ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Devil loser || CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 114
      9
      1 ก.ย. 62

    8 ปีที่แล้ว

    เพล้ง! เพล้ง!

    "หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ฉันบอกให้หยุดไง!!"

    เพล้ง!

    "ไอ้ชาน!!"

    ชายหนุ่มที่ปัดกวาดข้าวของเครื่องใช้รวมถึงแจกันใบใหญ่ที่มีมูลค่ามหาศาลล้มระเนระนาด ทำให้คนเป็นพ่อถึงกับต้องเบิกตากว้าง เดินมาห้ามด้วยความเกรี้ยวโกรธ ก่อนจะจับไปที่แขนลูกชายที่เหมือนขาดสติให้หันมาประจันหน้า

    "แกทำอะไรของแกห้ะ!!! ไอ้ชาน!"

    พูดตอกใส่ใบหน้าหล่อเหลาอย่างเหลืออด การกระทำแบบนี้มันทำให้คนเป็นพ่อโมโหจนเลือดขึ้นหน้า แต่คนที่ทำไม่ได้สำนึกเท่าที่ควรจะเป็นกลับมองชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยแววตาแข็งกระด้าง

    "ทำไม"

    "ของแค่นี้ขนหน้าแข้งพ่อไม่ล่วงหรอก ทีใช้เงินบำเรอผู้หญิงพ่อยังมีปัญญาจ่ายเลยไม่ใช่หรือไง"


    เพี๊ยะ!!!!

    "แกอย่ามาปากดีนะไอ้ชาน!!!"

    ใบหน้าหล่อหันไปตามแรงตบของผู้เป็นพ่อ ยอมรับว่าแรงตบนั้นมันทำให้เขารู้สึกชาไปชั่วขณะ ชายหนุ่มหัวเราะขึ้นเบาๆก่อนจะหันมาเอ่ยประโยคที่ทำให้คนตรงหน้าต้องปะทะฝ่ามือลงอีกรอบ

    "ต้องบำเรอดีขนาดไหนวะ พ่อถึงได้หลงหัวปักหัวบำขนาดนี้"

    "ไอ้ชาน!!!"

    เพี้ยะ!!

    และก็ไม่ต่างจากที่คิดไว้ ฝ่ามือหนาใส่ลงมาอย่างแรง แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่ใบหน้าหล่อของลูกชายคนเล็กแต่กลายเป็นอีกคนที่วิ่งเข้ามารับฝ่ามือให้แทนน้องชาย

    "พี่คริส.."

    "คุณซอนโฮ!!"

    เสียงเรียกทำให้ชานยอลต้องละความสนใจจากคริสเบนไปมองก่อนจะพบกับหญิงสาวที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิต ที่กล้าเข้ามาแทนที่แม่ของเขาได้ ถ้าไม่มีผู้หญิงคนนั้น พี่ชายเขาก็ไม่ต้องมาโดนอะไรแบบนี้ เรื่องราวแย่ๆก็จะไม่เกิดขึ้น

    "ต่อไปนี้ผมจะดูแลชานยอลเอง เพราะงั้นพ่ออย่าทำน้องเลยครับ"

    คำพูดของคริสทำให้ทุกคนมองอย่างอึ้งๆ ไม่ต่างจากชานยอลที่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพี่ชายอย่างคริสต้องมาปกป้องคนแบบตัวเองด้วย รู้ว่าที่ทำไปเพราะประชดพ่อที่มีเมียใหม่ แต่ไม่ได้ต้องการให้คริสมาช่วยเลยสักนิด

    แต่หลังจากนั้นไม่นานคิดก็คอยช่วยเหลือน้องชายที่ไม่ได้เรื่องอย่างเขาตลอด ถึงแม้จะก่อเรื่องวิวาทที่โรงเรียน เที่ยว กินเหล้า สูบบุหรี่ เสเพล คริสจะคอยตักเตือนและเป็นพี่ชายที่ดีให้เสมอ

    จนวันนึงเขาเริ่มที่จะปรับตัวได้ นึกถึงแม่และก็พี่ชายทำให้เขาการเรียนดีขึ้นจนได้ไปเรียนต่อที่อเมริกา ทุกอย่างล้วนไปได้สวย

    จนวันที่คริสแต่งงาน วันนั้นเขาติดเรียนเลยไม่ได้ไปร่วมงานด้วยจึงต้องโทรไปแสดงความยินดีแทน ตอนแรกที่รู้ว่าเจ้าสาวนั้นเป็นผู้ชายเขาก็แอบอึ้งไปนานอยู่หลายนาที ไม่ใช่ว่าเหยียดเพศ แต่เขาไม่คิดว่าพี่ชายจะมีรสนิยมอะไรแบบนี้มากกว่า

    แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร เขาเคารพการตัดสินใจของคริสเพราะอะไรที่คริสตัดสินใจทำนั้นมันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้องแล้ว



    แต่เขาคิดผิด



    คิดผิดมหันต์ หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ ข่าวที่ขึ้นโชว์บนหน้าจอทีวีทันทำให้ขาทั้งสองข้างแทบทรุด ผ้าสีขาวที่ห่อคลุมร่างพี่ชายมันยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับชานยอล ถ้าตอนนั้น เวลานั้นเขาอยู่ในเหตุการณ์ เขาจะลากคอไอคนทำมาลงโทษให้สาสมกับสิ่งที่มันทำลงไป แต่น่าเสียดายที่วันนั้นเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น...

    แต่การรอคอยของเขามันสิ้นสุดลงเมื่อวาน เมื่อวานที่เขาได้เจอกับใครบางคนที่เป็นต้นเหตุการตายของคริส มันทำให้ในใจเขาเดือดพล่าน อยากจะฆ่ามันให้ตายซะตรงนั้นแต่ก็ทำได้แค่ต้องรอไปก่อนเท่านั้น





    "ไงครับไอ้คุณชาน"


    "กลับมาไม่กี่วันแดกขนาดนี้เลยเหรอ ไปอดอยากมาจากไหน"



    'จงอิน' เอ่ยขึ้นทำให้คนที่กำลังนึกถึงอดีตต้องกลับมาสนใจ ใบหน้าคมมองไปยังเพื่อนผิวแทนที่เข้ามานั่งตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ พร้อมกับมองขวดโซจูที่เผลอเทดื่มจนตอนนี้เหลือเพียงแค่ก้นขวดอย่างไม่รู้ตัว จนต้องวางแก้วในมือลงก่อนที่จงอินจะแซวไปมากกว่านี้


    "กูก็แค่คิดถึงเหล้าที่นี่"


    คำตอบของชานยอลทำให้จงอินต้องพยักหน้ารับรู้แบบส่งๆ มองสภาพชานยอลที่ยังอยู่ดีครบสามสิบสองประการทั้งที่กระดกเหล้าไปเกือบสิบขวดได้


    "แล้วยังไง"


    "จะไม่บอกพ่อจริงเหรอวะ เรื่องที่มึงกลับมา"


    จงอินถาม แต่ชานยอลก็ทำแค่แสยะยิ้มขึ้นเท่านั้น รู้ว่าถึงบอกไปเขาก็คงจะโดนจับให้ไปสืบทอดบริษัทบ้าบอนั่น เขาไม่ต้องการหรอก เหตุผลที่เขาอยากกลับมาก็มีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้น

    "เรื่องที่กูขอให้มึงช่วย"

    "ได้เรื่องยัง"

    ชานยอลพูดเปลี่ยนเรื่องทำให้จงอินต้องถอนหายใจออกมา เรื่องที่ชานยอลไม่ถูกกับพ่อจงอินก็รู้ แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่อยากพูดถึงมันเขาจะทำไงได้ จงอินกวักเรียกลูกน้องก่อนจะรับซองสีน้ำตาลมายื่นให้ชานยอลไป



    "บยอนแบคฮยอน"

    "อายุ22 เรียนอยู่ปีสาม ดร็อปเรียนไปหนึ่งปีเพราะไปแต่งงาน"

    "พ่อแม่เสียตั้งแต่เด็ก ตอนนี้หาเลี้ยงตัวเอง"

    "ล่าสุดเมื่อสองปีก่อน สามีโดนยิงกลางงานแต่ง"

    "ซึ่งคนนั้นก็คือ..."



    "อู๋อี้ฟาน"


    จงอินคอยรายงานตามไปด้วยขณะที่ชานยอลอ่าน ใจจริงจงอินก็พึ่งรู้ว่าเด็กที่เจอเมื่อวานที่สุสานจะเป็นเจ้าสาวของพี่คริส พนันเลยว่าใครรู้ก็ต้องอึ้งกันทั้งนั้นรวมถึงจงอินด้วย ที่ไม่รู้เพราะเขาก็ไปอยู่เมืองนอกมาหลายปีเหมือนกันพึ่งจะกลับมาก่อนหน้าชานยอลแค่สามเดือน ข่าวสารก็ไม่ค่อยจะได้แตะ จะมีก็แต่เรื่องหุ้นการเงินของบริษัทแค่นั้นที่สนใจ


    "แต่มึงอยากได้ประวัติแฟนพี่คริสไปทำไมวะ"


    ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองหน้าจงอินที่มองมาอย่างสงสัย ชานยอลไม่ได้ตอบ หยิบรูปสองสามใบขึ้นมา ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มแตกต่างจากเขาที่ทุกข์ทรมานมาสามปี สามปีมันไม่ใช่ระยะเวลาที่ยาวนาน ถ้าเทียบก็คงจะเป็นแผลที่สดใหม่อยู่


    แต่คนที่มันเป็นต้นเหตุของเรื่องยังกลับมาทำหน้ายิ้มระรื่นอยู่แบบนี้ มันยิ่งทำให้เขายิ่งแค้น เกลียดทุกอย่างที่เป็นแบคฮยอน อยากจะบีบให้แหลกละเอียดให้สาสมกับสิ่งที่อีกคนนั้นได้ทำลงไป


    "กูก็แค่"








    "อยากทำความรู้จัก"


























    กริ๊งงง~

    "ผมไปก่อนนะครับ"

    "จ้าๆ เจอกันพรุ่งนี้นะ"

    "แล้วอย่าลืมกินข้าวด้วยล่ะ ผอมบางหมดแล้วนั่น"

    "ฮะๆๆ ครับ"

    ร่างเล็กหัวเราะน้อยๆก่อนจะก้มหัวลารุ่นพี่ เดินออกจากร้าน มือเล็กขยับเสื้อโค้ทสีดำให้เข้าที่ อากาศข้างนอกเริ่มจะเย็นลงไม่นานหิมะก็คงจะตกลงมา สองมือสอดไว้ในเสื้อ ค่อยๆก้าวเดินไปตามทาง หันไปมองเวลาที่ฉายอยู่บนจอมอนิเตอร์ใจกลางเมือง

    20.45 ยังพอมีเวลาให้เขาได้คลายความหนาวนี้ เพราะอากาศข้างนอกมันทำให้เขาแทบจะเดินต่อไปไม่ไหวต้องหาอะไรมาเติมความอุ่นในร่างกาย คิดได้ดังนั้นแบคฮยอนก็ตรงไปยังร้านกาแฟที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลด้านหน้าทันที

    กริ๊ง~

    "รับอะไรดีคะ"

    "เออ...ผมขออเมริกาโน่หนึ่งทีแล้วกันครับ"

    พนักงานยิ้มพยักหน้ารับออร์เดอร์ มองไปรอบๆร้านที่มีผู้คนอยู่เพียงประปราย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเวลานี้ทำไมถึงมีคนน้อยทั้งๆที่ต้องเข้ามาหาความอบอุ่นกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ

    แต่พอหันไปอีกฟากแบคฮยอนก็หายสงสัยทันที ร้านกาแฟอีกร้านที่ตั้งอยู่ ผู้คนในร้านที่เขาสงสัยว่าหายไปไหนก็รวมอยู่ที่นั่นกันหมด ต่างจากที่นี่มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น อย่างที่เค้าว่ากันล่ะนะคนส่วนมากก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองทั้งนั้น

    ใครจะมาเลือกสิ่งที่ไม่มีประโยชน์กับชีวิตตัวเองกันล่ะ

    "อเมริกาโน่ร้อนๆ ได้แล้วค่ะ"

    ไม่นานพนักงานสาวก็ยื่นแก้วกาแฟมาให้ ทำให้แบคฮยอนต้องสะบัดความคิดออก รับแก้วกาแฟมาพร้อมกับจ่ายเงินไป เดินมานั่งตรงโต๊ะข้างกระจกที่พอจะเห็นวิวด้านนอกในยามค่ำคืนได้ มือเล็กยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบเล็กน้อย รสชาติกาแฟกับความร้อนทำให้ให้ร่างกายแบคฮยอนพอจะดีขึ้นมาบ้าง

    สองมือกอบกุมแก้วเพื่อรับความร้อน ข้อเสียก็คือแบคฮยอนเป็นคนขี้หนาว ถ้าอยู่ด้านนอกในอากาศแบบนี้นานๆมือก็จะเย็นตามไปด้วย จนแอบคิดรำคาญกับข้อเสียข้อนี้ของตัวเอง เพราะทุกครั้งก็ต้องหาถุงมือมาสวมไว้ตลอดถ้าวันไหนลืม วันนั้นก็จะกลายเป็นวันที่เขาต้องทนหนาวตลอดทั้งวัน



    Rrrrrrr

    แบคฮยอนคว้าวัตถุที่สั่นคลอนอยู่ในกระเป๋าเสื้อมาเปิดดู รายชื่อที่แสดงขึ้นบนหน้าจอทำให้ปากเรียวยกยิ้มขึ้นพร้อมกับกดรับอย่างไม่รอช้า

    [แบคฮยอนนา~~]

    "อี้ชิง!"

    [สบายดีไหม]

    เสียงร่าเริงจากปลายสายที่ดังออกมาทำให้แบคฮยอนต้องยิ้มกว้างไปอีก อี้ชิงเป็นเพื่อนสนิทที่เจอกันตอนปีสอง หลังจากวันนั้นเขาก็กลับไปเรียนโดยใช้เงินในบัญชีของพ่อกับแม่ที่เหลือไว้ก่อนพวกท่านเสีย ผู้คนก็ต่างซุบซิบนินทาเรื่องงานแต่งงานที่เจ้าบ่าวเขาถูกยิงกลางงาน ว่าเป็นพ่อหม้ายบ้าง แต่งงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบบ้าง

    "เราสบายดี"

    "แล้วอี้ล่ะ"

    แต่มีคนเดียวที่ไม่ได้ดูถูกหรือว่าเขา ก็คือจางอี้ชิงเด็กแลกเปลี่ยนจากเมืองจีนที่เข้ามาคุยกับเขาก่อน และเริ่มรู้จักกัน แต่พอปีสามอี้ชิงก็ต้องกลับประเทศไป เขาก็ต้องใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่อีกคนก็ยังขยันโทรหาเขาแบบนี้อยู่ประจำ

    [สบายดี เฮ่ นี่เราอยากให้แบคฮยอนมาเที่ยวที่นี่มากเลยนะ เมื่อไหร่จะมาซักที]

    "อี้ก็รู้ว่าเราไม่ได้มีเงินขนาดนั้น"

    ทุกวันนี้เขาก็อาศัยเงินของพ่อแม่ที่ทิ้งไว้ให้ก่อนพวกท่านจะเสียเท่านั้น และก็รายได้เล็กๆน้อยๆที่พอจะเอามาใช้จ่ายค่าที่นอกเหนือค่าเทอม

    [ก็บอกแล้วไงว่าเราจะบินไปรับน่ะ ถ้าแบคจะมาอะนะ]

    "งั้นก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย ลำบากเปล่าๆ"

    [เฮ้ออ แบคฮยอนนี่น้าา ขี้เกรงใจอยู่เรื่อย เดี๋ยวเถอะจะบินไปลักพาตัวมาสักวัน ไม่ยอมนักใช่ไหม]

    แบคฮยอนหัวเราะให้กับคำพูดของอี้ชิงที่ว่าจะมาลักพาตัวเขา เวลาเขาปฏิเสธการชวน อี้ชิงก็มักจะขู่แบบนี้ประจำ แต่แบคฮยอนก็คิดว่ามันเป็นแค่การขู่เล่นๆเท่านั้นไม่ได้จริงจังอะไร

    [แล้วเรื่องนั้น...]

    [แบคโอเคแล้วใช่ไหม]

    แบคฮยอนชะงักไปหลังจากที่ปลายสายถามขึ้น จะว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญก็ว่าได้ที่พ่อของอี้ชิงเป็นเพื่อนของพ่อพี่คริส รู้จักกันเพราะการทำธุรกิจ ก็พอรู้มาบ้างว่าพี่คริสมีบริษัทอยู่ที่ฮ่องกง แต่ตั้งแต่พี่คริสเสีย เขาก็ไม่รู้ข่าวคราวทางบ้านพี่คริสอีกเลย และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้อี้ชิงรู้เกี่ยวกับตัวเขา

    อันที้จริงเขาขอให้คริสจัดงานแบบส่วนตัวเพราะกลัวคริสจะถูกมองในด้านแย่ที่มาแต่งงานกับเขา

    ซึ่งคริสก็ทำตามคำขอ จะไม่มีใครรู้ถ้าวันนั้นคริส...ไม่ได้ถูกโดนยิง แล้วเกิดเป็นข่าวใหญ่

    หน้าเขาถูกเบลอไว้ ฉายแค่ร่างของคริสที่ถูกหามขึ้นรถพยาบาลไปเท่านั้น แล้วทั้งหมดก็เพราะคุณซอนโฮที่กลัวว่าเขาจะมีชีวิตลำบากหลังจากนี้เลยทำให้ข่าวของเขาถูกปล่อยออกไปน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะแบบนั้นเลยมีคนที่รู้และก็ไม่รู้อยู่ด้วย

    [ฮัลโหล แบค ยังอยู่รึเปล่า โอเคไหม]

    "อื้ม เราโอเคแล้ว"

    "เมื่อวานก็พึ่งไปเยี่ยมพี่คริสมาน่ะ"

    [ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ เราไม่อยากให้แบคโทษตัวเองนะรู้ไหม]

    [เพราะเรื่องนี้ แบคไม่ผิดเลย....ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะ ไว้ว่างๆเราจะไปเที่ยวหา]

    [ตอนนี้เราต้องไปเรียนพิเศษแล้วล่ะ บ๊ายบายนะแบคฮยอน]

    "อื้ม ไว้เจอกันนะอี้ชิง..."

    สายถูกตัดไป แบคฮยอนวางโทรศัพท์ไว้กับโต๊ะก่อนจะค่อยๆฟุบหน้าลง

    เขาพยายามแล้ว

    พยายามที่จะไม่โทษตัวเอง

    แต่ก็ทำไม่ได้







    การกระทำทุกอย่างของร่างเล็กล้วนอยู่ในสายตาของใครบางคนที่มองออกมาจากรถ ขับตามมาตั้งแต่ที่อีกคนเดินออกมาจากร้านดอกไม้จนถึงร้านกาแฟ จ้องมองร่างที่ฟุบหน้าลงอยู่นานก่อนจะควักโทรศัพท์ออกมาติดต่อหาใครบางคน



    "ตอนนี้แบคฮยอนยังอยู่ในร้านครับ"

    [ดี จับตาดูไว้อย่าให้คาดสายตา]

    [และไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร ต้องรายงานกูตลอดทุกฝีเก้า]


    [เพราะตั้งแต่วันนี้ บยอนแบคฮยอนคือเป้าหมายสำคัญ...เข้าใจรึยัง]




    "ครับคุณชานยอล"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×