ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านลอร์ดเจ้าเกษตรกร

    ลำดับตอนที่ #3 : กลับบ้าน จบ

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 67


     

    "ก็อย่างที่เห็นเจ้าถูกมาร์คัสขายแล้ว" กิลเลียนเผยรอยยิ้ม มือไพล่หลังมองไปทางชายหนุ่มผู้มีเส้นผมสีขาว

    "ปกติชาวเทอร์ร่าเช่นพวกท่านก็มองพวกเราเป็นแค่อาวุธสังหารใช้แล้วทิ้งอยู่แล้วไม่ใช่หรือ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชาวควินทาร์ถูกปฏิบัติเช่นนี้ และจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย" คอนราดตอบอย่างเฉยเมย ไม่แม้แต่จะเหลือบแลมองกิลเลียนเลยแม้แต่น้อย

    ท่าทีไม่แยแสของอีกฝ่าย แม้กิลเลียนจะมองว่าตัวเองเป็นคนใจแคบ ทว่าก็ยังไม่เก็บเอามาใส่ใจ

    อืม...ท่วงท่าคารมคมคาย แถมยังหน้าตาดี สมแล้วที่เป็นตัวละครหลัก กิลเลียนมองอีกฝ่ายด้วยแววตาอิจฉาริษยา

    เด็กหนุ่มยักไหล่ ก่อนชี้ไปยังหมู่บ้านที่กำลังมีเปลวไฟลุกไหม้ กล่าวอย่างไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา "จะคิดอย่างนั้นตามใจ ในเมื่อเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าต้องการให้เจ้าไปจัดการคนที่มาเผาหมู่บ้าน จัดการให้เหี้ยนอย่าให้เหลือผู้รอดชีวิต จงไปเป็นวีรบุรุษผู้กล้าซะ"

    กล่าวจบก็พบว่าคอนราดกำลังจ้องเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจ

    อีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ปริปากพูดนานจนเด็กหนุ่มพลันกระสับกระส่าย เขารู้สึกร้อนตัวเล็กน้อยกล่าวอย่างเขินอาย "อะไร? โจรฆ่ากันเองแบ่งสมบัติ ที่ไหนเขาก็ทำกัน ทำไมข้าจะทำบ้างไม่ได้ แปลกตรงไหน?"

    "ดูเหมือนว่าท่านจะรู้เรื่องราวไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงกับทราบระดับของข้าด้วย" คอนราดหรี่ตามองกิลเลียน

    กิลเลียนหลบตา "ป ป่าว เจ้าพูดอะไรกัน ข้าไม่รู้เรื่อง เจ้าเป็นควินทาร์ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าชาวควินทาร์แข็งแกร่งเหี้ยมหาญไร้เทียมทานเข่นฆ่าผู้คนราวกับผักปลา ข้าก็คิดว่าเจ้าน่าจะสังหารพวกนั้นได้อย่าง สบาย ๆ เท่านั้นเอง ในเมื่อไม่ได้ก็ลืมมันไปเถอะ"

    "มีแต่เด็ก 3 ขวบเท่านั้นที่เชื่อเรื่องราวเหลวไหลพรรคนั้น ข้าไม่ยักรู้เลยว่าท่านเองก็เป็นเด็ก 3 ขวบด้วย?" สีหน้าคอนราดเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

    "แน่นอนข้าแค่อายุ 12 ปีเท่านั้น น้อยกว่า 3 ขวบตั้ง 4 เท่า แต่ไม่ต้องห่วง จิตของข้าใสซื่อหลอกลวงง่าย ในเมื่อเจ้าทำไม่ได้ พวกเราก็เผ่นหนีกันเถอะ เห้อ..."

    คอนราดไม่สนใจคำพูดไร้สาระของกิลเลียน เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนพรั่งพรูคำพูดออกมายาวเหยียด "มาร์คัสคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นถึงระดับ 5 เดิมทีสามารถใช้จุดนี้ขอตำแหน่งขุนนางที่ 'อาร์กอน' ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสุขสบายไม่ต้องมีห่วงให้พะวงไปทั้งชีวิตเลยก็ยังได้ แต่กลับกลายมาเป็นโจรขี่ม้าในสถานที่กันดารอย่าง 'เทสซาเรีย' นี่คือช่องโหว่แรก

    ผู้ใช้มานา อย่าว่าแต่ระดับ 5 เลย แค่ระดับ 9 ธรรมดา ก็ดวงตาสูงเหนือศีรษะ ไม่เห็นหัวใครแล้ว ยิ่งคนธรรมดาแม้แต่เหลือบตามองก็ยังรังเกียจลูกตาจะสกปรก ทว่าเขากลับสนิทสนมกับท่านที่เป็นมนุษย์ธรรมดามากขนาดนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก ฝืนธรรมชาติเกินไป เหมือนกษัตริย์ที่วางตัวสนิทสนมกับสามัญชน หากไม่รู้ฐานะยังพอว่า แต่พวกท่านกลับคล้ายรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี นี่คือช่องโหว่ที่สอง

    ในอดีตแม้ควินทาร์จะขึ้นชื่อว่าเป็นนักรบโดยกำเนิด ทว่าก็ไม่มีใครไม่รู้ว่าพวกเราใช่ว่าจะไร้เทียมทาน หากไม่เป็นเช่นนี้ พวกเราก็คงไม่ถูกจับกลายเป็นทาสเป็นจำนวนมาก จนปัจจุบันก็ปรากฏชาวควินทาร์ให้เห็นไม่มากนัก ท่านเลือกข้าเป็นชาวควินทาร์ หากไม่โง่เขลาจนเกินเยียวยา ย่อมต้องรู้ดีเกี่ยวกับข้อจำกัดของพวกเราไม่มากก็น้อย ท่านอาจเป็นคนปลิ้นปล้อน แต่ก็ไม่คล้ายคนโง่ ท่านเลือกข้าและยังสั่งการอย่างมั่นใจราวกับทราบความสามารถของข้า ข้อนี้เป็นช่องโหว่ที่สาม

    ไม่เพียงเท่านี้ฟังจากบทสนทนาของพวกท่าน ดูไม่คล้ายว่ามาร์คัสจะเป็นคนบอกเรื่องระดับของข้า อีกทั้งเขายังพยายามเตือนอีกว่าให้เปลี่ยนข้าเป็นคนอื่นแทน ข้อนี้รวมกับช่องโหว่ที่สองและสาม ทำให้ข้าคิดว่าการที่ท่านตระหนักได้ถึงระดับของข้า ไม่เกี่ยวกับโจรขี่ม้าคนนั้น นี่คือช่องโหว่ที่สี่"

    "ท่านช่างเป็นเด็ก 12 ปี ที่เรื่องราวมีแต่ช่องโหว่เสียจริง" คอนราดเผยรอยยิ้มเป็นครั้งแรก ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับแฝงไว้ด้วยจิตสังหารอันน่าขนลุก

    ระยำ

    ว่าแล้วเชียว พวกตัวละครหลักไม่ง่ายเลย

    กิลเลียนแผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผิวปากตอบอย่างเฉไฉ "พี่ชายพูดเรื่องอะไรกัน น้องชายคนนี้ไม่เข้าใจ ใช่แล้วเป็นเพราะท่านเดินทางมาเหนื่อย ๆ แน่ ผิดที่ข้า" เขาถอนหายใจ

    "ทั้งที่ท่านกำลังเหน็ดเหนื่อยแท้ ๆ แต่กลับใช้งานเสียได้ เฮ้อ เป็นน้องชายไม่ดีเอง เอาเถอะ ๆ ลืมมันไปเถอะ พวกเราไปกันดีกว่า แถมตรงนั้นยังมีโจรอีกด้วย น่ากลัวจัง"

    คอนราดแค่นเสียงเย็นชา ขณะกล่าวเพิ่มเติม ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงมาจากทิศทางของหมู่บ้าน ตามด้วยด้วยเสียงของฝีเท้าผู้คนจำนวนมาก

    "โอ้ว นั่นมันเจ้าหนูกิลเลียนนี่นา ไม่ใช่ว่ากำลังทำกับข้าวล้างถ้วยล้างชามอยู่ในค่ายหรอกเรอะ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน? แล้วหัวหน้าล่ะ เขาไปไหนแล้ว เฮ้อ...หมู่บ้านนี้ยากจนชะมัด"

    กิลเลียนที่กำลังเผ่นหนีไปพลันชะงักเท้าทันที "มาร์คัสกลับไปแล้ว ข้าได้รับคำสั่งจากเขาให้มากำจัดท่าน ท่านแม่ทัพรู้ว่าท่านลอบติดต่อกับพวกพาร์เทียร์"

    บรอม ชายวันกลางคนหัวล้านในชุดเกราะหนังรอยยิ้มพลันแข็งค้าง เบื้องหลังที่เต็มไปด้วยกองโจรจำนวนราว 80 ก็พลันหยุดนิ่ง เขาขมวดคิ้วเอ่ยกับกิลเลียน ดวงตาฉายแววเย็นชา

    "เจ้าหนูนี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น"

    แม้จะกล่าวออกมาเช่นนั้น แต่บรอมกลับเอื้อมมือไปกำชับด้ามดาบที่ห้อยไว้ข้างเอวแล้ว

    "ตอนได้ยินน้องชายผู้นี้ก็ไม่เชื่อหูตัวเองเหมือนกัน พี่ชายข้าไม่มีทางเลือก แต่ท่านแม่ทัพเป็นคนโหดเหี้ยม ข้าเองก็ต้องการรักษาชีวิตน้อย ๆ เหมือนกัน" กิลเลียนถอนหายใจ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและไม่เต็มใจ

    "ลำพังเจ้าน่ะหรือ?" บรอมแสยะยิ้มเย้ยหยันอย่างดุร้าย

    เขาติดตามมาร์คัสไม่นาน ทว่าก็รู้จักผู้คนที่อยู่ในอาชาสีชาตเป็นอย่างดี เจ้าเด็กนี่มีความสามารถแค่ไหน มีหรือที่เขาจะไม่รู้? หากไม่ใช่เพราะว่ามาร์คัสดูแลปกป้องมัน เจ้าเด็กไร้ประโยชน์นี่ที่ไม่มีความสามารถนอกเหนือจากทำกับข้าว ป่านนี้คงโดนคนอื่นฟันทิ้งไปนานแล้ว

    เมื่อคิดว่าเจ้านี้แค่อยู่เฉย ๆ ก็ได้รับส่วนแบ่งสินสงคราม บรอมกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง

    ไม่ยุติธรรม

    ไม่รู้เจ้ามาร์คัสเมายาหรือสติหลุดอย่างไรก็ไม่รู้ ถึงได้ส่งเจ้าเด็กนี่มาจัดเขา ในเมื่ออีกฝ่ายรู้เรื่อง บรอมก็คร้านจะเสแสร้งไว้หน้าอีกแล้ว

    กิลเลียนกระแอม ผายมือไปทางคอนราด "น้องชายขอแนะนำท่าน พี่ชายท่านนี้คือลูกน้องที่มาร์คัสส่งมาช่วยข้าจัดการท่าน เอาล่ะเจ้าขาวน้อยจัดการเจ้าหัวล้านนั่นเสีย!"

    ...

    ...

    คอนราดที่ถูกเรียกว่าเจ้าขาวน้อยกลับไม่มีทีท่าว่าจะขยับแม้แต่นิด ทว่าท่วงท่าเฉยเมยสงบนิ่งอันเป็นปกติของเขากลับแทบรักษาไว้ไม่อยู่

    ขาวน้อย?

    เมื่อกี้เจ้าเด็กเวรนี่เพิ่งเรียกเขาว่าเจ้าขาวน้อยใช่ไหม?

    ริมฝีปากของคอนราดกระตุก เขาอยากคิดว่าตัวเองหูฝาดไป มิฉะนั้นเขาคงควบคุมตัวเองไม่อยู่ จนพลั้งมือฆ่าไอเด็กนรกนี่

    เขาพยายามสงบสติอารมณ์ปลอบใจตัวเอง ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นบรอมที่พยามอดกลั้นตัวเองทว่าก็ยังหลุดหัวเราะออกมา ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้ฟังผิดไป

    "ฮ่า ๆ ๆ ๆ ดี! ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าในทันที จะปล่อยให้เจ้าเล่นจำอวดจนพอใจ แล้วค่อย ๆ ฆ่าให้ตาย" บรรดาลูกไล่ที่อยู่ด้านหลังบรอมก็พลันหัวเราะตามกัน

    กิลเลียนหน้าชา รู้สึกอับอายแทบมุดแผ่นดินหนี เห็นท่าไม่ดีจึงหันมากระซิบคอนราด "อะแฮ่มพี่ชาย ข้าเห็นพวกนั้นหัวเราะดูถูกท่าน ก็รู้ขุ่นเคืองอยากทวงความเป็นธรรม น่าเสียที่น้องชายผู้นี้อ่อนด้อยไร้ความสามารถ..." เขาหยุดพูด ลอบสังเกตอีกฝ่ายด้วยหางตา

    อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีโมโหเดือดดาล เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง

    แน่นอนคอนราดที่เป็นถึงผู้ใช้มานาระดับ 5 ย่อมไม่มีทางถูกลูกไม้ชั้นต่ำยั่วยุ เขาเหลือบตามองกิลเลียนอย่างเย็นชา "เจ้าช่วยบอกเหตุได้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าไม่ควรฆ่าเจ้าทิ้ง รอบนี้คิดดี ๆ ก่อนตอบ จำไว้ด้วยว่าเจ้ามีโอกาสแค่ครังเดียว"

    กิลเลียนกลืนน้ำลาย

    เจ้านี้เอาจริงแฮะ

    ในใจของกิลเลียน ตระหนักได้เป็นอย่างดี

    เอาเถอะ... เรื่องมาถึงขนาดนี้ หากเขายังเสแสร้งหูหนวกตาบอดไร้ยางอาย คิดฉวยโอกาสจากอีกฝ่าย หากไม่โง่เขลาจนเกินเยียวยา ก็อวดฉลาดเกินไปแล้ว

    ท่ามกลางเนินเขา กิลเลียนตระหนักได้ว่าตนกำลังถูกกองโจรของบรอมโอบล้อมเข้ามาอย่างระมัดระวังใจเย็น

    แม้อีกฝ่ายแม้จะโง่เขลาที่ถูกมาร์คัสจับได้ว่าลอบติดต่อกับพวกพาร์เทียร์ แม้เมื่อครู่จะแสดงท่าทีประมาทดูแคลนกิลเลียน ทว่าเมื่อใดที่เรื่องราวเกี่ยวข้องกับมาร์คัส บรอมกลับไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย

    แสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีของหัวหน้ากองโจรอาชาแห่งนี้

    คิดจริงหรือว่าใครก็สามารถปกครองโจรจำนวนมากได้เป็นระยะกว่าหลายปี ? ต่อสู้เก่งใช่ว่าจะบังคับบัญชาหรือปกครองทหารเป็น เช่นเดียวกัน ต่อให้เป็นผู้ใช้มานาระดับ 5 ใช่ว่าจะมีความสามารถปกครองกองโจรได้ทุกคน

    อีกฝ่ายกางโล่ค่อย ๆ โอบล้อมเข้ามาจนถึงในระยะ 5 เมตรแล้ว ท่าทีระมัดระวังถึงขีดสุด กิลเลียนรู้ว่าตอนนี้หากไม่ถูกคอนราดฆ่า ก็คงถูกบรอมกลุ้มรุมสังหารสับเป็นเนื้อบดเป็นแน่

    เขามีชีวิตใหม่ได้แค่ 3 ปีเท่านั้น หากยังต้องมาตายอีกก็น่าสมเพชเกินไปแล้ว

    กิลเลียนถอนหายใจ เก็บอุบายชั้นต่ำที่คิดจะมาใช้กับอีกฝ่าย ไม่คิดหยั่งเชิงอีกต่อไป ก่อนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา "'อาร์เฟย์' นครลับที่สาปสูญไม่มีวิธีแก้ไขคำสาปของพวกท่าน ความลับของ 'อาร์เฟรัม' พระราชวังลอยฟ้าแห่งนั้น ท่านควรลืมมันไปเถอะ สิ่งนั้นไม่ใช่อะไรที่ใครจะจัดการได้ ในยุคที่ยังไม่มีคำสาปของชาวควินทาร์ ยุคที่ชาวควินทาร์รุ่งเรืองถึงขีดสุดก็ยังไม่มีปัญญาทำได้ ตอนนี้ก็ยิ่งไม่มีทางทำได้ มิฉะนั้นคงไม่ถูกผนึกมานานขนาดนี้ หากปลดปล่อยมันออกมา คนกลุ่มแรกที่จะพินาศก็คือควินทาร์เช่นท่าน เชื่อข้าเถอะองค์ชาย"

    กล่าวจบ บรอมผู้ใช้มานาระดับ 8 แสยะยิ้มลิงโลด บรรดาโจรคนอื่น ๆ ที่เผยใบหน้าโหดเหี้ยมเตรียมจู่โจมเข้ามาประชิด ทันใดนั้นโดยไม่ทันรู้ตัว พวกเขาก็พลันหัวหลุดลอยออกจากบ่ากันอย่างพร้อมเพรียง

    เงียบเชียบ ไร้ร่องรอย รวดเร็วในในพริบตา

    นี่คือความสามารถของผู้ใช้มานาระดับ 5 ?

    กิลเลียนก้มมองศีรษะของบรอมที่หล่นลงกับพื้นแต่ยังคงมีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ก็อดทอดถอนใจขึ้นมาไม่ได้ ผู้ใช้มานาระดับ 8 เดิมทีควรมีอนาคตยาวไกล กลับมาตายอย่างไร้ค่าไม่เป็นธรรมเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายแทนอีกฝ่ายนัก

    ห่างชั้นเกินไป

    ฟู่ว กิลเลียนมองภาพที่เกิดขึ้น ยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผากระบายลมหายใจอย่างโล่งอก หันไปเห็นคอนราดที่ถูกเปิดเผยวัตถุประสงค์ในการมาพาร์ธีอา หลังได้รับคำตอบที่เต็มไปด้วยคำเตือนแฝงไว้ด้วยความหวังดี แทนที่จะรู้สึกยินดี ทว่าเขากลับมีสีหน้าสับสนลังเล

    อันที่จริงหากกิลเลียนอยู่ในสถานการณ์นั้นเอง ก็คงดีใจไม่ออกเหมือนกัน

    กิลเลียนพอรู้ว่าคอนราดกำลังคิดอะไร อีกฝ่ายกำลังสงสัยว่าเหตุใดเขาถึงรู้เบาะแสจุดมุ่งหมายตัวเองได้ เรื่องนี้แม้แต่คนสนิทในครอบครัวเขาก็ไม่เคยพูด คนที่รู้เรื่องนี้มีเพียงเขาเท่านั้น ทั้งยังทราบด้วยว่าตัวเขาเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ แล้วเหตุใดถึงทราบความลับในพระราชวังที่แม้แต่คนในตระกูลก็ไม่รู้

    กิลเลียนเผยรอยยิ้ม"เช่นนั้น ข้าถือว่าตอบถูก?"

    "เจ้าไม่กลัวถูกข้าสังหาร?"

    เด็กหนุ่มไม่ตอบ ซ้ำยังถามกลับอย่างท้าทาย "หรือเจ้าไม่กล้าสังหารข้า?"

    คอนราดลังเลเล็กน้อยก่อนพยักหน้ายอมรับ

    ความลับที่เด็กหนุ่มคนนี้กล่าวออกมา ไม่ว่าจะเป็น อาร์เฟย์ นครลับที่สาปสูญ อาร์เฟรัม พระราชวังลอยฟ้า รวมถึงความลับถึงสิ่งที่ถูกผนึกในนั้น

    หากรู้แค่อย่างเดียว คอนราดก็ยังอาจคงลังเลไม่สังหารทันที อาจคอยเสาะหาโอกาสจัดการอีกฝ่าย

    แต่ข้อมูลที่อีกฝ่ายเปิดเผยมา กลับมากเกินกว่าที่เขาจะกล้าลงมือ

    ในเมื่ออีกฝ่ายกล้ากล่าวอย่างเปิดเผยมาถึงขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะไม่เตรียมตัวมา สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดไม่ใช่การที่อีกฝ่ายซ่อนพลังเอาไว้ แต่หากเป็นการที่เขาลงมือสังหารไป แล้วข้อมูลถูกเปิดเผยออกมาให้คนภายนอกรับรู้ในทันที

    ผลลัพธ์นั้นคอนราดไม่กล้าจินตนาการเลยแม้แต่น้อย ถึงตอนนั้นสิ่งที่ตามมาย่อมหนีไม่พ้น หายนะ

    ไม่ใช่หายนะของคอนราดผู้นี้ แต่เป็นหายนะของชาวควินทาร์ทั้งเผ่าพันธุ์

    ถึงตอนนั้นควินทาร์อาจถึงคราวดับสูญเข้าจริง ๆ

    เขาไม่มีความกล้าที่จะเสี่ยงมากถึงขนาดนั้น ต่อให้คอนราดเย่อหยิ่งจองหองไม่เห็นหัวใคร ทว่าเขาก็ยังคงไม่มีความกล้าเช่นนี้

    ในเมื่ออีกฝ่ายกล้ากล่าวข้อมูลอ่อนไหวอย่างเปิดเผยมาถึงขนาดนี้ นั่นยังหมายความว่ายังเหลือช่องทางให้เจรจา

    เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้ม "ส่งสัญญาณให้กองคาราวานเข้าหมู่บ้านมาได้แล้ว คุยกันตรงนี้คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก"

    ผ่านมา 3 ปี กลับมายังหมู่บ้านเดลอีกครั้ง บ้านแตกสาแหรกขาดพินาศวอดวาย กิลเลียนก็ยิ่งไม่ใช้กิลเลียนคนเดิมอีกต่อไป....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×