ตอนที่ 11 : Lovely you : เธอน่ารัก ตอนสิบเอ็ด
“เฮ้ออออออออ! ฝนตกอีกแล้ว”
“นั่นสิ ช่วงนี้ฝนตกตอนเย็นบ่อย ลูกค้าลดลงไปเยอะเลย”
“นั่นแหละดี บอกตามตรงว่าฉันขี้เกียจถูพื้น ช่วงฝนตกแบบนี้ลูกค้าบางคนเดินย่ำโครม ๆ เข้ามาทั้งที่ตัวเปียก พื้นสกปรกหมด”
“เราควรเป็นห่วงยอดขายมากกว่าพื้นร้านนะโบมี”
“เรื่องนั้นก็ห่วงแต่ลูกค้าบางคนก็น่าหงุดหงิดนะ พนักงานเรามีน้อยอยู่แล้วต้องแบ่งไปทำความสะอาดทุกครึ่งชั่วโมงก็ไม่ไหว คนคอยรับลูกค้าลดลง ดูแลไม่ทั่วถึงก็โดนว่าอีก บางรายแย่กว่าเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้ามาจากข้างนอกเดินเข้าหาหนังสือ ไม่ได้รู้อะไรเล้ยยยย กระดาษบาง ๆ พวกนี้อ่อนไหวกับความชื้นจะตาย เกิดโชคร้ายกลายเป็นเชื้อราได้ทิ้งกันทั้งเชลฟ์”
“เอาน่า อย่าหงุดหงิดไปเลย เพราะฝนตกแล้วไปไหนไม่ได้ เค้าเลยต้องแวะมาร้านเราไงล่ะ”
“ค่าาา แม่คนดีศรีกรุงโซลปาร์คโชรง แม่นางฟ้า แม่มีปีก เธอไม่ได้อยู่หมวดแมกกาซีนสุดฮอตอย่างฉันนี่ยะ เข้ามายืนเปิดอ่านพอฝนซาก็ไปทิ้งหนังสือยับ ๆ ไว้ เห็นแผนกฉันเป็นที่พักริมทางไปได้” โชรงหัวเราะน้อย ๆ หญิงสาวไม่ขัดแม้โบมีจะบ่นไม่ยอมจบ ใบหน้าสวยหวานประดับรอยยิ้มบาง ตั้งใจฟังเพื่อนสาวระบายความอัดอั้นอย่างอดทนสมฉายานางฟ้าที่ถูกประชด
จนเกือบถึงเวลาเริ่มงาน ร่างบางจึงละสายตาจากโบมีไปยังร่างสูงที่ยืนพิงผนังอีกด้าน ชานยอลยืนอยู่ในห้องพักด้วย หญิงสาวมั่นใจว่าเขาคงได้ยินการสนทนาเมื่อครู่แต่ไม่เข้ามาร่วมวงตามนิสัยพูดน้อย ก็ไม่เห็นเป็นไร ไม่ต้องเข้ามาคุยด้วยแค่ยืนอยู่ในพื้นที่เดียวกันแล้วได้ยินตอนหล่อนคุยกับเพื่อนบ่อย ๆ ก็พอแล้ว
โชรงมั่นใจว่านี่คือทางหนึ่งที่จะทำให้ชานยอลรู้จักหล่อน วิธีการใส่ความคิดเข้าไปในสมองคนฟังโดยยืมปากคนอื่นได้ผลเสมอแหละ เราไม่ต้องเหนื่อยไม่ต้องเสี่ยงพูดเองเพราะถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนจงใจอยากเสนอตัวให้อีกฝ่าย แค่ทำตัวสวย พูดเพราะ ยิ้มหวาน มีน้ำใจ ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองมีคุณค่าผ่านทางคำวิจารณ์ของคนรอบตัว ถึงชานยอลไม่ได้ตั้งใจฟังก็ต้องซึมซับเรื่องของหล่อนเข้าหัวไปทุกวันแน่นอน นานวันเข้าเขาก็จะคุ้นเคยกับความเป็นหล่อน ชานยอลจะเริ่มชิน เขาจะต้องมองหาแล้วก็เคยชินกับการได้รับรู้เรื่องของโชรงอยู่เสมอ เมื่อถึงจุดที่ใจเขามีหล่อนอยู่จนเกือบล้น โชรงก็กล้าคิดว่าชานยอลจะไม่ลังเลที่จะรับหล่อนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
หญิงสาวยิ้มรื่นรับความยินดีที่กำลังจะเกิดในอนาคต หล่อนส่งยิ้มหวานให้เมื่อชายหนุ่มเงยหน้ามองมาแต่ก็ไม่เข้าไปข้องแวะวุ่นวาย บางครั้งหล่อนหยิบยื่นน้ำใจให้เขาและบางครั้งก็เว้นระยะห่างเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดเกินไป หล่อนเคยทำได้ดีมาตลอดตราบจนบยอนแบคฮยอนนั่นเข้ามาแทรก การปรากฏตัวของหมอนั่นทำให้โชรงเสียศูนย์ไปพักหนึ่งแต่เพียงไม่นานหล่อนก็ตั้งสติได้และเล่นงานกลับจนฝ่ายนั้นแพ้ราบไม่เป็นท่า
โดนชานยอลโกรธจนหายหน้าไปพักใหญ่คงเจ็บหนักน่าดู
น่าสงสารจังเลยน้า
“ยิ้มอะไรโชรง มีเรื่องดี ๆ อย่างนั้นหรือ”
“เปล่าค่ะ รองผู้จัดการมีอะไรหรือเปล่าคะ?” ปกติแล้วหัวหน้าแผนกมีห้องพักอยู่บนชั้นสองติดกับห้องผู้จัดการสาขา พนักงานประจำกับพนักงานพิเศษจะมีห้องพักอยู่ด้านหลังชั้นหนึ่ง ไม่บ่อยนักที่เจ้านายทั้งสองจะเข้ามาในห้องพักพนักงานถ้าไม่มีเรื่องด่วนหรือสำคัญจริง ๆ โชรงลุกขึ้นยืนพร้อมกับที่คนอื่น ๆ ยืดตัวตรง รอฟังอย่างตั้งใจ
“ทุกคนฟังนะ ตั้งแต่วันนี้ไปจะมีพนักงานใหม่มาเพิ่มกะค่ำหนึ่งคน คิดว่าคงจะช่วยเบาแรงพวกคุณได้เยอะ เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักกันไว้นะ” หลายคนที่รอเปลี่ยนกะรอบค่ำเข้ามารวมตัวกัน หัวหน้าหนุ่มใหญ่ยิ้มกราด เอ่ยเสียงหนัก “เมื่อกี้กำลังคุยกับผู้จัดการสาขาอยู่ อีกเดี๋ยวคงลงมาแล้วล่ะ อ้อ มาแล้ว เชิญครับหัวหน้า”
“ขอบใจมากรองผู้จัดการ กะค่ำมีแค่นี้หรือวันนี้ โอเค ทุกคน ฉันขอแนะนำให้รู้จักท่าน เอ๊ย! คุณ เอ๊ย! คือ...”
“บยอนแบคฮยอนครับ ยินดีที่ได้ร่วมงานกับทุกคน” ผู้มาใหม่แนะนำตัวอย่างฉะฉาน ปิดท้ายแล้วการฉีกยิ้มอวดเขี้ยวซี่เล็กมุมปาก
“ใช่ ๆ นี่คือคุณบยอนแบคฮยอน ต่อจากนี้ไปจะมาเป็นเพื่อนร่วมงานของพวกเรา คุณแบคฮยอนยังเป็นมือใหม่คงต้องรบกวนพวกคุณแนะนำหลายเรื่อง ยังไงก็ฝากด้วยนะ ดูแลกันให้ดี ๆ ล่ะ” ผู้จัดการสาขาย้ำพลางกวาดตาจ้องจนครบทุกชีวิต เสียงส่วนใหญ่รับคำอย่างยินดีมีเพียงเสียงเดียวที่ขัดขึ้น “ให้คอยดูแลพนักงานใหม่แล้วงานของพวกเราล่ะคะ ช่วงนี้ลูกค้าเยอะ ถ้ามัวแต่คอยสอนงานให้คนใหม่แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปแกะชิปเม้นท์ จัดหนังสือแล้วก็บริการลูกค้า”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกโบมี ผมจะให้คุณ เอ่อ พนักงานใหม่คอยช่วยพวกคุณทำงาน เรื่องไหนพอสอนได้ก็สอนไป ถ้าไม่สะดวกก็ให้คนที่ว่างสอน ถ้าไม่มีใครว่างก็ไม่ต้องทำ แบบนั้นยิ่งดี...เอ่อ...เมื่อกี้ฉันล้อเล่นนะ มีใครสงสัยอะไรอีกไหม?”
“มีคำถามค่ะ”
“ว่าไงโชรง”
“ทำไมคุณแบคฮยอนถึงมาทำงานกับเราคะ มีความจำเป็นอะไร ขอโทษที่ถามนะคะแต่ฉันสงสัยน่ะค่ะ เห็นขับรถเบนซ์ ใช้ของแบรนด์เนม ก็น่าจะมีฐานะดีพอสมควร ไม่น่าจะมีความจำเป็นต้องทำงานพิเศษ”
“แล้วเธอจะอยากรู้ไปทำไมล่ะโชรง เค้าจะจำเป็นหรือไม่จำเป็นมันก็ไม่เกี่ยวกับใครสักหน่อย” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งแย้ง หลายคนที่ไม่เคยรู้จักแบคฮยอนมาก่อนส่งเสียงอือออเป็นเชิงเห็นด้วย คำถามของหญิงสาวผู้อ่อนหวานดูจะละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของผู้มาใหม่มากเกินไปแต่โชรงก็แก้ตัวได้อย่างดีเยี่ยม
“ไม่เกี่ยวหรอก ฉันถามเพราะอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรที่พวกเราพอจะช่วยได้บ้าง คุณแบคฮยอนเองก็เป็นเพื่อนของชานยอลเพราะฉะนั้นมีอะไรที่พอช่วยเหลือกันได้ฉันก็อยากจะช่วย”
“ขอบใจ ๆ ขอบใจมากโชรง เอ้อ คุณแบคฮยอนเป็นเพื่อนกับชานยอลใช่ไหม” ผู้จัดการใหญ่เหลียวมองหาลูกน้องตัวสูง ชานยอลยืนอยู่หลังสุด ใบหน้าคมคายนิ่งสงบ ไม่บอกอารมณ์ “ถ้าอย่างนั้นก็ฝากให้ชานยอลเป็นพี่เลี้ยงก็แล้วกันนะ คนนี้เค้าคล่องงาน เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าแถมยังใจเย็น คงสอนได้ดีกว่าคนอื่น”
“แต่ในกลุ่มเราชานยอลงานยุ่งกว่าเพื่อนเลยนะครับ”
“ใช่ค่ะ ถ้าต้องสอนเด็กใหม่อีกจะหนักเกินไปนะคะ” เมื่อมีเสียงแรกท้วงเสียงอื่นก็ดังตาม บางคนห่วงใยชายหนุ่มและบางคนหวง ไม่อยากให้คนที่ตนพึงใจใกล้ชิดสมาชิกใหม่มากเกินไป ผู้จัดการประจำสาขามองคนข้างตัวแวบหนึ่ง เมื่อแบคฮยอนไม่เอ่ยคำใดนอกจากยืนประสานมือเงียบคุณแจซอกก็หันไปหาคนสำคัญอีกคน
“นายคิดว่ายังไงชานยอล ไหวหรือเปล่า?” ชานยอลมองเพียงคนถาม
“ถ้าผู้จัดการยูคิดว่างานนี้เหมาะกับผม ผมก็จะพยายามครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างสุภาพ เมื่อได้ข้อตกลงที่แน่ชัดแล้วผู้จัดการยูแจซอกจึงสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงาน พ้นหลังเพื่อนพนักงานคนสุดท้ายผู้จัดการอารมณ์ดีก็แนะนำให้ชานยอลพาแบคฮยอนไปรู้จักมุมต่าง ๆ ของร้าน เอ่ยสำทับชายหนุ่มให้ดูแลเด็กใหม่อย่างดีแล้วจึงถอยออกไป
แบคฮยอนลูบแขนสองสามที สายฝนด้านนอกทำให้อากาศในตัวอาคารยิ่งทรมานผิวบางแต่นั่นมันเรื่องจิ๊บจ๊อยไอ้ที่ทำให้หนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจจริง ๆ คือความนิ่งของใครบางคนต่างหาก เหลือสองคนในห้องพักพนักงานได้เกือบนาทีชานยอลก็ยังไม่ยอมพูดสักคำ คุณหนูกลอกตามองกองหนังสือ มองตู้เก็บของ มองรถเข็น มองไล่มาถึงสันกรามกว้างและริมฝีปากเหยียดตึง ไต่สายตาผ่านสันจมูกโด่งขึ้นไปแล้วก็สะดุ้ง
หื่อ มองอยู่ก็ไม่บอก!
“ชานยอล...”
“คุณอยากเรียนงานส่วนไหนก่อนครับ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน ปกติพนักงานพาร์ทไทม์เค้าเริ่มจากส่วนไหนก่อนล่ะ” ชานยอลไม่มองหน้าฝ่ายตรงข้าม ชายหนุ่มผายมือเปิดทางแล้วก็เดินนำไปยังมุมหลังสุดของห้องพัก จุดนั้นมีลังพลาสติกพับรวมกันไว้ตั้งใหญ่ รถเข็นใส่หนังสือสีเทาจอดเรียงกันเป็นแถว เจ้าของเสียงทุ้มหยุดยืนระหว่างสองฟาก เริ่มงานโดยไม่มีการเอ่ยถึงความรู้สึกส่วนตัวแม้แต่คำเดียว
“ตรงนี้เป็นจุดที่ทางฝ่ายจัดซื้อส่งหนังสือมาให้ทางร้าน สายส่งจะขนลงที่นี่วันละสองรอบเช้ากับเย็น พนักงานแต่ละหมวดจะต้องมาแกะลังเพื่อแยกหนังสือของตัวเองออกมาจากของคนอื่นจากนั้นก็เอาไปจัดขึ้นชั้นโชว์แบ่งตามหมวดหมู่ต่อไป แต่ถ้าช่วงนั้นไม่มีพนักงานประจำอยู่พาร์ทไทม์ก็ต้องแยกหนังสือเอง จัดใส่รถเข็นเอาไว้รอเจ้าของเอาไปดิสเพลย์”
“เราจะรู้ได้ยังไงว่าเล่มไหนอยู่หมวดไหน”
“ตรงป้ายราคาที่ทางสต็อกทำมาจะมีรหัสติดไว้ ส่วนใหญ่เป็นหน้าที่ของพนักงานประจำที่จะจัดดิสเพลย์ พาร์ทไทม์จะคอยช่วยเจ้าของหมวดในช่วงแรกพอเริ่มเป็นงานแล้วอาจจะได้ทำเองเต็มตัวสลับกัน รายละเอียดของแต่ละหมวดเรามีไฟล์เก็บไว้เดี๋ยวผมจะพิมพ์ออกมาให้ คุณต้องจำให้ได้ทุกหมวด” ไม่มีปัญหา จำตำราเป็นเล่มยังทำได้ นับประสาอะไรกับตัวหนังสือไม่กี่ตัว คุณแบคฮยอนทำได้สบายอยู่แล้ว
“กล่องลังใบไหนไม่มีหนังสือเหลืออยู่แล้วก็พับเรียงตั้ง ถ้าทำไม่ไหวก็บอกผมหรือไม่ก็ดันเข้าชิดผนังเอาไว้ เดี๋ยวก็มีคนมาทำให้เอง” ดวงตาคมกริบมองผ่านมือขาว คุณแบคฮยอนเลยชูมือขึ้นหมุนให้ดู
“สบายมาก”
“ส่วนเจ้าเครื่องนี้...” เมินกันซะงั้นน่ะ! ครั้งที่สองแล้วที่ต้องเจอโหมดเหินห่างอย่างเป็นทางการจากคนตัวโต แบคฮยอนหน้าม่อย คุณแฟนโกรธแรงน่าดู เราทั้งยิ้มทั้งชวนเล่นแต่ไม่มีฟีดแบคตอบกลับมาเลย
“สงสัยอะไรหรือครับ?” ศีรษะกลมส่ายไปมา ก็คาดการเอาไว้แล้วแหละว่าอาจต้องเจอโหมดเจ้าชายน้ำแข็งผู้แสนสุภาพแต่ไม่ได้คาดว่าพอเจอจริง ๆ สภาพหัวใจมันจะรวนหนักกว่าที่คิดไว้ถึงสองร้อยเท่า เฮ้อ เริ่มไม่ถึงสิบนาทีก็เหี่ยวไปแล้วทั้งดวง
“เจ้าเครื่องนี้เอาไว้ทำอะไร?”
“เครื่องแร็ปพลาสติก ในทุกวันจะมีลูกค้าขอแกะดูด้านในหนังสือหลายเล่มหลายรอบ หลังจากใกล้หมดกะของแต่ละช่วงพวกเราก็จะเดินดูหนังสือตามเค้าท์เตอร์หรือชั้นวางเอาหนังสือกลับมาแร็ปใหม่ การห่อพลาสติกจะช่วยรักษาสภาพหนังสือได้ทางหนึ่ง วันนี้มีหนังสือรอแร็ปเยอะอีกเดี๋ยวเราจะกลับมาทำ” ไอ้เครื่องสี่เหลี่ยมหน้าตาแปลกประหลาดแถมยังมีกลิ่นเหม็นไหม้ลอยออกมาตลอดเวลาแบบนี้ ไม่มีอะไรให้น่าเข้าใกล้สักนิดแต่ที่อยากจะกลับมาเรียนการแร็ปหนังสือเร็ว ๆ ก็เพราะคำว่าเรานี่แหละ คนตัวขาวยกสมุดเล่มเล็กปิดจมูก
ลูกโป่งรูปหัวใจได้รับลมอัดฉีดเลยพองตัวขึ้นเล็กน้อย
“แล้วงานส่วนของชานยอลล่ะ ต้องทำอะไรบ้าง ผู้จัดการบอกว่าเราต้องคอยช่วยงานนายนี่นา” ชานยอลผละจากเครื่องห่อพลาสติก เดินไปยังรถเข็นที่บรรจุหนังสือไว้เต็มทั้งชั้นบนและล่าง
“อย่างแรกที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันคือคือทำความสะอาดจากนั้นก็เรียงหนังสือขึ้นชั้น” เสียงทุ้มบอก พี่เลี้ยงหนุ่มเดินนำเด็กใหม่ออกจากห้องสต็อกผ่านแผนกหนังสือนวนิยาย เห็นคุณหนูเหลียวหน้าเหลียวหลังมองอย่างสนใจก็เลยหยุดรถลง “โซนนี้คือหมวดนวนิยาย เป็นหมวดใหญ่ที่สุดของร้าน ทั้งแผนกหนังสือภาษาเกาหลี อังกฤษ จีน จะจัดพื้นที่ให้นวนิยายมากที่สุด มีซับพลายเออร์มากที่สุดแล้วก็ทำรายได้ให้ร้านมากที่สุด หมวดนวนิยายของแผนกภาษาเกาหลีคุณโชรงกับนาอึนดูแลอยู่”
“งานหนักน่าดูเลยเนาะ”
“ไปกันเถอะ” ชานยอลรั้งร่างเล็กเข้าหาตัวเมื่อเห็นคุณหนูขวางทางลูกค้าอยู่ คุณแบคฮยอนที่หน้าเกือบจะซุกอกคนหล่อตัวเกร็งแต่ปากงี้กลั้นยิ้มสุดฤทธิ์
“ชานยอล กำลังสอนงานพนักงานใหม่หรือคะ?”
“ครับ”
“แล้วงานส่วนของชานยอลเสร็จหรือยังคะ ของฉันเกือบเสร็จแล้ว ถ้าชานยังติดสอนงานอยู่ฉันจัดการแทนได้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะเริ่มสอนที่หมวดหนังสือของผมเลย ขอบคุณนะ”
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะคะ คุณแบคฮยอน” คุณแบคฮยอนกระตุกปากเหมือนเสียไม่ได้
“ขอตัวก่อนนะครับ พี่เลี้ยงไปนู่นแล้ว” ก่อนไปคุณหนูมีโอกาสหันไปส่งยิ้มให้เจ้าของหมวดนวนิยายที่โผล่ออกมาจากเชลฟ์หนังสือ กลีบปากสีชมพูอ่อนวาดออกเป็นรอยยิ้มสดใสให้โดนใจคนรับเต็ม ๆ ทำแบบนั้นแล้วก็เร่งฝีเท้าตามติดคนตัวโต ไม่หันกลับไปมองซ้ำเลยไม่รู้ว่าโชรงจะถูกความแค้นจุกอกเป็นลมไปหรือเปล่า!
ชานยอลรับผิดชอบหมวดพืชและสัตว์กับหมวดจิตวิทยา งานของเขาเริ่มด้วยการดึงหนังสือออกจากชั้นไม้กวาดเศษฝุ่นผงแล้วก็ถูซ้ำด้วยผ้าแห้งผสมสเตย์คลีนจากนั้นก็เรียงหนังสือขึ้นชั้นใหม่จะจัดแบบเดิมหรือเปลี่ยนรูปแบบการโชว์ปกโชว์สันตามแต่เห็นสมควร ระหว่างนั้นหากมีลูกค้าเข้ามาเขาจะต้องวางมือจากการทำความสะอาดหันไปบริการลูกค้าก่อนแต่วันนี้ชายหนุ่มสาธิตให้แบคฮยอนดูแล้วก็ปล่อยให้คุณหนูทำต่อ ตัวเองปลีกตัวไปรับลูกค้าปล่อยให้คนที่ควรรับช่วงทำความสะอาดยืนเกาะเชลฟ์ยืดตัวมองตามตาละห้อย
พนักงานใหม่นั่งทับพื้นพรม กรีดนิ้วหยิบหนังสือออกมาจากชั้นวางทีละเล่ม ๆ หยิบไปก็แหงนหน้าสูดอากาศไป เหย แบคฮยอนถูกโรคกับพวกฝุ่นที่ไหนกันล่ะ เดี๋ยวเถอะ เป็นได้จามร้านสะเทือนกันบ้าง คิดยังไม่ทันจบปลายจมูกก็เริ่มคันยุบยิบ คุณหนูเริ่มหน้าเบี้ยวก่อนจะ
ฮะ ฮ้าดดดดดดดด ชิ้ว!
ฮัดชิ้ว!
เจอไปสองรอบเต็ม ๆ
“หัวหน้ายู! คุณมานั่งทำอะไรตรงนี้?” ก็เพิ่งเห็นว่าด้านที่หันหน้าไปจามนั้นมีผู้จัดการใหญ่ประจำสาขานั่งทับเข่าอยู่ ยูแจซอกล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับผลลัพธ์การจามของคุณแบคฮยอน อีกมือส่งถุงผ้าใบเล็กให้
“ผมเอาหน้ากากอนามัยมาให้ครับ คุณชายจงอินโทรมาสั่งให้เตรียมไว้ให้คุณหนูแต่เมื่อกี้ผมลืมเอาให้”
“อ่า ได้จังหวะพอดีเลย ขอบใจมากนะ” ซับน้ำมูกแล้วก็รับมาสวมอย่างว่องไว ตรงหน้านั้นผู้จัดการใหญ่ยังมองมาอย่างหนักใจ ไม่รู้ว่าเคราะห์หรือโชคมาตกใส่ตัก เบื้องบนถึงมีคำสั่งให้รับพนักงานพิเศษเพิ่มอย่างปัจจุบันทันด่วน พนักงานพิเศษที่พิเศษจริง ๆ เพราะเป็นถึงหลานชายสุดที่รักของท่านประธานใหญ่ ยูแจซอกปาดเหงื่ออย่างหนักอก ถึงเจ้าตัวจะบอกให้ทำทุกอย่างเหมือนปกติแต่การปฏิบัติกับเจ้าใหญ่นายโตมันปกติได้ที่ไหน อนาคตหน้าที่การงานค่าเทอมลูกค่ากระเป๋าเมียมันอยู่ที่ความพอใจของเจ้าของเงินทั้งนั้น เกิดหลงมีเหตุไม่บังควรทำให้คุณชายท่านไม่พอใจ มีหวังโดนคำสั่งย้ายหรือไม่ก็ยุบสาขาเอาง่าย ๆ
“ในถุงนี้มีสำรองหลายอันแล้วก็มียาแก้แพ้แบบไม่ง่วงด้วยครับ เผื่ออาการหนัก”
“คิดว่าคงไม่ต้องใช้หรอก แค่หน้ากากนี่ก็คงพอกันได้”
“คุณหนูไหวไหมครับ งานหนักเกินไปหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวก็บอกนะครับผมจะเปลี่ยนงานให้” แบคฮยอนหัวเราะร่า เกี่ยวเส้นผมออกจากแนวหน้ากากผ้า
“ไหวสิ สบายมาก”
“แล้วฝึกงานกับปาร์คชานยอลลำบากไหมครับ เด็กคนนั้นทำงานเก่งแต่อาจจะเข้มงวดเกินไป ถ้าคุณหนูไม่ชอบจะเปลี่ยนพี่เลี้ยงก็ได้นะครับ”
“โนววววววว ผมโอเค โอเคมาก ๆ ผู้จัดการกลับไปทำงานเถอะ ผมดูแลตัวเองได้ ขอบใจสำหรับของพวกนี้นะ” ได้ฟังดังนั้นก็เบาใจ คุณหนูท่าทางน่าเอ็นดูแถมยังมีน้ำใจกับพนักงานชั้นผู้น้อย รอยยิ้มกว้างทำให้แจซอกสบายใจได้ระดับหนึ่ง พอค้อมศีรษะแล้วขยับจะลุก มือขาวก็แตะลงบนไหล่เสียก่อน
“คุณเป็นผู้จัดการใหญ่ประจำสาขาไม่จำเป็นต้องแสดงความเคารพพนักงานพาร์ทไทม์นะ ถึงผมจะเป็นหลานคุณอาแต่ตอนนี้ผมเป็นลูกจ้างคุณ อย่าทำแบบเมื่อกี้อีก”
“แต่ว่า...” คุณหนูลดรอยยิ้มลง ชี้มือไปยังมุมหนึ่งบนเพดาน
“ร้านนี้ติดกล้องวงจรปิดเกือบทุกมุมเกิดมีใครเห็นสิ่งที่คุณทำคนเค้าจะคิดยังไง ผมบอกแล้วว่าไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองเป็นใคร พูดง่าย ๆ คือไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองเป็นเด็กเส้น ผมอยากเก็บข้อมูลงานเขียนอย่างสุขสงบ เพราะฉะนั้นให้ความร่วมมือหน่อยนะครับผู้จัดการ”
“คะ ครับ”
“ไปทำงานเถอะครับ” แต่ผู้จัดการใหญ่ก็ยังโค้งต่ำให้พนักงานใหม่อีกครั้งก่อนเดินจากไปอย่างมีพิรุธเต็มที่ แบคฮยอนมองอย่างอ่อนใจ ให้พูดตามจริงเขาไม่กลัวหรอกว่าใครจะรู้ว่าตัวเองรวยแล้วยังมีเส้นสาย ของมันอยู่ในมือคุ้นเคยกับการใช้ แบคฮยอนไม่เคยรู้สึกผิดบาปที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ตัวเองมี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน(มากไป)ก็โอเคแล้ว แต่งานนี้จะปล่อยให้เป็นแบบทุกทีไม่ได้ เขาอยากให้คุณแฟนเห็นความพยายาม อาจตุกติกเรื่องการสมัครบ้างแต่แบคฮยอนตั้งใจว่าจะขยันทำงาน ตั้งใจหาเงินเพื่อชดใช้ค่าเสียหายให้เจ้าของเวสป้า
จงอินน้องรักทำหน้าเหมือนโดนผีหลอกตอนเขาบอกว่าจะทำงานพิเศษ ไอ้น้องชายตัวดีมันยังตราหน้าไม่ยอมเชื่อว่าพี่คนนี้จะทนได้ตลอดรอดฝั่ง แต่แบคฮยอนไม่ยอมแพ้หรอก เมื่อเขาต้องการใครก็ไม่มีสิทธ์ปฏิเสธ คนทั้งโลกไม่รู้หรอกว่ากว่าจะลงเอยทางนี้แบคฮยอนต้องเปลืองสมองคิดไปเท่าไหร่ เสียความรื่นรมย์ไประหว่างนั้นมากโขแต่ถ้าสำเร็จผลที่ได้รับก็นับว่าคุ้ม แบคฮยอนจะมีเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองใช้คืนให้ชานยอล แบคฮยอนจะมีโอกาสพิสูจน์ความพยายามให้คนตัวโตเห็นแล้วยังได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น อีกข้อแถมท้าย จะได้เอาคืนยัยตัวแสบโชรงที่บังอาจวางแผนใส่ความคุณแบคฮยอน ให้ยัยนั่นมองคุณแบคฮยอนจี๋จ๋ากับแฟนจนอกระเบิดตายไปเลย!
“คุณแบคฮยอน”
“ตกใจหมดเลย!” มาเงียบ ๆ เดี๋ยวก็โผซุกอกซะหรอก
“เมื่อกี้คุณคุยกับผู้จัดการสาขาหรือครับ?”
“อื้อ”
“นั่งคุย?”
งานเข้าแล้วไงล่ะ!
“คุณแบคฮยอน”
“อื้อ ใช่ ผู้จัดการยูมาหาหนังสือน่ะ แถวชั้นล่าง ๆ นี่แหละ เราอาสาจะช่วยหาแล้วแต่ผู้จัดการบอกไม่เป็นไร สั่งให้เราเช็ดเชลฟ์ต่อ” ปัดมือไปทางแถวที่ว่า ชานยอลเห็นคุณแจซอกนั่งคุกเข่ากับพื้นจะได้ไม่ติดใจสงสัย
“แล้วทำความสะอาดเสร็จหรือยังครับ?”
“ยังเลย แล้วลูกค้ามาหาหนังสืออะไรหรือ?” ชานยอลดึงผ้าไปจากมือเล็ก คุกเข่าลงทำความสะอาดชั้นล่างสุดของเชลฟ์ต่อจากที่คุณหนูทำค้างไว้ ชายหนุ่มทำงานอย่างคล่องแคล่วปากก็อธิบายงานให้เด็กใหม่ฟังไปด้วย
“นิตยสารรักสัตว์เลี้ยงครับ”
“ก็หมวดที่ชานยอลรับผิดชอบเลยสิ” ดวงตาคมปรายมองเจ้าของดวงตาคู่ใส แบคฮยอนหันขวับมายิ้มตาหยีทันทีที่ได้ยินชื่อหนังสือ ตื่นเต้นกับเรื่องธรรมดา เหมือนเด็ก
“ไม่ใช่ครับ ร้านเราแยกนิตยสารออกเป็นหมวดหมู่ต่างหาก ทุกประเภททุกภาษาจะจัดไว้ด้วยกันตรงโซนใกล้ทางออกใหญ่เพื่อความสะดวกของลูกค้า ถ้ามีคนมาถามถึงนิตยสารคุณพาไปตรงนั้นได้เลย”
“ถึงว่า ชานยอลไปซะนานเลย พาลูกค้าไปทางโน้นมาล่ะสิ” ชานยอลไม่ตอบ มองที่ผ้าคาดปากที่บดบังใบหน้าเรียวไว้เกินครึ่งแล้วก็บอกตัวเองให้ลืมเจ้าสิ่งเดียวกันในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนเสีย
“ชานยอล แผนกเราใครดูแลหมวดนิตยสาร”
“โบมีกับฮิมชันครับ” จะบอกความจริงให้ก็ได้ แบคฮยอนถามเหมือนคนใฝ่รู้ไปอย่างนั้นแหละ ทุกข้อมูลของสาขานี้คุณหนูได้มาตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปสำนักงานใหญ่กับจงอินแล้วก็บันทึกใส่สมองเรียบร้อย ตั้งแต่รายชื่อหน่วยรักษาความปลอดภัยไปจนถึงรายได้ในแต่ละวัน ที่ถามเรื่องต่อเรื่องก็เพราะอยากชวนคนมาดนิ่งคุย เรียกว่า...ง้อกลาย ๆ ก็ได้นะ
“ถ้าคุณเอาแต่เขี่ยหนังสือเล่นวันนี้ทั้งวันก็จัดไม่เสร็จ”
“อ๊ะ ขอโทษ”
“เวลางานขอให้เต็มที่กับการทำงาน เล่นได้ พักได้แต่อย่ามากเกิน ไม่อย่างนั้นพนักงานคนอื่นอาจมองคุณในแง่ลบได้” คุณหนูผงกหัวเร็ว ๆ เชื่อฟังประหนึ่งเด็กอนุบาลรับคำสั่งคุณครูประจำห้องทานตะวัน แต่คุณครูคนนี้หน้าดุเกินจินตนาการหลายเท่า ยิ่งครูวางมาดขรึมไม่ยิ้มไม่หัวเราะยิ่งดูเหี้ยมจนนักเรียนชักหวั่น
“ทำหน้าเหมือนโกรธใครอยู่อย่างนั้นแหละ” แกล้งพึมพำแบบให้ได้ยิน
“ผมดูเหมือนคนกำลังโกรธหรือครับ”
“ก็หน้าบึ้งอ่ะ” ชานยอลยัดหนังสือตั้งสุดท้ายกลับตำแหน่งเดิม อยากทำเฉยไม่สนใจเสียงตัดพ้อกับปลายนิ้วที่ครูดตรงหัวเชลฟ์แต่เจอดวงตาใสแจ๋วจ้องหนักเข้ามันก็อดไม่ได้ทุกที ชายหนุ่มดึงร่างเล็กหลบเข้ามาอยู่ในมุมชั้นไม้ด้วยกัน
โอ เอ็ม จี!
ขออธิบายเพิ่มเติมว่าการดึงของคุณแฟนไม่ได้มีการแตะเนื้อต้องตัวแต่อย่างใด ไม่มีการย่นระยะให้ใกล้ชิดเบียดเนื้อตัวในซอกแคบอย่างที่คุณแบคฮยอนหวัง ชานยอลเพียงแค่จับเสื้อเชิ้ตตรงข้อศอก กระตุกเบา ๆ แล้วคุณแบคฮยอนก็ไหลตามแรงนั้นอย่างง่ายดาย ฮึ่ย ถ้าทำใจแข็งแกล้งไม่เชื่อฟังจะมีการล็อกเอวปะทะอกหรือฉุดกระชากลากถูไหมน้า >.<
“ทำไมถึงมาทำงานที่นี่?”
เป๊ะ! เตรียมคำตอบเอาไว้แล้ว ซ้อมบทมาอย่างดีด้วยแต่ทำไมพอตอนมีพระเอกยืนต่อหน้ามันไม่ง่ายเหมือนตอนซ้อมเลยนะ
“ถ้าคุณมีเหตุผลอื่นผมคงไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นแต่ถ้ามันเกี่ยวกับผม...”
“เรามีเหตุผล จะบอกให้ก็ได้ถ้าชานยอลจะฟังน่ะ”
“ผมจะฟังแต่ยังไม่ฟังตอนนี้”
“แล้วจะฟังตอนไหนล่ะ”
“ตอนที่ไม่ใช่เวลางาน” คนหล่อเขาสรุปแล้วก็ดันรถเข็นมาทางคุณหนู บอกโดยไม่พูดว่าให้นำเข้าไปเก็บไว้ที่เดิม แบคฮยอนเกร็งข้อมือนำรถเข็นมาจอดรวมกับคันอื่น เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดไปยัดใส่ในตู้แล้วก็เดินตัวปลิวกลับไปหาครูฝึกตัวโต ระหว่างทางเจอลูกค้าชาวต่างชาติมาถามหาหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเลยพาไปส่งที่แผนกหนังสือภาษาอังกฤษ พนักงานหลายคนมองมาเพราะไม่คุ้นหน้าเด็กหนุ่มก็แจกยิ้มผูกมิตร ลัดเลาะตามชั้นวางหนังสือสูงจรดเพดานมาโผล่ที่เดิมอีกครั้ง ชานยอลไม่ได้อยู่ตรงหมวดพืชและสัตว์แล้ว ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในรัศมีการมองเห็นด้วย คุณแบคฮยอนยืนหันรีหันขวาง ถามเพื่อนพนักงานคนหนึ่งก็ได้ความว่าชายหนุ่มอยู่ในห้องสต็อก
แล้วกัน พอเราออกมาก็เข้าไป รู้อย่างนี้รออยู่ข้างในก็ดีหรอก
คนตัวขาวเดินลิ่วไปยังจุดหมาย เปิดประตูเข้าไปแล้วก็ยิ้มกว้าง กว้างมากขึ้นเมื่อเหลือบเห็นส่วนเกินอยู่ในห้องนั้นด้วย ปาร์คโชรงยึดตำแหน่งของคุณแบคฮยอนไปเฉยเลยเถอะ พื้นที่ข้างกายชานยอลน่ะ คุณหนูจองเป็นเจ้าของและถือสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียวนะ
“ชานยอล มาอยู่ตรงนี้เอง ตามหาแทบแย่แน่ะ”
“แหม ตัวติดกันจังเลยนะคะ พี่เลี้ยงไม่อยู่ด้วยก็ตามหาเสียทั่วเลย” แบคฮยอนยิ้มแป้น
“ทำความสะอาดเสร็จแล้ว ต้องทำอะไรต่อ”
“เรียนอะไรไปบ้างแล้วคะ ชานยอลสอนดีหรือเปล่า?” แบคฮยอนไม่อยากจะตำหนิเลยว่าแม่คนนี้ไร้มารยาทสุด ๆ ไม่มีใครคุยด้วยก็อยากจะคุยกับคนอื่น แถมยังร้ายชนิดที่ว่ากับคนที่ไม่ชอบหน้ายังยิ้มหวานชวนคุยราวกับไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน
“ดีมากครับ สอนดีแถมยังละเอียดลออทุกขั้นตอนเลย”
“ระวังนะคะ คุณครูคนนี้ถึงเวลาดุก็เล่นเอาลูกศิษย์น้ำตาไหลได้ง่าย ๆ เลยล่ะค่ะ แหม แค่นี้ก็ต้องมองดุด้วย ฉันแค่พูดเล่นค่ะชานยอล ไม่เอาละ ไปทำงานดีกว่า ไม่อยากโดนครูฝึกดุอีกคน” คุณแบคฮยอนวางหน้าไร้เดียงสามองสบดวงตากลมโต จะไปก็ไปสิ ทำไมต้องแตะเนื้อต้องตัวผู้ชายด้วย ไม่ได้ลูบแขนแฟนชาวบ้านนี่มันจะไม่มีแรงเดินใช่ไหมแม่คุณ กลีบปากบางเม้มเข้าหากัน ละความสนใจจากโชรงได้ก็หันมาจ๊ะเอ๋กับคนตัวโต
“ผมบอกให้เอารถเข็นมาเก็บให้เรียบร้อยแล้วทำไมรถยังจอดขวางทางเดิน” ชายหนุ่มถามเสียงต่ำ ยืนกอดอกในท่าที่เตรียมจะอบรมเต็มที่ แบคฮยอนขมวดคิ้วฉับ เลิ่กลั่กมองไปทางรถเข็นก็เห็นมันจอดเรียบร้อยดีทุกคัน แน่นอนว่าคันประจำหมวดของชานยอลด้วย
“เราเก็บเรียบร้อยแล้วนะ จอดเข้าซองติดผนังเลย แถมยังเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดเรียบร้อยเลยด้วย”
“แน่ใจหรือครับ” เง้อออ ขยับเข้ามาใกล้น่ะรักเลยนะแต่ใกล้เหมือนจับผิดแบบนี้ไม่ค่อยรักเท่าไหร่ คนตัวเล็กหดคอหนี ตอบเสียงแผ่ว
“แน่” ไม่ได้แผ่วเพราะกลัวความผิดนะ! แผ่วเพราะใจมันหวิวต่างหาก ยิ่งได้กลิ่นหอมแปลกจมูกมาจากเรือนร่างสูงใหญ่คุณแบคฮยอนก็ยิ่งทั้งหวิวทั้งสั่น ถ้าคุณพี่เลี้ยงจะจุ๊บสักสองจุ๊บเป็นการลงโทษคุณหนูจะรีบยกมือรับผิดทันทีเลย ดวงตาเรียวยาวหรี่มองปากหนาได้รูป กลีบปากบางดูดตัวเองอย่างหมายมาด ทำจริงนะขอเตือน
“ตอนผมเดินเข้ามารถจอดอยู่ขวางทางใกล้ประตูแล้วอุปกรณ์ทำความสะอาดทั้งไม้ขนไก่ ทั้งผ้าและกระปุกน้ำยายังวางบนรถเข็น คุณโชรงก็เห็นพร้อมผม”
“หา?”
“ไม่รู้จริง ๆ หรือว่าลืมครับ”
“รู้แล้วก็ไม่ได้ลืมด้วย!” บอกตามตรง ไม่อยากเป็นเด็กดีก็เพราะชื่อบางชื่อที่หลุดมาจากปากชานยอลนั่นแหละ มันเรื่องอะไรต้องดึงผู้หญิงคนนั้นเข้ามาเกี่ยวด้วย ให้เค้ามาเป็นพยานก็หมายความว่าโชรงอยู่พวกเดียวกับชานยอลแล้วคุณแบคฮยอนก็ถูกแยกออกมายืนตัวลีบในพื้นที่สีเทาคนเดียวน่ะสิ ชักไม่สบอารมณ์
“คุณแบคฮยอน ถ้าคุณลืมนี่เป็นครั้งแรกผมไม่ถือว่าเป็นความผิดแต่ถ้าไม่รู้จริง ๆ ก็ถือว่าผมสอนไม่ดี พูดไม่เคลียร์เอง เท่านี้แหละครับที่อยากบอก”
“เรายืนยันว่าเก็บของเรียบร้อยแล้ว เท่านี้เหมือนกันที่อยากบอก” ไม่ได้ดื้อนะแต่ไม่อยากยอมรับเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ทำ ตอนนี้แบคฮยอนค่อนข้างจะแน่ใจว่าความผิดพลาดในการทำงานวันแรกของเขาต้องเป็นเพราะปาร์คโชรงแน่นอน เขามั่นใจว่าเก็บทุกอย่างเรียบร้อยก่อนออกไป มั่นใจเกินล้านเปอร์เซ็นต์
“ผ้าเช็ดเวลาใช้แล้วต้องเอาไปซักแล้วก็ผึ่งไว้ข้างหลังร้าน ทางนี้” สถานการณ์ดิ่งเหวสุดๆ คุณแฟนตัดกรณีพิพาททิ้งทั้งที่คุณแบคฮยอนยังมีกากบาทสีแดงแปะทับหน้าผาก ข้อสรุปคือไม่มีใครยอมใครหรือแม้คุณแบคฮยอนจะยืนยันว่าไม่ผิดแต่ชานยอลก็ไม่แคร์ไม่รู้แน่ แต่ที่รู้คือบรรยากาศมันโคตรจะแย่
คุณหนูเดินตามพี่เลี้ยงหน้าหล่อออกทางประตูด้านหลัง ผ่านที่เกิดเหตุเมื่อวันก่อนก็อดกลอกตามองเวสป้าสีน้ำตาลไม่ได้ สายข่าวรายงานอย่างละเอียดว่าชานยอลซ่อมรถคันเก่งเรียบร้อยแล้ว ทำทุกอย่างด้วยตัวเองจนกลับสู่สภาพเดิม จะมีก็แต่หมวกกันน็อกที่ยังเหลือรอยถลอกเอาไว้เป็นอนุสรณ์แห่งความประมาทของแบคฮยอน พอเจอสิ่งเตือนใจเด็กหนุ่มก็เริ่มนับถอยหลังขจัดความขุ่นมัวเพื่อให้ระบบความคิดกลับมาทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง ชานยอลเดินไปถึงอ่างซักล้าง หันมองหาคนตัวเล็กแล้วก็ต้องกลั้นลมหายใจ
“ขอทำ ๆ เราอยากทำ” ร่างหอมกรุ่นแทรกแสงไฟสีนวลเข้ามาเบียดจนแทบชิด เสียงที่เอ่ยออกมาสดใส เอาอกเอาใจ ไร้ร่องรอยความดื้อดึงจากเมื่อนาทีก่อนราวกับคนละคน
“ชุดคุณจะเปื้อนนะครับ”
“ไม่เป็นไร ยังไงก็เป็นหนึ่งในงานที่ต้องทำไม่ใช่หรือ ชานยอลจะสอนเราก็ต้องสอนทุกอย่างสิ หรือว่าหวงวิชา?” หรี่ตาถามเหมือนหาเรื่อง ชานยอลมองคนสวมเสื้อเชิ้ตสีเกือบคล้ายกันกับสีกางเกงยีนซีดเกือบขาวแล้วก็ส่งผ้าขี้ริ้วให้ แบคฮยอนรวบมากำไว้ ในใจร้องอ๊ากเพราะกลัวเชื้อโรคซึมเข้าผิวเนื้อแต่ก็ต้องทำแข็งใจเบิกตาเหมือนกระตือรือร้นอยากซักผ้าเข้าไว้
อย่าคิดถึงผ้าแบคฮยอน
คิดถึงคนสอนซักผ้าเอาไว้
คนสอนซักผ้า
คนสอนซักผ้า
คนสอนซัก...ถอด...ผ้า
ผิดแร้วววววววววววววววว >///////<
“สวมนี่ไว้ก่อนครับ” ชานยอลถอดจริง ๆ นะ ถึงจะแค่ผ้ากันเปื้อนแต่คนหล่อก็ถอดออกจากตัวมายื่นให้แบคฮยอนล่ะ คนตัวขาวกางแขนทั้งที่ยังหิ้วถังน้ำและผ้าขี้ริ้วไว้อย่างละข้าง ลองเล่นไม้ซื่อแบบนี้ชานยอลก็ต้องสวมให้เท่านั้น ร่างเล็กขยับไหล่เพื่อให้ชุดเข้าทรงแล้วก็ทำท่าจะเปิดก๊อกน้ำทั้งอย่างนั้น
“เดี๋ยวครับ ผูกเงื่อนด้านหลังก่อน”
“ทำไมเราไม่ได้ผ้ากันเปื้อนเหมือนคนอื่นล่ะ”
“ได้สิครับ ทุกคนจะได้คนละสองผืน คุณต้องไปเบิกกับรองผู้จัดการ วันนี้คงไม่ทันแล้วรองผู้จัดการเข้ากะเช้าเพิ่งกลับบ้านไป เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะพาไปเบิก เรียบร้อยแล้วครับ เอาถังมารองน้ำก่อน” แบคฮยอนเอี้ยวตัวมองปมสายคาดด้านหลังอยู่อย่างนั้นจนพี่เลี้ยงต้องเตือนให้ทำงาน
“ซักน้ำธรรมดาก่อนครับ เอาคราบสกปรกออกไปรอบหนึ่งก่อน น้ำต่อไปค่อยผสมน้ำยาซักผ้า” คุณหนูวางถังพลาสติกใบเล็กรองใต้ก๊อกน้ำเปิดน้ำจนเกือบเต็มแล้วก็ใช้สองนิ้วหนีบผ้าผืนเล็กสองผืนแกว่งผ่านน้ำไปมา
“ใช้สองมือขยี้ผ้าด้วย ไม่อย่างนั้นมันจะไม่สะอาดนะ”
“ขยี้...ยังไง...” ดวงตาใสแจ๋วยืนยันได้ดีว่าคุณแบคฮยอนไม่เข้าใจกริยาที่พี่เลี้ยงสั่งจริง ๆ
“คุณไม่รู้จักวิธีการขยี้ผ้าหรือครับ”
“รู้สิ รู้นะ แต่ แต่ขยี้ยังไงล่ะ หนักเบาแค่ไหน นานไหม”
“ก็แล้วแต่ความพอใจ เสร็จแล้วก็บิด ผสมน้ำกับน้ำยาซักผ้าแล้วก็ขยี้อีกรอบ ดูว่าผ้าสะอาดดีแล้วก็ล้างน้ำจนสะอาด ดูสีน้ำในถังก็ได้ครับถ้าใสแล้วก็แสดงว่าสะอาด”
“โอเค”
“คุณ...ไม่เคยซักผ้าเองใช่ไหม?” รอยยิ้มเก้อเขินกับท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ คงตอบได้ดีกว่าคำพูดใด ชานยอลมองอย่างหนักใจ การทำความสะอาดเชลฟ์ต้องทำทุกวันเช้าเย็นผ้าก็ต้องซักทุกวันเช่นกัน คุณหนูเริ่มงานด้วยผ้าผืนเล็กแค่สองผืนก็คงพอดีกับกำลัง หวังว่านะ
งานซักล้างผ่านไปได้ด้วยดีจวบจนทั้งคู่เดินกลับเข้ามาในร้าน ชานยอลตั้งใจจะสอนพนักงานใหม่แร็ปพลาสติกห่อหนังสือต่อ ช่วงขายาวหยุดอยู่หน้าเครื่องสีส้มแก่ เปิดฝาด้านบนขึ้นแล้วก็หยิบหนังสือที่เรียงรอการห่อปกมาสอดใส่ในแถบพลาสติกทางซ้ายมือ ดึงแล้วก็เอามาวางไว้ในเครื่องปิดฝาลงไม่กี่วินาทีก็เปิดขึ้น พลาสติกหดตัวแนบไปกับเล่มหนังสือ รวดเร็วและสวยเนียนเหมือนใหม่จนคุณหนูตาโต
“โห เก่งจังเลยอ่ะ” ชานยอลทำให้ดูอีกเล่ม ได้ผลดีเยี่ยมเหมือนเดิม คราวนี้ชายหนุ่มขยับให้แบคฮยอนเริ่มทดลองงานบ้าง
“ลองทำดูครับ”
“ถ้าเราทำเสียล่ะ”
“เสียก็แกะออกแล้วทำใหม่ เลือกเล่มขนาดพอดีกับพลาสติกก่อนจะดีที่สุด มือใหม่ยังกะเวลาไม่ถูก” แบคฮยอนแตะมือไปตามสันหนังสือ ตั้งใจจะเลือกหนังสือเด็กเล่มบางขึ้นมาฝึกงานชิ้นแรก แต่ทว่า จู่ ๆ มือคุณแบคฮยอนก็ถูกคุณแฟนรวบไปในบัดดล
คุณหนูสะดุ้งไปทั้งตัว
เดี๋ยว เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่ง
“มือคุณ!”
‘งื้อออออออออออออ!’
“เป็นอะไร ทำไมถึงแดงแบบนี้” ดวงตาคู่สวยที่แบคฮยอนรักนักหนามองสำรวจทั้งฝ่ามือและหลังมือ “...ตอนจัดหนังสือยังไม่เป็นอะไร หรือว่า คุณแพ้น้ำยาซักผ้าอย่างนั้นหรือ?” คุณหนูสั่นแต่หัว ไม่กล้าขยับร่างกายส่วนอื่นเพราะกลัวมือกระตุกแล้วคุณแฟนจะถอยห่าง
“จริงสิ คุณไม่เคยซักผ้าเองเลยไม่รู้ แล้วน้ำยาล้างจานล่ะครับแพ้ด้วยหรือเปล่า”
“เอ่อ ก็ ไม่รู้เหมือนกัน” รู้ไว้อย่างเดียว ตอนนี้จุดหลอมเหลวคุณแบคฮยอนอยู่สูงมากถึงมากที่สุด แม้ในห้องสต็อคจะยี่สิบห้าองศาแต่แบคฮยอนก็สามารถละลายได้
“ตรงขอบเล็บเริ่มลอกแล้วด้วย ท่าทางจะเป็นหนัก ไปหาหมอดีกว่าครับ” มือที่จับข้อมือคุณแบคฮยอนแล้วรั้งให้เดินตามนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นมั่นคงและเร่งแรงเต้นของหัวใจให้ยิ่งตึกตัก คุณหนูไม่เคยมีความคิดจะคัดค้านทัดทาน คุณแฟนอยากพาไปไหนทำอะไรแบคฮยอนยินดีทั้งนั้น แต่เพื่อความสำเร็จในภายภาคหน้า ขอเว้นครั้งนี้ไว้สักครั้งเถอะ
“ชานยอล เดี๋ยวก่อนชานยอล”
“คุณต้องไปหาหมอ”
“อย่าเพิ่งเลย คือ ทิ้งงานไปตอนนี้คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพิ่งมาทำงานวันแรกเรายังไม่อยากมีปัญหา มือนี่แค่คันนิดหน่อยล้างน้ำสะอาดแล้วเดี๋ยวคงดีขึ้น” แบคฮยอนกลัว ถ้าหมอตรวจอาการแล้วห้ามไม่ให้มาทำงาน ทุกความคืบหน้าจะต้องเลื่อนออกไป เขารอไม่ไหว
“อย่าเพิ่งคิดเรื่องอื่นเลย ไปหาหมอก่อนดีที่สุด”
“เราไม่อยากไป”
“คุณแบคฮยอน ผมบอกให้คุณซักผ้าพวกนั้น ผมต้องรับผิดชอบ”
“ไม่ต้องหรอก นายไม่รู้นี่นาเราเองยังไม่รู้เลยจะรับผิดชอบทำไมกัน เราไม่เป็นอะไรจริง ๆ นะชานยอล”
“............”
“อย่ากังวลไปเลยนะ”
“ถ้าไม่ไป ผมจะไม่สอนงานให้อีก” คุณหนูอ้าปากเหวอ ได้ยังไงกันเล่า ถ้าโดนเมินตั้งแต่ตอนเริ่มแผนพิชิตใจว่าที่แฟนที่เตรียมไว้อย่างสวยหรูก็ไร้ความหมายน่ะสิ แบคฮยอนประสานสายตากับดวงตาคมแล้วก็นึกประหลาดใจ ชานยอลเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย คนที่ยืนหน้านิ่วอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ต่างจากชานยอลที่แบคฮยอนเคยรู้จัก อย่างน้อยก็เรื่องสีหน้าล่ะ ใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้เฉยชาไร้ความรู้สึก ไม่ยิ้มอ่อนละมุนแบบสุภาพ สายตาไร้แววเก้อเขิน กริยาไร้กรอบขีดขั้น หากชานยอลคนนี้แสดงอารมณ์ไม่ชอบใจออกมาเต็มที่ ดวงตาคู่คมเปล่งประกายวาววาม ริมฝีปากเม้มแน่น มือที่กุมข้อมือแบคฮยอนจับมั่น แสดงเจตนาไม่ยินยอมจนเกือบแข็งกร้าว
“หรือไม่สะดวกจะไปกับผม ถ้าอย่างนั้น...”
“ไม่ ๆ ๆ ไปก็ได้ ๆ ไปกับชานยอลนะ ไม่ไปกับคนอื่น”
เอาน่ะ พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ถือว่าซ้อมดูแลกันตอนป่วยไข้ก็แล้วกัน
กำไร แบคฮยอน กำไร!
#lovelycb
รอเสพคอมเม้นต์ได้ไหมล่ะ มะ! สาดมา!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แหม่ ชานยอลอยากรับผิดชอบแบบไหนหื้มมม
เป็นห่วงเป็นใยออกอาการซะขนาดนี้
ชานยอลคะ!!!!