ตอนที่ 22 : Lovely you : เธอน่ารัก ตอนยี่สิบสอง
แบคฮยอนต้องทนกับการกลั่นแกล้งของโชรงอีกหลายวัน แม้จะขุ่นเคืองสักแค่ไหนเด็กหนุ่มก็บอกตัวเองให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะนิ่งได้ ฝ่ายนั้นฉลาดที่รู้จักใช้อำนาจในหน้าที่การงานเป็นเครื่องมือ ไม่ว่าจะเป็นการไหว้วานให้ช่วยขนหนังสือหนัก ๆ จัดดิสเพลย์ของพนักงานที่ลาหยุด ห่อปกหนังสือทีละเป็นตั้งหรือส่งลูกค้าต่างชาติขาวีนมาให้คนแล้วคนเล่า ทุกสิ่งล้วนมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานเสียสิ้น แบคฮยอนมองดวงตาคู่โตด้วยความอดทน มันเป็นการฝึกจิตใจในระดับยากแต่ก็ไม่ยากเกินจะทำได้
โชคดีที่สองสามวันมานี้ใครบางคนทำตัวน่ารักจนคุณแบคฮยอนแทบลืมความแค้นเคืองทั้งหมด ชานยอลแปลกไปจริงดังที่คิด แม้กระทั่งในเวลางานคนตัวโตยังเฝ้าคอยห่วงใยโดยไม่เกรงสายตาใคร(หรืออาจจะเพราะปกติก็ไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว) หากงานของตัวเองเสร็จสิ้นชานยอลมักจะเดินตามหาแบคฮยอน หลายครั้งที่คุณหนูตัวขาวกำลังตกที่นั่งลำบากก็ได้ชายหนุ่มช่วยไว้ อย่างค่ำวันหนึ่งแบคฮยอนเจอเคสหนัก ต้องห่อปกหนังสือกองใหญ่จนใกล้หงุดหงิดชานยอลก็ลากฮิมชันออกมาช่วย แม้จะสงสัยว่าทำไมถึงมีแค่แบคฮยอนทำอยู่คนเดียวชายหนุ่มก็ไม่พูดไม่ถาม ถ้าฮิมชันไม่ติงว่าทำไมโชรงไม่ขอความช่วยเหลือเข้าไปในห้องพักแบคฮยอนก็คงไม่รู้ว่านั่นเป็นหนึ่งในแผนของเจ้าเก่ารายเดิม
“พอแล้วครับ ที่เหลือผมกับฮิมชันจัดการเอง”
“ไม่เป็นไร เราทำได้”
“คุณทำมาเยอะแล้ว กองนั่นทั้งหมดเลยใช่ไหม” คุณแบคฮยอนผงกหัวหงึกหงัก
“ก็ใช่ แต่งานก็ยังไม่เสร็จไง”
“อีกเดี๋ยวก็เสร็จครับ”
“ไม่เอาอ่ะ เราอยากทำ เล่มนี้เราชอบ ปกมันสวย เราจะห่อ” บู้ปากพลางดันมือใหญ่ออกจากหนังสือ ชานยอลหรี่ตามอง เปลี่ยนไปจับอีกมุม ยื้อแย่งหนังสือเล่มเดียวกันโดยลืมไปว่ามีคิมฮิมชันยืนกลอกตาไปมาเป็นหัวหลักหัวตออยู่ตรงนั้นด้วย
“อย่าแย่งนะ”
“จะแย่ง”
“ฮื่อ! ตกลงจะมาช่วยหรือจะมาทำให้งานเสร็จช้าลง” คนหวังดีเขาไม่ตอบอะไรนอกจากก้มหน้าก้มตาห่อปกพลาสติกแล้วก็ยิ้ม คุณแบคฮยอนเกลียดจริง ๆ นะ แค่หน้านิ่งคุณหนูก็แพ้ราบคาบแล้วนี่ยังกระตุกยิ้มหล่อเป็นมนต์สะกดมารปิดท้ายอีก อะไรทำให้ปาร์คชานยอลอัพเลเวลความร้ายได้รวดเร็วปานนี้
คุณหนูจับได้ว่าหลังจากนั้นชานยอลจะเข้ามาช่วยงานแทบทุกครั้ง ทั้งสองมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้น แบคฮยอนอาจจะเขินบ้าง ใจเต้นบ้าง หลายครั้งเกือบทำงานพลาดเพราะมัวแต่มือไม้สั่นแต่เขาก็มีความสุข สุขมากกกกกจนทำให้ผู้หญิงบางคนยิ่งเคืองหนัก ถ้ามีชานยอลอยู่แถวนั้นโชรงจะเอาตัวรอดด้วยการทำเหมือนเพิ่งเห็นว่าแบคฮยอนกำลังลำบากแล้วก็รี่เข้ามาช่วยอย่างเต็มใจ แบคฮยอนจะตั้งใจทำงานไม่ตอบโต้ไม่ต่อคำปล่อยให้คู่กรณีทำตาใสใส่ชานยอลให้เต็มที่ อยู่กันสองต่อสองคุณแบคฮยอนจะน่ารักเต็มอัตราแต่ถ้ามีผู้หญิงอีกคนแทรกกลางเด็กหนุ่มจะเก็บคำเงียบ ยิ้มบ้างบางจังหวะ ชานยอลมีตาก็ต้องรู้ว่าแบคฮยอนไม่สนิทใจกับหญิงสาวอีกคน คนกลางต้องมองออกว่าใครเป็นผู้ถูกกระทำ ไม่จำเป็นต้องฟ้องเป็นคำพูด แบคฮยอนเล่นละครเก่ง โชคดีที่มีแค่คนใกล้ชิดอย่างอี้ชิง จงอินและบิดาที่รู้เรื่องนี้
“ครับ ด้วยความยินดีครับ” แบคฮยอนเลือกวางหูโทรศัพท์ในตอนที่หนึ่งในเพื่อนร่วมงานกำลังลุกจากเก้าอี้ เด็กหนุ่มส่งยิ้มสดใสยามรั้งตัวอีกฝ่ายไว้
“โบมี ถ้าผ่านชั้นศูนย์สี่ ช่วยสอยหนังสือมาเผื่อสักเล่มสิครับ” โบมีเจอรอยยิ้มแห่งมิตรภาพเข้าไป ไอ้ที่เคยจำได้ว่ารายนี้เคยทำให้เพื่อนสาวขุ่นไว้อย่างไรบ้างก็เลยเลือน ๆ ตกปากรับคำอย่างเต็มใจ แบคฮยอนยิ้มตบท้ายแล้วรอยยิ้มกว้างขวางก็พลันเปลี่ยนเป็นเม้มปากแน่น
ชานยอลยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมหนังสือในมือ
ดวงตาดำลึกกำลังมองตรงมา
คนมั่นใจอย่างคุณแบคฮยอนเขินจนเกือบจะมุดเข้าไปในจอคอมพิวเตอร์!
“ลูกค้าโทรมาจองหนังสือหรือครับ?” พนักงานน้องใหม่พยักหน้ารับเร็ว ๆ ไม่ตอบคำก็ใช่ว่าคนชวนคุยเค้าจะยอมแพ้ล่าถอยนะ ชานยอลดึงเก้าอี้มานั่ง เอ่ยพอให้ได้ยินเพียงรัศมีหนึ่งช่วงแขน
“เก่ง รับออเดอร์ลูกค้าได้แล้ว”
“ก็ไม่ได้ยากอะไร แค่จดรายละเอียดลงในแบบฟอร์มการจองแล้วก็เอาไปแปะกับตัวเล่ม แยกหนังสือมาเก็บไว้ในเคาน์เตอร์ แค่นั้นเอง”
“ปกติพนักงานใหม่ไม่ค่อยมีใครกล้ารับลูกค้า กลัวทำงานพลาด กลัวคุยกันไม่รู้เรื่อง กลัวลูกค้าไม่พอใจ แต่ผมดูแล้วคุณแบคฮยอนไม่เป็นแบบนั้นเลย”
“แหม ก็ทำงานมาตั้งนานแล้วก็ต้องชินบ้างสิ”
“ไม่ใช่ครับ คุณเป็นแบบนี้มาตั้งแต่วันแรก” แบคฮยอนยอมหันไปมองพี่เลี้ยงแวบหนึ่ง พูดแบบนี้กะจะให้เราเข้าใจว่าแอบมองกันตั้งแต่วันแรกล่ะซี่
“ก็ เพราะครูสอนดี นักเรียนเลยเก่ง” ที่แบคฮยอนทำได้โดยไม่เคอะเขินเป็นเพราะเขาไม่กลัว ไม่กลัวทั้งลูกค้าทั้งความเสียหาย คนที่ต้องกลัวควรจะเป็นคนอื่น
“นักเรียนเก่ง เก่งจนครูไม่กล้าสอนแล้ว” คนตัวเล็กย้ายสายตากลับไปมาระหว่างใบหน้าคมคายกับปากกาในมือ กระจับปากเล็กยื่นนิด ๆ ชวนให้สงสัยนัก
“อะไรครับ?” คุณหนูอมยิ้ม
“ชานยอลน่ะ ต่อความล้อเล่นกับคนอื่นก็เป็นเนาะ”
“แล้วกัน ผมก็คนธรรมดา เรื่องแบบนี้เค้าก็ทำกันโดยทั่วไปไม่ใช่หรือครับ” ไม่หรอก สำหรับแบคฮยอนแล้ว ชานยอลไม่มีทางธรรมดา ชานยอลเป็นมากกว่าคำว่าพิเศษเสมอ คุณหนูทำใจกล้าสู้สายตาคมพราว มีหลายเรื่องที่อยากสานต่อหากโบมีก็เดินกลับมาพร้อมหนังสือที่แบคฮยอนต้องการเสียก่อน คนตัวขาวยื่นสองมือออกไปรับส่งเสียงขอบคุณผ่านรอยยิ้มกว้าง
“แป๊บนะ” ติดกระดาษจองไว้ตรงหน้าปกแล้วก็เอาไปเสียบไว้ตรงแถวหนังสือด้านหลัง ต่อจากนั้นลูกค้ากลุ่มใหญ่ก็เดินตรงเข้ามา ชานยอลลุกไปรับหน้าที่อย่างไม่อิดเอื้อน แบคฮยอนมองจากจุดเดิมเห็นร่างสูงโดนห้อมล้อมด้วยเด็กสาวมอปลายก็ถอนใจแผ่วเบา ไม่ใช่แค่เขา คนที่มีตาล้วนมองเห็นคุณค่าของผู้ชายตรงหน้า ลงแบบนี้แล้วแบคฮยอนจะปล่อยให้นางร้ายมือสมัครเล่นแย่งไปได้ยังไง
ถึงจุดนี้ คงไม่มีใครยอมถอย ต่างฝ่ายต่างเปิดเผยความตั้งใจต่อกันโดยไม่คิดจะเกรงใจหน้าไหน สงครามเย็นที่เริ่มก่อเค้านับตั้งแต่พบหน้าทวีความรุนแรงอยู่ภายใต้รอยยิ้มของทั้งสองฝ่าย โชรงไม่เคยคิดเรื่องใครจริงจังเท่าชานยอล ชายหนุ่มเป็นคนเดียวที่ทำให้หล่อนต้องการครอบครองเป็นเจ้าของจนอยู่ไม่เป็นสุข หล่อนกลัดกลุ้มไม่เป็นอันทำอะไรเมื่อเห็นคนอื่นล่วงล้ำเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม พื้นที่ที่หล่อนเพียรพยายามแทรกซึมเข้าไปแต่ไม่เคยสำเร็จ หากพูดอย่างไม่อคติเกินไปแบคฮยอนคือศัตรูตัวฉกาจ คุณสมบัติของเด็กคนนั้นเหนือกว่าหล่อนทุกอย่างยกเว้นรูปร่างหน้าตา
โชรงลำพองว่าอย่างน้อยหล่อนก็มีเสน่ห์เย้ายวนมากกว่าอกแห้ง ๆ ของเด็กผู้ชาย ทุกวันหล่อนมีผู้ชายเข้ามาจีบ แสดงความสนใจทั้งลูกค้าขาจรขาประจำหรือแม้แต่ตอนเดินถนน แล้วบยอนแบคฮยอนมีใคร เวลาอยู่ในวงสนทนาก็ไม่เคยได้ยินเรื่องเด็กนั่นกับมนุษย์หน้ามืดที่ไหน อีกอย่างที่โชรงเหนือกว่าคือโอกาส หล่อนเจอชานยอลทุกวันขณะที่เด็กนั่นแทบไม่มีโอกาส ตราบจนมันเสนอตัวมาทำงานที่เดียวกันโชรงถึงเริ่มเครียด ทางเดียวที่จะทำคือเคลียร์ทางให้โล่งเหมือนเดิม
ทุกวันนี้หล่อนมีความสุขกับการมาทำงานเหลือเกิน ได้แกล้งคู่แข่งวันละหลาย ๆ ครั้งโดยที่ไม่มีใครรู้ ไอ้เด็กไฮโซนั่นก็ถือหน้าตาศักดิ์ศรีไม่ยอมปริปากบอกใคร ไม่ว่าจะโดนกดดันแค่ไหนก็แค่เม้มปากหน้าเชิดตอบกลับ โชรงเฝ้ารอวันที่คุณหนูบยอนอกแตกตายหรือไม่ก็ทนไม่ไหวอาละวาดออกมา หล่อนอาจจะยอมเสี่ยงให้ตบหรือเจ็บตัวนิดหน่อยนะ ถ้ามันทำให้เสี้ยนหนามหลุดไปจากชีวิตรักได้โชรงยอม
ดีเสียอีก
ผู้ถูกกระทำเรียกคะแนนสงสารได้ล้นเหลือเสมอนี่นา
หญิงสาวเพลิดเพลินกับแผนการโดยที่ไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามแสดงตัวเป็นผู้ถูกกระทำกับเป้าหมายหลักอย่างแนบเนียน แทบไม่เว้นวัน
แบคฮยอนเคาะนิ้วกับตู้เก็บของ ดวงตาเรียวยาวหยุดนิ่งอยู่บนหน้าจอมือถือ(หนึ่งในสามเครื่อง)อยู่พักใหญ่ คนตัวเล็กมองแล้วก็ยิ้มอยู่อย่างนั้นจนอีกคนเพิ่งมาถึงสงสัย ขายาวหยุดเยื้องไปเล็กน้อย ชานยอลไม่ได้ถือวิสาสะมองชายหนุ่มเพียงแต่ถามอย่างสุภาพ
“มีเรื่องดี ๆ หรือครับ”
“มาแล้วหรือ? ทำไมวันนี้ช้า เรารอตั้งนานแน่ะ” จะถามก็ได้น้าว่ารอทำไม มีธุระอะไรถึงต้องรอ แต่แฟนคุณหนูไม่ถามร้อกกกก หลายวันมานี้เค้ารอกันตรงหน้าสถานีทุกวัน เรื่องปกติ “ทำงานกลุ่มครับ เสร็จช้าเพราะเพื่อนคนหนึ่งลืมเอกสารต้องกลับไปเอาที่บ้าน ผมโทรมาบอกผู้จัดการแล้วว่าขอลาหนึ่งชั่วโมง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ถ้ามีกับชานยอลก็อยากมีเหมือนกันแหละ >.<
“เปล่า เป็นห่วงเฉย ๆ” คนตัวโตกว่าเก็บของไปพลางยิ้มไปพลาง แบคฮยอนเขินจนต้องกลั้นยิ้มแล้วออกเดินมาก่อน ชานยอลเดินตามมาทันตอนออกจากห้องสต็อกพอดี แรงรั้งเบา ๆ ตรงแขนเสื้อเรียกให้คนตัวเล็กหันกลับ ภาพที่เห็นคือเรือนผมดกดำใกล้กับช่วงไหล่
เอาจริง ๆ ไหม ไหววาบไปทั้งเนื้อทั้งตัวอ่ะ
“ผ้ากันเปื้อนหลุด ผมจะผูกให้ใหม่”
“มะ ไม่ทันรู้เลย”
“ก็มัวแต่ยิ้มกับโทรศัพท์”
“...ชานยอลน่ะ...แปลกไปจริง ๆ ด้วย...” ยิ้มอีกแล้ว หยอดอะไรไปก็เอาแต่ยิ้มลูกเดียว ไอ้ครั้นจะให้ไปวอแวเค้นเอาคำตอบใจตัวก็ไม่แกร่งพอ ชะดีชะร้ายเจอคนหล่อมองตาพราวให้จะพ่ายหมดท่ากลับมาครางหงิง ๆ อีก คุณหนูหันกลับทางเดิมพอดีกับที่โชรงกำลังถือหนังสือเดินผ่านมา ริมฝีปากบางรีบวาดยิ้ม ทักทายประหนึ่งเพื่อนรักเพื่อนเลิฟ
“พักเบรกหรือครับคุณโชรง?”
“ค่ะ” สายตาคู่นั้นมีคำถาม มีความข้องใจเมื่อเห็นชานยอลยืนซ้อนหลังร่างเล็กอยู่ หากแบคฮยอนจงใจเพิกเฉยหันไปขอบคุณคนตัวโตพร้อมรอยยิ้มน่ารัก คุณหนูก้าวหลบเมื่อชานยอลเดินล้ำหน้าไปก่อน พ่อคนดีเขามุ่งมั่นกับงาน ยิ่งวันนี้มาช้ากว่าปกติยิ่งไม่อยากสนใจอะไรนอกจากหน้าที่ความรับผิดชอบ ชานยอลเลยไม่สนใจเมื่อแบคฮยอนไม่ตามไปทันทีและก็ไม่เห็นแบคฮยอนไหวไหล่ยั่วกิเลสคุณโชรงคนสวยอย่างตั้งใจ
“ผ้ากันเปื้อนหลุดน่ะครับชานยอลเลยผูกให้”
“ดีนะคะที่ยังหลุดแค่ผ้ากันเปื้อน ไม่จงใจทำอย่างอื่นให้หลุดด้วย” แบคฮยอนกลอกตาไปซ้ายทีขวาที เอาให้รู้กันไปเลยว่าแกล้งทำ
“ไม่ดีหรอกครับแบบนั้น ถ้าเป็นในห้องก็ว่าไปอย่าง แต่ถึงตอนนั้นคิดว่าคงช่วยกันทำหลุดแหละครับ โอ๊ะ เลยเวลาพักมาหลายนาทีแล้ว ไปทำงานก่อนนะครับ ไม่อยากโดนพี่เลี้ยงดุ” คุณหนูหัวเราะเสียงใสกิ๊งปิดท้าย ไม่สนใจว่าโชรงจะหน้าแดงก่ำไปถึงส่วนไหนบ้าง ร่างเล็กโฉบผ่านไปยังแผนกพืชและสัตว์ ผู้ดูแลตัวโตกำลังขะมักเขม้นกับการจัดหนังสือ แบคฮยอนยิ้มยิงฟันใส่ตาคู่คม ใจนั้นอยากรี่เข้าไปช่วยแต่อีกใจก็เป็นห่วงงานสำคัญ พอหมดพักเบรกของกะค่ำพวกกะเช้าก็ได้กลับบ้าน ตอนนี้ในแผนกเลยเหลือพนักงานอยู่เพียงไม่กี่คน แบคฮยอนกำลังตรวจหนังสือแถวหลังเมื่อโชรงกลับมาประจำตำแหน่ง พอโดนตอกกลับไปจัง ๆ เสียครั้งหนึ่งเจ้าหล่อนก็ยิ่งทวีแรงแค้น แบคฮยอนเลยถูกรุ่นพี่คนสวยใช้ให้กรอกตัวเลขใส่ตารางจนตาลาย
“สวัสดีค่ะ” ได้ยินเสียงโบมีร้องทัก ทุกคนในแผนกก็เงยหน้ามองผู้มาใหม่อย่างพร้อมเพรียง ลูกค้าคนล่าสุดเป็นหญิงวัยกลางคน สวมแว่นสายตากรอบเหลี่ยม ท่าทางเจ้าระเบียบและเย่อหยิ่งไม่น้อย
“ฉันมารับหนังสือที่จองไว้”
“ค่ะ ขอทราบชื่อผู้จองด้วยค่ะ” บอกชื่อก่อนจะเสริมด้วยเสียงระดับเดิม
“หนังสือเรื่องรอยปรารถนา คนรับเรื่องคือพนักงานผู้หญิงชื่อคุณปาร์คโชรง” พอได้ยินชื่อหนังสือโชรงก็รู้ทันทีว่าเป็นขอบเขตรับผิดชอบของตน หญิงสาวลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้มสดใส
“ดิฉันรับเรื่องไว้เองค่ะ รอสักครู่นะคะ” แบคฮยอนวางมือจากงานตั้งแต่ได้ยินชื่อลูกค้าเช่นกัน คุณหนูเอนพิงพนักด้านหลัง มองโชรงไล่สายตาไปตามสันหนังสือบนชั้นวางเงียบ ๆ
“เอ อยู่ไหนนะ วันก่อนแยกมาเก็บไว้แล้วนี่นา”
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” โบมีถาม โชรงละมือจากชั้นเก็บหนังสือจอง ใบหน้ายังเปื้อนยิ้ม
“ไม่มีอะไร...รอสักครู่นะคะ ดิฉันจะไปเอาหนังสือมาให้” คุณลูกค้าไม่ว่าอะไร รอจนโชรงเดินหน้ายุ่งกลับมา โบมีอีกเช่นเคยที่เอ่ยปากถาม
“หาไม่เจอหรือ?”
“หนังสือหายไปจากเชลฟ์ทั้งแถบเลยมีเรื่องอื่นมาวางตรงนั้นแทน เล่มที่สำรองไว้ตรงนี้ก็ไม่มี หายไปไหนนะ” แบคฮยอนมองเจ้าของหมวดนวนิยายกรอกข้อมูลลงเครื่องสืบค้นแล้วก็ลุกไปด้านหลัง ชานยอลจัดหนังสือเสร็จพอดี ชายหนุ่มตามเข้ามาสมทบในแผนก เห็นคุณลูกค้ายืนหน้าเคร่งอยู่ก็ถามแบคฮยอนเบา ๆ
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“ลูกค้าโทรมาจองหนังสือกับคุณโชรงแต่ตอนนี้หาหนังสือไม่เจอ” ร่างสูงก้าวเข้าไปหาโชรง เอ่ยเสียงทุ้ม “ให้ผมไปหาในสต็อกให้ไหม”
“รายการนี้ฉันไม่ได้เก็บลงสต็อกเลยค่ะ มีอยู่แค่เจ็ดแปดเล่มเลยดิสเพลย์บนเชลฟ์หมดเลย ดูสิ ยอดนิ่งมาตั้งนานจู่ ๆ ก็ขายได้เกือบหมด อะไรกัน”
“สรุปแล้วฉันจะได้หนังสือที่จองไว้ไหมคุณ” ลูกค้าที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ครู่ใหญ่ถามเสียงงวด โชรงรีบลุกจากที่นั่งอีกครั้ง
“ได้ค่ะ ตอนนี้มีหนังสือเหลืออยู่เล่มหนึ่งพอดี รอสักครู่นะคะ”
“ก็ไหนคุณบอกสำรองไว้แล้ว แจ้งชื่อก็รับไปได้เลย ทำไมยังต้องหากันอีก”
“ขอโทษด้วยค่ะ รอสักครู่นะคะ ในฐานข้อมูลยังมีเหลืออยู่หนึ่งเล่ม คงเป็นเล่มที่จองไว้นั่นแหละค่ะ อาจจะมีคนมาย้ายที่เก็บ” โชรงว่าแล้วก็ตั้งท่าจะเดินออกจากเค้าเตอร์ไป
“ยังไงกันแน่ เล่มนี้ฉันหามาหลายร้าน อุตส่าห์ดีใจว่าที่ร้านนี้มีเลยจองไว้ จะผิดหวังอีกแล้วหรือยังไง...” เมื่อลูกค้าเริ่มขมวดคิ้วพนักงานทั้งหมดก็รู้แล้วว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี แบคฮยอนค่อยถอยหลัง ดึงหนังสือเล่มหนึ่งออกจากกองหนังสือชำรุดแล้วก็เสียบเข้าไปในแถวหนังสือจองอย่างรวดเร็ว พอโชรงกลับมาค้นอีกรอบก็พบเล่มที่ต้องการทันที
“เจอแล้วค่ะ เมื่อกี้คงจะผ่านตาไป หนังสือของคุณฮันกาอินนะคะ เอ๊ะ...”
“ไม่ใช่ บอกแล้วไงฉันจองไว้ในชื่อเชวจินจู”
“เล่มนั้นผมรับจองไว้เองครับ...” รายละเอียดบนแบบฟอร์มการจองนอกจากชื่อลูกค้าจะไม่ตรงกันแล้ว ชื่อผู้รับจองยังไม่ใช่โชรง หญิงสาวหันไปมองคนที่รับสมอ้างว่าสำรองหนังสือเล่มสุดท้ายไว้ให้ลูกค้า
“จองเมื่อไหร่ นี่มันหนังสือหมวดฉัน ทำไมฉันไม่รู้” แบคฮยอนยิ้มบาง ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ โชรงคนสวย โชรงคนเก่ง เสียงขุ่นเกินไปแล้ว
“เมื่อวานครับ ลูกค้าโทรมาจองตอนร้านใกล้จะปิดแล้ว” โบมีเห็นหน้าปกแล้วก็ครางในคอ
“อ้อ เล่มนี้ฉันหยิบมาให้คุณแบคฮยอนเองแหละ ลูกค้าโทรมาจองเมื่อวานจริง ๆ ชานยอลก็อยู่ด้วยนะตอนนั้น” โชรงหน้าเผือดราวกับกระดาษ
“มันยังไงกันพวกคุณ ฉันโทรมาจองเมื่อสามวันก่อนแต่ไม่ได้หนังสือ ส่วนคนที่จองทีหลังกลับได้อย่างนั้นหรือ พวกคุณทำงานกันยังไง ฉันขอพบผู้จัดการ!”
แบคฮยอนซ่อนทุกความรู้สึกไว้ภายใต้สีหน้าไร้อารมณ์ เด็กหนุ่มพูดไปแค่สองประโยคแล้วก็เงียบ ตลอดเวลาที่ผู้จัดการยูแจซอกและโชรงถูกลูกค้าตำหนิลูกค้าคนอื่นรวมถึงพนักงานกะค่ำรู้เห็นโดนถ้วนทั่ว หญิงสาวหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายหากดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายกร้าว แวบหนึ่งที่ดวงตาคู่นั้นตวัดมาทางแบคฮยอน คุณหนูก็ส่งยิ้มให้ราวกับเห็นใจเสียหนักหนา ผลคือโชรงสะบัดหน้ากลับไปทันที
“ฉันไม่ผิดนะ ฉันมั่นใจว่าแยกหนังสือมาไว้แล้ว ต้องมีใครสักคนหยิบไปแน่ ๆ” หล่อนแก้ตัวเสียงสั่น ไม่มีใครรู้ว่าโชรงหมายถึงใครยกเว้นเจ้าตัว หญิงสาวอารมณ์เสียเพราะหลังจากถูกลูกค้าตำหนิต่อหน้าคนทั้งร้านแล้วยังถูกผู้จัดการเรียกตัวไปตักเตือนอีกพักใหญ่
“คุณแบคฮยอน ตอนนั้นคุณก็อยู่ด้วยกันนี่” แบคฮยอนกะพริบตาปริบ
“ครับ? ผมหรือครับ?” เหตุการณ์ทำนองนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น ความผิดพลาดในการทำงานเกิดขึ้นได้เสมอ หากเป็นเรื่องสุดวิสัยก็จะแก้ไขกันไปตามความเหมาะสม หากเป็นเพราะความผิดพลาดของพนักงานเจ้าตัวจะถูกหัวหน้างานตำหนิและต้องปรับปรุงตัว แต่โชรงมั่นใจว่าตัวเองไม่ผิดและหล่อนก็มั่นใจว่าใครบางคนต้องมีส่วนรู้เห็นกับความอับอายในครั้งนี้ ถึงทุกคนจะจบเรื่องไปแล้วหล่อนก็ยังไม่ยอมจบ
“ใช่ ตอนคุณเชวจินจูโทรมาจองหนังสือ คุณแบคฮยอนนั่งอยู่ในเคาน์เตอร์กับฉัน ต้องเห็นสิว่าฉันเอาหนังสือมาเก็บไว้ข้างหลังนี้แล้ว” แบคฮยอนควรฉวยโอกาสนี้เรียกคะแนนนิยม แสดงสปิริตเพื่อซื้อใจคู่แข่ง เขาควรเป็นเด็กหนุ่มโลกสวยผู้พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน เสียดาย ตอนนี้แบคฮยอนไม่มีอารมณ์อยากช่วยใครเลย
“ผม ไม่แน่ใจครับ คงยืนยันได้ไม่เต็มร้อย”
“ทำไม เราอยู่ด้วยกันวันที่คุณโดนฉันสาดน้ำใส่นั่นไง!” คุณหนูเม้มปาก ไม่ลืมที่จะชำเลืองสบตากับคุณแฟนตัวสูง ชานอลได้ยินไหมมมมม คุณแบคฮยอนโดนสาดน้ำใส่ล่ะะะะะ
“อ๋อ วันที่ผมโดนสาดน้ำใส่กางเกง จำได้แล้วครับ วันนั้นลูกค้าโทรมาจองหนังสือจริง ผมได้ยินนะครับแต่ เอ่อ หลังจากนั้นผมก็มัวแต่หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแล้วก็ออกไปรับลูกค้า ไม่ได้อยู่จนถึงตอนคุณโชรงเอาหนังสือกลับมาเก็บก็เลยจำไม่ได้ ขอโทษด้วยนะครับ”
“ไม่จริง!” แบคฮยอนสะดุ้งจนเผลอยึดแขนคนตัวโตเอาไว้มั่น ตกใจจริงจริงงงงง ชานยอลยังเปลี่ยนสีหน้าเลยตอนได้ยินแม่คนดีเธอแหวใส่แบคฮยอน
“โชรง ใจเย็น ๆ น่า เรื่องมันแล้วไปแล้วก็ปล่อยไปเถอะ ผู้จัดการให้บัตรส่วนลดไปตั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์ลูกค้าคนนั้นมีแต่กำไรกับกำไร” โบมีที่เคยเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อนเมื่อครั้งก่อน วันนี้ก็ยังดำรงความยุติธรรมได้อย่างเที่ยงตรง หญิงสาวพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบหากโชรงตกอยู่ในวังวนความเจ็บความอาย หญิงสาวปักใจเชื่อว่าทุกอย่างเป็นแผนการของแบคฮยอน ดวงตาคู่โตประกาศข้อกล่าวหาชัดเจน
“แต่ฉันต้องถูกตำหนิว่าสะเพร่า ทำงานพลาด”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณแบคฮยอนล่ะ เค้าจำไม่ได้ เค้าไม่เห็นแต่เค้าก็ไม่ใช่คนที่ทำให้เธอทำงานพลาดสักหน่อย” สายตากล่าวโทษของโชรงทำให้เพื่อนพนักงานคนหนึ่งต้องท้วง ผลคือโดนสาวสวยแหวตอบทันควัน
“ฉันไม่ได้พลาด!”
“ก็เห็นอยู่ว่าพลาด”
“นี่!”
“พอแล้วน่า” โบมีปราม “เรื่องมันแล้วไปแล้ว ถ้าเธอมั่นใจว่าไม่ได้พลาดก็คงเป็นเพราะสาเหตุอื่น”
“สาเหตุอะไรล่ะ”
“คุณโชรง ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ครับ กระดาษจองอาจจะหลุดเลยไม่มีเอกสารติดว่าเป็นหนังสือจอง คนหวังดีคงเก็บไปคืนที่หมวดให้ เมื่อก่อนก็เคยมีเรื่องแบบนี้นี่ครับ อย่าคิดมากเลย ผู้จัดการคงพูดไปตามหน้าที่แต่พวกเรารู้ดีว่าคุณตั้งใจทำงานเสมอ” โห เพื่อนปลอบเป็นชั่วโมงไม่ยอมเลิกเหวี่ยง เจอเสียงทุ้ม ๆ เข้าไปไม่กี่ประโยคก้มหน้าน้ำตาคลอเลยทีเดียว
“ฉันเจ็บใจนี่คะ ไม่ผิดแต่ต้องมาโดนว่า”
“เอาน่า ป่ะ เดี๋ยวเลี้ยงของว่างก่อนกลับบ้าน ชานยอลกับคุณแบคฮยอนก็ไปด้วยกันสิ ดื่มเป็นเพื่อนปลอบใจโชรงเค้าหน่อย เดี๋ยวโทรไปตามฮิมชันด้วย หมอนั่นคงเตร่อยู่แถวนี้แหละ” ไอ้ที่โบมีทำดีมาทั้งวันก็มาเสียเอาตอนชวนแฟนคุณแบคฮยอนไปจิบเหล้าปลอบใจโชรงนี่แหละ คุณหนูจะปฏิเสธก็ได้โชรงคงพอใจอย่างนั้นแต่พอดีเขาไม่อยากให้คู่แข่งพอใจ แบคฮยอนเลยเงยหน้ามองคนตัวโต ขอความเห็นด้วยสายตา เอาให้รู้กันไปเลยว่าถ้าชานยอลอยู่เราก็จะอยู่นะแต่ถ้าชานยอลกลับเรากลับ ตรง ๆ ว่าเชื่อฟังแฟน
“พรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้า ถ้าไม่นานมากก็โอเค” แบคฮยอนโอเคด้วย ร่างเล็กกระชับสายกระเป๋า ชะงักเล็กน้อยเมื่อประสานสายตากับปาร์คโชรง โห หน้าตอนโกรธสวยจัง (หัวเราะ)
“โอ๊ย เปียกหมดแล้ว โชรงเธอเมาหรือเปล่าเนี่ย” โบมีร้องพลางหัวเราะร่วน หญิงสาวรีบดึงแก้วเบียร์ออกจากมือเพื่อนเมื่อคนทำแก้วคว่ำทำท่าจะดึงกลับไปอีก
“เมาอะไรกัน ดื่มไปนิดเดียว” โชรงทำหน้ามุ่ย หล่อนดื่มไปหลายแก้ว ความอัดอั้นในอกมีมากจึงหวังจะใช้แอลกอฮอล์ช่วยบรรเทา อีกทั้งต้องการประชดใครบางคนที่เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ยอมปลอบใจโชรงเหมือนคนอื่น ๆ
ทำไมนะ ทำไมเขาไม่เห็นใจหล่อนเลย โชรงทุ่มเทใจให้เขาเพียงคนเดียวมาเป็นปี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นที่ปรึกษาทุกเรื่องเท่าที่เขาต้องการ คอยใส่ใจถามไถ่ทุกข์สุข หวังเอาความอ่อนหวานเป็นใบเบิกทางให้เขายอมรับ ทำไม ทำไมชานยอลไม่ใจอ่อนกับหล่อนบ้าง
ดวงตากลมโตชำเลืองไปทางใครอีกคน บยอนแบคฮยอนนั่งอยู่อีกด้านของคนตัวโต โชรงจึงมีโอกาสเอนเข้าหาไออุ่นจากร่างสูงหลายต่อหลายครั้ง แล้วดูเอาเถอะ ยัยโบมีงี่เง่าก็ไม่รู้กาลเทศะดึงหล่อนออกจากต้นแขนชานยอลอยู่นั่น เจ้าตัวเขายังไม่ว่าอะไรแล้วหล่อนจะมาเจ้ากี้เจ้าการเพื่ออะไรโบมี!
“ขอออกไปสูดอากาศหน่อยนะครับ เริ่มมึน ๆ แล้ว” แบคฮยอนว่าแล้วก็ผละจากบาร์ เลื่อนประตูร้านออกมาสู่ไอเย็นด้านนอก ร่างเล็กหันกลับไปด้านหลังก่อนจะเลี่ยงไปยังม้านั่งยาวข้างร้าน อากาศหลังฝนตกกำลังสบายแต่ทำไมคนที่เดินตามออกมาหน้าตาไม่สบายเอาเสียเลย
“ฝีมือนายใช่ไหม” คุณหนูเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ใช้รอยยิ้มแทนคำตอบอันแท้จริง
“นายเป็นคนทำ นายวางแผนทั้งหมด ลูกค้าคนนั้นก็คนของนายใช่ไหม” แบคฮยอนกางนิ้วสำรวจเล็บทั้งสองข้าง ฉลาดรู้นี่แหละดีจะได้ไม่ต้องเสียเวลาบอก เขาต้องการให้ยัยนางร้ายมือใหม่รู้อยู่แล้ว แหมะ ถ้าโชรงไม่รู้ว่าตัวเองตกที่นั่งลำบาก ได้รับความอับอายเพราะฝีมือคู่แข่ง มันจะสะใจได้ยังไงกัน
“ลูกค้าคนนั้น? คนไหนครับ? ถ้าหมายถึงคุณเชวจินจูล่ะก็ไม่ใช่ครับ คนนั้นเป็นลูกค้าคุณนี่ วันนี้ผมยังเห็นเค้าด่าว่าคุณทำงานชุ่ยอยู่เลย”
“บยอนแบคฮยอน!”
“ลูกค้าคนนั้นเป็นของคุณ ไม่เกี่ยวกับผม”
“แล้วทำไมหนังสือที่ค้างชั้นมาตั้งนานถึงขายหมดในสามวัน เรื่องมันไม่บังเอิญขนาดนี้หรอก นายทำ!” แบคฮยอนยิ้มตาพราว เสียงหัวเราะเริงรื่นยิ่งเร่งให้โชรงตัวสั่น
“บังเอิญจริง ๆ ครับ”
“.........”
“บังเอิญว่าผมเกิดมามีเงิน มีอำนาจ มีคนคอยช่วยเหลือไม่ว่าจะอยากทำอะไร แต่ไม่บังเอิญที่ผมเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นและไม่บังเอิญที่ฉันต้องการเอาคืนเธอ ปาร์คโชรง”
“หึ สุดท้ายก็ยอมรับว่านายตั้งใจแกล้งฉัน” แบคฮยอนไหวไหล่ มาดคุณหนูหัวสูงอย่างยากจะเทียบติด
“ฉันยอมรับอยู่แล้ว แค่เอาคืนพวกชอบแส่หาเรื่องก่อน ไม่มีเรื่องไหนที่ควรละอายใจแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตให้ต้องเกรงกลัว” โชรงกำหมัดแน่น ในหัวหล่อนมีภาพตัวเองกำลังจิกทึ้งเรือนผมดกดำแล้วตะกุยเล็บลงบนใบหน้าระรื่นนั้นซ้ำ ๆ ไอ้ตัวดี ไอ้มารร้าย ไอ้ปีศาจ มันเหยียดตามองเหมือนหล่อนไม่มีค่า ไม่คู่ควรพอจะอยู่บนแผ่นดินเดียวกัน หล่อนเกลียดไอ้เด็กไฮโซจนอยากจะทำตามภาพในความคิดทันทีทันใดนั้นเลย
“สองหน้า! อยากรู้นักถ้าชานยอลรู้เรื่องนี้เค้าจะว่ายังไง”
“เอาสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเค้าจะเชื่อผู้หญิงที่คอยแกล้งเพื่อนร่วมงานอย่างเธอหรือ...” นิ้วเล็กชี้เข้าหาตัวเอง “เพื่อนคนพิเศษอย่างฉัน”
“อ๋อ ก็เลยฟ้องชานยอลดักทางไว้ก่อนสินะ นี่หรือคุณหนูจากตระกูลผู้ดีเก่า ไม่ใช่สิ นายไม่ได้เป็นผู้ดีเก่ามาจากไหนนี่ ฉันได้ยินมาว่าก็แค่ลูกพ่อค้าคหบดีที่บังเอิญค้าขายจนร่ำรวยขึ้นมาในรุ่นหลัง มิน่า ไม่มีความเป็นผู้ดีในสายเลือด แต่ละอย่างที่ทำเลยไม่ผิดจากพวกตัวอิจฉาในละครเท่าไหร่ ทำตัวสูงส่งเหนือกว่าคนอื่นแต่สุดท้ายก็วิ่งไล่จับผู้ชายเหมือนกัน” แบคฮยอนเหยียดกลีบปากออกเป็นเส้นตรง ร่างขาวจัดลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาว ก้าวเข้าหาคู่สนทนา ช้า ๆ
“นี่นะ ปาร์คโชรง เธอจบจากโรงเรียนไหนน่ะ ได้เรียนชั้นอนุบาลหรือประถมหรือเปล่า ทางโรงเรียนเค้าไม่สอนหรือว่าเด็กดีไม่ควรพาดพิงบรรพบุรุษผู้อื่นในทางเสื่อมเสีย” โชรงขยับจะตอบโต้หากทันเพียงอ้าปาก “พ่อแม่ฉันจะเป็นผู้ดีเก่าหรือร่ำรวยหรือไม่ไม่สำคัญแต่พวกท่านก็ไม่เคยสอนให้ฉันลามปามผู้ใหญ่ เธอน่ะ สันดานแย่สุด ๆ ไปเลยนะ”
“นายไม่มีสิทธิ์ว่าฉัน!”
“มีสิ! แค่ฉันอยากจะด่าฉันก็มีสิทธิ์แล้ว คนอย่างเธอน่ะเป็นแค่เศษใบไม้แห้ง ๆ บนทางเท้าโชรง บางวันฉันอารมณ์ดีฉันอาจจะแค่เดินผ่าน ถ้าเธอรู้จักเจียมตัวไม่ขืนมาระรานก่อน เธอก็จะมีประโยชน์เป็นพรมปูพื้นหญ้าแบบนั้นไปเรื่อย ๆ แต่เธอมันไม่เจียมตัว กล้าเป็นคู่แข่งกับคนอย่างฉันไม่พอยังใช้วิธีสกปรกอย่างหน้าด้าน ๆ” คุณหนูประสานสองแขนไว้เหนืออก ลอยหน้ายิ้มพริ้มเพรา “ฉันเห็นใจเธอนะที่ชานยอลเค้าไม่มีใจให้น่ะ สงสารด้วยเวลาเห็นเธอมองตามเค้าตาละห้อยแล้วเค้าไม่สน แต่สำหรับคนอย่างเธอ ตอบโต้ด้วยวิธีสกปรกแบบที่เธอคุ้นเคยมันก็เหมาะที่สุดแล้ว!”
“นายเลือกวิธีด้วยหรือแบคฮยอน เมื่อถึงเวลาจวนตัวที่สุดแล้ว คนเรามันก็ไม่เลือกวิธีหรอก” คุณหนูทิ้งแขนลงข้างตัว ส่ายหน้าไปมา
“ไม่ใช่แบบนั้นทุกคนหรอก ตั้งแต่เริ่มฉันพยายามในส่วนของฉันโดยไม่เกี่ยวกับเธอเลยด้วยซ้ำ เธอเองต่างหากที่ล้ำเส้นคนอื่นก่อน จำไว้นะปาร์คโชรง...” หนึ่งก้าวเพื่อลดระยะห่างให้น้อยลง แบคฮยอนบิดปากยิ้มจับมือคู่สนทนามากำไว้มั่น มองจากสายตาคนนอกดูเหมือนคู่รักชายหญิงกำลังคุยกันไม่ผิดนัก
“เงิน อำนาจ คนรับคำสั่ง ฉันมีมากกว่าเธอและที่สำคัญคือฉันร้ายกว่าเธอ ถ้าไม่อยากเดือดร้อนหนักกว่านี้ อย่าริอาจทำให้ฉันโกรธอีก จำไว้!”
#lovelycb
จำไว้!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชั้นว่าชานยอลได้ยินหมดเลย พนมมือ
จำวรั๊ยยย ปาร์คโชรง