คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : พลังที่ถูกปลุก
3 วันต่อจากนั้นก็ไม่มีแววของริเอะเลยทั้งสิ้น แม้แต่จุดเกิดเหตุที่ควรจะมีหลักฐานอะไรหลงเหลืออยู่บ้างกลับไม่พบแม้แต่เศษขนนกสักชิ้นก็ไม่มี ทำให้พวกรัตติกาลรู้สึกเบาใจได้ระดับหนึ่งแล้วพากันไปโรงเรียนตามปกติ
“ชิน....รัล เป็นยังไงบ้างได้ข่าวว่า เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางมาโรงเรียนก็เลยต้องหยุดเรียนไป 2 3 วัน !?”
บรรดาเพื่อนในห้องพากันเป็นห่วงอาการของเพื่อนทั้ง 2 ที่หายหน้าหายตากันไปไม่กี่วัน
“มะ ไม่เป็นไรมากหรอกจ๊ะ ถ้าตอนนั้นชินไม่เข้ามาช่วยฉันไว้ล่ะก็....ฉันคงไม่ได้กลับมาหาพวกเธอแน่เลย”
“จริงเหรอ แล้วชินล่ะไม่เป็นไรมากใช่มั้ย” ชินหลงจำใจต้องชูแขนซ้ายที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลอย่างดี
“ไม่มีอะไรมากแค่แขนซ้ายบาดเจ็บนิดหน่อย”
“ท่าทางจะเจ็บมากเลยนะ” พวกเพื่อน ๆ ต่างก็เข้ามาดูอาการของชินหลงจนกระทั่ง......
“พวกนายช่วยออกไปห่าง ๆ รัลได้มั้ย....” ชินหลงพูดพร้อมกับดันพวกเพื่อนไม่ให้มาเบียดเสียดพวกเขามากเกินไป แถมยังดึงตัวรัตติกาลเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอีกต่างหากยิ่งทำให้เพื่อนในห้องเริ่มล้อเลียนทั้งคู่
“แหม ~ โทษที ๆ ไม่เข้าไปยุ่งแล้วก็ได้ ~” เพื่อนชายคนหนึ่งเปิดฉากล้อเลียนชินกับรัตติกาลเป็นคนแรกและตามมาด้วย
“ฮ่ะ ฮ่ะ อัศวินชินเริ่มปกป้องเจ้าหญิงรัลอีกแล้ว....”
“ทำเป็นหวงรัลไปได้นะ เจ้าชิน ~”
“ว้าย ~ ดูสิ ๆ รัลหน้าแดงใหญ่แล้วสงสัยจะเขินชินล่ะมั้ง” ถึงแม้ว่า เบื้องหลังของชินและรัตติกาลจะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแต่ว่า สภาพตอนนี้ของพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากหนุ่มสาวทั่วไปที่พอสนิทมากจนเกินไปก็จะถูกเพื่อนล้อว่า เป็นคู่รักกัน
“เฮ้ ๆ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วเจ้าพวกนี้” ชินหลงออกอาการขัดเขินเล็กน้อยจนเขาไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเขาเองก็หน้าแดงไม่ต่างจากรัตติกาลสักเท่าไร
“อิ อิ หน้าแดงกันทั้งคู่เลยนี่” บรรดาเพื่อน ๆ พากันพูดแหย่จนชินหลงทนไม่ไว้ต้องรีบพารัตติกาลไปหาที่หลบภัยทันที
ที่สวนหลังโรงเรียน
“เฮ้อ ~ เจ้าพวกนั้นเมื่อไรจะเลิกล้อสักทีเนี่ย” ชินหลงพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
“น่า ๆ เพื่อนเค้าอุตส่าห์เป็นห่วงพวกเรานะ ชินหลง” รัตติกาลพูดขึ้นก่อนที่ชินหลงจะเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างกับรัตติกาล
“รัล ผมสีเงินของเธอมันออกมาอีกแล้ว”
“เอ๋ !? ไม่จริงน่า ฉันเพิ่งจะย้อมมันไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเองนะ”
รัตติกาลรีบสำรวจผมของตัวเองทันที เพราะความจริงแล้วรัตติกาลนั่นมีผมสีเงินมาตั้งแต่เกิดทำให้ทุกคนมักจะเข้าใจผิดเธอได้ง่ายซึ่งเป็นเหตุให้เธอไม่ค่อยมีเพื่อนมาจนถึงทุกวันนี้ เพื่อจะแก้ปัญหานี้เธอจึงทำการย้อมผมตัวเองให้เป็นผมสีดำสนิท
“มันก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ แต่ฉันเองก็ชอบนะผมสีเงินของรัลน่ะ มันสวยออกจะตายไป รู้สึกเสียดายทุกครั้งเลยเวลาเธอย้อมผม.....”
“ไม่เอาด้วยหรอก เพราะ ผมสีบ้า ๆ แบบนี้ไงล่ะทุกคนถึงเกลียดฉัน” รัตติกาลพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจกับสิ่งที่เธอเป็น สิ่งที่เหมือนกับตัวขัดขวางไม่ให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาทั่วไปที่เธอปรารถนามาโดยตลอด
“เลิกพูดอะไรที่มันเอาแต่ใจแบบนั้นสิ ไหนเธอบอกว่า ยอมรับสิ่งที่เธอเป็นแล้วไงล่ะ”
“ใช่ ! ฉันบอกว่า ฉันยอมรับมันได้แล้วแต่กับสิ่งที่ทำให้ฉันดูแตกต่างไปจากคนอื่นล่ะก็ฉันไม่เคยยอมรับมันได้สักครั้ง”
ชินหลงแอบถอดหายใจเบา ๆ กับท่าทีของรัตติกาลที่มักจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน บางครั้งก็ดูเหมือนผู้หญิงที่อ่อนหวานและเข้าใจอะไรได้ง่าย แต่บางครั้งก็ดูเป็นผู้หญิงที่เอาแต่ใจและไม่ค่อยยอมคน
“ถ้างั้นก็แล้วแต่เธอไปล่ะกัน......ฉันจะเข้าเรียนแล้ว” ชินหลงลุกขึ้นปัดฝุ่นก่อนจะยื่นมือไปที่รัตติกาล
“โกรธฉันงั้นเหรอ ชิน........” ดวงตาคู่สีฟ้าของรัตติกาลจับจ้องที่ชินหลงซึ่งเหมือนกำลังต้องการค้นหาคำตอบบางอย่างจากอีกฝ่าย
“ใครบอกว่า ฉันโกรธเธอล่ะ รีบไปเถอะ ฉันไม่อยากโดนอาจารย์บ่นตั้งแต่เช้า”
ชินหลงพูดพร้อมเหล่สายตาไปทางอื่นซึ่งรัตติกาลรู้ดีว่า เวลาที่ชินหลงพูดโกหก เขาจะไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย แต่ว่าครั้งนี้รัตติกาลกลับไม่ยอมพูดอะไรออกมา
“เข้าใจแล้ว.....” รัตติกาลเดินตามชินหลงไปอย่างเงียบ ๆ
หลังเลิกเรียน
รัตติกาลมาที่โรงยิมเพื่อพบกับชินหลงซึ่งเป็นถึงนักบาสเกตบอลดีเด่นของโรงเรียน ส่วนตัวเธอนั้นก็เป็นแค่นักเรียนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
“เฮ้ ~ ชิน เจ้าหญิงของนายมาตามแล้ว” เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งชี้ไปที่หน้าประตูโรงยิมซึ่งรัตติกาลกำลังยืนมองหาเจ้าของร่างสูงอยู่พอดี
“งั้นฉันกลับก่อนล่ะกัน ซ้อมแข่งกันดี ๆ ล่ะ” ชินหลงถือกระเป๋าของตัวเองเดินเข้าไปหารัตติกาล
“วันนี้ชินไม่ได้มีซ้อมเหรอ”
“จะให้ซ้อมได้ยังไงแขนฉันยังเจ็บอยู่เลยนะ รัล”
“จะ จริงด้วยสินะ ฉันเองก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกัน” สีหน้าของรัตติกาลดูเศร้าหมองไปถนัดตาเมื่อตัวเองเอ่ยถึงบาดแผลของชินหลง
“อย่าคิดให้มันมากน่ะเลยรัล รีบกลับกันเถอะฉันชักเริ่มหิวแล้วสิ” ชินหลงขยี้ผมของรัตติกาลก่อนจะเดินนำหน้าเธอไป
“ดะ เดี๋ยวสิ.... ! รอฉันด้วยสิ ชิน”
รัตติกาลเผลอวิ่งไปจับแขนตรงจุดที่ชินหลงบาดเจ็บพอดี แต่แทนที่ชินหลงรู้สึกเจ็บกลับมีแสงสีขาวอ่อน ๆ ปกคลุมทั่วบาดแผลของเขาก่อนจะจางหายไป
“เมื่อกี้นี้มัน............” ชินหลงไม่รอช้ารีบเอาผ้าพันแผลออกทันที
“ชิน ! เมื่อกี้ฉันขอโทษนะ ไม่เจ็บแผลมากใช่มั้ย !? ”
รัตติกาลพยายามเข้ามาดูอาการ แต่ร่างสูงไม่ได้ฟังคนตรงหน้าพูดเลยสักนิด เขามัวแต่สนใจบาดแผลที่ตอนนี้มันได้หายเป็นปกติเรียบร้อยไปแล้ว
“พลังเมื่อกี้นี้หรือว่า..............” ชินหลงไม่ทันจะหันไปถามรัตติกาลก็มีมีดสั้นหลายเล่มพุ่งตรงมาที่พวกเขา
“โอ๊ะ ! ขนาดนี้ยังหลบได้อีก แสดงว่า ฝีมือคงพัฒนาขึ้นมาอีกนิดแล้วใช่มั้ย” ริเอะปรากฏกายขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับพื้นที่โดยรอบเริ่มเปลี่ยนเป็นความมืดมิดไป
“นี่เธอ..... !!”
“ฉันได้เห็นพลังเมื่อกี้แล้วรู้สึกว่า พลังที่ถูกซ่อนไว้เริ่มตื่นขึ้นมาแล้วใช่มั้ยล่ะ”
ริเอะใช้ดาบของเธอชี้ไปที่พวกชินหลง เพียงแต่คราวนี้เธอดูมั่นใจในฝีมือของตัวเองที่สุด
“ชะ ชิน.....พวกนายกำลังพูดถึงอะไรกัน”
“ดูท่าจะโง่และใสซื่อเกินไปแล้วมั้ง.......บุตรีแห่งเบียคโกะ...ฉันจะขอบอกเธอก่อนว่า เมื่อกี้เธอเพิ่งเผลอใช้พลังกับเพื่อนของเธอไป พลังรักษาของเหล่าทวยเทพยังไงล่ะ”
”เอ๋... !? ไม่จริงน่า....”
รัตติกาลทำท่าจะปฏิเสธแต่ว่าเหตุการณ์ที่จู่ ๆ บาดแผลของชินหลังหายไปกะทันหันนั้นเป็นหลักฐานได้อย่างดีเลยทีเดียว
“รัล ถอยไปก่อนงานนี้ฉันจัดการเอง” ชินหลงเปลี่ยนสภาพมือซ้ายของเขาอีกครั้งแต่คราวนี้แขนซ้ายของเขามีพลังมากขึ้นกว่าคราวก่อน
“หึ หึ รู้สึกว่า ผลจากการที่เพื่อนสาวของเธอรักษาบาดแผลดูจะทำให้พลังของนายเพิ่มขึ้นอีกนิดสินะ”
“มันไม่เกี่ยวหรอกว่า รัลช่วยรักษาแขนให้ฉันแล้วพลังจะเพิ่มขึ้นแต่ว่าเป็นเพราะว่า รัลคือ เจ้านายที่ฉันจะต้องปกป้องด้วยชีวิตของฉันต่างหากล่ะ”
“เจ้านายงั้นเหรอ......หรือว่าพวกแกจะทำพันธะสัญญาแล้ว”
ซุยโคบินเข้ามาเกาะไหล่ของผู้เป็นนาย ส่วนพันธะสัญญาที่ซุยโคได้พูดไปก็คือ การที่เจ้านายต้องมอบสิ่งของหรือสลักชื่อของตัวเองให้กับข้ารับใช้ของตน
“ฉันไม่จำเป็นต้องทำพันธะสัญญาบ้า ๆ นั่น รัลก็เป็นเจ้านายของฉันอยู่แล้ว !!!”
“จะ เจ้าภูตพรายชั้นต่ำอย่างเจ้า !! กล้ามากที่นำความอับอายมาให้เหล่าทายาทภูตพรายแบบนี้.....เมื่อเป็นอย่างนี่ข้าก็ขอเป็นคู่ต่อสู้ให้แกเอง !!!”
ซุยโคพูดออกมาด้วยความโกรธอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เมื่อได้ยินชินหลงพูดจาลบหลู่พันธะสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าภูตพรายด้วยกัน
“.....ถ้าต้องการอย่างงั้นก็เข้ามาเลยทั้งเธอและเจ้านายของเธอด้วย”
ชินหลงเตรียมตั้งท่ารอรับการโจมตี ส่วนรัตติกาลก็ได้แต่ยืนมองชินหลงจากทางด้านหลังอย่างเงียบๆเท่านั้น
“อย่ามั่นใจตัวเองให้มันมากนักเลยเจ้าภูตชั้นต่ำ ซุยโคน่ะเป็นถึงภูตพรายเผ่าปักษาที่มีพลังและลักษณะใกล้เคียงกับตระกูลของฉันมากที่สุด.......เพราะงั้นซุยโคไม่มีทางแพ้นายเด็ดขาด”
“ของแบบนี้น่ะถ้าไม่ลองแล้วจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ !! ย้ากกกก”
ครั้งนี้ชินหลงเป็นฝ่ายโจมตีริเอะก่อนโดยที่แขนของเขาพุ่งเข้าไปเพื่อที่จะรัดตัวของริเอะแต่ว่า........
“การโจมตีเร็วขึ้นก็จริงแต่ว่า....ก็ยังแรงไม่พอ !!!!” ริเอะกระโดดหลบก่อนจะปามีดสั้นใส่ชินหลงกับรัตติกาล
“รัล หลบไป !!!” ชินหลงวิ่งเข้ามาคว้าตัวรัตติกาลไว้ได้
“ชิ !”
ชินหลงมองริเอะด้วยหางตาก่อนที่เขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง มีดสั้นที่เคยพุ่งเข้ามาใส่รัตติกาลตอนนี้ได้ปักคาอยู่ที่ต้นไม้ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรยกเว้นแต่เปลือกไม้ที่จู่ ๆ ก็มีไอประหลาดผุดขึ้นมา
“นี่เธอกะจะฆ่ารัลจริง ๆ เลยใช่มั้ย !!!!” นัตย์ตาของชินหลงเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่า มีดสั้นพวกนั่นได้อาบด้วยยาพิษร้ายแรงเอาไว้ชนิดที่แค่โดนบาดเล็กน้อยก็จะตายลงในไม่กี่วินาที
“แล้วนายคิดว่ายังไงกันล่ะ ฉันน่ะไม่ได้ยอมถ่อสังขารมาถึงที่นี่เพื่อมาคุยเล่นกับพวกนายหรอกนะ”
“แต่ว่า ถ้าเธอลองคุยกับพวกเราล่ะก็......” รัตติกาลลองออกความคิดเห็นแต่ว่า...
“หุบปากของเธอไปซะ !! พวกเธออย่าทำเป็นรู้เรื่องของฉันดีไปหน่อยเลย !!! ไม่มีใคร...ไม่มีใครที่สามารถเข้าใจและรู้ถึงการเป็นอยู่ของฉันหรอกน่า !!!!”
ริเอะกับซุยโคพุ่งตัวเข้ามาหมายจะโจมตีใส่พวกรัตติกาล ชินหลงก็ใช้มือซ้ายคอยรับการโจมตีจากริเอะส่วนอีกมือปกป้องรัตติกาล
“ใช่
! ฉันไม่เข้าใจเธอแต่ว่าถ้าเธอลองพูดออกมาบางที...”
ชินหลงพูดก่อนที่แขนของเขาจะถูกฟันอีกครั้งถึงแม้จะเป็นบาดแผลตื้นๆแต่ก็สร้างความเจ็บปวดให้ชินหลงได้ไม่น้อย
“ไม่มีทาง........ !! คนที่เป็นภูตพรายน่ะจะไปเข้าใจคนที่ทายาทสัตว์เทพอย่างพวกฉันได้ !!!!”
“แต่ถ้าเป็นฉันล่ะก็น่าจะเข้าใจเธอได้นะ !!” รัตติกาลพูดขึ้น
“ทำไมเธอถึงคิดว่า เธอเข้าใจคนอย่างฉันได้”
“เพราะ ฉันเห็นแววตาที่เศร้าหมองของเธอไงล่ะ ฉันรู้สึกสงสารเธอมากเลยรู้มั้ย....”
รัตติกาลจ้องมองริเอะด้วยสายตาที่แสดงออกว่า เธอกำลังสงสารคนตรงหน้ามากเพียงใด ผิดกับแววตาสีแดงที่ความรู้สึกโกรธแค้นเพิ่มพูนขึ้นมาหลายเท่าหลังได้ยินคำพูดของคนที่เธอกำลังจะฆ่า
“อย่ามา.....อย่ามาทำเป็น.....สงสารคนอย่างฉัน !!!!!!!”
ริเอะถึงกับขาดสติพุ่งเข้าไปฟาดฟันใส่พวกชินหลงอย่างบ้าคลั่งให้สาแก่ใจกับความรู้สึกน่าสมเพชที่เธอเพิ่งได้รับมา
“อุ๊บ ! เธอมันบ้าไปแล้ว !!” ชินหลงใช้โอกาสเพียงเสี้ยววินาทีเตะไปที่ชายโครงด้านขวาของริเอะเต็มแรง
“แฮ่ก แฮ่ก ฉันไม่ยอม....ให้คนอย่างพวกเธอมาสงสารฉัน !!! ฉันเกลียด...เกลียดแววตาที่สมเพชเวทนาของเธอ !!!!”
เพราะความโกรธเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทำให้ริเอะในตอนนี้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
“คุณหนูพอเถอะค่ะ อย่าให้ความโกรธควบคุมท่านสิค่ะ !!!”
ซุยโคพยายามเข้ามาห้ามแต่ว่า.....
“ออกไปให้พ้น !!!” ริเอะใช้ดาบฟันไปที่ซุยโค
“คะ คุณหนู อึก”
ซุยโคค่อย ๆ ร่วงหล่นลงพื้นของเหลวสีแดงเหนียวข้นไหลออกมาจนแทบจะท่วมร่างของซุยโคได้
“ธะ เธอมันป่าเถื่อนที่สุดเลย !!!!”
รัตติกาลวิ่งเข้าไปกอดร่างที่ชุ่มเลือดของซุยโคพร้อมกับจ้องมองริเอะด้วยความโกรธแต่ว่า ริเอะกลับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งและดูไม่สะท้นสะท้านกับคำพูดของรัตติกาล
“ป่าเถื่อนงั้นเหรอ...ฮ่ะ ฮ่ะ เธอจะด่าจะว่าอะไรฉันก็ได้เพราะว่า คนที่ทำให้ฉันเป็นอย่างนี่ก็คือ พวกเธอต่างหากล่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
“เธอน่ะ.......คนอย่างเธอน่ะ.......”
จู่ๆสายลมขนาดใหญ่ก็เริ่มหมุนรอบตัวของรัตติกาล ผมสีดำยาวสลวยได้แปรเปลี่ยนไปเป็นผมสีเงินเงางามราวกับไข่มุกชั้นดี ทั้งริเอะกับชินหลงรับรู้ได้ถึงพลังที่มหาศาลจากตัวของรัตติกาล
“พลังแบบนี้ นี่มัน........รัล ! อย่าเชียวนะ !!!” ชินหลงพยายามเข้าไปใกล้แต่ก็ถูกแรงลมพัดกระเด็นออกมาอย่างแรง
“พลังมหาศาลอะไรกันเนี่ย !! ระดับพอ ๆ กับพวกเทพชั้นสูงเลย !!! โอ๊ย !!”
“คนอย่างเธอน่ะ...ไม่มีสิทธิ์เรียกตัวเองว่า เทพ !!!!”
พลังของรัตติกาลที่เอ่อล้นจนมากเกินไปทำให้ชั่วพริบตาทุกอย่างก็ได้กลายเป็นสีขาวโพลนและกำลังกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในบริเวณนั่น
“บะ บ้าที่สุด นี่เรามาได้แค่นี้เองเหรอ” ริเอะพูดกับตัวเองก่อนจะถูกกลืนกินไปด้วย
ความคิดเห็น