คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 4 คู่หมั้น!!!!?
[มาสึกิ]
ในสายฝนที่ตกลงมาเรื่อยๆไม่มีวันหยุดผมเห็นใครคนหนึ่งนอนสลบอยู่ที่หน้าสวนสาธารณะ ผมจึงรีบวิ่งเข้าไปดูแล้วผมก็ตะลึงกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมสีเงินสวย ใบหน้าที่เรียวเล็ก ริมฝีปากบางอมชมพูสวย ผมไม่เคยเห็นใครสวยอย่างนี้เลยแต่ผมก็ต้องตกใจกับบาดแผลบนตัวเธอ ผมจึงรีบอุ้มเธอขึ้นมาแล้วรีบพาไปที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆทันที
เวลาผ่าน 4 ชั่วโมงผมค่อยดูแลเธอตลอดเวลา โชคดีมากเลยที่โรงพยาบาลที่ผมมาเป็นโรงพยาบาลของพ่อเพื่อนร่วมชั้นของผมพอดี
“มาสึกิ ผู้หญิงคนนั้นเป็นไงบ้างล่ะ” เพื่อนคนนั้นเดินเข้ามาถามผม ถ้าจำไม่ผิดเขาชื่อว่า ฮอนดะ
“เธอไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
“ฉันเพิ่งรู้นะว่านายก็เป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนเหมือนกันนะเห็นปกตินายชอบไปไหนมาไหนคนเดียวเสมอ แถมยังพูดจาเย็นชาแทบทุกครั้งเลย”
“อย่างงั้นเหรอ”
“ใช่ ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับนายรึเปล่า”
“ฉันขอไม่พูดอะไรกับนายตอนนี้ดีกว่า” แล้วผมก็เงียบไปสักพัก
“ก็ได้ เดี๋ยวฉันให้พยาบาลมาดูแลต่อล่ะกัน แล้วก็นายจะนอนนี้รึเปล่าฉันจะได้ให้พยาบาลเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้”
“ฉันรบกวนนายเกินไปหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถึงยังไงเราก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันนะเดี๋ยวฉันให้พยาบาลเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้”
“ขอบใจนายมากนะ ฮอนดะ”
“อือ เดี๋ยวฉันขอตัวก่อนนะ บาย”
“บาย” ผมคอยดูแลเธออย่างนั้นไปเรื่อยๆ หลายครั้งที่พยาบาลมาค่อยดูแลเธอ จึงทำให้ผมมีเวลาที่จะนอนพักผ่อนได้เยอะเลย
เช้าวันต่อมา
อืม~ เสียงครางของผู้หญิงคนนั้นทำให้ผมตื่นขึ้นมาพอดี
“ฟื้นแล้วเหรอครับ”
“ที่นี้ไหนนะ แล้วนายเป็นใคร!!” เธอทำหน้าตกใจมากที่เห็นผมแต่ดวงตาสีแดงของเธอทำให้ผมนึกถึงอะไรบางอย่าง
[ฮาดีส]
ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่า ฉันอยู่บนเตียงแล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งจ้องมองฉันอยู่ผมสีดำสนิท ตาสีน้ำตาลช่างเข้ากับใบหน้าที่เรียวคมของเขามากเลย มันทำให้ฉันนึกถึงใครคนหนึ่งที่ทำให้ฉันไม่อยากจะที่ฆ่าใครอีก คนที่ทำให้ฉันต้องตัดขาดกับโลกมนุษย์ไปเกือบ6ปี
“นายเป็นใครน่ะ แล้วฉันมาทำอะไรที่นี้” ฉันถาม
“ผมชื่อ มาสึกิ ผมเป็นคนช่วยคุณพอดีคุณนอนสลบอยู่ที่หน้าสวนสาธารณะ”
“ฉันยังไม่ตายใช่มั้ย”
“ครับ คุณยังไม่ตายแล้วคุณเป็นอะไรถึงได้สลบอยู่ตรงนั้น”
“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าฉันไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง”
“คุณชื่อว่าอะไรครับ” เขาถาม
“ฉันชื่อ ฮาดีส แบล็กเดส เป็นยมทูตจากโลกแห่งความตาย” ฉันพูดออกไปอย่างนั้นมันทำให้เขาตกใจมาก
“ยมทูต ยมทูตอะไรกันนะผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”
“ฉันเป็นยมทูตผู้ชี้นำคนตาย” ฉันมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“ผมไม่เชื่อคุณเด็ดขาด คุณต้องล้อผมเล่นแน่ๆ” ดูเหมือนเขาจะไม่เชื่อที่ฉันพูดเลยสักนิด ก็ใช่สิมีใครบ้างที่เชื่อว่าอยู่ๆก็มีคนมาบอกว่าตัวเองเป็นยมทูตกัน
“ฉันเป็นยมทูตจริงๆดูนี้สิ” ฉันใช้พลังทำให้มีลูกไฟเกิดขึ้นบนมือฉัน ดูเขาจะตกใจมากเลย
“ถ้าคุณเป็นยมทูตจริงๆ แล้วคุณมาทำอะไรที่นี้”
“ฉันมาที่โลกนี้เพราะฉันต้องมาดูแลเด็กที่ถูกเลือกแต่ว่าฉันถูกใครบางคนทำร้ายจนตกลงมาที่นี้”
“เด็กที่ถูกเลือกอะไรกัน” ผมไม่เข้าใจ
“เด็กที่ถูกพระเจ้าเลือกไว้ เราต้องดูแลเด็กคนนั้นจนกว่าเขาจะอายุได้ 10 ขวบแล้วก็ฆ่าเขาซะ” เขาทำหน้าตกใจมาก
“ทำไมคุณต้องฆ่าเด็กพวกนั้นด้วยล่ะ”
“เพราะพวกเขาต้องเลือกว่าเขาจะเป็นเทพหรือยมทูต ตั้งแต่10ขวบพวกเขาต้องตาย”
“ทำไมพวกคุณถึงได้โหดร้ายแบบนี้ล่ะ!!!” เขาเข้ามาเขย่าตัวฉันอย่างแรง
“ฉันไม่รู้!! ฉันก็เป็นกลุ่มเด็กที่ถูกเลือกเหมือนกับพวกเขานั้นแหละ ฉันต้องทรมานขนาดไหนที่เห็นพ่อแม่ที่ต้องทุกข์ทรมานที่เห็นลูกสาวตัวเองตายไปแล้วความทรงจำตอนอยู่ที่โลกมนุษย์ที่ควรจะหายไปแต่มีแค่ฉันคนเดียวที่มีอยู่เท่านั้น เพราะฉะนั้นนายเลยเขย่าตัวฉันสักทีได้มั้ย!!!!”
“แล้วทำไมคุณถึงอยู่มาได้ทั้งที่เป็นแบบนี้ล่ะ” เขาหยุดเขย่าตัวฉัน
“เพราะฉันถูกใครคนหนึ่งรับเลี้ยงเป็นลูกบุตรธรรมยังไงล่ะ แบบว่าฉันไม่เคยเรียกเขาว่าพ่อเลยสักครั้งแต่เขาก็ไม่โกรธที่ฉันไม่เคยเรียกเขาแบบนั้น”
“ผมคิดว่าคุณคงจะบ้าไปแล้วแน่ๆ ผมจะไปเรียกหมอมาเดี๋ยวนี้” เขากำลังจะเดินออกไปแต่ว่า
“เดี๋ยวก่อน!!!” ฉันดึงเสื้อเขาไว้จนกระดุมเสื้อของเขาหลุดจนฉันเห็นรอยสักรูป ไม้กางเขนกลับหัวที่ถูกพันไปด้วยกุหลาบแดงสลับดำรอยสักนี้เป็นสัญลักษณ์ของเด็กที่ถูกเลือกที่อกด้านซ้ายของเขา
“นี้นายไม่จริงนะ นายคงไม่ใช่ ..”
“คุณทำบ้าอะไรของคุณนะ!!!” เขารีบติดกระดุมเสื้อทันที
“ฉันขอโทษ แต่เธอเหมือนกับเด็กที่ฉันเคยดูแลเมื่อ 6 ปีก่อนเลยเด็กที่ฉันเคยดูแลแต่ก่อนที่เขาจะครบ10 ขวบครอบครับไปเที่ยวกันแต่ว่าวันนั้นเรือเกิดอับปางขึ้นมา ทำให้ทุกคนในเรือตายหมดฉันก็ไม่รู้ว่าเขาตายรึยัง”
“ถ้าคุณพูดอย่างนั้นล่ะก็ผมว่าคุณคงเจอตัวเด็กคนนั้นแล้วล่ะ”
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ก็ผมคือเด็กคนนั้นเด็กคนที่ต้องเสียพ่อแม่เพราะเรืออับปาง คนที่ต้องอยู่คนเดียวมาถึงตอนนี้ยังไงล่ะ”
“เธอคือเด็กคนนั้นจริงๆเหรอ” ฉันพยายามจะไปแตะตัวเขาแต่ว่า
“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ!! ฉันเกลียดเธอ!! ฉันเกลียดเธอตั้งแต่เธอเล่าเรื่องนั้นขึ้นมายังไงล่ะ” เขาตวาดใส่ฉันตอนนี้ฉันเริ่มทำตัวอะไรไม่ถูกเลย
“ฉะ ฉันไม่รู้มาก่อนเลย ฉันขอโทษ” ฉันพยายามจะไปจับมือเขาแต่เขากลับปัดมือฉันออกไป
“ขอโทษ ขอโทษงั้นเหรอ!! เธอคิดว่าแค่ขอโทษมันจะช่วยทำให้พ่อแม่ฉันฟื้นขึ้นมาได้เหรอหะ!!” เขาบีบแขนฉันแน่นจนฉันรู้สึกเจ็บขึ้นมา
“โอ๊ย!! นี้ฉันเจ็บนะ” ฉันพยายามจะผลักเขาออกมาไปแต่ไม่ได้ผล
“เจ็บงั้นหรอ เธอเจ็บแล้วไม่คิดหรือไงว่าฉันก็เจ็บปวดยิ่งกว่าเธอหลายเท่าห่ะ” เขาบีบแขนฉันแรงขึ้น
“เฮ้ย!!! เกิดเรื่องอะไรขึ้นนะ มาสึกิ” มีชายคนหนึ่งเข้ามาในห้องถึงกลับตกใจที่เห็นสภาพฉันตอนนี้
“ไม่มีอะไรเหรอ ฮอนดะ” เขาพูดกับชายคนนั้นแต่มือของเขายังไม่ยอมปล่อย
“ถ้าไม่มีอะไรนายช่วยปล่อยมือก่อนได้มั้ยล่ะ” ชายคนนั้นเข้ามาห้ามเขา
“ก็ได้” เขาปล่อยมือออกแล้วทำสีหน้าหงุดหงิด
“แล้วนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นมากันแน่” เขาทำสีหน้าเคร่งเครียดแล้วหันไปถามมาสึกิ
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”
“ถ้าไม่มีอะไรจริงแล้วนายไปทำร้ายเธอทำไม”
“ฉันบอกว่า ไม่มีก็ไม่มีสิ!!!” มาสึกิตะโกนใส่หน้าเขา
“โอเคงั้นก็ได้ ว่าแต่อาการคุณเป็นยังไงครับเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ชายคนนั้นถาม
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
“งั้นเหรอครับ ดีแล้วล่ะครับที่คุณไม่เป็นอะไรมากนะ” เขายิ้มให้ฉันแล้วหันไปถามมาสึกิ
“แล้วนี่มาสึกิ นายบอกฉันได้หรือยังว่านายกับผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกัน”
“ฉันกับยัยนั้นเป็น...เออ...เป็น.....คู่หมั้นกัน” เขาพูดออกมาแบบนั้นทำให้ฉันกับเพื่อนของเขาอึ่งไป
“นะ นายว่ายังไงนะ นายบอกว่านายกับเขาเป็นคู่หมั้นกันแล้วเมื่อกี้มันเป็นสิ่งที่คู่หมั้นเขาทำกันเหรอ”
“ฉันขอโทษจริงๆ แต่เมื่อกี้ฉันหงุดหงิดไปหน่อย แล้วก็วันนี้ฉันจะขอหยุดเรียนวันหนึ่งล่ะกัน”
“อย่างงั้นเหรอ เดี๋ยวฉันขอตัวไปโรงเรียนก่อนแล้วฉันจะบอกครูให้ก็แล้วกันนายไปดูแลคู่หมั้นนายให้ดีๆหน่อย” ชายคนนั้นรีบเดินออกไปอย่างเร็วพอเขาเดินไปไกลแล้วฉันจึงหันมาถามเขา
“ทำไมนายต้องพูดแบบนั้นด้วยล่ะ”
“เพราะ เธอจะได้ไม่ต้องบอกคนอื่นๆว่าตัวเองเป็นยมทูตอีกยังไงล่ะ” ใบหน้าของเขาในตอนนี้มันแฝงไปด้วยความเกลียดชังที่เขามีให้กับฉัน
“แล้วเธอจะให้ไปอยู่ที่ไหนถ้าฉันต้องอยู่ในโลกนี้จนกว่าฉันจะติดต่อคนอื่นได้” ฉันจ้องมองใบหน้าที่แสนเย็นชาของเขา
“งั้นเธอก็มาอยู่กับฉันสิ แต่เธอต้องทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าการที่ต้องอยู่คนเดียวมันทรมานขนาดไหน”
“ฉันคงจะปฏิเสธเธอไม่ได้สินะ” ฉันมองหน้าเขาอีกครั้ง
“ใช่แล้วละ เพราะมันต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว เธอก็นอนพักผ่อนไปซะฉันจะไปข้างนอกหน่อย” พอเขาพูดเสร็จฉันก็นอนลงไปแต่ว่าตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังเปลี่ยนไป
ความคิดเห็น