ตอนที่ 4 : รอยปรารถนา ๓
{ รับน้อง }
“แบคฮยอน! แบค! ทางนี้”
“ขอโทษที่ช้า มินอามาถึงนานหรือยัง?”
“สักพักแล้วล่ะ เนี่ย ได้ของแจกเต็มเลย อะไรมั่งก็ไม่รู้แต่เรารับมาเผื่อนายด้วยนะ อ่ะ เก็บใส่กระเป๋าไว้” แบคฮยอนรับมาพร้อมเอ่ยขอบใจเพื่อนใหม่ที่ได้เจอกันอีกครั้ง วันนี้เป็นวันรับน้องรวมของมหาวิทยาลัย มองไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสและเสียงกลอง คึกครื้นจนแบคฮยอนตื่นเต้นไปหมด ดีนะที่คราวก่อนแลกเบอร์โทรศัพท์กับมินอาไว้ไม่อย่างนั้นเขาต้องมึนคนจนทำอะไรไม่ถูกแน่เลย แค่เดินจากประตูด้านหน้าเข้ามาถึงจุดลงทะเบียนแบคฮยอนยังต้องโทรหามินอาเพื่อถามทางเลย
“ไปรายงานตัวกันเถอะจะได้รู้ว่าอยู่บ้านอะไร”
“ตรงไหนเหรอ?”
“มะ มาทางนี้” มินอาลากข้อมือขาวไปทางซุ้มที่มีรุ่นพี่ยืนตีกลองร้องเพลงเชียร์อยู่ แค่เห็นเด็กชายหญิงออร่าน้องใหม่ผ่านไปใกล้ เสียงเพลงก็ยิ่งดังขึ้น คราวนี้เจาะจงแซวเจ้าของดวงตาเรียวเน้น ๆ แบคฮยอนยืนตัวแข็งตอนที่พี่สาวคนหนึ่งแกล้งเซมาชนไหล่แล้วร้องกรี๊ด ๆ กลับไป กว่าจะบอกชื่อ ลงชื่อ รับป้ายชื่อพร้อมสูจิบัตรงานแบคฮยอนก็โดนทั้งหยอกทั้งแซวไปอีกหลายดอก
“เหยยยย อยู่คนละบ้านอ่ะ พี่หนูอยากอยู่กับเพื่อนอ่ะ เปลี่ยนบ้านได้ไหมคะ”
“ได้ แต่น้องต้องไปขอพี่บ้านเอาเองนะ”
“แต่เปลี่ยนได้แน่ใช่ป่ะคะ”
“ได้จ้ะ ตอนนี้แยกไปตามหาบ้านตัวเองตามพิกัดที่บอกหลังป้ายชื่อก่อนนะ” มินอาอยู่บ้านของชมรมแดนซ์ชื่อบ้านฮาร์ทบีท เจ้าตัวบ่นงึมงำว่าแค่ชื่อบ้านก็เปลี้ยแล้ว ยังไงก็ต้องขอเปลี่ยนให้ได้ ส่วนแบคฮยอนนั้นถูกจับอยู่บ้านปากกาขนนกของชมรมวรรณศิลป์ โชคดีที่ฐานประจำบ้านของทั้งสองอยู่ไม่ไกลกันนัก แบคฮยอนต้องไปลานต้นไม้ข้างหอประชุมใหญ่ส่วนมินอาต้องไปห้องชมรมแดนซ์ที่อยู่ถัดจากหอประชุมไปอีกหนึ่งตึก
สุดท้ายก็ต้องอยู่คนเดียวอยู่ดี
แบคฮยอนเมียงมองไปรอบตัว ยังไม่หมดเวลาลงทะเบียนคนที่มาก่อนเลยกระจัดกระจายกันทั่วลานนั้น เสียงกลองเสียงร้องเพลงยังได้ยินอยู่ไม่ขาด พี่คนหนึ่งมีน้ำใจเข้ามาทักแบคฮยอนแล้วบอกให้หาที่นั่งรอระหว่างที่เพื่อนคนอื่น ๆ ยังไม่มา แบคฮยอนเลือกเก้าอี้หินอ่อนตรงโคนต้นไม้เพราะเห็นมีคนนั่งอยู่คนเดียว
“ขอโทษนะ ตรงนี้ว่างไหม” ดวงตาค่อนข้างโตเหลือบมองแบคฮยอนก่อนริมฝีปากรูปหัวใจจะขยับอย่างเชื่องช้า
“ว่าง” ว่างก็ขอนั่งเลยละกัน
“เอ่อ ชื่ออะไรเหรอ เราชื่อแบคฮยอนนะ” นั่งอยู่สักพักเลยกลั้นใจถาม อีกฝ่ายละสายตาจากหนังสือขึ้นมองตอบแบบไม่มีเสียง แบคฮยอนเห็นอย่างนั้นเลยรีบเอ่ยปากขอโทษ ความพยายามในการผูกมิตรเพื่อนใหม่ล้มเหลวไม่เป็นท่าแบคฮยอนจึงลุกจากตรงนั้นเสีย เขาไม่ได้โกรธแต่คิดว่าถ้านั่งต่ออาจจะทำให้คนมาก่อนเสียสมาธิ ที่อีกฝ่ายนั่งอยู่คนเดียวตั้งแต่แรกคงเพราะต้องการปลีกวิเวก แบคฮยอนก็ไม่ทันคิดเข้าไปขอนั่งด้วยแล้วยังส่งเสียงรบกวนอีก ไม่ดูอะไรเลยแบคฮยอน
ท่องไว้ว่าที่นี่คือมหาวิทยาลัยไม่ใช่แถวบ้าน ท่องไว้
แล้วแบคฮยอนก็เข็ดจนไม่กล้าเข้าไปทำความรู้จักกับใครอีก ได้แต่ภาวนาให้คิมมินอาขอย้ายมาอยู่บ้านเดียวกันได้สำเร็จ จนมีเสียงกลองดังรัว ๆ และเสียงรุ่นพี่ประกาศผ่านโทรโข่งเรียกให้ไปรวมตัวกันตรงกลางลาน แบคฮยอนเดินตามคนอื่นไปได้อยู่เกือบแถวหลังสุด กำลังตั้งใจฟังพี่บ้านแนะนำตัวก็มีแรงสะกิดเบา ๆ ตรงแขน พอเหลียวไปมองก็พบผู้หญิงผมสั้นส่งยิ้มมาให้
“นายชื่ออะไรน่ะ เราเอมินะ”
“บยอนแบคฮยอน ยินดีที่ได้รู้จัก เธอชื่อเก๋ดีจัง” เอมิหยิบป้ายชื่อขึ้นมาดู แบคฮยอนเห็นแล้วว่าเพื่อนใหม่คนล่าสุดเรียนคณะเดียวกัน
“แม่เราเป็นเป็นเจแปนนีสน่ะ ว่าแต่เมื่อกี้เราเห็นนายอยู่กับดีโอ รู้จักกันเหรอ?” อีกครั้งแล้วที่มีคนมาถามถึงคนที่แบคฮยอนไม่รู้จัก เด็กหนุ่มส่ายหน้า ตอบตามจริงว่า “ไม่รู้จักหรอก”
“ถึงว่าเราก็ไม่เคยเจอนายที่โรงเรียน ว่าแต่แย่หน่อยนะ มาวันแรกก็เจอฤทธิ์เจ้านั่นแล้ว” แบคฮยอนได้แต่ทำหน้างง ไม่ต้องถามอีกฝ่ายก็เหมือนรอจังหวะจะเล่าอยู่แล้ว “ก็ที่ต้องลุกหนีมาเมื่อกี้ไงล่ะ ไม่ต้องคิดมากนะ เจ้านั่นน่ะมนุษย์สัมพันธ์แย่ ถือว่าบ้านรวยเลยมองไม่เห็นหัวใคร อยู่ที่โรงเรียนเดิมก็ไม่ค่อยมีใครคบหรอก หยิ่งจนคนเอือม”
แบคฮยอนฟังแล้วก็ยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“นายไม่ใช่คนแรก ไม่ต้องคิดมากนะ”
“ขอบใจนะ แต่เราไม่ได้คิดอะไรหรอก ที่จริงแล้วคนที่เอมิว่าเค้าไม่ได้ทำอะไรเลย เราต่างหากที่เสียมารยาทไปรบกวนตอนเค้ากำลังอ่านหนังสือ”
“เอาเถอะ เรารู้จักนายนั่นดีกว่าแบคฮยอน คราวหลังก็เลี่ยง ๆ ไว้ก็แล้วกัน จะได้ไม่โดนอย่างวันนี้อีกหรือถ้าเกิดอะไรขึ้นก็บอกเราได้นะ เป็นเพื่อนกันแล้วนี่” แบคฮยอนยิ้มตอบเช่นเคย ใบหน้าเรียวผินไปมองด้านหน้าเมื่อพ่อบ้านกับแม่บ้านที่เป็นพี่ปีสามแจ้งกติกาง่าย ๆ ของการอยู่รวมกันในสองวันนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องทั่วไปอย่างเรื่องอาหารการกิน การเล่นเกม การสันทนาการ การเชียร์โต้ ซึ่งพี่ ๆ ย้ำหนักหนาว่าบ้านปากกาขนนกไม่เคยแพ้ ไปตีบ้านไหนเราต้องชนะ
พูดถึงเชียร์โต้ก็ต้องมีเพลงเชียร์ พี่ ๆ สันทนาการไม่พูดพร่ำทำเพลง รัวกลองแล้วก็เร่งให้ทุกคนลุกขึ้นยืน ตอนนั้นเองที่แบคฮยอนเห็นคิมมินอาวิ่งหน้าตั้งมาจากทางหนึ่ง เพื่อนสาวเห็นแบคฮยอนแล้วพอส่งกระดาษให้รุ่นพี่คนหนึ่งเรียบร้อยก็โผเข้ามาหา
“แบคฮยอน!” ตอนแรกแบคฮยอนก็คิดว่าเพื่อนดีใจที่ได้ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกันแต่ประโยคต่อมาทำให้แบคฮยอนเริ่มคลอนแคลนในความคิดเดิม
“แบคฮยอน โอ๊ย แย่แล้วแบค แย่แล้ว”
“อะไรแย่?”
“ไม่รู้เหรอ!” แบคฮยอนส่ายหน้าขยับตัวตามจังหวะที่รุ่นพี่สอนไปเรื่อย ๆ ดีที่เสียงกลองดังนะไม่อย่างนั้นทุกคนต้องหันมามองพวกเขาเป็นตาเดียวแน่ คิมมินอาเองก็ความสามารถเป็นเลิศเต้นไปตื่นเต้นไปพูดไปก็ได้
“เราเห็น! พวกรุ่นพี่ชานยอลกำลังเดินมาทางนี้”
“รุ่นพี่ชานยอล?”
“รองนายกสโมฯ ฝ่ายกิจกรรมนิสิตไงเล่า คนที่เอารูปมาคืนนายคราวก่อนไง”
“จำได้ แล้วยังไงอ่ะ รุ่นพี่เดินมาแล้วมินอาตื่นเต้นอะไร” เข้าใจว่าเป็นแฟนคลับแต่ต้องออกอาการขนาดนี้เลยเหรอ แค่เห็นคนเดินเองนะ “รุ่นพี่สวมเสื้อบ้านเราน่ะสิ นั่นก็หมายความว่ารุ่นพี่เป็นพี่บ้านเรา สองวันนี้เราจะได้เจอพวกเค้าตั้งแต่เช้าจรดเย็นเลยนะแบคฮยอน ที่สำคัญนะ คนคนนั้นก็มาด้วยล่ะ อ๊ายยยยยย”
“ใคร รุ่นพี่คิมจงอินเหรอ?” คิมมินอากลอกตาขึ้นฟ้าทันที
“ไม่ใช่ย่ะ คนนี้เลิศกว่ามาก หล่อ สุขุม คารมดี บ้านมีกิจการ แถมยังเรียนเก่งมาก ๆ เป็นรองนายกสโมฯ ฝ่ายวิชาการด้วย คิมจงอินน่ะเทียบไม่ติดหรอก”
“แล้วถ้าเทียบกับรุ่นพี่ชานยอลล่ะ”
“สูสีเลยแหละ” แล้วก็เต้น ๆ มอง ๆ ไปข้างหน้า แบคฮยอนเลยพลอยตื่นเต้นไปด้วย จนเห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินตัดลานหญ้าข้างหอประชุมตรงเข้ามา ทั้งกลุ่มสวมเสื้อยืดแขนยาวสีเทา สกรีนชื่อบ้านด้วยสีดำตรงแขนแต่ไม่มีป้ายห้อยคอเหมือนพี่คนอื่น ๆ แบคฮยอนจำสองในสามได้ทันที แต่อีกคนที่เดินนำมานี่สิ ไม่คุ้นแฮะ
“ฮือออออออออ ขอบคุณสววรค์ที่ให้หนูอยู่บ้านนี้”
“มินอาต้องขอบคุณรุ่นพี่ที่ยอมให้ย้ายบ้านต่างหาก”
“เออ นั่นแหละ” กลุ่มที่มาใหม่ไม่ได้ขัดจังหวะกิจกรรมแต่กลับเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ อย่าง...ไม่ค่อยจะเนียนเท่าไหร่นะสำหรับบางคน ตัวสูงเด่นแถมยังหน้าเฉยอย่างกับรูปปั้น ผิดกับคิมจงอินที่พอมาถึงก็กระโดดเข้าร่วมวงเต้นโดยไม่รีรอ เต้นไปเต้นมาตาคม ๆ คู่นั้นก็สแกนมาเจอแบคฮยอนในที่สุด
“แบคฮยอน! อยู่บ้านนี้เหรอเนี่ย บังเอิญจังเลยนะ”
“สวัสดีครับ”
“สนุกไหม”
“ยังไม่รู้เลยครับ เพิ่งเริ่ม” คิมจงอินหัวเราะร่วน
“สองวันนี้ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ” แบคฮยอนอุบอิบขอบคุณเพราะรู้แล้วว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้าง โชคดีที่คิมจงอินขยับไปเต้นที่ใหม่แล้วก็เริ่มคุยกันน้องคนอื่นเหมือนที่คุยกับเขาสายตาที่แอบจับจ้องเลยเลื่อนตามไป
เกือบจะถอนหายใจออกมาละถ้าไม่จับได้ว่ากำลังมีคนจ้องหน้าอยู่ ฝ่ายนั้นเห็นแบคฮยอนมองกลับก็ไม่คิดจะหลบสายตา ท่ายืนกางขาเสมอช่วงไหล่นั่นอย่างกับนายแบบโฆษณาเสื้อผ้าที่แบคฮยอนเห็นในห้างเมื่อวันก่อน คนตัวเล็กชำเลืองมองอีกทีเห็นดวงตาสีเข้มยังไม่เคลื่อนไปไหนก็ค่อย ๆ ขยับไปอยู่ข้างหลังเพื่อน คนเมืองหลวงนี่ก็แปลก ในมือก็มีกระดาษสูจิบัตรอยู่ทำไมไม่ตั้งใจอ่านไปนะ จ้องหน้าคนอื่นอยู่ได้
กิจกรรมรับน้องรวมนั้นสนุกจริง ๆ แบคฮยอนไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลยเพลินจนลืมสายตาชวนอึดอัดใจของใครบางคนไปได้ไม่ยาก เด็กหนุ่มได้เพื่อนใหม่ต่างคณะหลายคน พอมีเพื่อนคอยร้องเล่นเต้นรำด้วยกันคนตัวเล็กก็หัวเราะได้ไม่หยุด แบคฮยอนวิ่งไปมาตามฐานกิจกรรม หอบแฮ่กจากการเต้นท่าแปลกประหลาดและตลกแบบเกินจะสาธยายได้ สุดท้ายก็ได้พักก่อนถึงเวลาอาหารเที่ยงประมาณสิบนาทีได้ ตอนที่พวกรุ่นพี่ฝ่ายสวัสดิการกำลังลำเลียงข้าวกล่องลงจากรถตู้สีขาวแบคฮยอนก็ชวนคิมมินอาไปห้องน้ำ ตั้งใจจะล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นก่อนมากินมื้อกลางวัน
“จะไปไหนเหรอแบคฮยอน” เอมิที่นั่งลูบแขนลูบขาอยู่กลางเพื่อนกลุ่มใหญ่ร้องถาม แบคฮยอนยังไม่ทันตอบก็ถูกคิมมินอาลากแขนให้เดินเลยได้แต่ชี้ไปทางห้องน้ำเท่านั้น
“มินอา เอมิเค้าถามนะ”
“ไม่ต้องไปคุยมากหรอก”
“ทำไมล่ะ?”
“ไม่ถูกชะตา พวกปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ”
“เฮ้ย แรงไป”
“ไม่แรง เราว่านายเองก็น่าจะมองออกนะ ยัยนั่นดูเผิน ๆ ก็มนุษยสัมพันธ์ดีอยู่หรอก คุยสนุก เฮฮา ดูไม่หยิ่งแต่นิดหนึ่งเถอะ ไอ้เรื่องที่หยิบเอาปมด้อยคนอื่นมาล้อเล่นนี่ไม่ไหวนะ บอกเลยว่าเราไม่ตลก” แบคฮยอนก็พอดูออกแต่ไม่ใช่วิสัยที่จะโพล่งออกมาตรง ๆ อย่างมินอาและไม่อยากจะทำให้ใครขุ่นใจตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันเลยมอง ๆ ผ่านไปเสีย เด็กทั้งสองแยกกันเข้าห้องน้ำแบคฮยอนทำธุระเสร็จก่อนเลยออกมารอด้านนอก กลายเป็นว่าเขาเดินออกมาเจอคนตาโต ๆ ที่เจอเมื่อเช้า เกือบจะชนให้แล้วล่ะ
“ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร” ฝ่ายนั้นตอบกลับมา ใบหน้าน่ารักเรียบเฉยเหมือนที่เห็นมาทั้งวัน ดีโอหน้าตาหยิ่งอย่างที่เอมิว่าจริง ๆ แต่ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมาแบคฮยอนก็เห็นดีโอให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมโดยไม่อิดออด เอมิเสียอีกที่แอบบ่นกับกลุ่มเพื่อนไม่ขาดปาก
“สนุกเนาะ” แบคฮยอนว่า ตอนนี้ดีโอไม่มีหนังสือในมือแถมแถวนั้นยังมีแค่พวกเขาสองคน จะต่างคนต่างเงียบแบคฮยอนก็ว่ามันจะอึดอัดเกินไป ยังไงก็เพื่อนร่วมบ้านแถมยังร่วมคณะอีก
“ดีโอ ตั้งใจจะเรียนเอกอะไรเหรอ?”
“ยังไม่ได้ตัดสินใจ...นายล่ะ?”
“ยังไม่ได้ตัดสินใจเหมือนกันแต่เราสนใจประวัติศาสตร์กับวรรณคดีนะ” กำลังจะไปได้ดีแล้วเชียว คิมมินอาดันวิ่งตุบตับออกมาจากห้องน้ำเสียก่อน จังหวะเดียวกับที่พี่บ้านประกาศเรียกให้ไปตั้งแถวแบคฮยอนเลยต้องแยกกับเพื่อนใหม่อย่างนึกเสียดาย
“หัวแถวนับไปเลยค่ะ 1 ถึง 5 แล้วคนต่อไปก็เริ่มนับ 1 ใหม่ วนไปจนจบแถวเลย” แบคฮยอนยืนรอนับอยู่กับที่แต่มินอานี่สิตั้งหน้าตั้งตานับแล้วก็แวบหายไปด้านหลัง เพิ่งรู้ว่าการนับนั้นคือการแบ่งกลุ่มแบบคละกันก็ตอนที่รุ่นพี่บอกให้แยกแถวไปตามตัวเลข แบคฮยอนนับได้เลข 4 แล้วมินอาที่เคยยืนติดกัน(ก่อนแวบไป)ก็ได้เลข 4 เหมือนกัน
“ห่างกันสักแป๊บก็ได้นะ” เจ้าของดวงตาเรียวเย้าผ่านรอยยิ้ม คิมมินอาไหวไหล่ กระซิบว่า “เรามีลางสังหรณ์ว่ากินข้าวกับแบคฮยอนแล้วจะมีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้น”
“ยังไง?”
“เถอะน่า อ้าว ดีโอก็เลข 4 เหมือนกันเหรอ” ดีโอแค่หันมามองแต่คนที่ยืนถัดไปจากดีโอโน้มตัวลงมาพร้อมรอยยิ้มน่ารักน่าชัง
“เอมิก็ 4 นะจ๊ะมินอา” มินอากะพริบตาปริบก่อนจะฉีกยิ้มหวานพอกันส่งกลับไป
“จ้าาา”
ท่าทางกลุ่มนี้จะสนุกจริง ๆ
“น้อง ๆ นั่งล้อมวงตามกลุ่มเลยนะคะ เดี๋ยวพี่ ๆ ฝ่ายสวัสดิการจะแจกข้าวกลางวันให้ มื้อนี้คือดี คืออิ่ม คืออร่อย คือสารอาหารครบ เพราะเราได้สปอนเซอร์จากห้องอาหารญี่ปุ่นสุดหรูของโรงแรมระดับหกดาว!” เด็กใหม่ส่งเสียงชอบใจพลางปรบมือกันเกรียวกราว
“เชิญตัวแทนสปอนเซอร์ของเรากล่าวอะไรสักหน่อยค่ะ” ผู้ชายร่างสันทัดคนหนึ่งก้าวมาข้างหน้าพร้อมเสียงครางงี้ด ๆ ของคิมมินอา แบคฮยอนจำได้ หนึ่งในสามคนเมื่อเช้า รองนายกสโมฯ ฝ่ายวิชาการหรืออะไรสักอย่าง รู้สึกจะชื่อ...คิมจงแด
“ยินดีต้อนรับแล้วก็ทานให้อร่อยนะครับ”
“ฮื้อออออออ หล่อออออออออ!” แบคฮยอนนั่งขำก่อนจะรับกล่องเบนโตะที่ดีโอส่งให้ กลุ่มหนึ่งมีประมาณ 7-8 คน รุ่นพี่ก็ให้นั่งล้อมวงเข้าหากันเพื่อให้กินไปผูกสัมพันธ์กันไป ทานไปได้สองสามคำก็มีเสียงประกาศจากโทรโข่งว่า “เอาล่ะค่ะ กลับตัวหันหลังให้เพื่อนบ้างค่ะ เดี๋ยวเบื่อหน้ากันซะก่อน หันหน้าออกนอกวงนะคะ”
“เชื่อเค้าเลย ระหว่างกินก็ยังจะให้เล่นเกมอีก” มินอาบ่นอุบแต่ก็ต้องหมุนตัวตามคำสั่งรุ่นพี่ ทุลักทุเลกันนิดหน่อยเพราะมือหนึ่งต้องถือกล่องข้าวแบน ๆ อีกมือต้องถือตะเกียบ แบคฮยอนคล่องตัวกว่าเลยจัดการตัวเองได้เร็ว ไม่อย่างนั้นตอนหันกลับมาเจอคนตัวสูงยืนอยู่ไม่ไกลเขาคงทำหลุดมือไปทั้งกล่องข้าวทั้งตะเกียบ
“คุยกันเองแล้วคุยกับพี่ ๆ บ้างนะคะ กติกาคือคำถามหนึ่งคำแลกกับข้าวหนึ่งคำ อยากให้กินอะไรก็ป้อนเลยค่าาา” แบคฮยอนใจเต้นจนมือเย็นเมื่อพวกรุ่นพี่ที่รออยู่วงนอกเริ่มเดินเข้ามาหาน้อง คนตัวเล็กหันซ้ายหันขวา เห็นคิมจงอินกำลังรับกล่องข้าวจากพี่สตาฟคนหนึ่งก็นึกอยากให้อีกฝ่ายพุ่งมาหาอย่างเมื่อเช้าอีกรอบ ถ้าไม่ใช่คิมจงอินก็ขอเป็นพี่คนอื่นเถอะ แบคฮยอนไม่สู้ตาดุ ๆ ของรุ่นพี่ปาร์คชานยอลจริง ๆ
“มินอา มินอา...” สะกิดเพื่อนเพราะเริ่มวางมือวางไม้ไม่ถูกแต่คิมมินอาคงไม่เหลือสติจะรับรู้แล้ว คนที่เพิ่งนั่งลงตรงหน้าคิมมินอาคือรุ่นพี่คิมจงแด
“นั่งตรงนี้ได้ไหม” เสียงทุ้มถามอยู่เหนือหน้าผาก แบคฮยอนจะตอบยังไงได้นอกจากพยักหน้าอย่างไร้ทางเลี่ยง เจ้าของช่วงขายาวนั่งลงไปกับพื้นหญ้า วางกล่องข้าวแล้วก็เริ่มสิ่งที่แบคฮยอนกลัวทันที
“ถามได้ทุกเรื่องหรือเปล่า?”
คีบกุ้งตัวโตจ่อปากกันทั้งที่หน้าไม่ยิ้มอย่างนี้ ใครจะกล้าปฏิเสธเหอะ T T
เอาใจช่วยน้องแบคของเราด้วยนะคะ เย่ เย่
#ฟิครอย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พนมมือกับชานยอลจริงๆๆๆพี่ๆๆๆๆๆๆ
แบคสู้ๆนะ พี่ปาร์คจะทำอะไรเนี้ย
เออ ละทำไมแบคมีแต่เพื่อนสาวมาทักวะ? 55555555555555555+
กลุ่มอิพิชานนี่จงใจมาอยุ่กับแบคหรือล็อคน้องแบคมาอยุ่ด้วยคะ
ตอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบค่ะตอบบบบบบบบบบบบบบ
มันไม่น่าบังเอิญไปได้ทุกอย่างขนาดนั้นมั้ยวะเฮ้ยยยยยยยย
ละนี่แบบเดินดุ่มๆ มาหาน้องแบค คือ.... มันไม่ใช่การปิ๊งปะวะ??
จงใจปะ??? คือเหมือนมันรู้ว่าแบคเป็นเด็กเสี่ยฟานปะวะ?
โอ่ยยยยยยยยยยยยย จะเป็นลม ขอยาดมด้วยค่ะ ระแวงมาก ณ จุดนี้
ฟวสดงกหสวงงวสงวดสหกดสวฟสดหงสดวงสดวดสวด TT_______TT