ตอนที่ 7 : Lovely you : เธอน่ารัก ตอนเจ็ด
ตาฝาด
หล่อนต้องตาฝาดไปแน่ ๆ ผู้ชายที่กำลังเดินถือไอศกรีมอยู่นั่นต้องไม่ใช่ปาร์คชานยอล โชรงยกมือกุมขมับ นวดคลึงบริเวณนั้นจนพอใจแล้วจึงลืมตาขึ้นใหม่ ภาพที่กลัวยังไม่หายไป หญิงสาววางมือสั่นเทายันผนังตึก หล่อนไม่ได้กลัวที่ชานยอลจะทำอิริยาบถน่ารัก ภาพเขาทานไอศกรีมด้วยท่าทีสบายอกสบายใจเป็นสิ่งที่น่ามองอย่างยิ่งแต่ส่วนเกินในภาพต่างหากที่น่ากลัว คนที่ชานยอลเดินไปซื้อไอศกรีมให้ คนที่ยิ้มหวานยื่นมือออกไปรับแล้วก็ขยับพื้นที่บนราวรั้วใต้ต้นไม้ให้คนตัวโตนั่งข้าง ๆ ฝนที่เพิ่งหยุดลงเม็ดทำให้อากาศไม่ร้อนอบอ้าวแต่กลับเย็นสบายเพราะสายลมที่พัดเอื่อย ในฤดูกาลของความชุ่มฉ่ำมองไปทางไหนก็เจอแต่ความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ ดอกไม้บานงดงามแต่ทุกอย่างดูอัปลักษณ์ไปหมดเมื่อคนมองมีใจอคติ โชรงอยากให้เกิดพายุ มันจะได้พัดพังภาพตรงหน้าจนยับเยินไม่เหลือซาก
หญิงสาวกำหมัดกดลงกับเนื้อปูนหยาบ ผิวเนื้อถูกขูดจนเป็นรอยถลอกแต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจ มันชาจนแทบไม่รู้สึกเจ็บปวดเสียด้วยซ้ำ!
คุณหนูร้องว้า เปลี่ยนไปไอศกรีมด้วยมืออีกข้างพลางสะบัดมือข้างเดิมไปมา เนื้อครีมเหลวสีขาวไหลลงตามร่องนิ้วพาให้คนไม่ชินกับรอยเปรอะเปื้อนทั้งหลายหน้าเบ้ ทันใดนั้นกระดาษขาวก็ถูกวางแตะซับลงตรงโคนนิ้วเล็ก คุณหนูแบมือออกไปโดยอัตโนมัติ คนใจดีก็ดีใจหายนอกจากซื้อไอศกรีมเลี้ยงแล้วยังช่วยซับรอยเปื้อนให้โดยไม่พูดสักคำ
“เหนียวไหมครับ” ลองถูมือแล้วก็พยักหน้า บอกด้วยท่าทีสบาย ๆ
“นิดหน่อยแต่ไม่เป็นไรหรอก” ไอศกรีมราคาถูกแสนถูกแต่กลับให้รสหวานมันติดลิ้นยิ่งกว่ายี่ห้อดังที่เคยทานมาทั้งชีวิต คนตัวเล็กกัดไปอีกคำ เสียดายเนื้อครีมที่กำลังเหลวเพราะแรงลมพัด แหม คิดไปก็เหมือนใจคุณแบคฮยอนนี่แหละ อ่อนได้อ่อนดี ละลายจนแทบไม่เห็นเป็นชิ้นอันเลยล่ะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ใครบางคนน่ะ
“อากาศดีจังเลย”
“ชอบหน้าร้อนหรือครับ”
“เปล่า ชอบฝนต่างหาก ชอบมากเลย” สูดลมหายใจเข้าแล้วก็ยังได้กลิ่นไอชื้นหลงเหลืออยู่ ริมฝีปากเล็กบางเหน็บรอยยิ้มชื่น เฮ้อ ใครจะคิดว่าวันหนึ่งคนอย่างบยอนแบคฮยอนจะทำเรื่องทำนองนี้ วันที่ต้องมานั่งใต้ต้นไม้ริมถนน มองคนเดินผ่านไปมา มือหนึ่งถือไอศกรีมโคนราคาถูกที่แฟนซื้อให้ อีกมือถือกระดาษเยื่อซับปากที่แฟนหาให้ พูดคุยกับคนที่ชอบเรื่องดินฟ้าอากาศ ถ้าก่อนหน้านี้มีคนมาบอกว่าแบคฮยอนต้องมานั่งกินขนมข้างทางเขาก็คิดภาพไม่ออกนะว่าจะเป็นอย่างไร แต่ช่วยด้วยเถอะ เพราะว่ามีปาร์คชานยอลทุกอย่างจึงลงตัวได้อย่างง่ายดาย แค่มีชานยอลจะในสถานการณ์ไหนก็สมบูรณ์แบบไปเสียหมด
“อร่อยดีเนาะ”
“ชอบหรือครับ?” คุณหนูยิ้มเขินใส่ไอศกรีม
“ชอบสิ ชอบมากเลย” หมายถึงคนถามอ่ะ เพราะถ้าเป็นไอศกรีมคงต้องบอกว่าเพิ่งทานครั้งนี้แหละครั้งแรก เหย ก็แฟนของคุณหนูเป็นนักศึกษาธรรมดา จะเอาเรื่องของกินมาอ้างทีหนึ่งก็ต้องคิดแล้วว่ามันจะไม่กระทบภาวะการเงินของเค้า ไอศกรีมร้านฟาสต์ฟู้ดเป็นตัวเลือกแรกที่คุณแบคฮยอนคิดถึง ซื้อง่ายทานง่าย(เหรอ?) จ่ายไม่แพง เกิดมาไม่เคยได้ลองก็ลองเสียวันนี้ จะว่าไปก็รสชาติดีเหมือนกันนะ หนักหวานมากไปหน่อยแต่จุดนี้ก็ไม่อยากสรุปว่าเป็นเพราะสูตรไอศกรีมหรือเพราะแฟนคุณหนูขยันทำหวานก็ไม่รู้แน่ ดวงตาสุกใสมองผ่านผู้คน จังหวะหนึ่งคิ้วเรียวย่นเข้าหากันเล็กน้อยก่อนคลายออก ใบหน้าขาวประดับรอยยิ้มบาง พอถอนสายตาจะกระจกร้านตรงข้ามก็ยิงยิ้มกว้างใส่คนข้างตัว
“อะไรครับ” น้ำเสียงไม่มั่นใจ สีหน้าเก้อ ไม่ถึงกับเขินแต่ต้องบอกว่า โซ คิ้วท์ ><
“ครีม ติด...” คนตัวเล็กชี้ใส่มุมปากตัวเอง ชานยอลลูบออกแต่ก็ไม่เจอ แบคฮยอนนิ่วหน้า ชี้ให้ลบออกอีกแต่ดูเหมือนป้ายไปกี่ครั้งก็ไม่โดน คุณหนูแลบลิ้นแตะมุมปาก
“เราเช็ดให้ดีไหม” คนตัวโตชะงักก่อนจะพยักหน้าโดยไม่พูด มือขาวบางจึงแตะกระดาษซับเหนือริมฝีปากให้พอเป็นพิธี เสร็จแล้วก็ทำเสียงในคอประมาณว่าเรียบร้อยแล้ว ชานยอลส่งขนมส่วนสุดท้ายเข้าปาก มองคนข้าง ๆ ค่อยละเลียดกินแล้วก็ลุกกลับเข้าไปในร้าน แบคฮยอนมองตามช่วงขายาวที่หยุดหน้าเค้าเตอร์แล้วก็คิดกับตัวเอง ผู้ชายคนนี้ไม่ค่อยพูดถ้าคิดจะทำก็ลงมือทำทันที ถ้าจงอินหรือใครทำแบบนี้ต่อหน้าคุณแบคฮยอนต้องโดนสั่งสอนเรื่องมารยาทกันเสียบ้าง แต่เพราะเป็นปาร์คชานยอล แบคฮยอนจึงควรฝึกตัวเองให้ชินและเข้าใจธรรมชาติของแฟนให้เร็วที่สุดแทน
“น้ำครับ” นั่นไง ชานยอลไม่ได้คิดจะลุกก็ลุกไปโดยไร้เหตุผลเสียหน่อย ที่ทำอะไรเงียบ ๆ ก็คือเดินไปซื้อน้ำมาให้คุณแบคฮยอนเงียบ ๆ ต่างหาก ขวดน้ำขนาดเล็กถูกยื่นมาให้ คุณหนูมัวแต่มองใบหน้าหล่อคมที่เป็นฉากหลังจนเจ้าตัวถามอย่างไม่แน่ใจ “หรืออยากดื่มน้ำผลไม้แทน มีน้ำส้มนะครับ”
“ไม่เป็นไร นี่ก็ดีแล้ว” รับมาจนได้เถอะ ถ้าไม่เปิดดื่มคนซื้อเค้าจะโกรธไหมนะ แบคฮยอนอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกอ่ะ น้ำแร่ขวดแรกที่แฟนซื้อให้ อีกหน่อยมันต้องกลายเป็นหนึ่งในหลายไอเท็มที่ควรเก็บสะสมแน่นอน
“ผมไม่แน่ใจว่าคุณดื่มน้ำอัดลมหรือเปล่าเลยเลือกน้ำแร่มาแทน”
“ขอบใจมาก ปกติเราก็ดื่มน้ำแร่ เอ่อ น้ำเปล่านี่แหละ ไม่ค่อยดื่มน้ำอัดลมเท่าไหร่” หลังจากชั่งใจแล้วว่าระหว่างเก็บน้ำทั้งขวดไว้กับเปิดดื่มเพื่อไม่ให้คนซื้อเสียน้ำใจ คุณหนูก็เลือกอย่างหลัง ซึ่งบางทีอาจได้ของแถมเป็นจูบทางอ้อมให้เก็บไปกรี๊ดอีกอย่าง แบคฮยอนหัวเราะกับตัวเอง อยากเล่นบทเด็กหนุ่มบอบบาง ข้อมืออ่อนให้แฟนหนุ่มหมุนเกลียวขวดน้ำให้จังแต่วันนี้เขาพึ่งพาชานยอลมาเยอะแล้ว แค่เปิดขวดน้ำดื่มทำเองก็ได้ ลูกผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วร่ำ ๆ จะยกขวดกรอกน้ำลงคอแล้วถ้าผู้หวังดีไม่ยื่นหลอดดูดสีขาวมาให้เสียก่อน แบคฮยอนฉีกยิ้มตาหยีทั้งที่ในใจคร่ำครวญ
แบบนี้ก็ไม่มีจูบทางอ้อมน่ะสิ!
“ผมต้องไปทำงานแล้ว”
“เราต้องหาที่ล้างมือก่อนแล้วค่อยเข้าไปในร้าน ไม่อยากให้กลิ่นของหวานต้องติดหนังสือ” น้ำในขวดก็แบ่งให้คนตัวโตดื่มจนเกลี้ยงแล้ว คุณหนูมองหาจุดบริการน้ำดื่มสาธารณะจำได้ว่าอยู่เลยร้านหนังสือไปเกือบสองร้อยเมตร มันไกลไปแล้วก็เสียเวลาที่จะเดินไปกลับ คนใจดีจะต้องช่วยหาทางอื่นให้อยู่แล้ว...ว่าแต่ยัยสโตรกเกอร์นั่นหายไปไหนแล้วนะ เลิกแอบมองคุณแบคฮยอนสวีทกับแฟนแล้วหรือ
“ไปร้านได้นะครับ ตรงลานจอดรถข้างตึกมีก๊อกน้ำอยู่แต่มันเป็นจุดซักล้างพวกอุปกรณ์ทำความสะอาด คุณอาจไม่...สะดวก” คุณหนูปรายตาเหมือนจะค้อน
“เราจะล้างมือ ไม่ได้จะอาบน้ำเสียหน่อย ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
คนพูดน้อยเค้าไม่เถียงร้อกกกก เดินนำคุณแบคฮยอนข้ามถนนไปหาตึกสีเทาเข้ม พาเข้าซอกเล็ก ๆ ที่แบคฮยอนเคยเห็นชานยอลจูงรถเวสป้าออกมา ผ่านตรอกเล็กก็เป็นลานขนาดย่อม รถหลายคันจอดเรียงกันอยู่ส่วนใหญ่เป็นรถมอเตอร์ไซค์ ประตูหลังร้านอยู่ตรงนี้นี่เอง แบคฮยอนยืนเคว้งรอคนที่เดินหายเข้าไปในประตู ร่างสูงกลับออกมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กกับขวดน้ำยาล้างมือ มือกระตุกตอนรับมาเล็กน้อยเมื่อชานยอลบอกว่าเป็นผ้าขนหนูของชานยอลเอง คุณหนูกระชับกระเป๋าเป้ แหม เจลทำความสะอาดแบบไม่ต้องใช้น้ำไหนเลยจะสะอาดเท่าการล้างเต็มรูปแบบ แบคฮยอนจะเก็บเจ้าหลอดสีฟ้าอ่อนในกระเป๋าไว้ใช้โอกาสหน้าก็ไม่มีใครตำหนิหรอกเนาะ
คุณหนูยืนโก่งตัวมีคนดูแลเปิดน้ำให้ ขัดถูสองมืออย่างทั่วถึงแล้วจึงกางมือรับน้ำล้างจนหมดฟอง เจ้าของดวงตาเรียวเล็กชำเลืองมองผู้ชายที่ยืนตรงหน้า งอนิ้วเข้าหากันก่อนจะดีดใส่คนหล่อพร้อมเสียงหัวเราะเริงรื่น ชานยอลอุทานด้วยความตกใจ ถอยห่างแต่ไม่มีร่องรอยความขุ่นเคือง ริมฝีปากหยักคล้ายจะแย้มยิ้มแบคฮยอนเลยได้ใจแกล้งซ้ำสองก่อนจะร้องเสียงสูงเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะชูสายยางในมือขึ้น
“ไม่เอานะ ยังไม่อยากเปียก”
“ผมก็ไม่อยากเปียก” ชายหนุ่มว่าพลางปิดน้ำ
“นิดหน่อยเอง คลายร้อน อ่ะ เช็ดหน้าก่อนสิ” ผ้าผืนเดิมที่ชานยอลเตรียมมาให้เช็ดมือนั่นแหละ แบคฮยอนยื่นให้เจ้าของเดิมก่อน มองคนหล่อซับหยดน้ำออกจากใบหน้าแล้วก็หัวเราะ เสียงใสประกาศความพอใจไม่ปิดบัง “เห็นแบบนี้แล้วอยากชวนไปเที่ยวงานสงกรานต์ที่เมืองไทยจัง”
“งานอะไรนะครับ?”
“งานสงกรานต์ เป็นประเพณีสำคัญของคนไทย คล้าย ๆ เทศกาลโคลนเมืองโพเรียงหรือเทศกาลปามะเขือเทศของสเปนอะไรประมาณนั้น เค้าจะเอาน้ำมาสาดกันทั้งบ้านทั้งเมืองเลย เราเคยไปกับน้องชาย สนุกมาก อยากให้ชานยอลไปด้วยจังเราจะสาดไม่เลี้ยงเลย” คนโดนหมายหัวยิ้มเหมือนเคย กิจกรรมที่ว่าเขาเคยได้ยินมาบ้าง ไม่รู้รายละเอียดเชิงลึกแต่คิดว่าคงจะสนุกสนานจริง คุณแบคฮยอนถึงได้เล่าไปหัวเราะไปพาให้คนฟังรู้สึกสนุกตาม หารู้ไม่ว่า ความสนุกของคุณหนูนั้นคือภาพฝันที่วาดไว้ว่าถ้าไปเที่ยวงานสงกรานต์ก็จะปะแป้งคนหล่อแล้วก็ได้เดินเบียดกันทั้งวันโดยไม่น่าเกลียดต่างหาก
โอกาสมันไม่เดินมาหาเราหรอก ของแบบนี้มันต้องสร้างขึ้นเอง!
ชานยอลไม่รู้ความคิดนั้นหรอก พอมือคุณหนูแห้งชายหนุ่มก็ขอตัวไปทำงาน ไม่มีพิรี้พิไรอาลัยอาวรณ์ให้เสียชื่อหนุ่มสุขุม ร่างสูงถอยห่างพอดีกับที่ประตูถูกดันออกมาจากด้านใน
“อ้าว ชานยอล มาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ” เสียงร้องถามจากหลังบานประตู แบคฮยอนมองไม่เห็นคนพูดแต่จำเสียงได้ สโตกเกอร์มุมตึกผันตัวเองมาเป็นสโตกเกอร์หลังประตูแหงม ๆ “ใกล้เวลาเข้ากะแล้วนี่ ยังไม่เปลี่ยนชุดอีกหรือ”
“ผมกำลังจะไป”
“แปลกจัง ทำไมวันนี้ถึงมาช้ากว่าทุกทีคะ ปกติจะเตรียมตัวเรียบร้อยก่อนเวลาเข้างานเสมอนี่นา” เสียงนั้นบอกถึงความใส่ใจและความสงสัยเต็มอัตรา ไม่รู้ว่าคนพูดจงใจส่งสารให้บุคคลที่สามได้ยินหรือเพราะเก็บความรู้สึกไม่อยู่เหมือนที่ผ่านมาแต่มันทำให้แบคฮยอนแอบเบ้ปากใส่ล้อรถคันหนึ่ง ส่วนตัวชานยอลไม่พูด ชายหนุ่มหันมาสบตาแบคฮยอนแล้วก็เดินเข้าร้านไปเงียบ ๆ
“อ้อ คุณแบคฮยอน...”
“คุณโชรง”
“เข้ามาได้ยังไงคะ ตรงนี้เป็นเขตของพนักงาน คนภายนอกห้ามเข้านะคะ” แบคฮยอนถอนใจอย่างแกล้งทำ
“พอดีคนภายในชวนเข้ามาน่ะครับ ขอตัวนะครับ ส่งคนเข้างานแล้ว หมดธุระ” แล้วก็หมดความสนใจ ร่างขาวจัดเดินเหวี่ยงกระเป๋าออกมาจากตรอกด้วยความชื่นบาน ไม่ได้อยู่รอดูสีหน้าโชรงแต่มั่นใจว่าคงไม่ใช่ภาพที่น่ามองเท่าใดนัก
แต่ถ้าคุณแบคฮยอนไม่ลำพองเกินไป ยอมเสียเวลาหันกลับไปมองเพียงแค่ไม่กี่วินาที คุณแบคฮยอนอาจบอกตัวเองให้ระวังตัวมากกว่านี้
ยกแขนกอดอก มองป้ายร้านหนังสือ มองถนนที่ทอดยาว
ควรจะเข้าไปหาซื้อหนังสือตอนนี้เลยไหม?
หรือจะไปเดินเล่นก่อนแล้วค่อยกลับมาดี?
ถ้าเรากลับมาตอนใกล้เวลาเลิกงานมันจะดูจงใจเกินไปนะ
แล้วถ้าเข้าไปตอนนี้ชานยอลจะเบื่อหน้าเราก่อนหรือเปล่า?
อือออออม์ เจอกันแบบติด ๆ ไม่มีเวลาห่างให้คิดถึง ไม่น่าจะเวิร์ค
“ไปซื้อของก่อนก็แล้วกัน” แล้วพอตอนร้านใกล้ปิดค่อยกลับมาซื้อหนังสือ ยืนครุ่นคิดอยู่หน้ากระจกร้านตั้งนานแต่ก็ไม่รู้ตัว ไม่สนใจคนผ่านไปมาที่คอยเหลียวมอง รู้ตัวนะว่าน่ารักแต่บางทีก็ลืมไปเหมือนกัน อย่างเวลานี้คุณแบคฮยอนกลายเป็นจุดเด่นให้หลายคนหันมามองแล้วมองอีก แต่ไอ้ท่าทีเอียงหัวไปมา เดี๋ยวไปซ้ายเดี๋ยวไปขวาทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาทัก
ชานยอลเสียบหนังสือใส่ตรงตำแหน่งที่ถูกต้อง มองไปยังภาพนั้นอีกครั้ง แปลก ไม่รู้กำลังคิดอะไรหนักหนา คนเดินเข้ามาหาแล้วถอยออกไปหลายคนแล้วก็ยังไม่รู้ตัว อาการจมอยู่ในความคิดของตัวเองนั่นบอกชัดว่าเรื่องในใจสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เดี๋ยว ๆ ก็เงยหน้ามองเข้ามาในร้าน ทำปากขมุบขมิบคล้ายกำลังปรึกษากับใครอยู่ จากนั้นก็นิ่วหน้าเถียงกับตัวเองต่อ ชานยอลถึงขนาดแอบพักงาน ยืนพิงชั้นวางหนังสือมองอย่างเพลิดเพลิน มองไปก็อยากรู้ไปด้วยว่าคนตัวขาวจะได้ข้อสรุปอย่างไร ทว่าความบันเทิงของชานยอลมีอายุสั้นนัก ชายหนุ่มเห็นคนคุ้นตาเดินเข้ามาหาแบคฮยอน ระยะแค่สิบกว่าเมตรเขามองไม่ผิดหรอก คิ้วดำยาวย่นเข้าหากัน นั่นมัน...
“สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้วนะ”
“คุณจุนมยอน! สวัสดีครับ มาทำอะไรแถวนี้”
“ซื้อของ คุณแบคฮยอนล่ะ จะมา...ซื้อหนังสือหรือ?” เขาถามหลังจากมองเข้าไปในร้านแต่แบคฮยอนส่ายหน้า บู้ปากเล็กน้อย พักหลังมานี้คนตัวเล็กมีธุระให้ต้องปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของร้านดอกไม้บ่อยครั้ง ความสุภาพห่างเหินแบบเก่าค่อยลดลงไปตามจำนวนครั้งการพบกันและความจงใจของทั้งสองฝ่าย “กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอะไรดี ว่าจะหาซื้อนิยายอ่านสักสองสามเรื่องแต่ก็อยากไปดูของอย่างอื่นด้วย”
“ร้านหนังสือปิดดึกกว่าร้านอื่น ไปซื้อของก่อนดีไหม จะได้ไปด้วยกัน” เรียวปากบางวาดเป็นรอยยิ้มยินดี เหมาะเลย แผนการกระชับมิตรควรเดินหน้า ถ้าสนิทกับคิมจุนมยอนแล้วก็ไม่ยากที่จะพาตัวเองเข้ามาอยู่ในวงจรชีวิตชานยอล แบบนี้ไม่ว่าจะไปไหน ทำอะไรเขาก็จะได้เจอชานยอลบ่อย ๆ ได้รู้ข่าวคราวคุณแฟนจาก(การหลอกถาม)เพื่อนฝูง จัดเลยแบคฮยอน
คุณหนูยิ้มหวาน เดินเคียงไปกับเพื่อนใหม่โดยหารู้ไม่ว่าเป้าหมายหลักก็มองตามรอยยิ้มนั้นไปจนลับตาเช่นกัน ชานยอลละสายตาจากกระจกใส หยิบหนังสือขึ้นมาจากรถเข็น มองเลขรหัสอยู่นานราวกับไม่แน่ใจว่าควรจะจัดหนังสือเล่มนั้นไว้ในหมวดใด เขาคงคิดนานเกินไปเพื่อนร่วมงานจึงเดินเข้ามาช่วยจัดหนังสืออีกแรง
“ช่วยนะคะ จะได้เสร็จไว ๆ” ชายหนุ่มไม่ห้าม อีกอย่างคือเขาคงห้ามไม่ทันเพราะโชรงเริ่มไปแล้ว “แปลกจัง วันนี้ชานยอลจัดหนังสือเสร็จทีหลังฉัน คิดอะไรอยู่หรือคะ เหม่อเชียว”
“วันนี้หนังสือเยอะกว่าทุกที” หนังสือเยอะหรือเพราะมัวแต่แอบมองคนอยู่กันแน่ หล่อนเห็นเต็มตา เปลี่ยนชุดออกมาจากห้องสต็อกเขาก็เอาแต่ยิ้มมองเจ้าเด็กคนนั้น กะอีแค่อาการปัญญาอ่อนไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ
ลางสังหรณ์ไม่เคยให้กำลังใจมีแต่จะเตือนถึงเรื่องไม่ดีที่อาจเกิดขึ้น เห็นชานยอลนั่งกินไอศกรีมกับบยอนแบคฮยอนโชรงก็ใจหายจะแย่อยู่แล้ว ยังตามมาหัวร่อต่อกระซิกถึงหลังร้าน พอถึงเวลาที่ควรจะเป็นโอกาสของหล่อนชานยอลก็ยังทุ่มเทความสนใจให้เด็กนั่นไม่ยอมเลิก หล่อนยอมไม่ได้หรอก ไม่ยอมแล้วก็จะไม่ใจเย็นอีกต่อไป
“ของฉันหนักเมื่อวานค่ะ วันนี้สายส่งจัดมาให้แค่ไม่กี่เล่ม นี่ฮิมชันก็ยังไม่มาเลยนะคะ หนังสือกองอยู่เต็มรถเข็น” คนถูกพาดพิงถึงเข็นรถออกจากห้องราวกับรู้ว่ากำลังตกเป็นประเด็นสนทนาในทางลบของเพื่อน ๆ แต่ฮิมชันไม่ได้สนใจโชรง ชายหนุ่มเสือกรถเข้าไปแอบตรงมุมหนึ่ง โผเข้าหาชานยอลซึ่ง ๆ หน้า
“เมื่อกี้กูเจอคุณแบคฮยอนอยู่กับพี่จุนมยอน สองคนนั้นเค้าคบกันอยู่หรือวะ” ชานยอลดึงแขนออก ตอบเสียงเรียบ
“ไม่รู้”
“กูอยากรู้อ่ะ มึงสนิทกับพี่เค้า ถามให้หน่อยสิ”
“จะอยากรู้ไปทำไม เรื่องส่วนตัวของคนอื่นเค้า”
“เถอะน่า ถ้า ถ้าเป็นแค่เพื่อนกันกูจะได้มีใจสู้ต่อ แต่ถ้าเค้าคบกันจริงกูจะได้เลิกหวัง นะ นะ” ฮิมชันทำเสียงอ่อย เรือนผมสีทองพันกันยุ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวรีบวิ่งมาเอาความจริงจากชานยอลจนลืมสนใจหน้าผม แม้แต่งานก็ยังเสือกเข้าแอบริมผนังไว้แล้วตอนนี้ “มึงเจอพี่จุนมยอนเกือบทุกวันอยู่แล้ว ถามให้กูหน่อยนะ ขอร้องล่ะ”
“จริงจังมากเลยหรือ?” ฮิมชันกำหมัดชกกันเบา ๆ สีหน้ากึ่งเขินกึ่งคาดหวัง
“ก็นิดหนึ่ง ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เสียหาย” ตามประสาเจ้าชู้ประตูดิน เห็นใครน่ารักไม่ได้ เป็นต้องเหวี่ยงแหใส่ไม่เลือกนั่นเอง ชานยอลคร้านจะถามว่านอกจากรูปร่างหน้าตาน่ารักนั่นแล้ว มันประทับใจอะไรอีกเพราะคาดว่าฮิมชันคงไม่มีเหตุผลจริงจังตามประสาพวกรักคนง่ายอย่างมัน เขาไม่ชอบเรื่องวุ่นวายไม่ว่าของตัวเองหรือของใคร ยิ่งเรื่องหัวใจชานยอลไม่ขอเกี่ยว
“ไปถามเองเถอะ กูไม่อยากยุ่ง”
“อ้าว เฮ้ย มึงเป็นความหวังเดียวของกูนะชานยอล” เจ้าของชื่อหยิบหนังสือชุดสุดท้ายเรียงใส่ชั้น เปลี่ยนเอาปกใหม่โชว์หน้าขึ้นเพื่อให้เห็นได้ชัด ข้างตัวยังเป็นคิมฮิมชันผู้ตกอยู่ในห้วงรัก “ถ้ามึงไม่ช่วยกูแล้วใครจะช่วยได้ ทำเพื่อเพื่อนสักครั้งเถอะนะ กูเลี้ยงข้าวสองมื้อเลยก็ได้อ่ะ”
“ถ้ามึงจริงใจกับอีกฝ่าย เรื่องแค่นี้มึงต้องคิดเองทำเอง สิ่งที่ทำมันถึงจะมีความหมาย อย่าให้กูเป็นสะพาน กูไม่ถนัดแล้วก็ไม่อยากทำ”
“มึงอ่ะ...”
“บอกให้อย่างหนึ่งก็ได้ ตั้งแต่รู้จักกันมาพี่จุนมยอนยังไม่เคยคบใครจริงจังจนถึงขั้นแฟน อยากรู้มากกว่านี้ไปสืบเอาเอง” ฮิมชันถูปลายจมูก ข้อมูลที่ได้จากไอ้คนปากหนักรับรองได้อย่างหนึ่งว่าสองคนนั้นไม่ได้คบกันถึงขั้นแฟน แสดงว่าเขายังพอมีลุ้น
“ฮิมชันชอบคุณแบคฮยอนหรือคะ?”
“ชอบ” ตอบรับทันที โชรงยิ้มตาพราวทั้งที่ในใจขุ่นขวาง ทั้งเจ้าของร้านดอกไม้ทั้งคิมฮิมชัน ไม่มีใครรอดจากมารยาไอ้เด็กแบคฮยอนนั่นสักคน ตาถั่วโดนรูปโฉมภายนอกล่อลวงเอาทั้งนั้น “ถ้าชอบก็งานหนักหน่อยนะ อีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าของร้านดอกไม้ชื่อดังแถมยังเป็นสุภาพบุรุษเต็มขั้นเลยด้วย ใครได้ใกล้ชิดก็ต้องชอบทุกคนแหละ”
“โชรงก็ชอบหมอนั่นหรือ?” ล้อเล่นมากกว่าจริงจัง รู้ดีว่าหญิงสาวรู้สึกอย่างไรกับชานยอล
“บ้า เราเคยคุยกับเค้าครั้งเดียวจะชอบได้ไงแต่กับคุณแบคฮยอนก็ไม่แน่นะ พักหลังมานี้เราเจอเค้าอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ สาม...สี่ครั้งเลยล่ะ ถ้ารวมวันนี้ด้วยนะ” ฮิมชันกุมขมับ เหลือบตามองไอ้เพื่อนหน้านิ่งมันก็ไม่มีวี่แววจะเห็นใจ ชายหนุ่มจึงย่ำเท้าไปหารถเข็นที่ยังบรรจุหนังสืออยู่เต็ม ก่อนไปยังไม่ลืมทิ้งทวน
“อีกเดี๋ยวคุณแบคฮยอนจะมาที่ร้าน กูจะถามตอนนั้นแหละ เอาให้มันรู้กันไปเลย” ชานยอลไม่ตอบ ไม่ละสายตาจากงาน
“มึงต้องคอยเป็นกองหนุนให้กูนะชานยอล”
“บอกแล้วว่าไม่ยุ่ง”
“ไม่ มึงต้องช่วยกู”
การประกาศกร้าวของฮิมชันสร้างปฏิกิริยาแตกต่างกันไปแต่ความเหมือนกันคงอยู่ที่การรอคอย ตัวคนพูดรอคอยให้คนที่ชอบกลับมาพร้อมโอกาสในการเสี่ยง ชานยอลรอเพราะรู้ว่าคนรู้จักจะมา โชรงรอพร้อมความคิดมากมายในสมอง หญิงสาวตัวเล็กไม่ชอบใจข่าวนั้นเลย อุตส่าห์ดีใจที่คู่แข่งเดินควงกับคิมจุนมยอนผ่านหน้าร้านไป คิดว่าวันนี้จะได้เจอแค่นั้นแล้วก็จบ ไม่ต้องเห็นให้รกตาอีก กลายเป็นว่าแบคฮยอนจะย้อนกลับมาอีกครั้ง โชรงกัดปากแน่น เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนั้นสนใจตัวคนมากกว่าหนังสือ เมื่อกี้จะเข้ามาซื้อของเลยก็เข้ามาได้ ไหน ๆ ก็อยู่หน้าร้านแล้ว ถ้าอยากได้หนังสือจริงควรเข้ามาเลยด้วยซ้ำ นี่คงตั้งใจจะกลับมาตอนร้านใกล้ปิด เผื่อจะได้ชวนชานยอลกลับบ้านด้วยเหมือนวันก่อน
ลูกไม้ตื้น ๆ คงคิดว่าตัวเองฉลาดจนหล่อนตามไม่ทันกระมัง
เดี๋ยวก็รู้ ถ้าโชรงไม่แน่จริงปาร์คชานยอลไม่โสดมาถึงทุกวันนี้หรอก
การเดินเล่นผสมชอปปิ้งกับคิมจุนมยอนทำให้คุณหนูเพลินพอใช้ได้ ตอนแรกนั้นแบคฮยอนคิดว่าตนจะต้องใจจดใจจ่อรอเวลากลับไปหาชานยอลจนไม่สนุกกับการคั่นเวลาสั้น ๆ แต่พอเอาเข้าจริงจุนมยอนกลับเป็นเพื่อนคุยที่ทำหน้าที่ได้ดีสุด ๆ แบคฮยอนสามารถคุยกับชายหนุ่มได้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาสนใจ(ซึ่งส่วนใหญ่ก็เฉียดไปใกล้เรื่องของชานยอล)หรือเรื่องที่จุนมยอนสนใจทั้งในอดีตและปัจจุบัน คุณหนูเลือกขนมได้หลายกล่องแล้วก็เดินตามจุนมยอนเข้าไปเลือกของในร้านขายของตกแต่งบ้านโดยไม่นึกเบื่อ เผลอแป๊บเดียวชายหนุ่มก็ชวนแบคฮยอนทานมื้อค่ำ คุณหนูคำนวณเวลาอีกครั้ง คิดว่าถ้าทานข้าวเสร็จคงพอดีกับเวลาร้านหนังสือ(ใกล้)ปิดจึงตอบตกลง จุนมยอนเลือกร้านอาหารอิตาเลี่ยน แบคฮยอนเลยสั่งสลัดผักสดราดด้วยน้ำสลัดสูตรเซาเทิร์นไอร์แลนด์มาทานพร้อมกับสเต็กปลาหิมะ รสชาติอาหารอยู่ในระดับพอใช้ไม่ถึงกับดีมากแต่แบคฮยอนก็ตั้งใจฟังจุนมยอนเล่าถึงวีรกรรมของเพื่อนฝูงจนแทบไม่ได้ใส่ใจรสชาติอาหารเลย
สามทุ่มครึ่งทั้งสองคนก็เดินผ่านเข้าไปในร้านหนังสือ หิ้วถุงกระดาษล้นมือจนพนักงานต้องเอ่ยปากขอให้ฝากไว้ตรงจุดชำระเงิน แบคฮยอนกวาดตามองไปทั่วร้านพอเห็นเป้าหมายแล้วก็อยากจะยิ้มหวานเข้าไปหา เวลานี้แบคฮยอนสามารถทำอย่างที่คิดได้เพราะทั้งสองฝ่ายต่างเริ่มคุ้นเคยกันบ้างแล้วแต่คนตัวเล็กก็ยังไม่อยากประมาท เก็บอาการซ่อนไว้ภายใต้รอยยิ้มสดใส ชวนจุนมยอนคุยเรื่องหนังสือไปเรื่อย ๆ พอเจ้าของร้านดอกไม้เห็นคนรู้จักก็จะพาแบคฮยอนเข้าไปหาเอง
“ไง พนักงาน หาหนังสือให้สักสองสามเล่มสิ” ดวงตาดำจัดตวัดมองคนทัก มองเลยมาหาแบคฮยอนยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว
“อยากได้หนังสืออะไรครับ” รอยยิ้มหวานเหี่ยวฟีบลง โธ่ คนที่อยากให้ทักเค้าไม่ยอมทัก หันข้างให้คุณหนูอีกต่างหาก เหอะ รู้งี้ ไม่มากับคุณจุนมยอนก็ดีหรอก แย่งความสนใจจากชานยอลไปจากเราหมดเลย
“ยังไม่กลับบ้านหรือครับ?” ไอ้ที่เหี่ยวน้ำเหือดไปเมื่อกี้ก็เริงร่าได้ทันตา คุณหนูยิ้มยิงฟัน กระตือรือร้นตอบอย่างเต็มใจ
“ยัง ซื้อของเพิ่งเสร็จล่ะ”
“ตั้งแต่ตอนเย็นนั่นน่ะหรือ?” ผงกหัวขึ้นลงเร็ว ๆ
“ไปซื้อกับคุณจุนมยอน” บอกให้รู้ ชานยอลจะได้ไม่เป็นห่วง ไม่คิดว่าคุณหนูเถลไถลไปกับใครด้วยไง
“ที่จริงแล้วซื้อของกันแค่ไม่กี่อย่าง พี่ชวนคุณแบคฮยอนทานข้าวด้วยกัน คุยเพลินจนเกือบลืมเวลา นี่ถ้าคุณแบคฮยอนไม่เตือนว่าต้องมาซื้อหนังสือก็คงนั่งกันจนร้านปิด” คนหน้าหล่อทำเสียงรับรู้ในคอ ยิ้มสุภาพให้คุณแบคฮยอนแล้วก็เริ่มถามถึงหนังสือที่จุนมยอนอยากได้ สองหนุ่มจำกัดการสนทนาอยู่ในวงแคบ แบคฮยอนรู้ตัวว่าไม่สมควรเข้าไปยุ่งจนเกินงามจึงจำใจถอยห่าง ร่างเล็กเกาะขอบชั้นวางหนังสือปลีกตัวออกมาจนไม่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำ หันไปมองก็เห็นแต่ท้ายทอยกับเรือนผมสีดำสนิท
หงื่ออ ทำไมดูเหมือนชานยอลไม่ค่อยยิ้มให้คุณแบคฮยอนเลย
ใจหวิว ๆ อ่ะ รู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้
“คุณแบคฮยอนคะ”
โอ๊ย!!! $%&*(#$%&*&*!@#$%&!!!
โผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียง!
เป็นอะไรมากป่ะเนี่ย!
“ขอโทษค่ะ ตกใจมากหรือคะ?”
“มากครับ” หันมาเจอหน้าใครที่ไหนก็ไม่รู้จ่อเกือบชนปลายจมูกใครมันจะไม่ผงะ แบคฮยอนระเบิดความคิดอย่างดุเดือด ผ่อนลมหายใจจนกลับสู่ภาวะปกติแล้วก็เดินเลี่ยงไปทางอื่น เขาไม่มีธุระกับปาร์คโชรง ไม่ใช่เพื่อนหรือคนคุ้นเคยที่ต้องหยุดโอภาปราศรัยด้วย ไม่ทักทายก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“ช่วยมากับฉันสักครู่ได้ไหมคะ มีคนอยากคุยด้วย”
“ผมไม่ว่าง”
“โธ่ ว่างเถอะนะคะ คน ๆ นี้เค้ามีธุระร้อนใจจริง ๆ ขอเวลาแค่ห้านาทีเอง”
“ขอเหตุผลที่ผมควรทำตามคำขอร้องของคุณก่อนได้ไหม เพราะตอนนี้...” จากท่ากอดอกแบคฮยอนแบมือข้างหนึ่งออก คุณหนูไหวไหล่ประกอบสีหน้าเบื่อหน่าย ถนัดนักล่ะเรื่องกวนอารมณ์คนให้ขุ่นเนี่ย “ผมไม่เห็นว่าจะมีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องเสียเวลาอันมีค่าให้คุณเลย” แค่นั้น โชรงก็เสียความเยือกเย็นบนใบหน้าไปทันที
“ไม่ใช่เสียเวลาให้ฉันค่ะ ให้คนอื่น ฉันแค่อาสามาส่งข่าว มีคนอยากเจอคุณแบคฮยอนหลังร้าน ตรงที่เข้ามาเมื่อตอนเย็นนั่นไงคะ เค้าบอกว่ามีเรื่องสำคัญมากอยากพูดด้วย ส่วนจะเป็นใครคงต้องไปดูให้เห็นกับตาตัวเองแล้วล่ะค่ะ” เจ้าหล่อนบอกแล้วก็สะบัดหน้าจากไป คุณหนูห่อปากมองตามแล้วก็อดคิดในแง่ร้ายไม่ได้ แหมะ เหวี่ยงตาจิกแบบนี้ ดีไม่ดีจะจ้างจิ๊กโก๋เอาไว้ดักตีหัวคุณแบคฮยอนเสียละมั้ง คิดเล่น ๆ ไปตามประสาแต่ใจหนึ่งก็ยั้งคิดว่าโชรงคงไม่คลั่งรักถึงขั้นทำเรื่องเหลวไหลพรรค์นั้น นอกจากจะไม่ได้ผลแล้วยังเสี่ยงโดนคดีความอีกต่างหาก คนฉลาดเขาไม่โง่ลงมือทั้งที่ตัวเองออกหน้าล่อเหยื่อหรอก
“จะว่าไป คนที่รู้ว่าเราเคยเข้ามาตรงลานจอดรถก็มีแค่ชานยอลกับโชรงนี่นา” เหลียวไปมองด้านหลัง ไม่เห็นชานยอลอยู่ที่เดิมแล้วก็ขมวดคิ้วฉับ หรือว่าคนที่นัดไปหาที่หลังร้านจะเป็น...ไม่หรอกน่า...ชานยอลจะนัดเราไปทำไม ถ้ามีอะไรก็เดินเข้ามาคุยเหมือนเคสข่าวลือนั่นจะเป็นไปได้มากกว่า แล้วที่สำคัญโชรงคงไม่มีทางมาตามแบคฮยอนให้ไปหาชานยอลหรอก เอ๊ะ! หรือจะมีใครลือเรื่องใหม่มาอีก?
ไปดูหน่อยก็ได้ ถ้าใช่ก็กำไร ไม่ใช่ก็ถือว่าเท่าตัว
เพราะประตูด้านหลังสงวนไว้ให้เฉพาะพนักงานร่างเล็กจึงต้องออกทางประตูหน้า เดินเลียบ ๆ เคียง ๆ ผ่านกองหนังสือออกมาได้ก็แอบหลบมุมตรวจตราความเรียบร้อยกับกระจกข้างร้าน ผมนุ่มมีบางส่วนโดนลมตีมาเคลียข้างแก้ม คุณหนูจับทัดไว้ข้างหู ส่องแม้กระทั่งแสกผมว่าตรงหรือไม่ตรงแล้วก็ดึงชายเสื้อเบาๆ จะเจอใครรออยู่ก็ไม่รู้ล่ะ แต่ต้องคิดเสมอว่าจะได้เจอว่าที่แฟน ความน่ารักจะได้เต็มอัตราไม่ว่ามองซ้ายหรือมองขวา
รองเท้าผ้าใบกระทบพื้นล่วงล้ำเข้าไปในตรอกนั้นอีกครั้ง บรรยากาศโดยรอบยิ่งเงียบสงัดกว่าตอนหัวค่ำ ได้ยินเสียงรถผ่านไปมาจากถนนด้านหน้า แบคฮยอนเดินไปหยุดใกล้กับเวสป้าคันหนึ่ง ยิ้มให้มันราวกับคนคุ้นเคย เราจะเจอใครก็ไม่รู้แหละแต่ในใจน่ะแอบหวังว่าจะเป็นเจ้าของคุณเวสป้าเหมือนกันนะ เวลาแห่งการรอคอยสิ้นสุดลงพร้อมกับเสียงเปิดประตูผลัวะออกมา ร่างเล็กหดมือกลับ กลัวจะถูกคนมาใหม่เห็นว่าแอบแตะต้องของรักโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ใบหน้าที่เยี่ยมออกมาจากกรอบประตูสร้างความผิดหวังได้มากพอกับความฉงนสงสัย
เพื่อนชานยอลนี่นา
“คุณแบคฮยอน...”
“ครับ” รู้สึกแปลก ๆ ตอนขานรับแฮะ อืม เหมือนสรุปเรียบร้อยแล้วว่าคนที่ปาร์คโชรงบอกคือรายนี้แน่ อะไร ยังไง ใครก็ได้ช่วยอธิบายด่วน
“คุณอยากพบผมหรือ?”
“ครับ เอ้อ ใช่แล้วครับ”
“มีอะไรหรือเปล่า” สงสัยก็ต้องถาม ไอ้เรื่องจะเก็บเอาไว้ให้คาใจโดยไร้เหตุผลไม่ใช่วิสัยแบคฮยอนแน่นอน คนตัวเล็กสืบเท้าเข้าไปใกล้ จ้องใบหน้าอีกคนรอคำตอบ “แปลกใจจังเลย ตอนคุณโชรงบอกผมไม่ทันคิดว่าเป็นคุณ”
“คิดว่าเป็นใครหรือครับ” คุณหนูยิ้มบาง ติดนิสัยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี(?)มาตั้งแต่เริ่มรู้ความจะให้เลิกตอนนี้ก็ยาก น้ำเสียงที่เอ่ยตอบชายหนุ่มจึงอ่อนเบาติดจะนุ่มโดยไม่ต้องพยายาม “ไม่คิดว่าเป็นใครเลย เดาไม่ออก ว่าแต่คุณยังไม่ได้บอกเลยว่ามีธุระอะไรกับผม”
“ผม...มีเรื่องอยากจะบอก” แบคฮยอนยังยิ้มไม่จาง ช่วยบรรเทาความเขินอายของชายหนุ่มตัวโตด้วยการยืนอยู่ที่เดิมเมื่ออีกฝ่ายสาวเท้าเข้าหา วงหน้าใสเงยขึ้นเล็กน้อย ส่งยิ้มให้แทนกำลังใจ มาถึงเวลานี้ แบคฮยอนรู้อยู่แล้วล่ะว่าคิมฮิมชันต้องการจะบอกอะไร ประสบการณ์ด้านนี้แบคฮยอนมีค่อนข้างสูง แค่เห็นหน้า ได้ยินเสียง สังเกตท่าทางประกอบอีกเล็กน้อยก็ได้คำตอบแล้ว แต่ไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่จะชิงเฉลยความรู้สึกนั้น มันเสียมารยาทแล้วก็ใจร้ายกับคนที่รู้สึกดีกับเราเกินไป แบคฮยอนแค่ใจเย็นรอแล้วก็นึกหาคำพูดที่อ่อนโยนที่สุดตอนปฏิเสธเท่านั้น
“ผมชอบคุณมานานแล้ว ถ้าไม่รังเกียจ กรุณาคบกับผมได้ไหมครับ” แบคฮยอนกดใบหน้าลงต่ำ ไม่ได้เขินอายเพียงแต่ไม่อยากให้เห็นว่าตนไม่รู้สึกอะไรเลยกับการสารภาพนั้น อีกฝ่ายไม่ใช่แบบที่คุณแบคฮยอนฝันถึงไม่ว่าก่อนหน้านี้หรือปัจจุบันและแบคฮยอนก็ไม่ใช่ประเภทให้ความหวังใครพร่ำเพรื่อ
“ผมไม่รังเกียจคุณหรอก ไม่เคยคิดแบบนั้น”
“เราคบกันเป็นเพื่อนไปก่อนก็ได้ ถ้าคุณ...”
“เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้แต่ถ้ามากกว่านั้นผมเป็นให้คุณไม่ได้” คำยืนยันนั้นขัดกับท่าทางละมุนตาอย่างเหลือเกิน ฮิมชันแทบไม่อยากเชื่อว่าตนจะได้ยินการปฏิเสธที่ชัดเจนถึงเพียงนี้ ไม่ได้หนักแน่นเพียงคำพูดแต่แววตาก็ยังยืนยันมั่นคง ไม่มีประกายหวั่นไหวแม้แต่น้อย มันหมายความว่าคุณแบคฮยอนไม่ได้มีใจให้เขาแม้แต่เศษเสี้ยว ไม่มีใจไว้สั่นสะเทือนกับความรักของฮิมชันเลย ชายหนุ่มรู้สึกโหวงในอก หวิวเหมือนถูกสูบเรี่ยวแรงไปหมดร่างหากก็ยังฝืนยิ้มปากสั่น
“เจ็บเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ”
“คุณแค่คิดว่าตัวเองชอบผมหรอก รับรองว่าถ้าเราคบกันไปคุณจะดีใจที่ได้เป็นเพื่อนมากกว่าเป็นแฟนผม” เสียงใสว่า เติมเสียงหัวเราะจาง ๆ ลงไปพอไม่ให้มากเกิน อยากปลอบอยู่หรอกแต่ไม่รู้ว่าฮิมชันเจ็บในระดับไหน จริงจังหรือผิดหวังชั่วคราว เขาทำได้เพียงแต่หยิบยื่นมิตรภาพฉันท์เพื่อนให้แล้วก็ทำเหมือนเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ให้ใครต้องอึดอัด
ฮิมชันยิ้มหมอง ชายหนุ่มกล้าเดินเครื่องรุกเต็มกำลัง ตั้งใจว่าอย่างน้อยก็ขอแค่โอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์แต่มาเจอประกายกล้าในหน่วยตาเรียวแล้ว เครื่องแรงแค่ไหนก็คงต้องดับไปตามระเบียบ
“ผมขอถามอีกข้อได้ไหม”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ถามได้หมด ยกเว้นฤกษ์วันแต่งเพราะยังไม่ได้กำหนด ตอบไม่ได้
“คุณแบคฮยอนมีใครหรือยัง?”
“ครับ?”
“ตอนนี้คุณแบคฮยอนคบกับใครอยู่หรือเปล่า” เป็นครั้งแรกที่ฮิมชันเห็นลูกแก้วสีเข้มไหวระริกซ้ำยังทิ้งร่องรอยความหวั่นไหวไว้ให้เขาใจหาย หากคำตอบที่ได้ยินกลับกลายเป็นว่า “เปล่า ผมยังไม่มีแฟน ไม่มีใคร” คล้ายมีทางน้ำเย็นดันขึ้นมาจากส่วนลึกสุดของพื้นที่แห้งแล้งในอก ตราบใดที่คุณแบคฮยอนยังไม่มีใคร
“แสดงว่าผมยังมีหวังใช่ไหม”
“ไม่ครับ”
“คุณแบคฮยอน ได้โปรด ให้โอกาสผมพิสูจน์ตัวเองเถอะนะ เราเริ่มจากการเป็นเพื่อนก่อนก็ได้ ไม่ต้องเป็นแฟน ไม่ต้องคิดไปไกล ผมจะทำทุกอย่างจะคิดทุกเรื่องเหมือนเพื่อนทำต่อเพื่อน คุณสบายใจได้ว่าผมจะไม่ล้ำเส้นไปมากกว่าที่พูด ขอแค่คุณให้โอกาส นะครับ” มาย ก็อดดดดด ขอเป็นแฟนยังพอปฏิเสธเด็ดขาดได้ ขอเป็นแค่เพื่อนเกิดปฏิเสธไปได้เกิดข่าวลือในทางร้ายแน่นอน สมองอันชาญฉลาดของคุณหนูประมวลผลได้ผลเสียอย่างรวดเร็ว คิมฮิมชันเป็นเพื่อนชานยอล ถ้าเกิดแบคฮยอนหักดิบทำร้ายจิตใจเขาข่าวย่อมลอยไปถึงหูอีกคน ภาพลักษณ์คุณหนูผู้แสนดีคงพังทลายแบบไม่เหลือให้รีโนเวท
เอาน่ะ มีเพื่อนเพิ่มอีกคนก็ไม่เสียหายนี่นา
“ผมจะคิดว่าคุณเป็นเพื่อนคนหนึ่ง”
“เพื่อนที่พัฒนาไปเป็นอย่างอื่นได้ด้วยนะครับ” ในทางเดียวกันแบคฮยอนต้องระวังตัวเอง ไม่ให้ความหวังกับฮิมชันเกินเพื่อนสินะ คุณหนูย้ำเสียงจริงจัง “ถ้าตอบตอนนี้คือเราเป็นคนรู้จักที่กำลังจะเป็นเพื่อนกัน เท่านั้น”
“ไชโย!” ความดีใจของผู้ชายเปิดเผยอย่างฮิมชันมีมากจนเก็บไม่อยู่ ชายหนุ่มร้องออกมาเต็มเสียง ไม่ได้กลัวเลยว่าจะมีใครผ่านมาเห็นตัวเองหลบงานออกมาสารภาพรัก ร่างเพรียวกระโดดถองศอกในอากาศ แบคฮยอนยังไม่ทันเอ็ดเรื่องเสียงดังก็ถูกอีกฝ่ายโถมตัวเข้ากอดเต็มอ้อมแขน คุณหนูยืนตัวแข็ง ตกใจกับการถึงเนื้อถึงตัวของเพื่อนใหม่จนสมองชาไปชั่วขณะ
“ขอบคุณครับ ผมดีใจสุด ๆ เลย”
“คุณคิมฮิมชัน กรุณาปล่อย...” เหมือนได้ยินเสียงใครเปิดประตู แบคฮยอนดันฮิมชันออกห่าง เอียงใบหน้าจนพ้นแนวไหล่กว้างมองไปด้านหลังของชายหนุ่ม มีคนเปิดประตูออกมาจริง ๆ ด้วย ร่างสูงใหญ่ที่ปรากฏในเงาสลัวถูกบานประตูบดบังแสงไว้กว่าครึ่งแต่ก็ยังคุ้นตาจนแบคฮยอนอยากร้องไห้ เจ้าของร่างนั้นเหมือนเพิ่งรู้ว่าได้โผล่เข้ามาจัดจังหวะคนที่อยู่ก่อน เขาชะงัก ไม่มีการขอโทษหากถอยกลับทางเดิมและปิดประตูตามหลังอย่างแผ่วเบา
แบคฮยอนกะพริบตาปริบ
เมื่อกี้น่ะ หายนะใช่มั้ย!
#lovelycb
อ่านแฮชแท็กกับคอมเม้นต์แล้วชื่นใจ รีบมาอัพเลยยยย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ยังไงชานยองก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วนี่ๆๆๆๆ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 29 มีนาคม 2560 / 20:13
คุณชานยอลต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ
กิ๊ซซซซ
แต่ของแบบนี้มันมีสารเคมี
มันก็ต้องมีตัวกระตุ้น
จะได้ส่งผลเร็วยิ่งขึ้นไง คิคิคิ