คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความจริงทั้งหมด
“เดี๋ยวก่อนสิ !! รัลไปทำอะไรให้เธอรึไงกัน” ชิงหลงถึงกับช็อกทั้งยืนไปกับคำพูดของริเอะที่เพิ่งพูดออกมา
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไปหน่อยเลย !! ยัยนั่นมันขโมยของสำคัญที่บรรพบุรุษของฉันปกป้องไปน่ะสิ”
ริเอะยังคงใช้ปลายดาบชี้ไปที่รัตติกาลพร้อมส่งสายตาที่แสดงออกว่า เธอต้องการจะแก้แค้นอีกฝ่ายมากแค่ไหน
“ปะ เปล่านะ....ชินช่วยพูดให้หน่อยสิว่า เราไม่ได้ขโมยอะไรไปจริง ๆ”
รัตติกาลพยายามขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทแต่ว่า ในหัวของชินหลงตอนนี้กลับคิดอะไรไม่ถูกตั้งแต่ที่คนตรงหน้าประกาศว่า จะสังหารรัตติกาล
“บ้าไปแล้วรึไงกัน..... !! คนอย่างรัลน่ะไม่มีทางขโมยของของใครหรอกน่า....”
“แล้วนายรู้ได้ยังไงกันว่า ยัยนั่นไม่ได้ขโมยของสำคัญของตระกูลฉันไป... !”
“ก็เพราะ รัลเป็นเพื่อนสนิทของฉันเพราะงั้นฉันถึงเชื่อยังไงล่ะว่า รัลไม่ได้ขโมยของใครไปทั้งนั้น.......”
“รู้สึกว่า ถึงฉันพูดกับนายไปก็คงไม่เข้าใจสินะ” ริเอะตั้งท่าเตรียมพร้อมที่เข้าโจมตีใส่ชินหลง
“คิดเหมือนกันเลยสินะ........” ชินหลงเองก็เตรียมตั้งท่าพร้อมที่จะโจมตีใส่ริเอะพร้อมทั้งพยายามให้รัตติกาลเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขามากขึ้นกว่าเก่าจนศีรษะของเธอไปซุกตรงอกแกร่งของชินหลงพอดิบพอดี
รัตติกาลเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าของชินหลงด้วยสายตาที่หวาดกลัวกับสิ่งที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่า อะไรคือ ทายาทสัตว์เทพ ทำไมชินหลงถึงกลายเป็นภูตพรายไปได้แล้วทำไมผู้หญิงคนที่ชื่อ ริเอะ ต้องมาใส่ร้ายตัวเธอด้วย
“รัล......ขอโทษทีนะแต่ขอให้เธอช่วยหลับตาสักพักคงจะได้นะ เพราะอีกไม่นานศึกครั้งนี้ก็คงจบแล้วล่ะ”
“หึ! มันจะจบจริง ๆ แล้วงั้นเหรอ.......อย่ามาพูดอะไรที่ชวนให้ขำแบบนี้เลยดีกว่า.... !!!!” ริเอะไม่รอช้ารีบเข้าจู่โจมใส่ชินหลงกับรัลทันทีแต่ก็โชคดีว่า ชินหลงกระโดดหลบคมดาบนั้นได้อย่างฉิวเฉียด
“เธอน่ะใช้แต่อารมณ์เกินไปแล้ว !!!!” ชินหลงยังคงยืนตั้งท่าพร้อมอยู่เหมือนเดิม
“หัดระวังปากหน่อยเถอะ เจ้าพวกภูตพรายชั้นต่ำ......” ริเอะมองหน้าชินหลงด้วยสายตาที่เหยียดหยามเขาอย่างรุนแรง
“ว่าไงนะ !!! อึก.... !!” จู่ๆที่แขนซ้ายของชินหลงก็มีบาดแผลขึ้นมาทันทีโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวเองเช่นเดียวกัน
“ก็บอกแล้วไงว่า ให้ระวังคำพูดหน่อยน่ะ เจ้าพวกภูตชั้นต่ำ....นึกว่า นายกำลังพูดอยู่กับใครไม่ทราบห่ะ... !”
“นี่เธอ......อุ๊บ !!” บาดแผลที่แขนซ้ายทำให้ชินหลงแทบไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย
“ชิน......ว้าย !! นี่มัน.....” รัตติกาลเผลอตื่นตาขึ้นมาทำให้เธอเห็นสภาพของแขนซ้ายของชินหลงพร้อมกับบาดแผลนั้นด้วยเช่นกัน
“รัลก้มหัวลง !!!!!”
ชินหลงใช้แขนซ้ายพุ่งเข้าเพื่อรัดตัวของริเอะแถมสภาพแขนซ้ายของชินหลงที่ตามแขนจะมีเขาที่งอกออกมาซึ่งมีความแหลมคมด้วยแล้วถ้าเข้าไปรัดตัวริเอะตอนนี้สิ่งที่ริเอะจะได้รับก็มีเพียงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่ว่า......
“อ่อนหัดเกินไปแล้ว.........” ริเอะดีดนิ้วขึ้นมาเบา ๆ ไฟก็ลุกขึ้นตามแขนซ้ายบางส่วนของชินหลงที่โดนตัวเธอ
“อ้าก !!!!!” ชินหลงถึงกับทรุดตัวลงไปอีกรอบพร้อมกับเสียงร้องที่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“หยุดนะ... !! ช่วยหยุดเรื่องแบบนี้ทีเถอะ” รัตติกาลวิ่งออกมาจากอ้อมแขนของชินหลง
“ยังมีหน้ามาพูดเรื่องแบบนี้กับฉันอีกรึไง ส่งของนั่นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ !!!” ริเอะยังคงมองรัตติกาลด้วยแววตาที่โกรธแค้น
“ฉันบอกเธอแล้วไงว่า ไม่เคยขโมยของไป...แล้วอีกอย่างแม้แต่หน้าหรือชื่อของเธอฉันยังไม่เคยรู้จักเลยสักครั้ง”
“อย่ามาโกหกหน้าด้าน ๆ แบบนี้กับฉันนะ !!!”
“ระ รัลหลบไปเดี๋ยวนี้” ชินหลงพยายามลุกขึ้นแต่ว่า เขาก็ไม่อาจยืนทรงตัวได้นานนัก
“ชินพอเถอะนะ ขอร้องล่ะ” รัตติกาลวิ่งเข้าไปพยุงตัวของชินหลง
“ไม่....ไม่มีทางหรอกน่า....ฉันน่ะสัญญากับพ่อของรัลไว้แล้วว่า จะเป็นคนปกป้องรัลไว้ด้วยมือของฉันเอง !!!”
“ชิน.........”
“ชิ ! ถือว่า คราวนี้ฉันจะปล่อยพวกแกไว้ก่อนแต่ว่า คราวหน้าคงจะไม่มีอีกแล้ว...”
ริเอะยอมเป็นฝ่ายล่าถอยแล้วหายตัว สภาพโดยรอบก็เริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
“โธ่เว้ย !!!” ชินหลงตะโกนออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บใจในความอ่อนแอของตัวเอง
“รีบไปทำแผลก่อนเถอะนะ ชิน”
รัตติกาลเข้ามาดูบาดแผลที่แขนซ้ายซึ่งตอนนี้กลับมาอยู่ในสภาพปกติเหลือไว้ก็เพียงบาดแผลจากคมดาบกับเปลวไฟของริเอะเท่านั้น
“รัล....ช่วยพยุงฉันไปหาแม่ทีสิ”
รัตติกาลค่อย ๆ พยุงร่างของชินหลงไปที่บ้านของเขาอย่างระมัดระวังด้วยความรู้สึกที่สับสนจนไม่อาจจะบรรยายได้เลยสักนิดเดียว
“เรื่องทั้งหมดมันคืออะไรงั้นเหรอ ช่วยบอกฉันได้มั้ย...”
“ขอโทษนะ แต่ขอให้ฉันอยู่คนเดียวสักพักเถอะแล้วฉันค่อยบอกความจริงกับรัลทีหลัง”
ชินหลงได้แต่นิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมาทั้งสิ้น ซึ่งจุดนี้รัตติกาลเองก็รู้ดีว่า ชินหลงเป็นคนที่เกลียดการพ่ายแพ้ที่สุดพอมาเจอแบบนี้เขาก็คงสะเทือนใจเป็นธรรมดา
หลังจากนั้นอีก 3 ชั่วโมง
“รัล.....ยังรออยู่ข้างนอกใช่มั้ย”
ชินหลงยืนพิงหลังตรงประตูพร้อมกับเอ่ยถามรัตติกาลที่กำลังนั่งพิงหลังอยู่หน้าประตูเช่นกัน สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า แม่ของชินหลงสั่งให้ทั้งคู่แยกจากกันชั่วคราวด้วยเหตุผลที่ว่า เธอไม่อยากให้รัตติกาลไปเห็นภาพอะไรไม่ดีขณะที่ทำแผลให้ชินหลง
“อื้อ....แล้วบาดแผลเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“ไม่เป็นไรมาก แต่ว่า คงจะใช้งานไม่ได้สัก3-4วัน”
“ขอโทษนะ.......ชิน”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า สำหรับตัวฉันแล้วขอแค่ให้รัลปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว”
“.....นี่ชิน ช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังได้มั้ย....”
เสียงของชินหลงเงียบนิ่งไปชั่วขณะ เขารู้ดีว่า ถ้าเขาพูดความจริงออกไปรัตติกาลอาจจะต้องเปลี่ยนไปแต่ถ้าเขาไม่ยอมพูดอะไรออกไปก็หมายความว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับรัตติกาลเองก็ต้องจบลงเช่นกัน
“ฉันจะบอกความจริงกับรัลได้ก็จริงแต่ฉันคงบอกความจริงกับเธอได้ไม่หมด หวังว่าเธอคงไม่โกรธฉันใช่มั้ย”
รัตติกาลลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆก่อนจะเอามือทาบไปที่ประตูแต่น่าแปลกตรงที่ตรงที่มือของเธอทาบไปนั้นมันเป็นจุดเดียวกับที่มือของชินหลงทาบไว้เช่นกัน
“....ขอแค่ชินบอกความจริงกับฉันเท่านั้น....ก็พอแล้วล่ะ”
“งั้นเหรอ เข้าใจแล้ว ฉันจะบอกความจริงกับเธอเอง...ฉันน่ะเป็นลูกหลานภูตพรายเผ่ามังกรดำซึ่งมีหน้าที่คอยรับใช้ 4 สัตว์เทพ.....”
“สัตว์เทพงั้นเหรอ....” รัตติกาลนึกถึงคำพูดของชินหลงที่พูดกับริเอะ “1 ใน 4 สัตว์เทพตระกูลวิหคเพลิง”
“ใช่แล้ว 4 สัตว์เทพที่ใครๆต่างพากันหวาดกลัวก็มี มังกรฟ้า ‘เซริว’ วิหคเพลิง ‘ซูซาคุ’ พยัคฆ์ขาว ‘เบียคโกะ’ และสุดท้ายเต่าดำ ‘เก็มบุ’.....แล้วก็ผู้หญิงที่ชื่อ ริเอะ ก็คือ ทายาทแห่งวิหคเพลิงซึ่งเป็นสัตว์เทพที่มีพลังในการควบคุมไฟ....” ชินหลงอธิบายพร้อมกับกุมบาดแผลออกตัวเองด้วยความเจ็บใจ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนอย่างฉันด้วยล่ะ.....”
“ก็เพราะว่า รัลน่ะ.......” ชินหลงค่อยๆหลับตาแล้วพยายามกล้ำกลืนฝืนทนพูดในสิ่งที่เขาไม่สมควรบอกเธอออกไป”...เป็นทายาทแห่งพยัคฆ์ขาว ‘เบียคโกะ’ ยังไงล่ะ....” รัตติกาลยืนเงียบไปทันทีที่รู้ความจริงและดูเหมือนชินเองก็รู้ตัวแล้วเช่นกัน
“...........................”
“พ่อของรัลน่ะก็คือ สัตว์เทพเบียคโกะ เพราะงั้นรัลเองก็ควรมีสายเลือดของสัตว์เทพรวมอยู่”
“ถ้างั้นชินเองก็ต้องมารับใช้คนอย่างฉันใช่มั้ยล่ะ”
“........เปล่าหรอก อันที่จริงภูตพรายจะคอยรับใช้ตระกูลสัตว์เทพที่มีลักษณะเหมือนกับตัวเองเท่านั้น.....ซึ่งก็คือ ภูตพรายที่มีปีกอย่างเช่น เผ่าปักษาจะรับใช้ตระกูลซูซาคุ พวกที่อาศัยอยู่ในน้ำก็จะรับใช้ตระกูลเก็มบุ ส่วนของตระกูลเบียคโกะก็คือ พวกที่มีเขี้ยวและกรงเล็บ”
“แล้วชินละ เผ่าของชินรับใช้ตระกูลอะไร”
“เผ่ามังกรดำอย่างฉันจะรับใช้ตระกูลเซริว เพราะว่า พวกฉันเป็นพวกมีเกล็ด.....แต่ว่าฉันกลับทำลายคำสัตย์ที่บรรพบุรุษเคยให้ไว้เพื่อมารับใช้ตระกูลของรัล”
“เพราะอะไรกัน....”
“มันเป็นเพราะ ตัวของรัลยังไงล่ะ......ตอนที่ฉันได้พบกับรัลและพ่อของรัลครั้งแรก ฉันได้เห็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของรัลมันทำให้ฉันตั้งปณิธานขึ้นมาว่า จะเอาชีวิตของตัวเองเข้าแลกเพื่อปกป้องรัลไว้ให้ได้”
“งั้นเหรอ......รู้สึกดีจัง อึก ! ฮือ” รัตติกาลร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจกับสิ่งที่ชินหลงพูด
“รัล.......”
ชินหลงเปิดประตูออกมาก่อนจะดึงตัวรัตติกาลเข้ามากอด หลายครั้งที่เขาได้แต่ปลอบโยนเธอยามร้องไห้ หลายครั้งที่เขาอยู่เป็นเพื่อนเธอเวลาที่มีปัญหาแล้วก็คอยปกป้องเธอมาโดยตลอดเวลาหลายปี
“ทำไมกัน......ถึงได้รู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ล่ะทั้งที่รู้ความจริงทุกอย่าง แต่ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ด้วยล่ะ อึก”
“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่า มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
“อึก ฮือ ฮือ ชิน ฉันน่ะ....ฉันน่ะ.... !!!”
“ถ้าอยากจะร้องไห้ก็ร้องออกมาให้หมดเลยเถอะ ฉันจะอยู่กับเธอเอง” ชินหลงยังคอยอยู่ข้างๆรัตติกาลตลอดจนกระทั่งเธอหยุดร้องไห้และพอทำใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอได้แล้ว
“นี่ชิน ทำไมฉันถึงต้องถูกรับเลือกด้วย”
“ไม่รู้สินะ อาจจะเป็นความต้องการของพ่อเธอก็ได้นี่นา”
“สัญญากับฉันได้มั้ย....ว่า จะอยู่ข้าง ๆ ฉันตลอดไป” ชินหลงยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้ารัตติกาล
“ลีชินหลง น้อมรับคำบัญชา ขอสาบานด้วยสายเลือดของมังกรนี้จะขอรับใช้เจ้านายคนเดียวของข้าตลอดไป.........”
ชินหลงได้พูดคำสัตย์ให้กับรัตติกาลทำให้วงล้อแห่งโชคชะตาของพวกเขาทั้ง 2 ได้เริ่มหมุนเดินแล้ว........และในขณะเดียวกัน
ที่โกดังร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ
“แฮ่ก แฮ่ก ไม่คิดเลยว่า เจ้าภูตชั้นต่ำนั่นจะสามารถสร้างบาดแผลให้ฉันได้” ริเอะพูดขึ้นพร้อมกับเอามือกุมบาดแผลที่ชายโครงด้านขวาของเธอ
“คุณหนูค่ะ.........” ซุยโคบินเข้ามาเกาะที่ไหล่ซ้ายของผู้เป็นนาย
“มีอะไรก็ว่ามา............” ริเอะเอ่ยขึ้นพร้อมกับฉีกชายเสื้อบางส่วนออกมาเพื่อทำการห้ามเลือดที่บาดแผลของเธอ
“มีรายงานการเคลื่อนไหวของทายาทแห่งเบียคโกะค่ะ.......”
กึก!
“อืม.....พูดต่อไปสิ” ริเอะหยุดชะงักเล็กน้อย
“ค่ะ รู้สึกว่า เด็กคนนั้นจะรู้ความจริงแล้วแถมยังยอมรับสิ่งที่เธอเป็นด้วยค่ะ”
“หึ ! ก็ดีแล้วนี่ถึงเวลาที่ฉันจะได้ชำระแค้นเมื่อคราวนั้นซะที” ริเอะยิ้มที่มุมปากก่อนจะหันไปสนใจกับบาดแผลของเธอ
“จะให้ดิฉันช่วยอะไรมั้ยค่ะ คุณหนู”
“ไม่ต้อง...แค่นี้พวกมันก็บาดเจ็บมากพอแล้ว.......รอให้พวกมันหายดีก่อนแล้วค่อยจัดการทีเดียวเลย”
“แต่คุณหนูเองก็มีบาดแผลที่สาหัสเหมือนกัน....จะให้ดิฉันรักษาบาดแผลให้เลยมั้ยค่ะ”
“อย่าดีกว่าบาดแผลที่เกิดจากพวกภูตพรายสำหรับสัตว์ระดับเทพอย่างพวกฉันคงต้องใช้เวลารักษาสักระยะ ความสามารถในการรักษาของเธอคงใช้ไม่ได้ผลหรอก”
“แล้วจะให้ดิฉันทำยังไงต่อดีค่ะ.....คุณหนู”
“คอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเจ้าพวกนั่นแล้วมารายงานให้ฉันเป็นระยะๆก็พอ....”
“น้อมรับคำบัญชาค่ะ.....” ซุยโคบินจากไปทันทีเหลือทิ้งให้ริเอะอยู่ตามลำพังเท่านั้น
“คอยดูไว้ให้ดีล่ะทายาทแห่งเบียคโกะ ฉันนี่แหละจะเป็นคนสังหารเธอด้วยมือของฉันเอง”
ริเอะพูดพร้อมกับแววตาที่มีแต่ความเกลียดชังและความรู้สึกเครียดแค้น แต่ว่าเธอกลับไม่รู้เลยว่า มีบุคคลที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดกำลังยืนจ้องมองเธออยู่ห่าง ๆ
ความคิดเห็น