าเป็นกองโจรที่มีความพิถีพิถันและความเป็นระบบ ส่วนใหญ่แล้วหากเลือกได้มักจะไม่ค่อยจับคนไปเป็นทาส เสบียงกรังก็ไม่ค่อยสนใจ เหตุผลย่อมไม่เกี่ยวข้องกับการยึดถือความดีงามหรือคุณธรรมสักนิด ความจริงเป็นเพราะเนื่องจากยากต่อการขนย้ายไม่คล่องตัวต่อการหลบหนีก็เท่านั้น
เกรงว่าการที่เจ้าหมอนี่กำลังเตรียมถูกจับไปขาย ก็คงหนีไม่พ้นหมู่บ้านแห่งนี้ยากจน จนเกินไป...
เจ้าหมอนี้นับว่าซวยซ้ำซวยซ้อนดีแท้
ครอว์ฟอร์ดที่เห็นแววตาเห็นใจของกิลเลียน ก็พลันรู้สึกเลิ่กลักขึ้นมา
เจ้าหมอคงจะไม่ได้จะฆ่าเขาทิ้งตรงนี้ใช่ไหม? บิดาเพิ่งได้รับหน้าที่ออกปฏิบัติภารกิจเป็นครั้งแรกก็ถูกกลุ่มโจรจับมาเสียแล้ว บัดซบ!!
คล้ายว่าจะเดาความคิดครอว์ฟอร์ดออก กิลเลียนพลันเผยรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นมา
ไม่รู้ทำไม ครอว์ฟอร์ดที่ได้เห็นรอยยิ้มกลับรู้สึกขนหัวลุก
"ไม่ต้องห่วงกลุ่มโจรเหล่านั้นถูกน้องชายคนนี้จัดการแล้ว เอาล่ะเจ้าขาวน้อยช่วยปล่อยพวกเขาที"
คอนราดแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำว่าเจ้าขาวน้อย ทำเพียงเดินไปตัดเชือกที่กำลังมัดพวกชาวบ้านอยู่ด้วยท่าทีเรียบเฉย
หากมีโอกาส คอนราดสาบานเลยว่า สักวันหนึ่งจะต้องฆ่าไอเวรนี่ให้จงได้!
ครอว์ฟอร์ดที่กลายเป็นอิสระ ถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนเมื่อกี้จะคิดไปเอง เขาฝืนยิ้มกล่าวกับกิลเลียนอย่างซาบซึ้ง "ขอบคุณท่านมาก"
กิลเลียนโบกมืออย่างใจกว้าง "เห็นพี่ชายตกระกำลำบาก เป็นเรื่องธรรมดาที่วิญญูชนจะช่วยเหลือ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ"
ชาวบ้านที่อยู่ในระแวกนั้นต่างก็มองมาด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง
คอนราดกลอกตา เจ้าหมอนี่ไม่มียางอายเลยรึไง?
"ท่านมาทำภารกิจคนเดียวงั้นหรือ?" กิลเลียนกวาดสายตามองบริเวณโดยรอบ นอกจากครอว์ฟอร์ดก็ไม่พบผู้ใช้มานาอีก คนถูกจับที่เหลือก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา จึงถามสิ่งที่สงสัยในใจออกไป
ตามหลักแล้วภารกิจทำลายดันเจี้ยนเกิดใหม่ระดับ 9 สมควรมีอย่างน้อยปาร์ตี้ละ 6 - 7 คนเป็นอย่างต่ำ และหนึ่งในนั้นก็ต้องมีระดับ 7 เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทว่าเขากลับเห็นครอว์ฟอร์ดเพียงแค่คนเดียว เรื่องนี้นับว่าไม่ถูกต้อง
ตัดความเป็นไปได้ที่จะถูกฆ่าทิ้งไป บรอมเป็นโจร ในเมื่อหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีทรัพย์สินให้ปล้น ย่อมไม่มีทางฆ่าผู้ใช้มานาทิ้งแน่
ครอว์ฟอร์ดเผยใบหน้าหม่นหมอง ผายมือไปทางด้านข้าง เป็นเด็กหนุ่มหน้าอ่อน ท่าทางอ่อนแอบอบบาง
"นี่คือ วิทนีย์ ข้ารับใช้ที่ติดตามข้ามา"
เด็กหนุ่มคนนั้นโค้งศีรษะเล็กน้อยเป็นการแสดงความขอบคุณ "ขอบคุณนายท่านสำหรับความช่วยเหลือ"
"ไม่ใช่เรื่องใหญ่" กิลเลียนโบกมืออย่างใจกว้าง ไม่เก็บมาใส่ใจ
ครอว์ฟอร์ดลังเลเล็กน้อยก่อนอธิบาย "เดิมทีข้าว่าจ้างนักรบ นักธนูและนักบวช พวกเรา 5 คน สมควรมีนัดทำภารกิจภายในวันนี้..."
ไม่ต้องกล่าวจนจบ กิลเลียนก็เข้าใจในทันที
อา... โดนเทงานนี่เอง...
เจ้านี่มันจะซวยไปถึงไหนกัน เขาชักเริ่มรู้สึกผิดแล้วสิ...
อันที่จริงหากเขาเป็นผู้ถูกจ้างก็คงเลือกที่จะไม่มาเหมือนกัน ปาร์ตี้ 4 คน แถมหนึ่งในนั้นก็ยังเป็นนักเวทย์ไม้อีก แล้วยังต้องทำภารกิจทำลายดันเจี้ยน อันตรายย่อมแตกต่างจากภารกิจสำรวจดันเจี้ยนธรรมดา นี่ไม่ต่างจากการเอาชีวิตไปทิ้งชัด ๆ
กิลเลียนมองครอว์ฟอร์ดที่แม้จะกลายเป็นอิสระปลอดภัยจากอันตรายแล้ว แต่กลับมีท่าทางอึมครึมหดหู่ไร้เรี่ยวแรง เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์อีกฝ่ายไม่สู้ดีนัก
เด็กหนุ่มพิจารณาชุดของครอว์ฟอร์ด ซึ่งเป็นเพียงชุดของนักเวทย์ฝึกหัดหรือระดับ โนวิชเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ลองทบทวนคำพูดของอีกฝ่าย
'ได้รับภารกิจจากกิลด์มาสเตอร์ให้มาทำลายดันเจี้ยน? อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่ระดับฝึกหัดเท่านั้น นี่ไม่ถูกต้อง'
หากไม่ปัญญาอ่อนเกินเยียวยา แม้แต่คนธรรมดาก็ยังรู้ว่าภารกิจทำลายดันเจี้ยนต้องใช้นักเวทย์ที่ได้รับการรับรองระดับ 'สามัญ' เป็นขึ้นไป ระดับโนวิชต่อให้ได้รับภารกิจยากสุดสักแค่ไหน อย่างน้อยก็ควรเป็นแค่ภารกิจออกสำรวจหรือออกล่าดันเจี้ยนเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายอยู่ในสถานะจำยอม ครอว์ฟอร์ดคงรับภารกิจมาอย่างไม่เต็มใจ
เขามองดูชุดโนวิชที่แม้จะดูภูมิฐานทว่าก็ยังมีร่องรอยการใช้มาเป็นเวลานานเก่าจนสีซีด คาดว่าการจ้างผู้ใช้มานา 3 คน คงเป็นขีดจำกัดของฐานะทางการเงินอีกฝ่ายแล้ว
ครอว์ฟอร์ดคงรู้ดี แต่คงไม่มีทางเลือก
เจ้านี่ดวงตกชะมัด
ชีวิตเจอแต่ขวากหนามไม่ราบรื่น ทำอะไรก็ติดขัดไปหมด หากกิลเลียเป็นอีกฝ่าย เกรงว่าก็คงรู้สึกท้อแทอับจนหนทางไม่ต่างกัน
กิลเลียนแม้จะเป็นคนเลือดเย็น ทว่าก็อดรู้สึกไม่ได้ที่จะเห็นใจ
วิทนีย์สะกิดครอว์ฟอร์ดพยายามส่งซิกบางอย่าง
ครอว์ฟอร์ดรู้ว่าเด็กหนุ่มจะสื่ออะไร จึงเพียงส่ายหัว เอ่ยกับกิลเลียน "รบท่านมากแล้ว หากมีโอกาส หวังว่าข้าจะสามารถตอบแทนท่านได้"
กิลเลียนยิ้ม "ไม่ต้องคิดมาก"
วิทนีย์มีท่าทางร้อนใจ ทว่าครอว์ฟอร์ดกลับเพียงปฏิเสธอย่างหนักแน่นเท่านั้น
กิลเลียนเองก็รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องการจะสื่ออะไร อีกฝ่ายต้องการให้ครอว์ฟอร์ดขอความช่วยเหลือเพื่อทำภารกิจทำลายดันเจี้ยน ทว่าในเมื่อครอว์ฟอร์ดไม่ได้เอ่ยปากขอร้อง เขาก็คร้านจะเสนอหน้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว นอกเหนือจากนี้กิลเลียนก็ไม่ได้มีเวลาว่างที่จะไปยุ่งเรื่องชาวบ้านมากขนาดนั้น
เพราะกองคาราวานมาถึงแล้ว
คริฟตันมีสีหน้าเรียบเฉย ควบม้ามองสภาพหมู่บ้านที่จมอยู่ในกองเปลวเพลิง เวสลีย์ผู้ช่วยคริฟตันรวมถึงคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลังต่างก็มีสีหน้านิ่งสงบไม่ต่างกัน ก่อนที่สายตาของพวกเขาพลันหยุดไปที่ร่างของเด็กหนุ่มที่ยืนท่ามกลางซากปรักหักพังและกองซากศพ
"ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่?" กิลเลียนเอ่ยปากทักทาย
"ทุกอย่างราบรื่นดี นอกจากพวกที่ต่อสู้เป็นแล้วแล้ว พวกนายช่างคนอื่น ๆ เหล่านั้นรออยู่ที่คาราวานสินค้า หมู่บ้านดูไม่ปลอดภัยนัก ข้าจึงไม่ได้ให้พวกเขาเข้ามา" คริฟตันอธิบาย
กิลเลียนพยักหน้า ไม่สนใจแววตาสงสัยใครรู้ของคริฟตันและพรรคพวกที่จ้องมองมา สำหรับเขาแล้วไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก จู่ ๆ ก็ได้รับคำสั่งจากมาร์คัส ให้มาติดตามเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง หากไม่มีความเคลือบแคลงใด ๆ เลย ก็นับว่าผิดปกติมากเกินไปแล้ว
ไหนจะซากศพพวกของบรอมอีก ศพที่กำลังอุ่น ๆ นอนเรียงราย สภาพแวดล้อมอันปราศร่องรอยการต่อสู้รุนแรง คริฟตันผู้เป็นนักรบผ่านศึกมามากมาย ย่อมสังเกตุเห็นเบาะแสอย่างที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สังเกตุเห็น
คนกว่า 80 คนเหล่านั้น ล้วนถูกสังหารในพริบตา
ต่อให้คริฟตันนำคนฝีมือดีมามากกว่านี้ 5 เท่า ก็ยังไม่มีปัญญาสังหารคนจำนวนมากอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดรวดเร็วขนาดนี้
ดังนั้นนอกจากความสงสัยใคร่รู้ของคริฟตันที่มีต่อกิลเลียน ที่เหลือยังแฝงไปด้วยความระมัดระวังถึงขีดสุด
กิลเลียนพิจารณาอีกฝ่าย คริฟตันที่แขนเสื้อข้างขวาหลวมโพรกลอยไปตามลม เป็นหนึ่งในคนที่เขาเรียกร้องมาจากมาร์คัสเป็นการเฉพาะ จะปักหลักได้ช้าหรือเร็ว ก็ต้องดูว่าชายวัยกลางคนผู้นี้มีความสามารถสักแค่ไหน
เขาอีกคำสั่งอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล "ซากศพ 'โจร' พวกนั้น เพื่อป้องกันโรคระบาด แบ่งคนครึ่งหนึ่งไปจัดการซะ ข้าต้องการให้มันถูกเผาให้เสร็จภายในคืนนี้"
"เข้าใจแล้ว" ชายวัยกลางคนพยักหน้า เข้าใจสิ่งที่กิลเลียนต้องการจะสื่อ อีกฝ่ายไม่ต้องการให้มีใครระแคะระคายถึงความสามารถ รวมถึงป้องกันไม่ให้พวกเขามีโอกาสถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน
หากมีคนรู้ว่ากลุ่มโจรที่มาปล้นหมู่บ้านและคนที่เข้ามาช่วย ไม่ต้องถึงกับเป็นพวกเดียวกัน แค่เกี่ยวข้องกันสักเล็กน้อยก็พอ ก็นำปัญหาไม่รู้จักจบจักสิ้นแล้ว เรื่องปักหลักที่หมู่บ้านนี้ลืมไปได้เลย
เพื่อป้องการไม่ให้เหตุการ 'เรือล่มเมื่อจอดตาบอดเมื่อแก่' กิลเลียนไม่กล้าประมาทอย่างเด็ดขาด
หลังจากนี้ต่างหากจึงจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
คิดถึงเรื่องนี้ในใจก็อดตำหนิบรอมไม่ได้ หน้าที่เล็กน้อยเจ้าหัวล้านนั่นก็ไม่สามารถจัดการให้สำเร็จลุล่วง ไม่แปลกที่มันไม่อาจทำการใหญ่ ถูกมาร์คัสและเขาลอบตลบหลังเสียก่อน
กิลเลียนลูบปลายคาง... ชาวบ้านพวกนี้ที่มีส่วนในการขับไล่ตระกูลเบลมอร์ เขาควรฆ่าทิ้งหรือปล่อยไว้ดี?
ความคิดเห็น