ตอนที่ 17 : Lovely you : เธอน่ารัก ตอนสิบเจ็ด
ยืนมองอยู่นานแล้ว มองอยู่นานแต่ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ไม่มีความคืบหน้า ไม่ได้คำตอบ ไม่เข้าใจว่าเมื่อมันไร้ประโยชน์แล้วจะเสียเวลาอยู่ตรงนี้อีกทำไม ร่างเล็กแนบหน้าผากกับล็อคเกอร์ พ่นลมออกจากปอดก่อนจะรีบยืดตัวตรงแล้วจัดผมเผ้าอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ย่ำเข้ามาหลังจากเสียงประตูเปิด แบคฮยอนนับหนึ่งยังไม่ทันถึงสามก็ต้องรีบฉีกยิ้มส่งให้ผู้มาใหม่
“พักเบรกแล้วหรือ?”
“ครับ” สั้นมาก อยากได้คำตอบยาว ๆ อยากให้ยืนอยู่ตรงนี้นาน ๆ ไม่ใช่โผล่เข้ามาพอเจอเขายิ้มให้ก็ค้อมศีรษะแล้วก็เลี่ยงไปนั่งอีกทาง ไม่เห็นหรือว่าเราจองเก้าอี้พลาสติกเอาไว้ให้ตั้งสองตัว อยากให้นั่งพักคู่กัน ทำไมปล่อยให้ความตั้งใจของเราเป็นหมัน แบคฮยอนอยากรู้อาการเงียบขรึม พูดจาสุภาพคูณสามสี่ห้าเท่าของปกตินั่นมาจากไหน อะไรคือสาเหตุ แล้ว...แล้วมันเกี่ยวกับพวงกุญแจที่ชานยอลฝากไว้ให้ตั้งแต่เมื่อคืนหรือเปล่า?
“เหนื่อยมากหรือวันนี้?”
“ครับ”
“เพราะพักผ่อนน้อยหรือเปล่า อุตส่าห์เอากุญแจรถกลับไปคืนให้เรา ชานยอลเลยต้องนอนดึกกว่าทุกที” เอาน่ะ ขยับเข้าไปหาเองก็ได้ ห่างกันแค่ห้าเมตรเอง คุณแบคฮยอนพอมีแรงเหลือ ลากเก้าอี้พลาสติกตัวเดียวคงไม่เหนื่อยไปกว่าโดนคนตาหวานวางมาดขรึมใส่หรอก อย่างหลังนี่ไม่ใช่แค่เหนื่อยโดนไปทีละสองมีสิทธิ์ระบบความคิดล้มเหลวร่างกายอ่อนกำลังแล้วก็ปอดรั่วจนหมดลมได้
ลากเก้าอี้ไปวางข้างคนตัวโตได้ก็รีบนั่งลง สองมือถูไปมาบนเข่าทั้งสอง
คือ เก้อนิดหน่อยอ่ะ คนนั่งอยู่ก่อนเค้าไม่ขยับหนีแต่ก็ไม่ว่าไม่ทัก
หงื่ออออ หายใจลำบากจัง
“ชานยอล ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมวันนี้ดูเงียบ ๆ ไป” ชานยอลละสายจากนิตยสารแต่งรถ อาการกลอกตามองของชายหนุ่มทำให้คุณหนูไฮโซผู้ไม่เคยง้อใครยิ่งทำตัวไม่ถูก ฮือ รู้สึกเหมือนตัวเองเกะกะชานยอลยังไงก็ไม่รู้ ทำไม ทำไม ทำไม เมื่อค่ำวานยังงุงิอ๊อย ๆ กันอยู่เลย วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น!
“ปวดหัวนิดหน่อยครับ”
“หื้ม? ปวดหัวหรือ ปวดมากไหมแล้วทานยาไปหรือยัง” ดวงตาเรียวเบิกมอง ปากกระจับเล็กส่งเสียงถามพร้อมอาการกระตือรือร้นที่บอกชัดว่าห่วงใยคนไม่สบายอย่างไม่คิดจะปิดบัง สีหน้าแววตาน้ำเสียงที่จู่โจมเข้าหาดึงชายหนุ่มออกจากโลกสีเทาแบบไม่เปิดโอกาสให้ต่อรอง ชานยอลปิดหนังสือพร้อมกับส่ายหน้าไปมา ตอบเสียงทุ้มต่ำดังเดิม
“ผมทานยาแล้ว แค่หวัดน่ะครับ ไม่ต้องห่วง”
“วินิจฉัยเองได้ยังไง ถึงจะเป็นหวัดก็ไม่ควรประมาท เกิดเป็นเชื้อที่เค้ากลัว ๆ กันอยู่จะแย่นะ อย่าวางใจเลย เรียกหมอมาตรวจเถอะ เอ่อ เราหมายถึงไปให้คุณหมอตรวจดีกว่า นะ” แบคฮยอนโน้มน้าวคุณว่าที่พลางนึกสาปแช่งเชื้อโรคอยู่ในใจ ไอ้เชื้อไวรัสบ้า กล้าดียังไงมาทำร้ายแฟนเรา เห็นไหมว่ามันทำให้สะเทือนหลายสิ่งหลายอย่าง แบคฮยอนก็สงสัยตั้งนานว่าคุณแฟนเคืองอะไรหรือเปล่า ทำไมตั้งแต่เจอหน้ากันถึงไม่ยอมยิ้มไม่ยอมคุยเล่นด้วยเหมือนทุกที ที่แท้ก็เพราะชานยอลโดนหวัดเล่นงาน โธ่เอ๋ย คนดีของเรา เงียบมาทั้งวันที่แท้ก็ซึมเพราะพิษไข้นั่นเอง น่าสงสารอ่ะ อยากโอ๋จัง
“ไม่สบายก็น่าจะนอนพัก ลางานสักวันก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไหว”
“แน่นะ”
“ครับ คุณขยับออกไปหน่อยดีกว่า เดี๋ยวจะติดหวัด” ไอ้เชื้อหวัดนี่มันร้ายกาจแค่ไหนอยากจะรู้ ถ้าไม่ลำบากนักก็อยากลองติดดูสักที >/////<
แบคฮยอนคิดพลางกัดปากกลั้นยิ้ม สองแก้มใสซับสีจัดเมื่อเกิดความคิดนอกลู่นอกทางในหัว คนตัวเล็กทั้งปลาบปลื้มที่ชานยอลห่วงใยและหดหู่ใจที่ต้องรักษาระยะห่างตามคำบอก มิหนำซ้ำตอนแบคฮยอนขยับเก้าอี้ออกห่างคนตัวโตยังถอนใจยาวคล้ายโล่งอกโล่งใจอีกแน่ะ เหอะ รู้น่าว่าไม่อยากใกล้ชิดกับใครมากเกินไปแต่เราคือคุณแบคฮยอนนะ อนุโลมให้หน่อยก็ไม่ได้
“วันนี้ทำงานเป็นยังไงบ้างครับ เหนื่อยไหม” คุณหนูสั่นหน้า ยิ้มโชว์ฟันซี่เล็กน่ารัก
“ไม่เหนื่อย” ไม่เหนื่อยน้อยน่ะสิ! งานบ้าอะไรเยอะแยะมากมาย แบคฮยอนทำความสะอาดเชลฟ์ก็เมื่อยข้อต่อจะแย่อยู่แล้วยังต้องแกะกล่องกระดาษ เรียงหนังสือขึ้นชั้นโชว์อีก เขาหงุดหงิดจนเกือบจะเหวี่ยงลูกค้าไปตั้งหลายรอบ ตอนมีคนหล่อสอนงานให้ ทำงานเยอะกว่านี้หลายเท่าแบคฮยอนยังไม่ทันรู้สึกถึงคำว่าเพลียเลยด้วยซ้ำ คราวนี้แค่เปลี่ยนจากชานยอลเป็นคิมฮิมชันงานกลับน่าเบื่อแล้วก็ยิบย่อยคูณร้อยเท่า
“ทำไมถือกุญแจรถไว้ตลอดล่ะครับ ไม่เอาเก็บไว้จะหายนะ”
“อ๋อ คือ ลืมน่ะ เก็บดีกว่าเนาะ หายไปคราวนี้ชานยอลก็คงเอามาคืนให้ไม่ได้แน่ โอ๊ะ!...” เพราะรีบลุกแล้วก็รีบหันหน้ามาหาคู่สนทนาเป็นธรรมดาที่จะเสียหลักได้ง่าย ร่างเล็กจ้อยเซเพราะเตะใส่กล่องเก็บของใกล้ ๆ แบคฮยอนไม่ได้ตั้งใจจริงจะให้มันเป็นอุบัติเหตุ
ขอย้ำอีกทีว่า ไม่ ได้ ตั้งใจ!
“เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”
“..............”
“คุณแบคฮยอน?”
“นาย พูด พูดสุภาพกับเราอีกแล้ว” เสียงแหบพึมพำอยู่ในอกกว้าง แบคฮยอนไม่ถอยห่าง ไม่เงยหน้า ที่ยังทรุดอยู่ในอ้อมแขนแกร่งนั้นไม่ได้คิดฉวยโอกาสหรือยื้อเวลาแห่งความสุขแต่อย่างใด คุณแบคฮยอนก็แค่ แค่ไม่มีแรงลุกอ่าาาาา T^T
พระเจ้าใจร้าย! ถ้าจะประทานโอกาสให้ทำไมไม่เลือกเวลาอื่น นี่เขาเพิ่งออกแรงขนหนังสือเก็บในสต็อก เหงื่อซึมไปทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ชานยอลคงคิดว่าคุณแบคฮยอนใช้น้ำหอมกลิ่นหมึกพิมพ์แน่เลย!
“คุณแบคฮยอน...” แล้วดูอีกฝ่ายสิ เอี่ยมอ่องไปทั้งร่าง ทั้งเนื้อทั้งเสื้อผ้าทั้งไรผม หอมเท่ราวกับจะบาดไปถึงหัวใจห้องล่างสุดของคนใกล้ พระเจ้าใจร้ายยยยย!
“ยืนไหวไหมครับ ให้ผมดูหน่อย คุณเจ็บตรงไหนบ้าง”
เจ็บที่สุดตรงหัวใจ อยากให้รู้
“ขอโทษนะ เราซุ่มซ่ามไปหน่อย”
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
อย่าให้รู้ว่าใครกำกับละครชีวิตบทนี้ คุณแบคฮยอนจะตอบแทนให้ล่มจมไปถึงชาติหน้า ปาร์คโชรงเลือกเวลาปรากฏตัวอย่างกับมีคนคอยเขียนบทให้คิว แบคฮยอนยังไม่อยากละมือจากอกกว้าง ยังอยากซุกแก้มกับซอกคออุ่นอีกสักสองชั่วโมง(เป็นอย่างต่ำ)ก็เป็นอันต้องขยับถอยห่าง ชานยอลเองก็ละมือจากแขนเล็กราวกับไม่อยากให้ใครเข้าใจอุบัติเหตุเล็ก ๆ นั้นผิดไป แบคฮยอนเห็นสีหน้าระแวงของหญิงสาวหน้าหวานแล้วก็จงใจจัดปกเสื้อกับทรงผมให้เห็น วงหน้าเรียวเบือนหนี ไม่มองบุคคลที่สาม ท่าทีมีพิรุธนักในสายตาโชรง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ท่าทางแปลก ๆ” ชานยอลคนซื่อทำท่าจะตอบตามตรงแต่แบคฮยอนจับแขนแกร่งไว้มั่น หันไปส่งยิ้มให้ความห่วงใยของโชรง
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เอ่อ แค่อุบัติเหตุเล็ก ๆ น่ะ” ความจริงมันมีแค่นั้นแต่กริยาหลบตาแถมกัดปากกลั้นยิ้มบวกกับคำอธิบายแบบตะกุกตะกักไม่เต็มเสียงมันทำให้คนที่มีใจระแวงอยู่แล้วเชื่อได้ไม่เต็มร้อย...ซึ่งก็เข้าทางคุณแบคฮยอนคนดี
“อย่างนั้นหรือคะ ไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ ฮิมชันตามหาคุณแบคฮยอนอยู่นะคะ ข้างนอก” แบคฮยอนเอ่ยขอบคุณ หันไปพูดกับคนตัวโตว่า “หมดเวลาพักของเราแล้ว ชานยอลจะออกไปพร้อมกันเลยไหม คุณโชรงจะได้พักบ้าง”
แบคฮยอนเข้าใจว่าชานยอลไม่ได้ตั้งใจทำเหมือนละทิ้งหรือเมินเฉยใส่โชรง ในเวลางานชายหนุ่มยังคงปฏิบัติกับสาวสวยดังปกติ คอยช่วยเหลือ ตอบคำถาม รับลูกค้าอย่างไม่เกี่ยงงอน เวลานี้ที่ชานยอลเดินออกมาจากห้องสต็อกพร้อมกับแบคฮยอนก็เป็นเพราะหมดเวลาพักช่วงสั้น ๆ ดังที่แบคฮยอนเตือน ชานยอลมีงานค้างอยู่และต้องสะสางให้เสร็จเพื่อจะได้ไม่เป็นภาระกับกะเช้าพรุ่งนี้แต่โชรงคงไม่ค่อยเข้าใจนักเพราะก่อนจะออกมาจากห้องพักแบคฮยอนยังทันเห็น ดวงตากลมโตที่มองมาราวกับจะแล่เนื้อเขาออกเป็นชิ้น ๆ
“แปลกจัง” เปรยขึ้นขณะที่มีเพียงตนกับคนตัวโต ชานยอลจะต้องสนใจอยู่แล้ว คิ้วเข้มเลิกสูง พอแบคฮยอนส่ายหน้าแต่ยังไม่เลิกทำคิ้วขมวดชายหนุ่มก็อดที่จะถามย้ำไม่ได้
ชานยอลรู้ตัวมาได้สักพักแล้ว
ปฏิกิริยาของคุณหนูตัวขาว แม้เพียงเล็กน้อยกลับจุดความสนใจให้เขาจนละจากไม่ได้ บางครั้งแบคฮยอนมักมีความคิดแปลกประหลาด ดูห่างไกลจากโลกที่พวกเขาเหยียบยืนแต่บางทีความคิดในหัวสวย ๆ นั้นก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาพื้นฐาน มันน่าแปลกที่ชานยอลดันอยากรู้ ขนาดที่ว่าแมวที่คุณแบคฮยอนเจอตรงลานจอดรถสีอะไรหรือแถวคอนโดหรูฝนตกหนักมาก มากแค่ไหนก็เป็นเรื่องที่เขาอยากรู้ให้ละเอียดที่สุดเลยล่ะ
ชานยอลอยากรู้แม้แต่เรื่องธรรมดาอย่างที่สุด
เขาอยากฟังอยากให้คนตัวเล็กเล่าและมีหลายครั้งที่คนรักสันโดษ เกลียดความวุ่นวายอย่างชานยอล เรียกร้องให้คุณแบคฮยอนเอ่ยมันออกมาเสียเอง เช่นครั้งนี้
“คุณโชรงน่ะ เป็นอะไรหรือเปล่านะ”
“เป็นอะไรครับ”
“ชานยอลไม่สังเกตหรือ เมื่อกี้ตอนเดินออกมาเค้ามองตามพวกเรา ขนาดช่องว่างประตูเหลือแค่นี้” มือเล็กทาบเข้าใกล้กันจนเหลือระยะห่างเท่าที่ต้องการ “...ก็ยังมองอยู่เลย เป็นอะไรหรือเปล่านะ”
“อาจจะสงสัยเรื่องเมื่อกี้ ทำไมไม่ให้ผมบอกล่ะครับว่าคุณสะดุดกล่องแล้วเกือบล้มหัวฟาดพื้น” คุณหนูตัวขาวเบิกตาโต ปัดมือไปมาตรงจมูก “บอกไม่ได้ อายตายเลย เรื่องนี้ให้ชานยอลรู้คนเดียวนะ ห้ามเล่าให้คนอื่นฟัง ไม่งั้นโกรธจริง ๆ ด้วย สัญญานะ ไม่ว่าใครถามก็ห้ามบอก”
“ขอเหตุผลครับ”
“หื่อ ก็ไม่อยากโดนว่าซุ่มซ่ามนิ” รู้ไหม เขาเกือบจะยิ้มเพราะเหตุผลน่ารัก ๆ นั้น
“ครับ ถ้าคุณต้องการแบบนั้น”
“เยส คุณแบคฮยอนต้องการแบบนั้นแหละ” บอกแบบอื่นไม่ด้ายยย ขืนโชรงรู้ว่าไม่มีอะไรนอกจากอุบัติเหตุธรรมดา(ที่ไม่ธรรมดาของแบคฮยอน)ก็ไม่สนุกน่ะสิ ปล่อยให้คิดมากไปแบบนั้นแหละ ดีละ!
“สรุป กลับไปทำงานได้สามวันหมดยาคลายกล้ามเนื้อกับยาแก้ปวดเมื่อยไปอย่างละเท่าไหร่ ร้านขายยาแถวคอนโดรวยจนเลิกกิจการไปหรือยัง” มือที่กำลังวาดรูปดวงจันทร์ไว้บนขอบสมุดหยุดการทำงานไปสามวินาทีก่อนจะตั้งต้นขีด ๆ เขียน ๆ ต่อ เจ้าของดวงตาเรียวยาวชำเลืองมองคุณแม่ลูกหนึ่งโดยไม่ลืมทำเสียงสูง ๆ ตอบกลับ
“รวยอะไร ไม่ได้ซื้อออออ”
“อ้อ ลืมไปว่ามีนายแพทย์ประจำตัว คุณหมอสั่งยาให้กี่รอบแล้วล่ะ”
“กัดจริงจัง ปากคมตามฝีปากกาสามีนักเขียนไปทุกวัน”
“งั้นถามใหม่ คิมจงอินสำเร็จวิชานวดแผนโบราณไปกี่ขั้นแล้วคะคุณหนูแบคฮยอน” คุณชายแบคฮยอนเบ้ปากก่อนจะรีบใช้ปลายนิ้วคลึงขึ้นไปถึงโหนกแก้มป้องกันรอยย่นก่อนวัยอันควร
“อย่าไปพูดถึงเลยรายนั้นน่ะ ใช้ให้บีบนวดนิดหน่อยทำค่อนไม่รู้จบ ยอมนวดให้สองสามทีจากนั้นก็สะบัดตูดไปไหนก็ไม่รู้ มีหน้ามาบอกอีกนะว่าให้โทรไปเรียกผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหรือไม่ก็ท่านชานยอลมานวดให้ ฟังเธอพูดเสียก่อน น่ายุคุณอาให้ตัดเบี้ยเลี้ยงรายเดือนมาก”
“อาการหวงพี่กำเริบน่ะสิ”
“ก็คงงั้น ช่วยไม่ได้นิ มีพี่ชายน่ารักน่าชังอย่างเราน้องคนไหนก็ต้องหวง” อี้ชิงทำได้แค่หยิบกระเป๋าเครื่องสำอางมาเปิด เติมหน้าก่อนสามีแวะมารับกลับบ้าน
“ช่วงแรก ๆ ก็คงเป็นบ้างตามประสาคนไม่เคยทำงานหนัก อีกสักพักคงดีขึ้น ถ้าแบคฮยอนอดทนได้ถึงตอนนั้นนะ” คุณหนูผู้ไม่เคยกรำงานหนักหัวเราะหึ กว่าจะผ่านเข้าไปเป็นหนึ่งในสตาฟเขาต้องเสียพลังงานไปกับการบังคับขู่เข็นคุณชายคิมตั้งเยอะ ไหนจะสองมือที่โดนน้ำยาซักล้างกัดจนลอกเป็นขุย ไหนจะหยาดเหงื่อที่เสียไปในช่วงที่ผ่านมา ไม่นับอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเพราะต้องเดิน ๆ ยืน ๆ ตลอดสี่ชั่วโมงในแต่ละวัน แบคฮยอนไม่ยอมถอยเพียงแค่ความลำบากทางกายหรอก เรื่องทางใจน่ะหนักกว่าเยอะ
“เราอดทนแน่ ทุ่มถึงขนาดนี้แล้วจะให้สูญเปล่าก็ไม่ใช่นิสัย ถ้าไม่ได้กำจัดปาร์คโชรงออกไปจากชีวิตรักที่ทุ่มเทมาตั้งแต่ต้นคงสูญเปล่า” อี้ชิงแกล้งตีหน้าประหลาดใจ
“อ้าว ไหนบอกอยากหาเงินใช้คืนชานยอลด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง”
“นั่นมันก็ถูก แต่ลงแรงทั้งทีได้ผลหลาย ๆ ทางมันก็ดีกว่าไม่ใช่หรือ ได้เงินมาแทนชานยอล ได้มีเวลาใกล้ชิดกันทุกวัน ๆ ให้ชานยอลได้เรียนรู้นิสัยใจคอคู่ชีวิตในอนาคต ได้กำจัดคู่แข่ง อา Perfect!” คุณแม่ยังสาวเติมลิปกลอสพลางกลอกตามองไปทางอื่นและเพราะทำแบบนั้นนั่นเองถึงได้เห็นภาพที่ควรเห็นก่อนแบคฮยอน
“คนที่กำลังเดินมากับชานยอลนั่นใช่คู่แข่งแบคฮยอนหรือเปล่า”
“หา? ไหน?”
กลีบปากมันวาวบุ้ยไปทางหนึ่ง แบคฮยอนมองไปแล้วก็แทบจะหักดินสอออกเป็นสองท่อน ร้ายกาจ ปาร์คโชรงร้ายการมาก อาศัยจังหวะที่คุณแบคฮยอนทุ่มเทกับการเรียนย่องไปหาแฟนเขาถึงคณะแล้วยังกล้าควงมาเย้ยกันถึงถิ่น มันจะหยามกันเกินไปแล้ว!
“สวยนะ เดินคู่กันมามีแต่คนมอง มีคนสวยน่ารักมายิ้มหวานอยู่ใกล้ ๆ แบบนั้นชานยอลไม่หวั่นไหวบ้างเลยหรือ” แบคฮยอนไม่ตอบ ช่วงเวลาสั้น ๆ ระหว่างที่รอให้คนคู่นั้นเดินกรายเข้ามาใกล้คนตัวเล็กเก็บมันไว้เพื่อเยียวยารอยร้าวในหัวใจตัวเอง
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจแล้วคลายออกครั้งแล้วครั้งเล่า อยากตีหน้าบึ้งหันหน้าหนีให้คนตัวโตรู้ไปเลยว่าแบคฮยอนไม่ชอบ ไม่พอใจ ไม่อยากให้ชานยอลเดินมากับคนอื่นแต่สมองมันรู้ดีว่าเขาไม่ควรทำ แบคฮยอนยังไม่สิทธิ์ในตอนนี้ ไม่มีสิทธิ์แสดงความเป็นเจ้าของและไม่มีสิทธิ์แสดงความว้าวุ่นใจให้คู่แข่งได้ใจ
ปาร์คโชรงไม่ได้สวยหวานอย่างหน้าตา ขนาดเจอแบคฮยอนประกาศศักดาไปครั้งแล้วครั้งเล่าหล่อนยังมีแรงฮึดตอบโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ ผู้หญิงคนนี้จิตแข็งเอาเรื่องเลยล่ะ
“อี้ชิงเติมหน้าต่อสิ อย่าไปสนใจ”
“น่าสนใจจะตาย ไม่เคยเจอจัง ๆ หน้า รอโอกาสนี้มานานแล้ว” อี้ชิงยิ้มหวานหยด เอียงคอทำท่าน่ารักแล้วก็เผื่อแผ่ไปถึงคู่ที่เพิ่งเดินมาถึงโต๊ะด้วย
“สวัสดีครับคุณอี้ชิง”
“สวัสดีค่ะ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันหล่อขึ้นเยอะเลยนะคะ” ชานยอลยิ้มรับคำชมจากอี้ชิงก่อนแล้วก็หันไปหาแบคฮยอนที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“คุณโชรงมาหาหนังสือครับ ที่คณะผมมีคนยืมไปหมดแล้วเลยพามาที่นี่” คุณหนูพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ รับรู้ทั้งความจริง ทั้งสีหน้าผู้ชนะของโชรง
“ทำไมไม่ไปหอสมุดกลางล่ะ ที่นั่นน่าจะมีให้เลือกเยอะกว่า”
“ฉันลองหาดูแล้วค่ะ ที่นี่ยังมีหนังสืออยู่แล้วก็อยู่ใกล้มากกว่าหอสมุดกลางแถมคุณแบคฮยอนก็เรียนอยู่คณะนี้เลยอยากแวะมาทักทายด้วย ชานยอลเองก็ไม่ค้านอะไร” หญิงสาวตอบเสียงอ่อน ยิ้มจนสองตาเป็นประกายพราวระยับ เบิกบานมากพอจะเผื่อแผ่ความเบิกบานให้เจ้าของทรงผมบ็อบสั้นอีกคนในกลุ่ม
“เราไปกันเลยดีไหมคะชานยอล เย็นแล้วกลัวห้องสมุดจะปิดเสียก่อน”
“ครับ” ชายหนุ่มรับคำว่าง่าย พาให้เงียบกันไปทั้งโต๊ะ อี้ชิงเงียบเพราะเป็นคนนอกที่กำลังลอบมองอย่างนึกสนุก โชรงเงียบเพราะกำลังดื่มด่ำกับชัยชนะเล็ก ๆ ส่วนคุณแบคฮยอนถือเอาความเงียบตีกรอบครอบอารมณ์ตัวเองไว้
“คุณแบคฮยอน” ไม่ต้องมาเรียก ไม่อยากได้ยินเสียง
“ตอนนี้...ว่างอยู่หรือเปล่าครับ” คุณแบคฮยอนชำเลืองมองมือที่แตะค้างไว้บนท่อนแขนสีคร้ามของคนถามแล้วก็ตอบโดยไม่มองหน้าใคร
“ไม่ว่าง กำลังเขียนเปเปอร์ส่งอาจารย์”
#lovelycb
ไงล่ะ เจอองค์คุณหนูบยอนเข้าไปจัง ๆ เลยไหมล่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไงล่ะ ทำลูกกูฉุนแฟนเลยนังโชรง
ชานนอลเอ๋ยยยย งานงอกกกก