ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Prince of tennis] love passion กระหน่ำหัวใจส่งให้เธอ

    ลำดับตอนที่ #69 : [Special Love Passion] Kite x Iri; ไม่ขอบอก...แต่กระซิบว่า ❤

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 511
      0
      2 ม.ค. 56

    [Special Love Passion] Kite x Iri; ไม่ขอบอก...แต่กระซิบว่า

     

    ในร้านดอกไม้แห่งหนึ่งที่คานางาว่าซึ่งมี1ในสาวน้อยของค่าย U-17 กำลังยืนคุยโทรศัพท์อย่างเคร่งเครียดอยู่ในร้าน

    “พี่ค่ะ...แม่อาการดีขึ้นแล้วใช่มั้ย?” เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงผู้เป็นแม่สุดหัวใจในใจก็อยากจะวิ่งไปหาที่โรงพยาบาลแต่เมื่อแม่ฝากฝังร้านดอกไม้นี้ไว้กับเธอทำให้ไม่สามารถออกไปได้

    “ไม่ต้องกังวลไปหรอกไอริ....แม่แค่หน้ามืดเพราะทำงานหนักไปเท่านั้นพักสักวัน 2 วันก็กลับไปได้แล้วล่ะ” พี่ชายคนโตผู้เป็นดั่งที่เชิดหน้าชูตาของพ่อแม่ตั้งแต่สอบเข้าวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังและจบออกมาเป็นแพทย์หนุ่มไฟแรงทำงานที่โรงพยาบาลในเครือของวิทยาลัย

    “งั้นเหรอค่ะ ขอโทษด้วยนะค่ะที่โทรไปหาพี่ทั้งที่กำลังยุ่ง ๆ อยู่แท้ ๆ เลย”

    “ไม่เป็นไรก็รู้อยู่ว่าเธอรักแม่ขนาดไหน...ยังไงก็ช่วยไปบอกพ่ออย่าทำงานหนักมากล่ะเดี๋ยวจะหน้ามืดเป็นลมหมดสติไปเหมือนกับแม่ อ๋อ! เมื่อกี้แม่ฝากบอกมาว่าให้ช่วยดูร้านดอกไม้จนกว่าแม่จะกลับ...อย่าทำร้านของแม่พังก่อนล่ะยัยตัวยุ่ง”

    “ที่แม่พูดถึงมันหมายถึงพี่มากกว่ามั้ง! แค่นี้ก่อนนะพอดีมีลูกค้าเข้าร้าน...” วางโทรศัพท์แล้วหันไปสนใจลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาทันที

    “ยินดีต้อนรับค่ะ” ยิ้มต้อนรับอย่างสุภาพแต่พอลืมตามองดูลูกค้าก็ทำให้เธอหน้าเหวอไปชั่วขณะ

    “อ๊ะ! คุณคือ.....”

    “พวกนาย....เจ้าพวกเด็กโอกินาว่าไม่ใช่เหรอ? ค่ายจบไปตั้งหลายวันแล้วทำไมยังไม่กลับอีกล่ะหรือว่า.....ไม่มีเงินกลับใช่มั้ย?” ไอริเผลอพูดแทงใจดำพวกคิเทะเต็มแรง

    “กะ ก็ประมาณนั้นล่ะครับ....” คิเทะพยายามหลบสายตานิ่ง ๆ ที่กำลังจ้องมองเขาอยู่

    “มาแบบนี้แสดงว่ามาหางานพิเศษทำสินะ แล้วตอนนี้พวกนายนอนพักที่ไหนกันล่ะ?” พอรู้เรื่องแล้วก็รู้ถึงเหตุผลที่พวกเขามาที่ร้านดอกไม้ของบ้านตัวเอง

    “ตอนนี้พวกผมก็ขออาศัยในที่วัดไปนะครับ...”

    “บ้านของริทสึแล้วก็พวกเจ้าหนูริคไคก็อยู่ที่นี้ทำไมไม่ไปขอให้พวกเขาช่วยล่ะ”

    “บังเอิญว่ามือถือของพวกผมแบตหมดและที่สำคัญผมไม่อยากไปก้มผมขอร้องพวกนั้น...ยกเว้นคุณโคโนเอะนะครับ...”

    “ให้ตายสิ! ฉันล่ะเหนื่อยใจกับพวกนายจริง ๆ เลยตอนนี้บังเอิญว่าแม่ของฉันเข้าโรงพยาบาลแถมในร้านพวกเด็ก Part time กับพนักงานร้านก็บังเอิญลาพักงานกันหมดตอนนี้ไม่เหลือใครสักคน ถ้ายังไงฉันจะลองขออนุญาตจากคุณพ่อให้ล่ะกัน” จากนั้นไอริก็คุยโทรศัพท์กับพ่อสักพักโดยข้างหลังเธอนั้นมีสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังส่งแรงมาให้เธอ

    “ใช่ค่ะ....มันก็ประมาณนั้นแหละค่ะ...ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ จริงเหรอค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ.....เฮ้อ~...” วางสายเสร็จก็มีถอนหายใจนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองพวกคิเทะ “พ่อบอกว่าอนุญาตให้พวกนายมาทำงานชั่วคราวที่นี้ได้แล้วก็จะให้พวกนายพักอยู่ที่บ้านฉันด้วย”

    “......ไชโย!!!! แบบนี้พวกเราก็ไม่ต้องมานั่งกินผักทุกวันอีกแล้วสินะ!!

    “เฮ้ ๆ จะดีใจออกหน้ามากเกินไปหรือเปล่า”

    “พี่สาวขอบคุณมาก ๆ เลยนะ!!!

    “อืม ๆ ถึงจะให้นอนที่บ้านของฉันได้แต่พวกนายก็ต้องทำงานที่ร้านของบ้านฉันเป็นค่าตอบแทน....ส่วนเรื่องกลับโอกินาว่าฉันจะไปขอร้องให้ริทสึช่วยอีกทีหนึ่งตอนนี้พวกนายก็ช่วยขนดอกไม้กับต้นไม้ที่อยู่หน้าร้านกลับมาในร้านซะ เพราะฉันกำลังจะปิดร้านแล้ว....”

    “เอ๋!? ทำไมปิดร้านเร็วจังอ่ะพี่สาว!!! มันเพิ่งจะบ่าย 3 เองนะ”

    “เจ้าหนู! วันนี้มันวันเสาร์ร้านของฉันเปิดถึงแค่บ่าย 3 วันพรุ่งนี้ก็เหมือนกันรีบเก็บให้เรียบร้อยแล้วไปขนของของพวกนายมาซะ ฉันต้องรีบกลับไปจัดห้องให้พวกนายต่ออีกนะ”

    “ใจดีกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะครับ...คุณไอริ”

    “ฮานาบุสะ!! คุณฮานาบุสะต่างหากล่ะเป็นรุ่นน้องอย่าเพิ่งมาตีสนิทกับฉันนะ”

    “ไอริซัง...”

    “ฮานาบุสะ!!

    “ฮานาบุสะจัง....”

    “คุณฮานาบุสะ!!

    “ฮานะตัน”

    “........จะเรียกฉันแบบไหนก็แล้วแต่นายเลย!! ปึ๊ก!! ไปช่วยเพื่อนนายเก็บต้นไม้เข้าร้านได้แล้ว.....” เมื่อรู้ว่าตัวเองเถียงไม่ได้แล้วไอริจึงปล่อยไปแต่ก็ไม่ลืมที่จะตบหลังไล่อีกฝ่ายไปทำงานเป็นการเอาคืน

     

    ที่บ้านของไอริ

    “เอาล่ะ ถึงบ้านของฉันล่ะอย่าทำข้าวของบ้านฉันเสียหายเด็ดขาดนะ.....” พาพวกคิเทะเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์เสียเพราะเจ้าเด็กที่ชื่อทานิชิ เคเล่นบ่นว่าหิวตลอดทาง นี่ขนาดไปถึงฝึกค่ายนรกจนผอมแล้วยังไม่หยุดกินอีก

    “โห~ ใหญ่กว่าที่คิดไว้นิดนึงนะเห็นว่าบ้านขายร้านดอกไม้นึกว่าจะเล็กกว่านี้ซะอีก...” คาอิพูดแบบไม่คิดแต่ไอริเพิ่งรู้สึกว่า ตัวเองคิดผิดที่ไปช่วยเจ้าพวกนี้แล้ว

    “ไม่ใช่ร้านดอกไม้อย่างเดียวหรอก บ้านฉันเปิดร้านหนังสือแบบครบวงจรด้วยแถมพี่ชายของฉันก็หมอมันก็ไม่แปลกหรอกที่บ้านฉันจะใหญ่แบบนี้”

    “แต่แบบนี้ไม่เป็นไรหรอกครับ พาพวกผมมานอนด้วยแล้วครอบครัวของคุณไอริล่ะ?

    “ไม่ต้องห่วงไปหรอก...พอดีว่าแม่ฉันป่วยเข้าโรงพยาบาลเวลาเสร็จจากงานพ่อต้องไปนอนค้างแม่จนกว่าจะกลับส่วนพี่ชายของฉัน...ก็เพิ่งบอกไปเมื่อกี้ว่าเขาเป็นหมอแถมแผนกที่เขาอยู่งานก็ยุ่งซะจนไม่ได้กลับบ้าน และที่สำคัญพอดีว่าเพื่อนข้างบ้านของฉันทั้ง 2 ข้างบ้านพวกเขาเป็นตำรวจแล้วก็อาจารย์สอนคาราเต้แบบนี้คงไม่เป็นไรอยู่แล้วนะ”

    “งะ งั้นเหรอครับ” พวกคิเทะตอนนี้คงกำลังคิดอยู่ว่าถ้าขโมยคนไหนเข้ามาบ้านนี้คงน่าสงสารที่สุดเลย

    “อืม...ห้องของพวกนายอยู่ทางนี้...เมื่อก่อนเคยเป็นห้องนอนของฉันกับพี่แต่ตอนนี้พวกฉันใช้เป็นที่พักผ่อน อ่านหนังสือเท่านั้นล่ะ”

    “ขอบคุณนะครับที่ให้พวกผมมาพักด้วย” ทั้ง 4 ก้มหัวเป็นเชิงขอบคุณ

    “ไม่เป็นไร.....พวกนายก็เอาของไปเก็บซะแล้วพักผ่อนตามสบายเลยนะ เดี๋ยวฉันจะออกไปซูเปอร์มาเก็ตไปซื้อของทำข้าวเย็นก่อน....เฮ้~ ทำไมมองเหมือนฉันทำอาหารไม่เป็นแบบนั้น....”

    “ก็ไม่คิดว่าพี่สาวจะทำเป็น....”

    พวกนายอยากตายใช่มั้ยถึงพูดแบบนี้.....”

    “เปล่าเลย....”

    “เออ ๆ  ฉันไม่เถียงสู้พวกนายดีกว่าเถียงไปก็เหนื่อยเปล่า ๆ เฝ้าบ้านให้ดี ๆ ล่ะเจ้าพวกลูกหมา” มีการเน้นคำสุดท้ายนิดหน่อย ท่าทางไอริจะอารมณ์เสียจริง

     

    ช่วงค่ำของวันนั้น

    ก๊อก ๆ

    “คุณไอริครับ ผมเตรียมน้ำร้อนเสร็จแล้วนะครับ” คิเทะเดินไปเคาะประตูห้องของไอริแต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมายกเว้นเสียงของคนกำลังเล่นกีตาร์อยู่เท่านั้น

    ก๊อก ๆ

    “คุณไอริ.......อยู่หรือเปล่าครับ....เสียง? กีตาร์งั้นเหรอ คุณไอริหลับแล้วเหรอฮะ”

    แกร๊ก!!

    “หืม!? ประตูไม่ได้ล็อกเหรอ? ขออนุญาตเข้าไปนะครับ” คิเทะถือวิสาสะเข้าห้องผู้หญิงซึ่งเป็นห้องว่างเปล่าไม่มีเงาของเจ้าของห้องแต่ดันได้ยินเสียงกีตาร์ดังกว่าข้างนอกนิดนึง

    “คุณไอริครับ ไอริจัง....”

    “อย่ามาเรียกชื่อฉันห้วน ๆ แบบนั้นนะเจ้าหนู 4 ตา” ไอริห้อยหัวลงมาจากหน้าต่างทำเอาคิเทะหน้าเหวอไปเลย

    “คะ คุณไปทำอะไรบนนั้นครับ!!!” คิเทะรีบเก็บอาการทันที

    “ก็ฉันไม่ชอบเล่นกีตาร์ในห้องนี่นา....จะขึ้นมามั้ย?” ทำคนอื่นตกใจไม่พอยังจะชวนขึ้นมาด้วยอีก คิเทะเองก็ไม่คิดจะขัดใจคนชวนเลยต้องปีนขึ้นมานั่งบนหลังคาเป็นเพื่อนไอริด้วย

    “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงอย่างคุณจะทำเรื่องอันตรายแบบนี้....” คิเทะส่งสายตาดุ ๆ ไปหาอีกฝ่าย

    “ไม่ต้องห่วงไอ้นิสัยซนเป็นลิงเป็นค่าง ชอบปีนต้นไม้เล่นแบบนี้ฉันเป็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ว่าแต่นายเถอะมีธุระอะไรถึงเข้ามาในห้องฉัน”

    “แค่อยากมาบอกว่าผมเตรียมน้ำร้อนเอาไว้ให้แล้วเลยจะให้คุณไปอาบน้ำก่อน”

    “แล้วทำไมพวกนายไม่อาบก่อน...?” ปากถามแต่มือกับตาของเธอกำลังจดจ่ออยู่ที่กีตาร์ตัวโปรดของเธอ

    “ผมเป็นผู้ชาย ส่วนคุณเป็นผู้หญิงก็เสียสละให้ผู้หญิงก่อนอยู่แล้ว”

    “เพิ่งมารู้ตัวอะไรตอนนี้ล่ะ....”

    “......ทำไมคุณต้องมาเล่นกีตาร์บนนี้ด้วยครับ...”

    “นายเห็นกองหนังสือเรียนกองโตในห้องนอนเก่าของฉันหรือเปล่าล่ะ....นั่นล่ะคือเหตุผลที่ฉันต้องมาเล่นกีตาร์ที่นี้เพราะพ่อกับแม่อยากให้ฉันเป็นหมอเหมือนกับพี่แต่ฉันชอบเสียงดนตรีและการแต่งเพลง....”

    “แล้วทำไมคุณต้องพ่อแม่มากำหนดชีวิตของคุณด้วย...”

    “นายไม่เข้าใจเหรอ พ่อแม่อยากให้ลูกทุกคนมีอนาคตที่ดีและมั่นคงทั้งนั้นแหละ พวกเขาคงคิดว่าให้ฉันเรียนหมอให้จบก่อนส่วนไอ้เรื่องแต่งเพลงมันเป็นแค่ตัวเสริมสามารถเอาไปเรียนรู้เมื่อไรก็ได้....”

    “มันก็จริงแต่คิดว่ามันดีแล้วเหรอที่ให้พ่อแม่มีความสุขแต่ตัวเองตั้งมานั่งทุกข์อยู่แบบนี้ ถ้าเกิดพ่อแม่มารู้ทีหลังว่าเราไม่มีความสุขกับสิ่งที่พวกเขาเลือกให้มันจะไม่ทำให้พวกเขารู้สึกทุกข์ใจมากกว่าเหรอครับ....”

    “มันก็ถูกอยากที่นายพูดนะแต่ว่า.....สักวันพ่อแม่ก็จะปล่อยให้ลูกเป็นคนตัดสินใจอยู่ดีนั่นแหละเหลือก็แค่เราจะอธิบายให้พวกเขาเข้าใจมากแค่ไหนก็เท่านั้น”

    “คิดได้สมเป็นผู้ใหญ่ดีนะครับ....”

    “ฉันไม่ยอมให้เด็กอย่างนายมาสอนหรอก....ยิ่งเป็นเด็กที่เอาแต่หาวิธีตามเพื่อชัยชนะจนสุดท้ายกรรมตามสนองต้องมาขอนอนวัดแบบนี้”

    “เจ็บนะครับ.....”

    “หึ ๆ ๆ ขอบใจ” จากนั้นคิเทะก็นั่งฟังไอริเล่นกีตาร์จนเธอเลิกเล่นไปเอง

     

    วันต่อมา.....ที่ร้านดอกไม้ของบ้านไอริ

    “รดน้ำให้มันดี ๆ หน่อยสิเดี๋ยวดอกไม้ก็ช้ำหมดหรอก กระถางต้นไม้ยกดี ๆ อย่าให้แตกนะ ปุ๋ยใกล้หมดแล้วไปเอามาเติมสิ ลูกค้าสั่งต้นไม้มาช่วยยกไปที่รถของลูกค้าทีสิ มีต้นไม้กับดอกไม้มาลงเพิ่มช่วยกันขนเข้าไปสิ” พอได้ลูกมือมาช่วยไอริก็รีบใช้จนพวกคิเทะแทบไม่ได้พัก

    “โหดจังเลยนะครับ ไม่สิจะให้พักบ้างเลยรึไง”

    “พวกนายต่างหากที่ทำงานช้าเอง....มีออเดอร์สั่งช่อดอกไม้ช่วยเฝ้าเคาร์เตอร์ให้ทีนะส่วนดอกไม้ที่เอามาลงเพิ่มก็ช่วยจัดให้เป็นระเบียบและให้ถูกที่ถูกชนิดด้วยถ้าเห็นจัดมั่วซั่วเหมือนเมื่อเช้าฉันเอาพวกนายตายแน่”

    “ไม่นึกเลยว่าร้านจะยุ่งแบบนี้นะครับ” คิเทะนั่งเฝ้าเคาร์เตอร์ขณะที่ไอรินั่งจัดช่อดอกไม้ 2 ช่อใหญ่ที่ข้างหลัง

    “ก็ร้านนี้มีดอกไม้และต้นไม้หลายแบบแถมยังสดใหม่มีคุณภาพดีที่สุดด้วย ไม่ใช่แต่ลูกค้าทั่วไปเท่านั้นขนาดบริษัทรับจัดงานแต่งงานหรืองานเลี้ยงดัง ๆ ส่วนใหญ่ก็สั่งดอกไม้จากร้านบ้านฉันทั้งนั้นแหละ แต่บังเอิญว่าเจ้าของร้านเข้าโรงพยาบาลเลยงดรับจัดดอกไม้นอกสถานที่ไปก่อน”

    “สุดยอดกว่าที่คิดไว้อีกนะครับ.....เมื่อวานผมเห็นกองก้อนกระดาษในถังขยะอย่าบอกนะครับว่าคุณกำลังแต่งเพลงอยู่”

    “แต่น่าเสียดายที่ฉันยังนึกไม่ออก...”

    “ถ้าแต่งเสร็จขอผมฟังเป็นคนแรกได้มั้ย?

    “....หยุดคุยแล้วเฝ้าเคาร์เตอร์ไปซะ!!” ไอริตบหลังคิเทะเต็มแรงอีกแล้ว

    “เมื่อกี้คุณจับดอกไม้มาใช่มั้ยครับ? มันสกปรกนะครับ”

    “บ้ารึไง! ดอกไม้ร้านฉันสะอาดทุกต้นยะ!! ทำตัวเป็นนายสะอาดไปได้ลูกค้าใหม่เข้ามาแล้ว....” คิเทะทำหน้าเคือง ๆ นิดหน่อยก่อนจะหันไปสนใจลูกค้ารายใหม่....ที่พวกคิเทะและไอริค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตามาก ๆ

    “ยินดีต้อนรับครับ....”

    “.....คิเทะคุง? อ๊ะ! รุ่นพี่ไอรินี่นา!? ดีใจจังแสดงว่าพวกเรามาถูกร้านแล้วล่ะนะ เก็นอิจิโร่” ริทสึกับแฟนหนุ่มซานาดะนั่นเองที่เข้ามาในร้าน

    “งั้นที่ริทสึพูดก็จริงสินะที่พวกนายกลับโอกินาว่าไม่ได้” ซานาดะมองด้วยสายเย้ยหยันจนริทสึต้องตีแขนให้หยุดทำสายตาแบบนั้น

    “ริทสึจังเองเหรอต้องการให้ช่วยอะไรหรือเปล่า?

    “สุดสัปดาห์นี้ที่โรงเรียนสอนมารยาทของคุณย่าจะจัดงานพิธีชงชาขึ้นน่ะแล้วพอดีว่าฉันถูกสั่งให้จัดดอกไม้สำหรับงานแต่ดอกไม้ที่สั่งมาคุณภาพไม่ค่อยดีแถมสีสันไม่ค่อยถูกใจเท่าไรก็เลยต้องมาหาซื้อเองนะ”

    “งั้นก็เชิญเลือกดูก่อนได้เลยนะจะให้จัดส่งให้ด้วยมั้ย” 2 สาวมัวแต่สนใจเรื่องอื่นจนลืมหนุ่ม ๆ ของตัวเองไปเลย

    “คิเทะ....อย่ามายืนจ้องแฟนชาวบ้านแบบนั้นได้มั้ย”

    “ฉันไม่ได้จ้องแฟนของนายสักหน่อย...”

    “อย่าบอกนะว่านายกำลังจ้องรุ่นพี่ฮานาบุสะอยู่....ฉันเข้าใจเพราะรุ่นพี่เป็นคนสวยตั้งแต่อยู่ม.ต้นแล้ว”

    “พูดแบบนี้แสดงว่าเคยชอบเธอด้วยล่ะสิ...”

    “ใช่ที่ไหนกันในหัวของฉันมีแต่เรื่องเป็นแชมป์ประเทศ 3 สมัยซ้อนแล้วก็การเอาชนะเทะสึกะ แต่ก็มีคนหนึ่งทำให้ฉันเปลี่ยนไป...” พูดไปพร้อมกับจ้องมองแฟนสาวของตัวเองไปด้วย

    “ฉันเข้าใจ......” จากนั้น 2 หนุ่มก็ยืนคุยกัยสักพักใหญ่

    “กำลังคุยอะไรกันอยู่นะหนุ่ม ๆ” ริทสึวิ่งเข้าไปกอดแขนแล้วจุ๊บแก้มซานาดะต่อหน้าคิเทะกับไอริ

    “ริทสึบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำแบบนี้...”

    “ก็ขอทดแทนตอนที่อยู่โรงเรียนก็แล้วกันนะ...”

    “หวานกันจังเลยนะพวกเธอ....” ไอริแซว

    “โทษทีนะพอดีว่าเก็นไม่ยอมบอกที่โรงเรียนว่าเราคบกัน....แบบว่าเขาอายที่จะต้องบอกเรื่องแบบนี้น่ะ”

    “ผู้ชายใจแข็งดุจเหล็กแบบนายกลับอายเรื่องแบบนี้งั้นเหรอ”

    “ถ้านายเป็นแบบฉันบ้างแล้วนายจะรู้สึก....คิเทะ”

    “เก็นพูดกับคิเทะคุงแบบนั้นหมายความว่ายังไงงั้นเหรอ”

    “เปล่านิ.....เลือกดอกไม้ที่จะใช้เสร็จหรือยัง?

    “อืม....ดอกไม้สวยทุกต้นเลยล่ะยังไงก็ช่วยจัดส่งให้ตามที่อยู่ที่ฉันเขียนด้วยนะ...แล้วก็อีกเรื่องนึง....เรื่องเที่ยวบินกลับโอกินาว่าฉันจัดการให้เรียบร้อยแล้ววันมะรืนตอน 10 โมงเช้าจะมีรถของบริษัทฉันมารับที่หน้าบ้านของรุ่นพี่ไอริ”

    “ขอบคุณมากเลยนะคุณโคโนเอะ” คิเทะยิ้มด้วยความดีใจที่จะได้กลับบ้าน

    “ได้เสมอจ๊ะ แล้วก็เรื่องที่จะต้องสะสางก่อนกลับ...ช่วยทำให้เสร็จก่อนกลับด้วยนะ” พูดแล้วเดินออกจากร้านพร้อมกับซานาดะทันที

    “เรื่องที่สะสางหมายความว่ายังไงเหรอครับ...” คิเทะหันไปถามไอริ

    “......ไม่รู้สินะ...”

     

    วันเดินทางกลับของพวกคิเทะ

    “ขอบคุณสำหรับที่พักนะครับ คุณไอริ....” คิเทะขอบคุณและบอกลาไอริที่มาส่งพวกเขา

    “ขนาดวันสุดท้ายยังไม่คิดจะเลิกเรียกชื่อฉันห้วน ๆ อีกเหรอ....แต่ก็ช่างมันเถอะเพราะคงจะห้ามคนอย่างนายยากแน่ ๆ”

    “พี่สาวขอบคุณมาก ๆ เลยนะ!!! อาหารของพี่สาวอร่อยสุดยอดเลย!!!

    “เอาไว้พวกเราจะมาค้างใหม่นะ พี่สาว”

    “เฮ้! บ้านฉันไม่ได้เป็นที่พักค้างคืนของพวกนายนะยะ หนวกหูชะมัดเลยรีบกลับไปโอกินาว่าเลยไป๊!!!” ไอริทำเป็นไล่พวกคิเทะให้ขึ้นรถ

    “ถ้ามีโอกาสผมอยากชวนคุณไปเที่ยวโอกินาว่าบ้าง....”

    “ให้ฉันคุยกับครอบครัวดูล่ะกัน แต่ถ้าไปได้ฉันก็คงจะไปหานายนะ....อ๊ะ! นั่งเครื่องบินตั้งนานเอาเจ้านี้ไปฟังด้วยสิ ฉันให้นายยืมไปก่อน....” ไอริยื่นIpodของตัวเองให้กับคิเทะ

    “แน่ใจเหรอครับที่ทำแบบนี้....”

    “อืม......เอาไว้มาอีกเมื่อไรก็ค่อยเอาคืนก็แล้วกันนะ...” ไอริยิ้มบาง ๆ

    “ไอริ.....”

    “เอาแต่จ้องอยู่ได้ขึ้นรถได้แล้วเดี๋ยวก็ตกเครื่องเอาหรอก....” จากนั้นไอริโบกมือลาจนรถกระทั่งรถหายลับตาเธอไป

    “ไอริ....มายืนทำอะไรอยู่หน้าบ้านจ๊ะแล้วเพื่อนที่บอกว่าจะมาค้างด้วยล่ะไปไหนซะล่ะ...” พอพวกคิเทะจากไปก็มีรถแท็กซี่ขับมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของเธอซึ่งคนที่ลงมาจากรถก็คือ พ่อกับแม่และพี่ชายของเธอนั่นเอง

    “กลับไปแล้วค่ะ...”

    “น่าเสียดายจัง....แม่อยากจะลองคุยกับเพื่อนของไอริบ้าง นี่แล้วแม่จะได้เจอพวกเขาอีกมั้ยจ๊ะ?

    “ค่ะ คงได้เจออีกครั้งแน่นอน”

     

    ภายในรถ

    “เฮ้! เอชิโร่พี่สาวให้อะไรนายมาอ่ะ....” คาอิหันมาถามกัปตันที่เอาแต่นั่งเงียบส่วนสายตามือก็จ้องที่Ipodในมือลูกเดียวเลย

    “.....................”

    “อ๊ะ! Ipodนี่นาถ้านายไม่ฟังฉันขอฟังนะ....” คาอิถือวิสาสะหยิบIpodจากมือของคิเทะแล้วก็ค้นดูเผื่อมีอะไรให้เขาเล่นอีกแต่ว่า....

    “โธ่~ ในเครื่องไม่เห็นมีอะไรเลยนอกจากเพลงแถมยังมีแค่เพลงเดียวด้วย...”

    “คาอิคืนIpodนั่นมาให้ผมเดี๋ยวนี้....” คิเทะจ้องเขม็งมาที่คาอิ

    “กะ ก็ได้....” พอได้คืนมาคิเทะก็รีบใส่หูฟ่งแล้วเปิดเพลงที่มีอยู่เพลงเดียวในเครื่องทันที...

    “หึ! เจ้าเล่ห์กว่าที่คิดอีกนะ....” พอฟังเพลงในเครื่องคิเทาะก็ยิ้มออกมาก่อนสายตาจะไปสะดุดตรงชื่อเพลงที่ขึ้นเป็นอักษรแปลก ๆ

    “ที่บอกว่าจะได้คงเจอกันอีกคือแบบนี้สินะ......” คิเทะทำหน้าเหมือนดีใจเพราะอักษรแปลก ๆ นั่นมันก็คือ ชื่อเมล์ของไอรินั่นเอง

    ไม่ได้อัพนานเลย....พอดี 23-30 ไรเตอร์สอบ Mid เอาซะแทบตายไปข้างเลย เหนื่อยสุดยอด!!!! แต่ในเมื่อมันผ่านมาแล้วก็ HNY นะค่ะ ทุกคน
    ~

     

    Photobucket

    Photobucket



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×