ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 2
8 ปีที่แล้ว
เพล้ง! เพล้ง!
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ฉันบอกให้หยุดไง!!"
เพล้ง!
"ไอ้ชาน!!"
ชายหนุ่มที่ปัดกวาดข้าวของเครื่องใช้รวมถึงแจกันใบใหญ่ที่มีมูลค่ามหาศาลล้มระเนระนาด ทำให้คนเป็นพ่อถึงกับต้องเบิกตากว้าง เดินมาห้ามด้วยความเกรี้ยวโกรธ ก่อนจะจับไปที่แขนลูกชายที่เหมือนขาดสติให้หันมาประจันหน้า
"แกทำอะไรของแกห้ะ!!! ไอ้ชาน!"
พูดตอกใส่ใบหน้าหล่อเหลาอย่างเหลืออด การกระทำแบบนี้มันทำให้คนเป็นพ่อโมโหจนเลือดขึ้นหน้า แต่คนที่ทำไม่ได้สำนึกเท่าที่ควรจะเป็นกลับมองชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยแววตาแข็งกระด้าง
"ทำไม"
"ของแค่นี้ขนหน้าแข้งพ่อไม่ล่วงหรอก ทีใช้เงินบำเรอผู้หญิงพ่อยังมีปัญญาจ่ายเลยไม่ใช่หรือไง"
เพี๊ยะ!!!!
"แกอย่ามาปากดีนะไอ้ชาน!!!"
ใบหน้าหล่อหันไปตามแรงตบของผู้เป็นพ่อ ยอมรับว่าแรงตบนั้นมันทำให้เขารู้สึกชาไปชั่วขณะ ชายหนุ่มหัวเราะขึ้นเบาๆก่อนจะหันมาเอ่ยประโยคที่ทำให้คนตรงหน้าต้องปะทะฝ่ามือลงอีกรอบ
"ต้องบำเรอดีขนาดไหนวะ พ่อถึงได้หลงหัวปักหัวบำขนาดนี้"
"ไอ้ชาน!!!"
เพี้ยะ!!
และก็ไม่ต่างจากที่คิดไว้ ฝ่ามือหนาใส่ลงมาอย่างแรง แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่ใบหน้าหล่อของลูกชายคนเล็กแต่กลายเป็นอีกคนที่วิ่งเข้ามารับฝ่ามือให้แทนน้องชาย
"พี่คริส.."
"คุณซอนโฮ!!"
เสียงเรียกทำให้ชานยอลต้องละความสนใจจากคริสเบนไปมองก่อนจะพบกับหญิงสาวที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิต ที่กล้าเข้ามาแทนที่แม่ของเขาได้ ถ้าไม่มีผู้หญิงคนนั้น พี่ชายเขาก็ไม่ต้องมาโดนอะไรแบบนี้ เรื่องราวแย่ๆก็จะไม่เกิดขึ้น
"ต่อไปนี้ผมจะดูแลชานยอลเอง เพราะงั้นพ่ออย่าทำน้องเลยครับ"
คำพูดของคริสทำให้ทุกคนมองอย่างอึ้งๆ ไม่ต่างจากชานยอลที่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพี่ชายอย่างคริสต้องมาปกป้องคนแบบตัวเองด้วย รู้ว่าที่ทำไปเพราะประชดพ่อที่มีเมียใหม่ แต่ไม่ได้ต้องการให้คริสมาช่วยเลยสักนิด
แต่หลังจากนั้นไม่นานคิดก็คอยช่วยเหลือน้องชายที่ไม่ได้เรื่องอย่างเขาตลอด ถึงแม้จะก่อเรื่องวิวาทที่โรงเรียน เที่ยว กินเหล้า สูบบุหรี่ เสเพล คริสจะคอยตักเตือนและเป็นพี่ชายที่ดีให้เสมอ
จนวันนึงเขาเริ่มที่จะปรับตัวได้ นึกถึงแม่และก็พี่ชายทำให้เขาการเรียนดีขึ้นจนได้ไปเรียนต่อที่อเมริกา ทุกอย่างล้วนไปได้สวย
จนวันที่คริสแต่งงาน วันนั้นเขาติดเรียนเลยไม่ได้ไปร่วมงานด้วยจึงต้องโทรไปแสดงความยินดีแทน ตอนแรกที่รู้ว่าเจ้าสาวนั้นเป็นผู้ชายเขาก็แอบอึ้งไปนานอยู่หลายนาที ไม่ใช่ว่าเหยียดเพศ แต่เขาไม่คิดว่าพี่ชายจะมีรสนิยมอะไรแบบนี้มากกว่า
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร เขาเคารพการตัดสินใจของคริสเพราะอะไรที่คริสตัดสินใจทำนั้นมันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้องแล้ว
แต่เขาคิดผิด
คิดผิดมหันต์ หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ ข่าวที่ขึ้นโชว์บนหน้าจอทีวีทันทำให้ขาทั้งสองข้างแทบทรุด ผ้าสีขาวที่ห่อคลุมร่างพี่ชายมันยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับชานยอล ถ้าตอนนั้น เวลานั้นเขาอยู่ในเหตุการณ์ เขาจะลากคอไอคนทำมาลงโทษให้สาสมกับสิ่งที่มันทำลงไป แต่น่าเสียดายที่วันนั้นเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น...
แต่การรอคอยของเขามันสิ้นสุดลงเมื่อวาน เมื่อวานที่เขาได้เจอกับใครบางคนที่เป็นต้นเหตุการตายของคริส มันทำให้ในใจเขาเดือดพล่าน อยากจะฆ่ามันให้ตายซะตรงนั้นแต่ก็ทำได้แค่ต้องรอไปก่อนเท่านั้น
"ไงครับไอ้คุณชาน"
"กลับมาไม่กี่วันแดกขนาดนี้เลยเหรอ ไปอดอยากมาจากไหน"
'จงอิน' เอ่ยขึ้นทำให้คนที่กำลังนึกถึงอดีตต้องกลับมาสนใจ ใบหน้าคมมองไปยังเพื่อนผิวแทนที่เข้ามานั่งตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ พร้อมกับมองขวดโซจูที่เผลอเทดื่มจนตอนนี้เหลือเพียงแค่ก้นขวดอย่างไม่รู้ตัว จนต้องวางแก้วในมือลงก่อนที่จงอินจะแซวไปมากกว่านี้
"กูก็แค่คิดถึงเหล้าที่นี่"
คำตอบของชานยอลทำให้จงอินต้องพยักหน้ารับรู้แบบส่งๆ มองสภาพชานยอลที่ยังอยู่ดีครบสามสิบสองประการทั้งที่กระดกเหล้าไปเกือบสิบขวดได้
"แล้วยังไง"
"จะไม่บอกพ่อจริงเหรอวะ เรื่องที่มึงกลับมา"
จงอินถาม แต่ชานยอลก็ทำแค่แสยะยิ้มขึ้นเท่านั้น รู้ว่าถึงบอกไปเขาก็คงจะโดนจับให้ไปสืบทอดบริษัทบ้าบอนั่น เขาไม่ต้องการหรอก เหตุผลที่เขาอยากกลับมาก็มีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้น
"เรื่องที่กูขอให้มึงช่วย"
"ได้เรื่องยัง"
ชานยอลพูดเปลี่ยนเรื่องทำให้จงอินต้องถอนหายใจออกมา เรื่องที่ชานยอลไม่ถูกกับพ่อจงอินก็รู้ แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่อยากพูดถึงมันเขาจะทำไงได้ จงอินกวักเรียกลูกน้องก่อนจะรับซองสีน้ำตาลมายื่นให้ชานยอลไป
"บยอนแบคฮยอน"
"อายุ22 เรียนอยู่ปีสาม ดร็อปเรียนไปหนึ่งปีเพราะไปแต่งงาน"
"พ่อแม่เสียตั้งแต่เด็ก ตอนนี้หาเลี้ยงตัวเอง"
"ล่าสุดเมื่อสองปีก่อน สามีโดนยิงกลางงานแต่ง"
"ซึ่งคนนั้นก็คือ..."
"อู๋อี้ฟาน"
จงอินคอยรายงานตามไปด้วยขณะที่ชานยอลอ่าน ใจจริงจงอินก็พึ่งรู้ว่าเด็กที่เจอเมื่อวานที่สุสานจะเป็นเจ้าสาวของพี่คริส พนันเลยว่าใครรู้ก็ต้องอึ้งกันทั้งนั้นรวมถึงจงอินด้วย ที่ไม่รู้เพราะเขาก็ไปอยู่เมืองนอกมาหลายปีเหมือนกันพึ่งจะกลับมาก่อนหน้าชานยอลแค่สามเดือน ข่าวสารก็ไม่ค่อยจะได้แตะ จะมีก็แต่เรื่องหุ้นการเงินของบริษัทแค่นั้นที่สนใจ
"แต่มึงอยากได้ประวัติแฟนพี่คริสไปทำไมวะ"
ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองหน้าจงอินที่มองมาอย่างสงสัย ชานยอลไม่ได้ตอบ หยิบรูปสองสามใบขึ้นมา ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มแตกต่างจากเขาที่ทุกข์ทรมานมาสามปี สามปีมันไม่ใช่ระยะเวลาที่ยาวนาน ถ้าเทียบก็คงจะเป็นแผลที่สดใหม่อยู่
แต่คนที่มันเป็นต้นเหตุของเรื่องยังกลับมาทำหน้ายิ้มระรื่นอยู่แบบนี้ มันยิ่งทำให้เขายิ่งแค้น เกลียดทุกอย่างที่เป็นแบคฮยอน อยากจะบีบให้แหลกละเอียดให้สาสมกับสิ่งที่อีกคนนั้นได้ทำลงไป
"กูก็แค่"
"อยากทำความรู้จัก"
กริ๊งงง~
"ผมไปก่อนนะครับ"
"จ้าๆ เจอกันพรุ่งนี้นะ"
"แล้วอย่าลืมกินข้าวด้วยล่ะ ผอมบางหมดแล้วนั่น"
"ฮะๆๆ ครับ"
ร่างเล็กหัวเราะน้อยๆก่อนจะก้มหัวลารุ่นพี่ เดินออกจากร้าน มือเล็กขยับเสื้อโค้ทสีดำให้เข้าที่ อากาศข้างนอกเริ่มจะเย็นลงไม่นานหิมะก็คงจะตกลงมา สองมือสอดไว้ในเสื้อ ค่อยๆก้าวเดินไปตามทาง หันไปมองเวลาที่ฉายอยู่บนจอมอนิเตอร์ใจกลางเมือง
20.45 ยังพอมีเวลาให้เขาได้คลายความหนาวนี้ เพราะอากาศข้างนอกมันทำให้เขาแทบจะเดินต่อไปไม่ไหวต้องหาอะไรมาเติมความอุ่นในร่างกาย คิดได้ดังนั้นแบคฮยอนก็ตรงไปยังร้านกาแฟที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลด้านหน้าทันที
กริ๊ง~
"รับอะไรดีคะ"
"เออ...ผมขออเมริกาโน่หนึ่งทีแล้วกันครับ"
พนักงานยิ้มพยักหน้ารับออร์เดอร์ มองไปรอบๆร้านที่มีผู้คนอยู่เพียงประปราย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเวลานี้ทำไมถึงมีคนน้อยทั้งๆที่ต้องเข้ามาหาความอบอุ่นกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ
แต่พอหันไปอีกฟากแบคฮยอนก็หายสงสัยทันที ร้านกาแฟอีกร้านที่ตั้งอยู่ ผู้คนในร้านที่เขาสงสัยว่าหายไปไหนก็รวมอยู่ที่นั่นกันหมด ต่างจากที่นี่มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น อย่างที่เค้าว่ากันล่ะนะคนส่วนมากก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองทั้งนั้น
ใครจะมาเลือกสิ่งที่ไม่มีประโยชน์กับชีวิตตัวเองกันล่ะ
"อเมริกาโน่ร้อนๆ ได้แล้วค่ะ"
ไม่นานพนักงานสาวก็ยื่นแก้วกาแฟมาให้ ทำให้แบคฮยอนต้องสะบัดความคิดออก รับแก้วกาแฟมาพร้อมกับจ่ายเงินไป เดินมานั่งตรงโต๊ะข้างกระจกที่พอจะเห็นวิวด้านนอกในยามค่ำคืนได้ มือเล็กยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบเล็กน้อย รสชาติกาแฟกับความร้อนทำให้ให้ร่างกายแบคฮยอนพอจะดีขึ้นมาบ้าง
สองมือกอบกุมแก้วเพื่อรับความร้อน ข้อเสียก็คือแบคฮยอนเป็นคนขี้หนาว ถ้าอยู่ด้านนอกในอากาศแบบนี้นานๆมือก็จะเย็นตามไปด้วย จนแอบคิดรำคาญกับข้อเสียข้อนี้ของตัวเอง เพราะทุกครั้งก็ต้องหาถุงมือมาสวมไว้ตลอดถ้าวันไหนลืม วันนั้นก็จะกลายเป็นวันที่เขาต้องทนหนาวตลอดทั้งวัน
Rrrrrrr
แบคฮยอนคว้าวัตถุที่สั่นคลอนอยู่ในกระเป๋าเสื้อมาเปิดดู รายชื่อที่แสดงขึ้นบนหน้าจอทำให้ปากเรียวยกยิ้มขึ้นพร้อมกับกดรับอย่างไม่รอช้า
[แบคฮยอนนา~~]
"อี้ชิง!"
[สบายดีไหม]
เสียงร่าเริงจากปลายสายที่ดังออกมาทำให้แบคฮยอนต้องยิ้มกว้างไปอีก อี้ชิงเป็นเพื่อนสนิทที่เจอกันตอนปีสอง หลังจากวันนั้นเขาก็กลับไปเรียนโดยใช้เงินในบัญชีของพ่อกับแม่ที่เหลือไว้ก่อนพวกท่านเสีย ผู้คนก็ต่างซุบซิบนินทาเรื่องงานแต่งงานที่เจ้าบ่าวเขาถูกยิงกลางงาน ว่าเป็นพ่อหม้ายบ้าง แต่งงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบบ้าง
"เราสบายดี"
"แล้วอี้ล่ะ"
แต่มีคนเดียวที่ไม่ได้ดูถูกหรือว่าเขา ก็คือจางอี้ชิงเด็กแลกเปลี่ยนจากเมืองจีนที่เข้ามาคุยกับเขาก่อน และเริ่มรู้จักกัน แต่พอปีสามอี้ชิงก็ต้องกลับประเทศไป เขาก็ต้องใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่อีกคนก็ยังขยันโทรหาเขาแบบนี้อยู่ประจำ
[สบายดี เฮ่ นี่เราอยากให้แบคฮยอนมาเที่ยวที่นี่มากเลยนะ เมื่อไหร่จะมาซักที]
"อี้ก็รู้ว่าเราไม่ได้มีเงินขนาดนั้น"
ทุกวันนี้เขาก็อาศัยเงินของพ่อแม่ที่ทิ้งไว้ให้ก่อนพวกท่านจะเสียเท่านั้น และก็รายได้เล็กๆน้อยๆที่พอจะเอามาใช้จ่ายค่าที่นอกเหนือค่าเทอม
[ก็บอกแล้วไงว่าเราจะบินไปรับน่ะ ถ้าแบคจะมาอะนะ]
"งั้นก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย ลำบากเปล่าๆ"
[เฮ้ออ แบคฮยอนนี่น้าา ขี้เกรงใจอยู่เรื่อย เดี๋ยวเถอะจะบินไปลักพาตัวมาสักวัน ไม่ยอมนักใช่ไหม]
แบคฮยอนหัวเราะให้กับคำพูดของอี้ชิงที่ว่าจะมาลักพาตัวเขา เวลาเขาปฏิเสธการชวน อี้ชิงก็มักจะขู่แบบนี้ประจำ แต่แบคฮยอนก็คิดว่ามันเป็นแค่การขู่เล่นๆเท่านั้นไม่ได้จริงจังอะไร
[แล้วเรื่องนั้น...]
[แบคโอเคแล้วใช่ไหม]
แบคฮยอนชะงักไปหลังจากที่ปลายสายถามขึ้น จะว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญก็ว่าได้ที่พ่อของอี้ชิงเป็นเพื่อนของพ่อพี่คริส รู้จักกันเพราะการทำธุรกิจ ก็พอรู้มาบ้างว่าพี่คริสมีบริษัทอยู่ที่ฮ่องกง แต่ตั้งแต่พี่คริสเสีย เขาก็ไม่รู้ข่าวคราวทางบ้านพี่คริสอีกเลย และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้อี้ชิงรู้เกี่ยวกับตัวเขา
อันที้จริงเขาขอให้คริสจัดงานแบบส่วนตัวเพราะกลัวคริสจะถูกมองในด้านแย่ที่มาแต่งงานกับเขา
ซึ่งคริสก็ทำตามคำขอ จะไม่มีใครรู้ถ้าวันนั้นคริส...ไม่ได้ถูกโดนยิง แล้วเกิดเป็นข่าวใหญ่
หน้าเขาถูกเบลอไว้ ฉายแค่ร่างของคริสที่ถูกหามขึ้นรถพยาบาลไปเท่านั้น แล้วทั้งหมดก็เพราะคุณซอนโฮที่กลัวว่าเขาจะมีชีวิตลำบากหลังจากนี้เลยทำให้ข่าวของเขาถูกปล่อยออกไปน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะแบบนั้นเลยมีคนที่รู้และก็ไม่รู้อยู่ด้วย
[ฮัลโหล แบค ยังอยู่รึเปล่า โอเคไหม]
"อื้ม เราโอเคแล้ว"
"เมื่อวานก็พึ่งไปเยี่ยมพี่คริสมาน่ะ"
[ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ เราไม่อยากให้แบคโทษตัวเองนะรู้ไหม]
[เพราะเรื่องนี้ แบคไม่ผิดเลย....ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะ ไว้ว่างๆเราจะไปเที่ยวหา]
[ตอนนี้เราต้องไปเรียนพิเศษแล้วล่ะ บ๊ายบายนะแบคฮยอน]
"อื้ม ไว้เจอกันนะอี้ชิง..."
สายถูกตัดไป แบคฮยอนวางโทรศัพท์ไว้กับโต๊ะก่อนจะค่อยๆฟุบหน้าลง
เขาพยายามแล้ว
พยายามที่จะไม่โทษตัวเอง
แต่ก็ทำไม่ได้
การกระทำทุกอย่างของร่างเล็กล้วนอยู่ในสายตาของใครบางคนที่มองออกมาจากรถ ขับตามมาตั้งแต่ที่อีกคนเดินออกมาจากร้านดอกไม้จนถึงร้านกาแฟ จ้องมองร่างที่ฟุบหน้าลงอยู่นานก่อนจะควักโทรศัพท์ออกมาติดต่อหาใครบางคน
"ตอนนี้แบคฮยอนยังอยู่ในร้านครับ"
[ดี จับตาดูไว้อย่าให้คาดสายตา]
[และไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร ต้องรายงานกูตลอดทุกฝีเก้า]
[เพราะตั้งแต่วันนี้ บยอนแบคฮยอนคือเป้าหมายสำคัญ...เข้าใจรึยัง]
"ครับคุณชานยอล"
เพล้ง! เพล้ง!
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ฉันบอกให้หยุดไง!!"
เพล้ง!
"ไอ้ชาน!!"
ชายหนุ่มที่ปัดกวาดข้าวของเครื่องใช้รวมถึงแจกันใบใหญ่ที่มีมูลค่ามหาศาลล้มระเนระนาด ทำให้คนเป็นพ่อถึงกับต้องเบิกตากว้าง เดินมาห้ามด้วยความเกรี้ยวโกรธ ก่อนจะจับไปที่แขนลูกชายที่เหมือนขาดสติให้หันมาประจันหน้า
"แกทำอะไรของแกห้ะ!!! ไอ้ชาน!"
พูดตอกใส่ใบหน้าหล่อเหลาอย่างเหลืออด การกระทำแบบนี้มันทำให้คนเป็นพ่อโมโหจนเลือดขึ้นหน้า แต่คนที่ทำไม่ได้สำนึกเท่าที่ควรจะเป็นกลับมองชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยแววตาแข็งกระด้าง
"ทำไม"
"ของแค่นี้ขนหน้าแข้งพ่อไม่ล่วงหรอก ทีใช้เงินบำเรอผู้หญิงพ่อยังมีปัญญาจ่ายเลยไม่ใช่หรือไง"
เพี๊ยะ!!!!
"แกอย่ามาปากดีนะไอ้ชาน!!!"
ใบหน้าหล่อหันไปตามแรงตบของผู้เป็นพ่อ ยอมรับว่าแรงตบนั้นมันทำให้เขารู้สึกชาไปชั่วขณะ ชายหนุ่มหัวเราะขึ้นเบาๆก่อนจะหันมาเอ่ยประโยคที่ทำให้คนตรงหน้าต้องปะทะฝ่ามือลงอีกรอบ
"ต้องบำเรอดีขนาดไหนวะ พ่อถึงได้หลงหัวปักหัวบำขนาดนี้"
"ไอ้ชาน!!!"
เพี้ยะ!!
และก็ไม่ต่างจากที่คิดไว้ ฝ่ามือหนาใส่ลงมาอย่างแรง แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่ใบหน้าหล่อของลูกชายคนเล็กแต่กลายเป็นอีกคนที่วิ่งเข้ามารับฝ่ามือให้แทนน้องชาย
"พี่คริส.."
"คุณซอนโฮ!!"
เสียงเรียกทำให้ชานยอลต้องละความสนใจจากคริสเบนไปมองก่อนจะพบกับหญิงสาวที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิต ที่กล้าเข้ามาแทนที่แม่ของเขาได้ ถ้าไม่มีผู้หญิงคนนั้น พี่ชายเขาก็ไม่ต้องมาโดนอะไรแบบนี้ เรื่องราวแย่ๆก็จะไม่เกิดขึ้น
"ต่อไปนี้ผมจะดูแลชานยอลเอง เพราะงั้นพ่ออย่าทำน้องเลยครับ"
คำพูดของคริสทำให้ทุกคนมองอย่างอึ้งๆ ไม่ต่างจากชานยอลที่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพี่ชายอย่างคริสต้องมาปกป้องคนแบบตัวเองด้วย รู้ว่าที่ทำไปเพราะประชดพ่อที่มีเมียใหม่ แต่ไม่ได้ต้องการให้คริสมาช่วยเลยสักนิด
แต่หลังจากนั้นไม่นานคิดก็คอยช่วยเหลือน้องชายที่ไม่ได้เรื่องอย่างเขาตลอด ถึงแม้จะก่อเรื่องวิวาทที่โรงเรียน เที่ยว กินเหล้า สูบบุหรี่ เสเพล คริสจะคอยตักเตือนและเป็นพี่ชายที่ดีให้เสมอ
จนวันนึงเขาเริ่มที่จะปรับตัวได้ นึกถึงแม่และก็พี่ชายทำให้เขาการเรียนดีขึ้นจนได้ไปเรียนต่อที่อเมริกา ทุกอย่างล้วนไปได้สวย
จนวันที่คริสแต่งงาน วันนั้นเขาติดเรียนเลยไม่ได้ไปร่วมงานด้วยจึงต้องโทรไปแสดงความยินดีแทน ตอนแรกที่รู้ว่าเจ้าสาวนั้นเป็นผู้ชายเขาก็แอบอึ้งไปนานอยู่หลายนาที ไม่ใช่ว่าเหยียดเพศ แต่เขาไม่คิดว่าพี่ชายจะมีรสนิยมอะไรแบบนี้มากกว่า
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร เขาเคารพการตัดสินใจของคริสเพราะอะไรที่คริสตัดสินใจทำนั้นมันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้องแล้ว
แต่เขาคิดผิด
คิดผิดมหันต์ หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ ข่าวที่ขึ้นโชว์บนหน้าจอทีวีทันทำให้ขาทั้งสองข้างแทบทรุด ผ้าสีขาวที่ห่อคลุมร่างพี่ชายมันยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับชานยอล ถ้าตอนนั้น เวลานั้นเขาอยู่ในเหตุการณ์ เขาจะลากคอไอคนทำมาลงโทษให้สาสมกับสิ่งที่มันทำลงไป แต่น่าเสียดายที่วันนั้นเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น...
แต่การรอคอยของเขามันสิ้นสุดลงเมื่อวาน เมื่อวานที่เขาได้เจอกับใครบางคนที่เป็นต้นเหตุการตายของคริส มันทำให้ในใจเขาเดือดพล่าน อยากจะฆ่ามันให้ตายซะตรงนั้นแต่ก็ทำได้แค่ต้องรอไปก่อนเท่านั้น
"ไงครับไอ้คุณชาน"
"กลับมาไม่กี่วันแดกขนาดนี้เลยเหรอ ไปอดอยากมาจากไหน"
'จงอิน' เอ่ยขึ้นทำให้คนที่กำลังนึกถึงอดีตต้องกลับมาสนใจ ใบหน้าคมมองไปยังเพื่อนผิวแทนที่เข้ามานั่งตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ พร้อมกับมองขวดโซจูที่เผลอเทดื่มจนตอนนี้เหลือเพียงแค่ก้นขวดอย่างไม่รู้ตัว จนต้องวางแก้วในมือลงก่อนที่จงอินจะแซวไปมากกว่านี้
"กูก็แค่คิดถึงเหล้าที่นี่"
คำตอบของชานยอลทำให้จงอินต้องพยักหน้ารับรู้แบบส่งๆ มองสภาพชานยอลที่ยังอยู่ดีครบสามสิบสองประการทั้งที่กระดกเหล้าไปเกือบสิบขวดได้
"แล้วยังไง"
"จะไม่บอกพ่อจริงเหรอวะ เรื่องที่มึงกลับมา"
จงอินถาม แต่ชานยอลก็ทำแค่แสยะยิ้มขึ้นเท่านั้น รู้ว่าถึงบอกไปเขาก็คงจะโดนจับให้ไปสืบทอดบริษัทบ้าบอนั่น เขาไม่ต้องการหรอก เหตุผลที่เขาอยากกลับมาก็มีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้น
"เรื่องที่กูขอให้มึงช่วย"
"ได้เรื่องยัง"
ชานยอลพูดเปลี่ยนเรื่องทำให้จงอินต้องถอนหายใจออกมา เรื่องที่ชานยอลไม่ถูกกับพ่อจงอินก็รู้ แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่อยากพูดถึงมันเขาจะทำไงได้ จงอินกวักเรียกลูกน้องก่อนจะรับซองสีน้ำตาลมายื่นให้ชานยอลไป
"บยอนแบคฮยอน"
"อายุ22 เรียนอยู่ปีสาม ดร็อปเรียนไปหนึ่งปีเพราะไปแต่งงาน"
"พ่อแม่เสียตั้งแต่เด็ก ตอนนี้หาเลี้ยงตัวเอง"
"ล่าสุดเมื่อสองปีก่อน สามีโดนยิงกลางงานแต่ง"
"ซึ่งคนนั้นก็คือ..."
"อู๋อี้ฟาน"
จงอินคอยรายงานตามไปด้วยขณะที่ชานยอลอ่าน ใจจริงจงอินก็พึ่งรู้ว่าเด็กที่เจอเมื่อวานที่สุสานจะเป็นเจ้าสาวของพี่คริส พนันเลยว่าใครรู้ก็ต้องอึ้งกันทั้งนั้นรวมถึงจงอินด้วย ที่ไม่รู้เพราะเขาก็ไปอยู่เมืองนอกมาหลายปีเหมือนกันพึ่งจะกลับมาก่อนหน้าชานยอลแค่สามเดือน ข่าวสารก็ไม่ค่อยจะได้แตะ จะมีก็แต่เรื่องหุ้นการเงินของบริษัทแค่นั้นที่สนใจ
"แต่มึงอยากได้ประวัติแฟนพี่คริสไปทำไมวะ"
ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองหน้าจงอินที่มองมาอย่างสงสัย ชานยอลไม่ได้ตอบ หยิบรูปสองสามใบขึ้นมา ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มแตกต่างจากเขาที่ทุกข์ทรมานมาสามปี สามปีมันไม่ใช่ระยะเวลาที่ยาวนาน ถ้าเทียบก็คงจะเป็นแผลที่สดใหม่อยู่
แต่คนที่มันเป็นต้นเหตุของเรื่องยังกลับมาทำหน้ายิ้มระรื่นอยู่แบบนี้ มันยิ่งทำให้เขายิ่งแค้น เกลียดทุกอย่างที่เป็นแบคฮยอน อยากจะบีบให้แหลกละเอียดให้สาสมกับสิ่งที่อีกคนนั้นได้ทำลงไป
"กูก็แค่"
"อยากทำความรู้จัก"
กริ๊งงง~
"ผมไปก่อนนะครับ"
"จ้าๆ เจอกันพรุ่งนี้นะ"
"แล้วอย่าลืมกินข้าวด้วยล่ะ ผอมบางหมดแล้วนั่น"
"ฮะๆๆ ครับ"
ร่างเล็กหัวเราะน้อยๆก่อนจะก้มหัวลารุ่นพี่ เดินออกจากร้าน มือเล็กขยับเสื้อโค้ทสีดำให้เข้าที่ อากาศข้างนอกเริ่มจะเย็นลงไม่นานหิมะก็คงจะตกลงมา สองมือสอดไว้ในเสื้อ ค่อยๆก้าวเดินไปตามทาง หันไปมองเวลาที่ฉายอยู่บนจอมอนิเตอร์ใจกลางเมือง
20.45 ยังพอมีเวลาให้เขาได้คลายความหนาวนี้ เพราะอากาศข้างนอกมันทำให้เขาแทบจะเดินต่อไปไม่ไหวต้องหาอะไรมาเติมความอุ่นในร่างกาย คิดได้ดังนั้นแบคฮยอนก็ตรงไปยังร้านกาแฟที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลด้านหน้าทันที
กริ๊ง~
"รับอะไรดีคะ"
"เออ...ผมขออเมริกาโน่หนึ่งทีแล้วกันครับ"
พนักงานยิ้มพยักหน้ารับออร์เดอร์ มองไปรอบๆร้านที่มีผู้คนอยู่เพียงประปราย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเวลานี้ทำไมถึงมีคนน้อยทั้งๆที่ต้องเข้ามาหาความอบอุ่นกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ
แต่พอหันไปอีกฟากแบคฮยอนก็หายสงสัยทันที ร้านกาแฟอีกร้านที่ตั้งอยู่ ผู้คนในร้านที่เขาสงสัยว่าหายไปไหนก็รวมอยู่ที่นั่นกันหมด ต่างจากที่นี่มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น อย่างที่เค้าว่ากันล่ะนะคนส่วนมากก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองทั้งนั้น
ใครจะมาเลือกสิ่งที่ไม่มีประโยชน์กับชีวิตตัวเองกันล่ะ
"อเมริกาโน่ร้อนๆ ได้แล้วค่ะ"
ไม่นานพนักงานสาวก็ยื่นแก้วกาแฟมาให้ ทำให้แบคฮยอนต้องสะบัดความคิดออก รับแก้วกาแฟมาพร้อมกับจ่ายเงินไป เดินมานั่งตรงโต๊ะข้างกระจกที่พอจะเห็นวิวด้านนอกในยามค่ำคืนได้ มือเล็กยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบเล็กน้อย รสชาติกาแฟกับความร้อนทำให้ให้ร่างกายแบคฮยอนพอจะดีขึ้นมาบ้าง
สองมือกอบกุมแก้วเพื่อรับความร้อน ข้อเสียก็คือแบคฮยอนเป็นคนขี้หนาว ถ้าอยู่ด้านนอกในอากาศแบบนี้นานๆมือก็จะเย็นตามไปด้วย จนแอบคิดรำคาญกับข้อเสียข้อนี้ของตัวเอง เพราะทุกครั้งก็ต้องหาถุงมือมาสวมไว้ตลอดถ้าวันไหนลืม วันนั้นก็จะกลายเป็นวันที่เขาต้องทนหนาวตลอดทั้งวัน
Rrrrrrr
แบคฮยอนคว้าวัตถุที่สั่นคลอนอยู่ในกระเป๋าเสื้อมาเปิดดู รายชื่อที่แสดงขึ้นบนหน้าจอทำให้ปากเรียวยกยิ้มขึ้นพร้อมกับกดรับอย่างไม่รอช้า
[แบคฮยอนนา~~]
"อี้ชิง!"
[สบายดีไหม]
เสียงร่าเริงจากปลายสายที่ดังออกมาทำให้แบคฮยอนต้องยิ้มกว้างไปอีก อี้ชิงเป็นเพื่อนสนิทที่เจอกันตอนปีสอง หลังจากวันนั้นเขาก็กลับไปเรียนโดยใช้เงินในบัญชีของพ่อกับแม่ที่เหลือไว้ก่อนพวกท่านเสีย ผู้คนก็ต่างซุบซิบนินทาเรื่องงานแต่งงานที่เจ้าบ่าวเขาถูกยิงกลางงาน ว่าเป็นพ่อหม้ายบ้าง แต่งงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบบ้าง
"เราสบายดี"
"แล้วอี้ล่ะ"
แต่มีคนเดียวที่ไม่ได้ดูถูกหรือว่าเขา ก็คือจางอี้ชิงเด็กแลกเปลี่ยนจากเมืองจีนที่เข้ามาคุยกับเขาก่อน และเริ่มรู้จักกัน แต่พอปีสามอี้ชิงก็ต้องกลับประเทศไป เขาก็ต้องใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่อีกคนก็ยังขยันโทรหาเขาแบบนี้อยู่ประจำ
[สบายดี เฮ่ นี่เราอยากให้แบคฮยอนมาเที่ยวที่นี่มากเลยนะ เมื่อไหร่จะมาซักที]
"อี้ก็รู้ว่าเราไม่ได้มีเงินขนาดนั้น"
ทุกวันนี้เขาก็อาศัยเงินของพ่อแม่ที่ทิ้งไว้ให้ก่อนพวกท่านจะเสียเท่านั้น และก็รายได้เล็กๆน้อยๆที่พอจะเอามาใช้จ่ายค่าที่นอกเหนือค่าเทอม
[ก็บอกแล้วไงว่าเราจะบินไปรับน่ะ ถ้าแบคจะมาอะนะ]
"งั้นก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย ลำบากเปล่าๆ"
[เฮ้ออ แบคฮยอนนี่น้าา ขี้เกรงใจอยู่เรื่อย เดี๋ยวเถอะจะบินไปลักพาตัวมาสักวัน ไม่ยอมนักใช่ไหม]
แบคฮยอนหัวเราะให้กับคำพูดของอี้ชิงที่ว่าจะมาลักพาตัวเขา เวลาเขาปฏิเสธการชวน อี้ชิงก็มักจะขู่แบบนี้ประจำ แต่แบคฮยอนก็คิดว่ามันเป็นแค่การขู่เล่นๆเท่านั้นไม่ได้จริงจังอะไร
[แล้วเรื่องนั้น...]
[แบคโอเคแล้วใช่ไหม]
แบคฮยอนชะงักไปหลังจากที่ปลายสายถามขึ้น จะว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญก็ว่าได้ที่พ่อของอี้ชิงเป็นเพื่อนของพ่อพี่คริส รู้จักกันเพราะการทำธุรกิจ ก็พอรู้มาบ้างว่าพี่คริสมีบริษัทอยู่ที่ฮ่องกง แต่ตั้งแต่พี่คริสเสีย เขาก็ไม่รู้ข่าวคราวทางบ้านพี่คริสอีกเลย และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้อี้ชิงรู้เกี่ยวกับตัวเขา
อันที้จริงเขาขอให้คริสจัดงานแบบส่วนตัวเพราะกลัวคริสจะถูกมองในด้านแย่ที่มาแต่งงานกับเขา
ซึ่งคริสก็ทำตามคำขอ จะไม่มีใครรู้ถ้าวันนั้นคริส...ไม่ได้ถูกโดนยิง แล้วเกิดเป็นข่าวใหญ่
หน้าเขาถูกเบลอไว้ ฉายแค่ร่างของคริสที่ถูกหามขึ้นรถพยาบาลไปเท่านั้น แล้วทั้งหมดก็เพราะคุณซอนโฮที่กลัวว่าเขาจะมีชีวิตลำบากหลังจากนี้เลยทำให้ข่าวของเขาถูกปล่อยออกไปน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะแบบนั้นเลยมีคนที่รู้และก็ไม่รู้อยู่ด้วย
[ฮัลโหล แบค ยังอยู่รึเปล่า โอเคไหม]
"อื้ม เราโอเคแล้ว"
"เมื่อวานก็พึ่งไปเยี่ยมพี่คริสมาน่ะ"
[ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ เราไม่อยากให้แบคโทษตัวเองนะรู้ไหม]
[เพราะเรื่องนี้ แบคไม่ผิดเลย....ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะ ไว้ว่างๆเราจะไปเที่ยวหา]
[ตอนนี้เราต้องไปเรียนพิเศษแล้วล่ะ บ๊ายบายนะแบคฮยอน]
"อื้ม ไว้เจอกันนะอี้ชิง..."
สายถูกตัดไป แบคฮยอนวางโทรศัพท์ไว้กับโต๊ะก่อนจะค่อยๆฟุบหน้าลง
เขาพยายามแล้ว
พยายามที่จะไม่โทษตัวเอง
แต่ก็ทำไม่ได้
การกระทำทุกอย่างของร่างเล็กล้วนอยู่ในสายตาของใครบางคนที่มองออกมาจากรถ ขับตามมาตั้งแต่ที่อีกคนเดินออกมาจากร้านดอกไม้จนถึงร้านกาแฟ จ้องมองร่างที่ฟุบหน้าลงอยู่นานก่อนจะควักโทรศัพท์ออกมาติดต่อหาใครบางคน
"ตอนนี้แบคฮยอนยังอยู่ในร้านครับ"
[ดี จับตาดูไว้อย่าให้คาดสายตา]
[และไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร ต้องรายงานกูตลอดทุกฝีเก้า]
[เพราะตั้งแต่วันนี้ บยอนแบคฮยอนคือเป้าหมายสำคัญ...เข้าใจรึยัง]
"ครับคุณชานยอล"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น