ตอนที่ 10 : Lovely you : เธอน่ารัก ตอนสิบ
สาบานกับเทพเจ้าบนสวรรค์ทุกตนเลยก็ได้
แบคฮยอนไม่รู้หรอกว่าเรื่องมันจะมาถึงขั้นนี้ โอเค อาจจะแอบหวังไว้บ้าง(ในบางซอกของใจ)ว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสต้อนรับคุณแฟนในห้องชุดส่วนตัว แต่ก็รู้ดีว่าความเป็นไปได้มันน้อย น้อยมากกก แบคฮยอนแค่แกล้งหลับให้ชานยอลปลุกเมื่อมาถึงลานจอดรถ ไม่คิดว่าทุกอย่างจะเลยเถิดมาถึงโซฟาตรงห้องนั่งเล่นได้ ถ้ารู้ว่าฟ้าจะเป็นใจ คุณหนูคงสั่งแม่บ้านเปลี่ยนเครื่องเรือนใหม่ยกเซ็ตตั้งแต่เมื่อวาน โอเค นั่นเป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้แล้ว ปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้คือจะทำยังไงกับปาร์คชานยอลดี?
คนแกล้งเมาค่อยเปิดเปลือกตาขึ้นข้างหนึ่ง ตั้งแต่ทำใจกล้าคว้ามือหนามานอนกอดแบคฮยอนก็อดทนนอนหลับตานิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนมากเกินความจำเป็น จะว่ายังไงดีล่ะ ตอนชานยอลบอกจะกลับคุณแบคฮยอนไม่อยากให้กลับนี่นา ใจคิดแบบนั้นร่างกายมันก็นำหน้าคว้ามือหนาเอาไว้เสียแล้ว จะมาทำตกใจแล้วปล่อยก็ยังไงอยู่เลยต้องเนียนหลับต่อ คิดว่าอีกสักเดี๋ยวคนตัวโตคงค่อยดึงมือกลับไปแต่จนแล้วจนรอดชานยอลก็ไม่ทำ
แบคฮยอนได้ยินเสียงถอนหายใจยืดยาว ได้ยินเสียงเนื้อผ้าเสียดสีแล้วร่างสูงก็ทรุดลงนั่งบนพื้นพรมหน้าโซฟา คุณหนูนึกดีใจที่มีมือตัวเองบวกมืออีกฝ่ายช่วยบังใบหน้าไว้บางส่วน สองแก้มนุ่มร้อนเหมือนคนเป็นไข้แต่ก็เป็นความร้อนระดับเดียวกับหลังมือหนา ชานยอลนั่งอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ เสียสละมือให้คุณแบคฮยอนกุม คุณหนูซาบซึ้งใจจนน้ำตาแทบไหล นอนซึมซับความสุขที่ฟ้าประทานให้
จนเผลอหลับไปจริง ๆ
เสียงแหบใสครางแผ่วเบา เรียวคิ้วคมย่นเข้าหากันเมื่อถูกจู่โจมด้วยอาการมึนศีรษะ คนตัวขาวคลึงขมับก่อนจะหยุดกึก มือ...ข้างขวามีอาการเหน็บ ชา ราวกับถูกทับด้วยของหนัก กลอกตามองแล้วก็ต้องรีบใช้มือซ้ายอุดปากอย่างไวว่อง
พระเจ้า!
เผลอหลับไปได้ยังไงแบคฮยอน
โอกาสแบบนี้มีเพียงหนึ่งในล้านนายยังกล้าหลับอีกเรอะ!
มือขวาของใครอีกคนยังประสานปลายนิ้วไว้กับมือคุณแบคฮยอนแต่ท่อนแขนยาวที่ทอดลงด้านล่างชวนให้เจ้าของห้องต้องยืดตัวมอง ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ในคราแรกวาบไหวลึก ริมฝีปากระบายยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ คนดีของคุณแบคฮยอนนอนอยู่บนพื้น รองศีรษะด้วยหมอนอิงใบเล็กที่คงหยิบไปจากแถวนั้น เพราะมือขวาถูกยึดครองเอาไว้คนตัวโตเลยต้องนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาโซฟา แล้วก็คงนอนอยู่ท่าเดิมทั้งคืน
คุณหนูยิ้มอ่อนหวาน มองใบหน้าหล่อเหลาที่เห็นในแสงสีนวลด้วยหัวใจอันฟูฟ่อง ชานยอลเป็นคนดี ถึงใครจะมองใบหน้าเฉยชาแล้วคลางแคลงสงสัยแต่แบคฮยอนก็รู้ดีว่าชานยอลอ่อนโยนมากกว่าอีกหลายล้านคน ถ้าชานยอลใจร้ายอีกนิดคงไม่ขับรถมาส่งตอนเขาเมา ไม่เบาแอร์ในรถเมื่อเห็นว่าเขาหนาว ไม่กลับมาหาเมื่อเห็นว่าประตูห้องล็อกไม่ได้แล้วก็คงไม่ลำบากนอนหลังขดหลังแข็งบนพื้นเพื่อให้คุณแบคฮยอนกุมมือไว้ทั้งคืน
ไม่ต้องเอ่ยถึงคำว่ารัก เพียงแค่จิตใจดีงามและกริยาอ่อนโยน แบคฮยอนก็ตัดสินได้แล้วว่าคน ๆ นี้คือผู้ชายที่มีค่ายิ่งกว่าใคร คุณหนูแนบริมฝีปากบนหลังมืออุ่น เรียวปากบางกดยิ้มหมายมั่น ขึ้นชื่อว่าคุณแบคฮยอนแล้วแค่ความอ่อนโยนของเพื่อนมันไม่พอ คุณแบคฮยอนโลภมากกว่านั้น เขาอยากเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก
วันอาทิตย์อันแสนสดใส หลังจากเมื่อคืนฝนเทลงมาตอนใกล้เช้าทำให้วันนี้ฟ้าเปิด เมฆสีขาวพาดผ่านบนสีครามใส ลมพัดโชย หอบกลิ่นหอมมากระทบจมูก คุณชายคิมสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการลุกจากเตียงตั้งแต่เช้าตรู่ ร่างสมส่วนเปิดผ้าม่าน เปิดหน้าต่าง ชื่นชมสวนสวยด้วยความรื่นรมย์ใจอย่างที่สุด
ใช่ที่ไหนล่ะ!
อากาศก็ดีอย่างที่เพ้อนั่นแหละแต่ที่เขาต้องแหกตาตื่นตั้งแต่เช้าก็เพราะวันนี้มีนัด ปกติคุณชายไม่รับนัดเช้า เขาไม่ใช่พวกนิยมตื่นตั้งแต่ตะวันยังไม่พ้นขอบฟ้าถ้าไม่จำเป็น แต่เพราะนัดหมายวันนี้มันต่างออกไป ต่างตั้งแต่คนนัดมาเลยล่ะ ชายหนุ่มอ้าปากหาว เหลือบมองนาฬิกาแล้วก็ตาลีตาเหลือกวิ่งเข้าห้องน้ำ หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลังจากแจ้งพนักงานรักษาความปลอดภัยตรงทางเข้าว่ามาพบใครจงอินก็ถอยรถเข้าจอดใต้ตึกสูง ขายาวก้าวตรงไปยังตัวอาคารใหม่เอี่ยม มุ่งไปยังลิฟต์โดยสารอย่างเร่งรีบ
“แย่แล้ว ๆ สายจนได้” อุบัติเหตุบนเส้นทางที่ต้องสัญจรผ่านทำให้เสียเวลามากกว่าที่คำนวณไว้ จงอินเร่งฝีเท้าทำท่าจะพุ่งไปหาลิฟต์แต่กลับเปลี่ยนใจพุ่งเข้าใส่ซอกเล็กข้างบันไดหนีไฟในวินาทีสุดท้าย ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบ้ตามคลื่นความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นกะทันหัน
“ปาร์คชานยอล?” ดวงตาดำคมจับจ้องตามติด เจ้าของร่างสูงใหญ่ผู้มีใบหน้าคมหวานอย่างยากจะหาใครเหมือนเพิ่งเดินออกมาจากประตูลิฟต์และกำลังก้าวผ่านจุดที่เขาซ่อนตัวไป ไม่ผิดแน่ หน้าตาท่าเดินอย่างมันไม่ได้มีเป็นโหล ออกจะเป็นเอกลักษณ์เลียนแบบยาก ถ้าจงอินไม่ได้ตาฝาดจนเห็นภาพลวงตาตอนแปดโมงเช้า ผู้ชายที่เห็นต้องเป็นชานยอลแน่ ๆ
“มันมาทำอะไรแถวนี้วะ” จะว่าเพื่อนเขาถูกหวยจนมีเงินมาซื้อห้องชุดในคอนโดไฮโซนี่ก็ไม่ใช่ เมื่อวานมันยังเป็นพนักงานต๊อกต๋อยกวาดเศษใบไม้ในร้านพี่จุนมยอนอยู่เลย อะไรมันจะรวยขึ้นมาในชั่วข้ามคืน
“หรือว่า...” ความคิดประหวัดไปถึงใครอีกคนที่อาศัยอยู่ในตึกนี้ จงอินเผลอกลั้นลมหายใจ ถอยเท้าลึกเข้าไปในช่องแคบมากขึ้น ไอ้หล่อมันเพิ่งออกมาจากลิฟต์ มันกลับบ้านตอนแปดโมงเช้า ตีความหมายได้สองทางคือแวะมาหาคนรู้จักเช้านี้และอีกทางคืออยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเพิ่งกลับ
“ไม่หรอกน่า เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ด ๆ” อยากจะวิ่งตามไปถามแต่ก็กลัวอีกฝ่ายจะย้อนถามแล้วตัวเองบอกความจริงไม่ได้ จงอินมองจนแน่ใจว่าเพื่อนสนิทเดินพ้นประตูออกไปแล้วจึงรีบกดลิฟต์ มุ่งตรงสู่เป้าหมายด้วยใจร้อนรน ทั้งกดออดทั้งเคาะบานไม้เรียกให้คนในห้องรีบเปิดประตูให้ ได้ยินเสียงวิ่งตุบ ๆ มาพร้อมเสียงขานรับหวานสุดติ่งจงอินก็ยิ่งใจคอไม่ดี
“ครับ?...อ้าว...”
“อ้าวอะไรล่ะครับคุณ คิดว่าผมเป็นใครหรือไง”
“ก็ อือ คิดว่าเป็นชานยอลน่ะ” ลูกผู้น้องครางครืดในคอ มองดวงตาเรียวระยับเพื่อหาร่องรอยการล้อเล่นทั้งที่ในใจนั้นประติดประต่อทุกชิ้นส่วนเป็นเรื่องราวได้เรียบร้อย นี่แบคฮยอนหิ้วเพื่อนเขาขึ้นห้องโดยไม่เกรงใจจงอินเลยใช่ไหม “ทำไมคิดว่าเป็นชานยอล แบคฮยอนนัดหมอนั่นซ้อนกับนัดผมอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ได้นัดหรอก ชานยอลกลับไปแล้ว”
“กลับไปแล้ว? มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อคืน” ชัดเจน มาตั้งแต่เมื่อคืนและตอนนี้คือเช้าวันใหม่ จงอินสูดลมเติมอาการปั่นป่วนในอก ถามเสียงต่ำ
“แบคฮยอน นี่ นี่พี่พาไอ้ชานยอลมา...ค้างคืนที่ห้องหรือ...” แบคฮยอนหยิบเสื้อคลุมตัวใหม่ออกมาวางรวมกับผ้าขนหนู ตอบหน้าตาเฉย
“ใช่”
“พี่ทำอะไรลงไป! ทำอย่างนี้ได้ยังไง ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ศึกษากันไปก่อน อย่าใจเร็ว อย่าใจร้อน บุ่มบ่ามรวบรัดผูกสัมพันธ์กันไปแล้วเกิดอีกหน่อยมันไม่ใช่ขึ้นมา แบคฮยอนจะเสียฟรีนะ”
“ยังไม่มีใครเสียอะไรทั้งนั้นแหละ!” เจอพี่ชายตัวโหดตวัดเสียงใส่คุณชายคิมก็เกือบสะดุ้ง ร่างสูงถอยหลบเมื่อร่างเล็กย่ำเท้าผ่านเข้าไปในห้องน้ำ ดีนะว่าที่อยู่ในมือขาวคือชุดคลุมกับผ้าขนหนู ของเบาสัมผัสนุ่มถ้าจะกลายเป็นอาวุธก็นับว่ายังอยู่ในระดับปลอดภัย จงอินตามติดร่างจ้อยไม่ลดละ ถึงจะมั่นใจว่าคนอย่างชานยอลไม่มีทางเอาเปรียบคุณแบคฮยอนแน่นอนแต่ก็ไม่มีใครรับประกันว่าแบคฮยอนจะไม่หลอกล่อจนเพื่อนเขาใจอ่อน ถ้ามันจะเกิดเรื่องเลยเถิดเกินห้ามเก้าในสิบส่วนคงเป็นเพราะเจ้าของดวงตาเรียวยาว ส่วนที่เหลือก็เพราะไอ้ชานยอลมันเมา เมาแบบเมาหนักจริง ๆ
“ถึงฉันจะอยากได้ชานยอลมาเป็นแฟนทุกลมหายใจเข้าออกแต่ฉันก็ไม่ง่ายให้นายดูถูกหรอก รู้จักกันมาเป็นยี่สิบปีนายคิดว่าฉันคนนี้จะโง่ทำอะไรโดยไม่คิดก่อนหรือไง”
“แล้วทำไมไอ้ชานยอลมันกลับเช้า” แบคฮยอนหันหน้าหนี
“เดี๋ยวค่อยเล่าในรถได้ไหม เหนียวตัว อยากอาบน้ำจะแย่แล้ว เมื่อคืนกลับมาจากข้างนอกก็ไม่ได้อาบ” คนน้องเบิกตาค้าง คุณหนูบยอนนอนโดยไม่ได้อาบน้ำ! ช็อกซ้ำสอง แรงสะเทือนรุนแรงพอกับตอนที่รู้ว่าเพื่อนสนิท(ถูกหลอกให้)มาค้างคอนโดพี่ชาย สีหน้าจงอินคงแสดงความพรั่นพรึงออกไปชัดเกิน ผ้าขนหนูผืนโตเลยลอยมาโปะใส่หัวเต็ม ๆ “อย่ามาเวอร์ แค่ไม่ได้อาบน้ำวันเดียวไม่ใช่ทั้งอาทิตย์แบบนาย”
“ปกติไม่เป็นแบบนี้นี่ ดึกดื่นเที่ยงคืนเป็นตายร้ายดียังไงแบคฮยอนก็ไม่มีทางขึ้นเตียงโดยไม่ได้อาบน้ำ ก็เคยบอกว่ากลัวเชื้อโรคไม่ใช่หรือ”
“ห้องฉันสะอาดไม่มีเชื้อโรค ตัวฉันก็สะอาดยิ่งกว่าห้อง แล้วจะบอกอะไรให้นะ...เมื่อคืนน่ะ ไม่ได้นอนเตียงหรอก” ยักคิ้วแล้วก็ปิดประตูห้องน้ำโดยไม่เปิดโอกาสให้น้องชายซักต่อ จงอินเท้าเอวเข่นเขี้ยว แรดเข้าไปเถอะ ทำเป็นยิ้มทะเล้น เจอของจริงขึ้นมาจะยิ้มไม่ออก
“แบคฮยอน ผมลงไปรอตรงร้านกาแฟข้างล่างนะ ไม่ได้ทานอะไรก่อนออกบ้าน เริ่มหิวแล้ว” ถ้ารอคนพี่จัดการธุระส่วนตัวอาจได้อาการปวดกระเพาะแถมมาอีกอย่าง ได้ยินเสียงคนในห้องน้ำตะโกนตอบรับชายหนุ่มก็ผละจากมา ในหัวครุ่นคิดถึงเรื่องที่อาจเกิดขึ้นในห้องพักหรูเมื่อคืนที่ผ่านมา ไอ้ชานยอลมันก้าวเท้าออกจากบ้านผิดฤกษ์หรือยังไงถึงได้ดวงตกโดนแบคฮยอนหิ้วขึ้นห้องได้ หรือมันจะเมา แอลกอฮอลในเลือดสูงจนไม่รู้ตัว ไม่ทันได้ป้องกันตัวเลยพลาดท่าแต่ไอ้หล่อมันก็ไม่ใช่คนหลอกง่ายนี่หว่า ถ้าสติสัมปชัญญะครบถ้วน ถ้าไม่ใช่คราวเคราะห์ ไม่ใช่เมา จะเป็นเพราะอะไร...เพราะโดนแบคฮยอนล่อลวง...หรือเพราะมันเต็มใจให้ล่อลวง
“ไม่หรอกน่า ไม่มีทางเป็นไปได้ มันบอกเองว่ายังไม่อยากมีแฟน” ว่าได้หรือ นี่มึงกำลังพูดถึงคนดีอย่างชานยอลกับที่สุดแห่งความร้ายกาจแบคฮยอนนะจงอิน อะไรมันก็เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว
“โอ๊ย เครียดโว้ย นี่มันอะไรยังไงกันวะเนี่ย”
ติ๊ง!
“................”
เหี้ย หมาแล้ว!
“มึงมาทำอะไรที่นี่?” ตัวจริงเสียงจริง คิ้วเข้มตากลมโตมาเลยครับพี่
“กะ กะ กู กูมาหาพี่” เฮ้ย พูดออกไปทำไมมมมมม
“พี่มึงอยู่ที่นี่หรือ พี่คนไหนวะ กูรู้จักหรือเปล่า?”
“ไม่ ไม่รู้เหมือนกัน ญาติห่าง ๆ น่ะ...แล้วมึงล่ะ มาทำอะไรแถวนี้วะ อย่าบอกนะว่าแอบมีเมียซ่อนไว้ในตึกนี้น่ะ” ชานยอลมองคนถามเหมือนอ่อนใจ ริมฝีปากสีเข้มยังระบายยิ้ม “คิดให้ไกลจากเรื่องผัวเมียบ้างเถอะ กูลืมของไว้ที่ห้องเพื่อนเลยกลับมาเอา มึงรีบไปไหนหรือเปล่า รอก่อนสิ เดี๋ยวกลับพร้อมกัน”
“ไม่ได้ กูรีบ คือว่า พอดีมีคนรออยู่น่ะ โทษทีนะ”
“สาวหรือวะ?”
“ไม่ใช่ เอ่อ ก็ ก็ประมาณนั้น ไปนะ แล้วเจอกัน” เพื่อไม่ให้ผิดพลาด จงอินจำต้องเดินออกจากตัวตึก ลัดเลาะผ่านลานจอดรถไปซ่อนตัวอยู่อีกด้านที่เห็นประตูทางออกชัด ยืนเหงื่อตกลุ้นเหตุการณ์บนตึกสูงอยู่พักหนึ่งชานยอลก็เดินกลับออกมา คนตาโตมองตามจนเพื่อนสนิทลับหายไปจึงก้าวเร็ว ๆ กลับเข้าไปในตึก ทีแรกคิดจะขึ้นห้องไปติดตามความคืบหน้าแต่ก็เปลี่ยนใจ นั่งจิบกาแฟรอตามแผนเดิม วัดจากปฏิกิริยาของไอ้เพื่อนหน้าหล่อคิดว่าไม่น่าจะมีเรื่อง ใบหน้าคมคายเรียบเฉย สังเกตอารมณ์ไม่ได้เหมือนที่จงอินคุ้นเคย คุณชายคิมทิ้งตัวลงกับเก้าอี้นวม พ่นลมออกจนไหล่สั่น
ถ้าปาร์คชานยอลเดินยิ้มกริ่มออกมานั่นแหละสัญญาณไม่ดี
แบคฮยอนกำลังใช้สมาธิกับการรำลึกความหลัง
จงอินมาถึงก็บ่น ๆ ๆ ว่า ๆ ๆ ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เลวร้ายหรือชวนให้ต้องกังวลแต่อย่างใด แล้วมันน่าตลกตรงที่เจ้านั่นทำหน้าเหมือนแบคฮยอนเป็นคนผิด เหอะ ทำเป็นติงเรื่องการวางตัวของเขาที่แท้ของแอบหวงเพื่อนนั่นแหละ โชคดีที่เช้านี้คุณแบคฮยอนอารมณ์ดีมากเลยไม่อยากติดใจถือสา ถ้าเกิดเป็นวันอื่นที่ไม่ได้ตื่นมาพร้อมคุณแฟนละก็ น่าดูชม
ร่างขาวจัดเท้าแขนกับขอบอ่างล้างหน้า ยิ้มชื่นแข่งกับเงาสะท้อนในกระจก คิดถึงตอนคนตัวโตตื่นนอนแล้วก็ยิ่งยิ้มกว้าง คนหล่อน่ะน้อ ตอนนอนก็หล่อตื่นมาก็ยิ่งหล่อ
มองอยู่เพลินพอแพขนตาหนาขยับสองสามที แบคฮยอนรู้ว่าชานยอลกำลังจะตื่นเลยอดใจดึงมือที่กำลังจะไล้บนแนวกรามแกร่งกลับเข้าหาตัว คุณหนูจงใจกุมมือหนาไว้เหมือนเดิม รีบปัดผมเผ้าแล้วก็วางใบหน้าให้ได้องศาที่คิดว่าน่ารักมากที่สุด ใจนั้นอยากลุกไปล้างหน้าแปรงฟันจัดทรงผมให้เรียบร้อยแต่ก็ต้องเลิกคิด ถ้าเห็นเขานอนท่าเดิมแต่หน้าผมเป๊ะเด้งชานยอลต้องสงสัยแน่ เพื่อความสมจริงคุณหนูเลยจำต้องยอมให้คุณแฟนเห็นสภาพยับเยินหลังนอนดึก น้ำไม่อาบและตื่นไม่เต็มตาอย่างเลี่ยงไม่ได้
เอาน่า ถ้านึกเอ็นดูคุณแบคฮยอนอยู่บ้างชานยอลก็ต้องมองว่าคุณหนูตอนตื่นน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนที่แบคฮยอนมองว่าคุณแฟนดูดีทุกเวลานั่นแหละ
คนตัวเล็กกำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ไม่กล้ากลอกลูกตาไปมาเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะมองเปลือกตาอยู่ ชานยอลลุกขึ้นนั่งเงียบ ๆ เงียบแบบไม่พูดไม่เปรยอะไรเลยนานนับนาทีก่อนจะค่อยดึงมือออกจากการกอดเกาะของคุณหนู แบคฮยอนอยากประท้วง อยากยื้อไอร้อนเอาไว้ไม่ยอมปล่อยแต่ก็รู้ว่าไม่ควรทำ เด็กหนุ่มปล่อยมือหนาแล้วก็นิ่วหน้า ยกมือขึ้นคลึงขมับพลางส่งเสียงครางต่ำ ๆ
“โอย ปวดจังเลย...”
“ปวดหัวหรือครับ?”
“อือ ปวด...เอ๋?...” ดวงตาเรียวยาวเบิกกว้างพร้อมกับเสียงแหบ ๆ สูง ๆ ที่หลุดพ้นริมฝีปาก ร่างเล็กนอนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็ง ได้แต่กลอกตามองซ้ายขวาบนล่างเหมือนไม่แน่ใจว่าตัวเองอยู่ถูกที่หรือไม่ ท้ายสุดก็มาจบที่ใบหน้าหล่อคม
“ชานยอล ทำไมถึง...”
“ปวดมากหรือเปล่าครับ ลุกไหวไหม?” คุณหนูพยักหน้าทั้งที่ยังไม่หายงง ดันร่างลุกขึ้นนั่งพิงโซฟา มองนั่งมองนี่แล้วก็คว้าเอาหมอนมากอดทับอก กดคางซ่อนไว้เหลือเพียงดวงตาใสแจ๋วมองชานยอลตื่น ๆ
“เมื่อคืนคุณแบคฮยอนเมา คุณอี้ชิงเลยบอกให้ผมขับรถมาส่งคุณที่นี่ จำได้ไหมครับ?” คุณหนูพยักหน้ารับ กอดหมอนแน่นขึ้น “ผมปลุกแล้วคุณไม่ตื่นเลยพามาส่งที่ห้อง คุณหลับไม่รู้ตัว ผมไม่อยากไปทั้งที่ประตูไม่ได้ล็อกเลยอยู่รอให้คุณตื่น แล้วก็...เอ่อ...เผลอหลับไป ขอโทษที่อยู่ค้างโดยพลการด้วยนะครับ”
คุณหนูส่ายหน้าอีกครั้ง
“ไม่เห็นต้องขอโทษเลย ไม่ใช่เรื่องผิดสักหน่อย” โอย คนหล่อกลางแสงอบอุ่นยามเช้า รอยยิ้มสุภาพแฝงแววอ่อนล้า น่ามองพอกับน่าขอแต่งงาน วรั้ย!
“ขอบใจมากนะ แล้วชานยอลนอนตรงไหนอ่ะ อย่าบอกนะว่านอนพื้น” เพราะหมอนใบเขื่องยังวางอยู่ที่เดิม รอยหนุนนอนก็ยังบุ๋มชัด แบคฮยอนมองรอยยิ้มสุภาพแล้วก็ทำหน้าเบ้
”ชานยอลเลยต้องมาทรมานสังขารเพราะเราเลย แย่จัง”
“ไม่เป็นไรครับ ปกติคุณดื่มแล้วจะหลับแบบนี้ทุกครั้งหรือ” แบคฮยอนเอียงคอ สีหน้าเหมือนเด็กทำผิดทั้งกลัวทั้งอาย “ไม่ทุกครั้งหรอก ต้องดื่มหนักมากถึงจะหลับแต่ปกติเราไม่ค่อยได้ดื่มเท่าไหร่ มีจิบตามงานเลี้ยงบ้างแต่ก็นาน ๆ ที ขอโทษนะ ทำให้นายต้องลำบากด้วยเลย”
“ผมไม่ได้ลำบากแต่เป็นห่วง ถ้าคุณรู้ตัวว่าเวลาดื่มมาก ๆ แล้วจะหลับก็ต้องระวัง ถ้าไม่ได้อยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ไว้ใจได้ก็ไม่ควรดื่มนะครับ มันอันตราย” คนตัวเล็กผงกหัวเชื่อฟัง ไม่ค้านไม่เถียง ชานยอลเห็นแล้วก็เผลอยิ้ม คุณหนูที่เคยเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าเวลาตื่นนอนก็เหมือนคนทั่วไป หัวฟูหน้ายุ่ง จะไม่เหมือนคนอื่นก็ตรงกลีบปากบางเชิดที่ไม่ว่าจะเจอตอนเช้าตอนค่ำยามเมาหรือไม่เมาก็สดฉ่ำตลอดเวลาเท่านั้น ใบหน้าอ่อนใสเซื่องหงอยชวนให้คนดุใจอ่อนอย่างสุดฝืน ชานยอลเก็บหมอนวางไว้บนโซฟาถอยออกห่างเงียบ ๆ
“คุณแบคฮยอนตื่นแล้ว ผมคงต้องกลับบ้านเสียที” นับระยะเวลาที่รู้จักก็เกือบสองเดือน คุยกันมานับเรื่องไม่ถ้วน กินข้าวด้วยกันก็เคย นอนค้างคืนก็เพิ่งสด ๆ ร้อน ๆ ความสนิทสนมก็เพิ่มมากขึ้นตามวันเวลาแต่พอถึงจุดหนึ่งชานยอลกลับถอยกลับไปเป็นเพื่อนผู้แสนสุภาพดังเดิม แบคฮยอนเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อค่ำวานยังหัวเราะด้วยกันแทบทุกเรื่อง กลางคืนก็นอนกุมมือทั้งคืน แล้วทำไม ยามเช้าที่ควรอบอุ่นละมุนละไมถึงกลายเป็นสีเทาหม่นไปอีกแล้วล่ะ
“จะกลับแล้วหรือ ทานมื้อเช้าด้วยกันก่อนสิ นี่มันจะแปดโมงแล้วนะ” ปากท้วงแต่สองขาก็ทำได้แค่เพียงเดินตามร่างสูงไปยังประตูต้อย ๆ คนใจแข็งไม่ยอมอยู่ ก้มลงสวมรองเท้าเรียบร้อยก็เงยหน้ามามองสบตา ชานยอลเห็นดวงตาคู่ใสจดจ้องรอคอยก็อดใจไม่ได้เช่นเคย
“ผมต้องไปทำงานพิเศษ เอาไว้คราวหน้านะครับ” หมายความว่าคราวหน้าจะมีโอกาส ทานมื้อเช้าด้วยกัน อย่างนั้นใช่ไหม
“ต้องไปทำงานพิเศษอีกแล้วหรือ ถ้างั้นก็ขอบใจชานยอลอีกครั้งนะ แล้ว...คราวหน้าเนี่ย เมื่อไหร่ดีล่ะ” ใจร้อน! เผลอปากไวถามออกไปแล้วไงล่ะ คนตัวโตเค้ามองเหมือนระแวงเลยคราวนี้ “เราร้อนใจ ทำให้ชานยอลลำบากหลายอย่าง ไหนจะขับรถมาส่ง อยู่เป็นเพื่อนแล้วยังต้องทิ้งรถนายไว้ที่ร้านนั้น เราอยากตอบแทนบ้าง”
“...........”
“ข้าวสักมื้อก็ยังดี”
“...........”
“แถมของหวานด้วยก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ” ขอบคุณพระเจ้า นี่ถ้าชานยอลเงียบอีกแค่สามวินาทีคุณแบคฮยอนจะหนีเข้าห้องจริง ๆ ด้วย เขาทนอะไรได้ทุกอย่างยกเว้นความเย็นชาจากคนตรงหน้า แบคฮยอนสู้ไม่ไหวจริง ๆ
“ไม่เป็นไรอีกแล้ว ไม่เป็นไรตลอด ไหนเมื่อกี้บอกว่าคราวหน้าไง”
“โอเคครับ คราวหน้า”
“สัญญา”
“สัญญา”
“ขอบใจนะ แล้ว คือ...ชานยอลโอเคแน่หรือเปล่า เราไม่อยากให้นายอึดอัด ถ้าไม่อยากไปจริง ๆ บอกได้เลยนะ รับรองว่าไม่โกรธไม่เคืองแน่นอน” เจ้าของดวงตาดำมันยิ้มบาง มองใบหน้าเนียนอยู่ชั่วลมหายใจแล้วจึงเอ่ยเสียงต่ำ
“ผมเต็มใจ สำหรับเพื่อนเรื่องแค่นี้ไม่ได้มากมายอะไร คุณแบคฮยอนเองก็เหมือนกัน ถ้าคิดว่าผมเป็นเพื่อนก็อย่าถือว่าเป็นบุญคุณหรือการรบกวน เพื่อนต้องช่วยเพื่อนอยู่แล้ว”
เปลือกตาบางกะพริบถี่ คุณแบคฮยอนพยายามวาดปากยิ้ม
“นั่นสิเนาะ เพื่อนกันนี่นา”
หนึ่งคืนแสนสั้นแต่เป็นทั้งจุดจบ จุดเริ่มและจุดเปลี่ยนของหลายความรู้สึก
ล็อคประตูเรียบร้อยแล้ว
คุณหนูถอนใจเฮือกใหญ่ ยิ้มกว้างลดลงจนเหลือเพียงรอยกดมุมปาก ใบหน้าเล็กเรียบเฉยเหลือเพียงความเหนื่อยล้าทาบทับดวงตา แบคฮยอนพยายามคิดถึงแต่เรื่องที่เป็นสุข คิดถึงความรู้สึกยามได้กุมมือใหญ่หลับไปพร้อมกัน คิดถึงความห่วงใยจากคนตัวโต แบคฮยอนมีความอ่อนโยนของชานยอลเป็นความหวังและจงใจลืมความจริงที่อีกฝ่ายย้ำก่อนจากไปอย่างเหลือเกิน คำว่าเพื่อนทำให้ใจคุณหนูห่อเหี่ยวไร้แรงพลัง สายตาระแวงหวั่นที่สูบเอากำลังใจไปจนแห้งขอด ปฏิเสธที่จะคิดถึงแต่ก็ไม่อาจลืมได้ว่ามันคือความจริง
“เฮ้อ ไม่เอาน่า มันเรื่องปกติออก ก็เป็นเพื่อนกันจริง ๆ นี่นา แต่ถึงจะเป็นแค่เพื่อนชานยอลก็แคร์นะ ชานยอลไม่ได้กันเราออกจากชีวิตก็ดีมาก ๆ แล้วไง ขนาดต่างคนต่างอยู่ยังมารู้จักกันและเป็นเพื่อนกันได้ ไม่ต้องกลัวหรอก สักวันจะต้องเป็นมากกว่าเพื่อน ต้องเป็นได้แน่ ๆ แบคฮยอน”
ความตั้งใจอันแรงกล้าส่งผลให้ดวงตาคู่เรียวกลับมาวาววับอีกครั้ง แบคฮยอนสั่งตัวเองให้ยิ้ม สร้างกำลังใจให้เต็มเหมือนเดิม เด็กหนุ่มบิดขี้เกียจสุดตัว ส่งเสียงครางดังลั่นห้องน้ำกว้าง ตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงกดออดดังขึ้น
“อะไรอีกละเนี่ย” ไอ้น้องชายตัวดี เปลี่ยนใจไม่ลงไปดื่มกาแฟแล้วหรือไง
“ไหนบอกจะลงไปจิบกาแฟรอ...” แต่คนที่รออยู่หลังบานประตูไม่ใช่จงอิน
“จิบกาแฟหรือครับ?”
“ชานยอล...”
“ขอโทษครับ ดูเหมือนผมจะลืมโทรศัพท์มือถือไว้”
“เอ่อ มือถือหรือ คือ มือถือใช่ไหม เข้ามาก่อนสิ อาจจะตกอยู่แถวโซฟา” เบี่ยงตัวให้แขกพิเศษแล้วถึงได้รู้ว่าตัวเองแต่งตัวไม่สุภาพอย่างที่สุด เสื้อคลุมอาบน้ำตัวเดียว ถึงจะเนื้อหนานุ่มฟูแต่ก็คอแหวกกว้างแถมยังโล่งทั้งบนและล่าง คุณหนูเดินอ้อมไปอีกด้านของห้อง ยกสองแขนประสานไว้ตรงอก เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนเปิดประตูคนตัวโตถึงได้ทำเหมือนเบือนหน้าใส่ คุณแบคฮยอนแต่งตัวไม่เรียบร้อยพ่อคนดีคงไม่สะดวกใจ เข้าห้องมาได้ก็ตั้งใจหาสมบัติชิ้นเล็กไม่พูดไม่จา
“เจอไหม”
“ยังไม่เจอครับ” ถึงจะเขินอยู่นิดหน่อยแต่คุณหนูก็ข่มความอายช่วยว่าที่แฟนหาอีกแรง บังเอิญที่โทรศัพท์สีดำเครื่องนั้นตกอยู่ตรงขาเก้าอี้นวมฝั่งที่แบคฮยอนยืนอยู่ คนตัวเล็กก้มลงเก็บ สำรวจจนมั่นใจแล้วว่าไม่ใช่ของตนเองหรือจงอินทำตกไว้จึงยิ้มกว้างนำไปก่อน
“เจอแล้ว เครื่องนี้ใช่ไหม อ๊ะ!” เก็บได้ก็รีบส่งให้เจ้าของด้วยความดีใจ พอดีใจก็ลืมระวัง ทำโทรศัพท์ร่วงจากมือทั้งที่ไม่ควรจะร่วง คุณหนูร้องเสียงหลงผวาคว้าวัตถุเล็กบางด้วยความตกใจและเพราะไม่ทันมองเครื่องกีดขวาง ร่างขาวจัดจึงชนที่พักแขนเก้าอี้นวมเซเสียหลักเข้าหาร่างสูงใหญ่ หน้าผากโขกกับแผงอกหนาดังโป๊ก ชานยอลจุกพร้อมกับคุณหนูร้องโอยส่วนโทรศัพท์เป้าหมายหล่นไปบนพื้นพรมอีกครั้ง
“เป็นยังไงบ้างครับ เจ็บมากไหม”
“เจ็บ”
“ขอผมดูหน่อย” ดันร่างเล็กออกอย่างนุ่มนวล แตะปลายนิ้วแยกผมด้านหน้าออกจนเห็นร่องรอยบนหน้าผากเนียนชัดเต็มตา เสียงทุ่มเปรยแผ่ว “แดง สงสัยจะโดนกระดุม คุณมียาทาแก้ฟกช้ำไหม”
“ไม่ ไม่รู้เหมือนกัน” ก็ไม่เคยได้ใช้นี่นา พอรู้สึกไม่สบายก็โทรบอกเลขาฯ ให้ตามหมอมาตรวจถึงบ้าน ใครจะเก็บยาสามัญประจำบ้านเอาไว้ที่ไหน มียาหรือไม่มีก็เลยไม่แน่ใจ
“ผมจะออกไปซื้อยามาให้”
“ไม่ต้องหรอก แค่รอยแดงเดี๋ยวก็หาย อย่าลำบากเลย” ชานยอลได้แต่ถอนใจ เสียดาย ผิวเนื้อละเอียดใสไร้ริ้วรอยต้องมีรอยช้ำติดไปหลายวัน ชายหนุ่มไม่รู้ว่าอีกคนรู้สึกยังไงเพราะนอกจากจัดผมหน้าม้าให้ลงมาปิดรอยแผลไว้แล้วคุณแบคฮยอนก็ไม่พูดถึงมันอีก แต่สำหรับชานยอล เขาไม่อยากเลย ไม่อยากให้เจ็บ แม้แต่รอยขีดข่วนเล็ก ๆ ก็ไม่อยากให้ปรากฏบนผิวเนื้อบาง
สิ่งสวยงามที่ไม่ควรต้องแปดเปื้อน
“ถ้ามียาก็ทาเสียนะครับจะได้หายเร็วขึ้น ผมไปนะครับ คุณแบคฮยอน” แบคฮยอนเงยหน้าเมื่อร่างสูงถอยห่างไป ความห่วงใยในหน่วยตาคมถูกแทนที่ด้วยประกายดำหม่น จับอารมณ์แทบไม่ได้ คนตัวโตก้มลงเก็บอุปกรณ์สื่อสาร หันมาเอ่ยลาแล้วก็กลับไปโดยไม่เอ่ยคำใดอีก
ลากันสั้น ๆ แบคฮยอนไม่ว่าหรอก แต่ทำไมไม่ยอมยิ้มให้กันเลย
เมื่อจงอินหมุนพวงมาลัยพารถเก๋งคันงามเข้าไปในลานจอด ผู้โดยสารชั้นหนึ่งก็ถอนหายใจครบสามสิบครั้งพอดี ดวงตาดำคมลอบชำเลืองมองต้นเสียงเป็นการประเมินสถานการณ์ เขาควรเสี่ยงถามให้พี่ชายตัวร้ายเหวี่ยงว่ายุ่งหรือควรทำเฉยให้คุณหนูบยอนด่าว่าไม่ใส่ใจทุกข์สุขพี่บังเกิดเกล้าดีวะ
“แบคฮยอน เอาแต่ถอนหายใจ มันไม่ช่วยอะไรหรอกนะ”
“ช่วยสิ ช่วยทำให้นายรู้ว่าฉันกลุ้มใจอยู่ไง” ไม่เคยน้อยกว่าที่คิด จะร่าเริงสดใสหรือใจเสียเป็นกังวลคุณหนูก็รักษาระดับความร้ายได้แบบไม่มีตกหล่น จงอินดึงมือเล็กมาคลึงเล่น เอาใจเค้าหน่อยคนกำลังใจเสียเพราะโดนว่าที่แฟนเมิน
“ผมรู้ว่าแบคฮยอนกลุ้มใจ รู้ว่ากลุ้มเพราะเรื่องอะไร อันที่จริงคือรู้ว่าเพราะใครเสียด้วยซ้ำ แต่แบคฮยอนคิดจะถอนหายใจให้ปอดทำงานหนักแบบนี้ทั้งวันเลยหรือ เล่าให้ผมฟังจะก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่าไหม” แบคฮยอนเกือบจะยิ้ม เขารู้ว่าจงอินเป็นห่วง ถึงน้องชายจะไม่เต็มใจช่วยภารกิจรักครั้งนี้แต่สายใยของพี่น้องให้ยังไงก็มีความผูกพันเชื่อมโยงกันอยู่ แบคฮยอนเป็น(ลูก)พี่ที่แสนดีมาตลอดทั้งชีวิต รักและเอ็นดูน้องชายไม่เคยบกพร่อง จงอินที่ได้รับความรักจากพี่มาตลอดชีวิตจะเมินเฉยต่อความทุกข์ใจของแบคฮยอนได้อย่างไร แล้วนี่คือเหตุผลที่คุณหนูต้องพาจงอินมาด้วยวันนี้
“ช่างมันเถอะ กลุ้มได้ก็หายได้ ตอนนี้เรื่องสำคัญรอเราอยู่ในตึก รีบไปกันเถอะ” ตึกสูงกรุกระจกทึบรอบด้าน ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ธุรกิจหนึ่งในหลายประเภทของครอบครัวคิมจงอิน
“เอาจริงหรือ”
“มาถึงตรงนี้แล้วยังจะถามคำเดิมอีก”
“แบคฮยอน มันไม่ใช่เรื่องเล่นขายของนะ”
“ถ้าฉันอยากเล่นขายของมันก็ต้องเป็นการเล่นขายของ” แววตามุ่งมั่นสร้างความหนักใจให้กับคนเป็นน้องพอกับความประหลาดใจ คุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูอย่างดีตั้งแต่เกิด อยากได้อะไรก็มีแต่คนคอยหามาประเคนให้ ทุกความปรารถนามีคนพร้อมคอยสนอง สุขสบายทั้งกายและใจ แล้วจะหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัวให้ลำบากทำไม
“มันไม่ง่ายเหมือนตอนพูดนะ ถึงเวลานั้นพี่เองแหละจะลำบาก เลิกเถอะ”
“เลิกไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเดินหน้าเท่านั้น”
“แบคฮยอน...”
“นายไม่เข้าใจที่ฉันเล่าให้ฟังเลยหรือจงอิน ถ้าฉันไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างฉันจะต้องเสียใจ ฉันไม่อยากเสียใจ ไม่อยากเสียชานยอลให้ใคร เพื่อนนายน่ะคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ แวบแรกเหมือนจะดูง่ายแต่มองอีกทีก็เดาไม่ได้เลยว่าซ่อนอะไรอยู่ในใจบ้าง ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ความรักของฉันจะย่ำอยู่ที่เดิม ร้ายกว่านั้นอาจถอยหลังไปไกลกว่าตอนเริ่มก็ได้”
“ก็เคยเตือนแล้ว อย่าไปเยอะกับมันนัก ไอ้ชานยอลมันเหมือนชาวบ้านที่ไหน ใครส่อแววว่าอยากคุกคามชีวิตและหัวใจมันเข้าหน่อยแม่งถอยห่างเหมือนกลัวเชื้อโรค แบคฮยอนทำให้มันคิด มันก็ต้องคิดในแบบของมัน”
“ช่วยไม่ได้” แบคฮยอนเชิดหน้าอวดความดื้อดึง “ถ้าไม่รุกเสียบ้างมันจะพัฒนาได้ยังไง ฉันไม่ใช่ปาร์คโชรงที่จะแอ๊บเก็บความรักแล้วขอเป็นแค่เพื่อนไปทั้งชีวิต ฉันอยากเป็นแฟน อยากได้ชานยอลเป็นแฟน อยากมีสิทธิ์เดินควงไปไหนต่อไหน กอดกันหอมกันหวานกันตามประสาคนรัก แล้วฉันก็จะเป็นให้ได้ ถึงต้องทุ่มจนสุดตัวฉันก็ไม่เสียดาย”
“เหอะ หลงมากไปเปล่า ไม่เผื่อใจไว้ตอนผิดหวังหน่อยหรือ”
“คนที่พยายามเต็มกำลังไม่มีทางผิดหวังหรอก ตรงกันข้าม ฉันคงผิดหวังในตัวเองถ้ายอมแพ้ง่าย ๆ ตามลมปากนาย” เสียงแหบใสเอ่ยอ้างมั่นใจไร้การสั่นคลอน จงอินดับเครื่องยนต์แทนสัญญาณว่าเขายอมแพ้และพร้อมจะเข้าไปในตึกตามบัญชาผู้เป็นพี่แล้ว
“โอเค ถือว่าผมเตือนแล้ว ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของแบคฮยอน ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่หวังก็ห้ามโทษใคร ตกลงไหม”
“พูดมาก เข้าไปเถอะน่า นายอยากไปดูหนังต่อไม่ใช่หรือไง ชักช้าฉันไม่ไปด้วยนะ”
“ตกลงกันก่อน”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ถ้าแพ้ต้องยอมรับ ห้ามพาลคนอื่น” แบคฮยอนยิงยิ้มตาหยีใส่คนเป็นน้อง อาการยิ้มรื่นไม่ปฏิเสธควรหมายถึงการตอบรับแต่จงอินมั่นใจว่าไม่ใช่ ถ้าข้อตกลงไม่เป็นผล ถ้าต้องผิดหวังทั้งที่ลงทุนลงแรงอย่างไม่เคยทำ คุณแบคฮยอนต้องผูกใจเจ็บแล้วตามอาฆาตทุกคนที่เกี่ยวข้องเป็นแน่ จงอินขอเอาศักดิ์ศรีของลูกผู้น้องเป็นประกันเลยว่ามันผู้ใดก็ตามที่ทำให้คุณแบคฮยอนผิดหวังจะไม่รู้จักคำว่าความสุขและความสงบในชีวิตอีกต่อไป!
#lovelycb
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทำยังไงถึงจะเข็ดแบคฮยอนนนนนนนน
เดาใจไม่ออกเลยว่าขานยอลจะถอยห่างจากแบคไหมอ่ะ
คุณแบคฮยอนน่ารักกกก
ขรรม , คนอะไร มโน
5555 เราก้อยากขอแต่งงานด้วยอ่ะ
ชอบตรงนี้ 55555555