คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Angry
หลังจากส่งนางิสะเสร็จ มารีน่าก็เอาแต่นั่งคิดเรื่องเมื่อเช้าจนพวกจีโน่มาถึง เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าให้พวกจีโน่ฟัง
“ฉันจะทำยังไงดีล่ะ คาเรน”
“ไม่เป็นไร มารีน่า อย่าลืมสิเธอยังมีพวกฉันอยู่นะ”
“แต่ว่า ตอนนี้ฉันรับไม่ไหวจริงๆ คาเรน....อึก...ฉะ ฉันทนมันต่อไม่ได้แล้วจริงๆ” มารีน่าร้องไห้ออกมาเป็นครั้งแรกในรอบ5ปีหลังจากเธอคลอดนางิสะ
“มารีน่า ทำใจดีๆไว้มันต้องมีทางออกสิ”
“แต่ว่า.......แม้แต่จะปกป้องนางิสะตอนนี้ ฉันยังทำไม่ได้ แล้วแบบนี้....ฉันควรทำยังไงดีล่ะ..............”
“มารีน่า............”
“คาเรน จีโน่ ฉันควรจะ............กลับไปหาสึซาคุ.....ดีมั้ย”
“ไม่ได้นะมารีน่า เธอเป็นคนจากหมอนั้นมาเองแล้วจะกลับไปตอนนี้ มันก็เมื่อว่า เธอยอมกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนนะ”
“ฉันก็เห็นด้วยกับคำพูดของคาเรนนะ มารีน่า”
“แล้วจะให้ฉันทำยังกันล่ะ 5ปีแล้วที่ฉันต้องอดทนฟังเสียงนินทาต่างๆนาๆของคนอื่นที่นินทาเรื่องฉันกับนางิสะ.........ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่า ฉันเป็นแม่ที่ดีให้กับนางิสะพอรึยัง.......”
“มารีน่า ตอนนี้เธอไม่ใช่มารีน่าที่ฉันรู้จัก........มารีน่าที่ฉันรู้จักคือ ผู้หญิงที่ไม่ยอมแพ้ต่ออะไรง่ายๆแบบนี้ ผู้หญิงที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อสิ่งสำคัญ.......เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้.....ที่เคยมีแต่สงคราม....ให้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง.....เป็นผู้หญิงที่เคยทำให้ทุกคนบนโลกต้องหวาดกลัวมาแล้ว..........ผู้หญิงคนนั้นหายไปไหนกันแล้วล่ะ มารีน่า” คาเรนพูดเตือนสติของมารีน่า
“...............................................................” ทุกอย่างดูเงียบไปทันที
“นั้นสินะ............ขอบคุณนะ คาเรนที่เธอช่วยเตือนสติฉัน”
“ไม่เป็นไร มารีน่าถึงว่า....เป็นการปกป้องเธอไปในตัว เพราะ นานาลีเป็นคนฝากให้ช่วยดูแลพี่สาว”
“งั้นเหรอ ฝากขอบคุณนานาลีด้วยล่ะ”
“ฉันดีใจที่เธอกลับมาเป็นคนเดิม.....มารีน่า” จีโน่เข้าไปกอดมารีน่าจนดูเกินหน้าเกินตาคาเรนไปหน่อย....
“อะแฮ่ม!! จีโน่.......นายอย่ามาทำเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกับคนชอบตีท้ายครัวคนอื่นได้มั้ย”
“เปล่าซะหน่อย!!.....เธอคิดไปเองเท่านั้น”
“แล้วไอ้มือปลาหมึกที่ไหนกำลังกอดเอวมารีน่าอยู่น่ะ........มันหมายความว่าไง” คาเรนชี้ไปที่มือของจีโน่กำลังกอดเอวมารีน่า
“เปล่านิ ก็แค่กอดแบบเพื่อนเท่านั้นเอง ใช่มั้ยมารีน่า......” จีโน่โยนระเบิดลูกใหญ่ให้กับมารีน่า คาเรนจ้องหน้าเธอไม่กระพริบเลยทีเดียวเล่นเอาเธอถึงกับเหงื่อตกไปทีเดียวเลย “เฮ้อ~ วุ่นวายพอๆกับนางิสะเลยซิน่า แล้วจะทำยังไงล่ะเนี่ย ทั้ง2คนก็เป็นเพื่อนซะด้วยสิ” เธอคิด
“ว่าไงล่ะ มารีน่าช่วยตอบฉันหน่อย.............”
“ก็แค่เพื่อนจริงๆนิ.......เพราะ ถึงจีโน่จะมาสารภาพรักกับขอฉันแต่งงานอีกก็คงจะปฏิเสธไปเหมือนเดิมอยู่ดี” มารีน่าพูดแทงใจดำจีโน่ เพื่อถือว่าเป็นการลงโทษเล็กๆน้อยๆ สำหรับการที่เขาโยนปัญหามาให้เธอ
“มารีน่า นิเธอแกล้งฉันใช่มั้ยเนี่ย.......” จีโน่นั่งหน้าจ๋อยไปทันที
“เปล่าสักหน่อยนิ นายคิดไปเองคนเดียวล่ะมั้ง ฮ่า ฮ่า” มารีน่าหัวเราะอย่างมีความสุข แต่ว่าเสียงหัวเราะแบบนั้นทำเอาจีโน่ถึงกับซึม “ธะ เธอนั้นแหละ ยัยผู้หญิงตัวอันตราย” เขาคิด
“พูดได้มากเลยล่ะนะ มารีน่า”
“ไม่เป็นไรน่า คาเรน เรื่องเล็กน้อยเอง”คาเรนและมารีน่าหัวเราะกันอย่างสนุกสนานกับการแกล้งจีโน่ ผิดกับคนโดนแกล้งกำลังนั่งซึมเป็นหมาหงอยอยู่มุมห้องคนเดียว
“พอเถอะ เดี๋ยวฉันไปรับนางิสะพวกเธอจะไปกับฉันมั้ย....”
“ก็ดี ฉันอยากจะดูลูกศิษย์ตอนอยู่ที่อนุบาลหน่อย”
“แต่ว่า ฉันไม่อยากเจอยัยตัวแสบนั้นเลยสิ”
“นี่จีโน่ นายลองไปรับดูหน่อยสิ เผื่อจะได้คุยอะไรกับนางิสะบ้างจะได้ไม่ต้องไปทะเลาะกันอีก ฉันชักเริ่มเซ็งแล้วนะกับการต้องมาคอยห้ามพวกนาย”
“เธอก็พูดสิคาเรน นั้นนะลูกศิษย์ตัวดีของเธอไม่ใช่เหรอ”
“ว่า~ยัง~ไง~น้า~”
“หยุดได้แล้วทั้ง2คน รีบไปกันเถอะเดี๋ยวไปรับนางิสะช้านะ” มารีน่าเข้ามาห้ามไว้มัน ไม่งั้นงานนี้ห้องนอนของเธอต้องได้เปลี่ยนห้องใหม่แน่ๆ เพราะ เธอรู้อยู่แล้วว่า ถ้าทั้ง2คนทะเลาะกันล่ะ ก็ไม่ต่างอะไรกับสึซาคุที่อาละวาดตอนโกรธเลย
ที่โรงเรียนอนุบาล
มารีน่าเดินมาถึงก่อนพวกจีโน่ที่กำลังทะเลาะกันอยู่ ห่างจากเธอไปไม่มากน่ะ เธอซึ่งก็รู้ว่า ที่พวกจีโน่ทำนั้นก็เพื่อทำให้เธอกลับมาร่าเริงอีกครั้ง เธอแปลกใจที่เห็นผู้ปกครองบางคนยืนอ้ออยู่หน้าประตูอาคารอนุบาลทั้งทีตอนนี้มันก็เลยเวลารับเด็กกลับไปสักพักแล้ว
“เออ........เกิดอะไรขึ้นค่ะ” มารีน่าเดินเข้าไปถามครูผู้ช่วยคนหนึ่ง
“คือว่า มีเด็กกลุ่มหนึ่งทะเลาะกันค่ะ พวกครูห้ามเท่าไรก็ไม่ยอมหยุดสักที......”
“วะ ว่าไงนะค่ะ......” มารีน่าตกใจเป็นอย่างมากและรู้สึกแปลกๆเมื่อหน้าของลูกสาวคนเดียวของเธอ นางิสะแว่บเข้ามาในหัว “หวังว่า....คงไม่เกี่ยวกับนางิสะนะ” เธอภาวนาอยู่ในใจ แต่ว่า คำภาวนานั้นอาจจะไม่เป็นจริงแล้วก็ได้ ในเมื่อคุณครูสาวที่เธอคุยด้วยเมื่อตอนเช้าวิ่งเข้ามาหาเธอ
“คุณแม่ของนางิจังค่ะ!! แฮ่ก แฮ่ก ยะ แย่แล้วค่ะ นางิจัง เขา.......” ยังไม่ทันที่คุณครูสาวคนนั้นจะพูดจบ มารีน่าวิ่งเข้าไปในกลุ่มผู้ปกครองแล้วพยายามรีบเดินเข้าไปข้างในนั้น ซึ่งเธอก็ตกใจ เมื่อเห็นว่า กลุ่มเด็กที่กำลังทะเลาะกันนั้นมีเด็กชายอยู่ถึง3คน แต่ว่ากลับมีเด็กผู้หญิงแค่คนเดียว ซึ่งนั้นก็คือ นางิสะ
นางิสะกำลังดึงคอเสื้อแล้วง้างหมัดหมายจะต่อยหน้าเด็กผู้ชายคนหนึ่ง มารีน่าเห็นดังนั้นก็เลยวิ่งเข้าไปห้ามทันที
“นางิสะ!! หยุดเดี๋ยวนี้!!!” สิ้นเสียงตะโกนของผู้เป็นแม่ นางิสะลดหมัดลงแล้วปล่อยคอเสื้อเด็กผู้ชายคนนั้นทันทีก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดแม่แล้วเริ่มร้องห่มร้องไห้
“มะ แม่ อึก แม่ค่ะ แม่.....อึก”
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย นางิสะ” มารีน่าย่อตัวลงแล้วสำรวจรอบๆตัวของนางิสะซึ่งมีแต่รอยแดงๆจากการจิก ตี ข่วน ผมจากที่เคยถูกมัดเรียบร้อยตอนนี้กลับยุ่งไม่เหลือชิ้นดีและรอยช้ำที่แก้มจากการถูกต่อย
“หนู อึก ขอโทษค่ะ แม่”
“ไม่เป็นไรแม่อยู่นี้แล้ว นางิสะ” มารีน่าพูดปลอบใจแต่ว่ากลับมีมือหนึ่งมากระชากแขนของนางิสะ
“โอย!!” นางิสะร้องด้วยความเจ็บจากแรงกระชากของมือนั้น มารีน่าเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นว่า ผู้หญิงที่ผ่านหน้าเธอไปเมื่อตอนเช้ากำลังจ้องมองนางิสะอย่างโมโหแบบสุดๆ
“นิ!! ยัยเด็กบ้า ขอโทษลูกฉันเดี๋ยวนี้นะ!!” ผู้หญิงคนนั้นลากนางิสะให้เข้ามาหาลูกชายของเธอ
“กรุณาปล่อยลูกสาวของฉันด้วยค่ะ” มารีน่าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่ฟังดูน่ากลัวพร้อมกับมองหน้าผู้หญิงคนนั้น
“เงียบไปเลยนะยะ!! เธอเป็นแม่ภาษาอะไรปล่อยให้ลูกตัวเองไปทะเลาะกับลูกคนอื่นเขาน่ะ!!!”
“หนะ หนูเปล่าทำนะ....อึก....ลูกคุณต่างหาก มาว่าหนูก่อน”
“เงียบซะ!! ยัยเด็กบ้า!! แล้วขอโทษลูกชายฉันซะ!!” ผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนจากที่ดึงแขนนางิสะมาเป็นกระชากคอเสื้อแทน
“ฉันบอกให้คุณปล่อยลูกสาวฉัน....”
เพี๊ยะ!!!! ฝ่ามือหนักตบหน้ามารีน่าอย่างแรงเป็นครั้งแรกที่มีใครกล้ามาตบหน้าคนอย่างเธอ มารีน่าเอามือมาจับตรงที่โดนตบ
“แม่ค่ะ!!” นางิสะพยายามดิ้นอย่างแรงก่อนจะหันไปกัดมือของผู้หญิงคนนั้น แล้ววิ่งเข้าไปหาแม่ของเธอ
“โอ๊ย!! นังเด็กไม่มีพ่อ!! ทำฉันแสบมากนะ!!”
“แม่ค่ะ อึก เจ็บมากรึเปล่า.....” นางิสะกระตุกชายกระโปรงของมารีน่าเบาๆ
“ไม่เป็นไรจ๊ะ นางิสะ แม่ไม่เป็นไร....เพียงแต่ว่า....เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้ามาตบหน้าฉันนะเนี่ย........” มารีน่าเยียดยิ้มอย่างเลือดเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำเอาพวกจีโน่ที่เพิ่งฝ่าวงรอบนั้นถึงกับเสียวสันหลังวาบ โดยเฉพาะคาเรนที่อยู่กับมารีน่ามากกว่าจีโน่รู้ดีว่า รอยยิ้มแบบนั้นแสดงว่า เธอกำลังโกรธแบบสุดๆไปเลย
“วะ ว่าไงนะยะ!!” ผู้หญิงคนนั้นเริ่มตัวสั่นเมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่น่ากลัวออกมาจากมารีน่า
“ทั้งๆที่ฉันพยายามทำตัวว่า ไม่สนใจกับคำพูดของพวกคุณที่นินทาว่าร้ายฉันกับลูก.....แต่ว่า สิ่งที่คุณทำเมื่อกี้มันสุดจะทนสำหรับฉันแล้ว........”
“นิ แกเป็นคนใหญ่คนโตมาจากไหนยะ!! ถึงกล้ามาพูดกับฉันแบบนี้!!! รู้มั้ยว่า ฉันเป็นถึงลูกสะใภ้ของคนที่ร่ำรวยที่สุดของที่นี้ ที่เป็นคนสร้างโรงเรียนอนุบาลนี้ให้ลูกของแกได้เรียนนะ!!!!”
“หึ!! แล้วทำไมล่ะค่ะ เพราะว่า ในสายตาฉันแล้วสามีของฉันยังมีอำนาจมากว่าสามีคุณตั้งเยอะ........” มารีน่ายิ้มให้อย่างมีเล่ห์นัยจนจีโน่รู้สึกกลัวนิดๆ
“ว่าไงนะ!! แล้วสามีเธอเป็นใครกัน ถึงได้กล้าทิ้งให้ภรรยาของตัวเองต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ไม่ทราบยะ!!!”
“ทำไมคุณต้องสนด้วยล่ะค่ะ ฉันอยู่ได้โดยไม่ต้องมีสามีด้วยซ้ำไป”
“หึ!! เพราะว่า แกเป็นแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ สามีของเธอเลยทิ้งเธอไปแล้วก็ยังสอนลูกตัวเองให้เป็นเด็กแบบนี้ แม่กับลูกนี้แย่พอๆกันเลย ฮ่า ฮ่า” ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะอย่างสะใจแต่ว่า มารีน่ากลับไม่สะทบสะท้านอะไร เพราะ ในเวลาแบบนี้เธอเยือกเย็นเป็นที่สุด
“คุณจะว่าฉันยังไง ฉันไม่สนแต่ว่า......ถ้ามาว่าลูกสาวฉันแบบนี้ฉันไม่ชอบ แล้วก็นะคุณน่าจะดูตัวเองนี้กว่ามั้งค่ะ ที่สอนลูกตัวเองให้มาว่าลูกคนอื่นทั้งที่เด็กวัยนี้ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย สงสัยว่าแม่ของเขาคงจะยัดสิ่งที่ไม่ดี.....ไม่ใช่สิ...ต้องบอกว่า เลวๆอะไรลงไปในหัวของเด็กแน่ๆ........”
“แกหาว่าฉันเลวเหรอ!!!!” ผู้หญิงคนนั้นง้างมือขึ้นมาหมายจะตบหน้ามารีน่าอีกครั้ง แต่ว่า................
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!” ทุกคนหันไปทางต้นเสียงที่จีโน่กำลังมองผู้หญิงคนนั้นอย่างน่ากลัวจนเธอต้องรีบลดมือลงทันที
“จีโน่......คาเรน.....พวกเธอ.....”
“นางิสะ!!” คาเรนเรียกทำให้นางิสะรีบวิ่งไปหาคาเรนที่กำลังอ้าแขนรอรับเธออยู่
“น้าคาเรนค่ะ.....อึก...หนู” นางิสะเริ่มร้องไห้อีกครั้ง คาเรนพยายามพูดปลอบใจเจ้าตัวเล็กเบาๆก่อนจะหันไปมองที่จีโน่ที่ยืนอยู่ระหว่างมารีน่ากับผู้หญิงอีกคน
“นี้มันอะไรกัน.......มารีน่า” จีโน่ถาม
“มีเรื่องนิดหน่อย....จีโน่ นายไม่ต้องเข้ามาช่วยฉันก็ได้”
“ไม่ได้หรอก เพราะ ฉันจะปล่อยให้คนที่ฉันรักต้องเดือดร้อนได้ยังไงกัน”
“งั้นก็แล้วแต่นาย......ถ้าเกิดปัญหาขึ้นทีหลังล่ะก็ฉันไม่ช่วยนายนะ.....” ทุกคนถึงกับตกใจรวมทั้งผู้หญิงคนนั้นที่เห็นว่า ผู้หญิงที่เธอกำลังทะเลาะด้วยกำลังพูดคุยกับนายพลใหญ่อย่างจีโน่ได้เหมือนกับเป็นคนที่อยู่ในฐานะเดียวกันกับเขา รวมถึงการที่หัวหน้าหน่วยรบพิเศษที่เก่งกาจอย่างคาเรนกลับรู้จักนางิสะ เด็กหญิงที่มีเรื่องกับลูกชายของเธอ
“นี่มันอะไรกัน ทำไมเธอถึงกล้าพูดกับท่านจีโน่แบบนั้น!!!...” จีโน่หันไปมองผู้หญิงคนนั้นอย่างโมโห
“แล้วคนอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาเรียกชื่อของฉัน!!!” จีโน่ตวาดจนผู้หญิงคนนั้นทำอะไรไม่ถูก
“ขออภัยค่ะ.....ทะ ท่านนายพล”
“ก็ดี แต่คนที่เธอต้องขอโทษก็คือ มารีน่ากับนางิสะ ลูกสาวของมารีน่าเท่านั้น”
“ทำไมฉันต้องไปขอโทษนังคนไม่มีหัวนอนปลายเท้ากับยัยเด็กไม่มีพ่อด้วยค่ะ!!!”
“ใครบอกว่า อย่างนั้นล่ะ มารีน่าน่ะมีฐานะสูงกว่าเธอมากมายรวมถึงสามีของมารีน่าด้วยเขามีอำนาจมากกว่าสามีของเธอ....ไม่สิ....มากกว่าของฉันกับจีโน่ซะอีกนะ!!!” คาเรนพูดขึ้น
“ใช่แล้วล่ะ.......เพราะฉะนั้น.....” ยังไม่ทันที่จีโน่จะพูดเสร็จ มารีน่าก็พูดแซงขึ้นมาก่อน
“ไม่เป็นไร จีโน่ พอได้แล้ว.....กลับบ้านกันเถอะ”
“มารีน่า ทำไมเธอถึง.....”
“จีโน่....พวกเรามารับตัวนางิสะกลับบ้านนะ ไม่ใช่มาที่นี้เพื่อมาทะเลาะกับใคร”
“แต่มารีน่า.......ถ้าหมอนั้นรู้เข้า....”
“ฉันบอกให้พอไงจีโน่!! ขอร้องล่ะ อย่ามาพูดถึงผู้ชายคนนั้นต่อหน้าฉันกับนางิสะอีกนะ เพราะ เรื่องระหว่างฉันกับผู้ชายคนนั้นมันจบไปตั้งแต่วันที่นางิสะเกิดแล้วล่ะนะ...” มารีน่าเดินไปจูงมือนางิสะก่อนจะเดินออกไปโดยที่ผู้ปกครองคนอื่นแหวกทางให้เรียบร้อยเพราะ เมื่อรู้ว่าฐานะของเธอนั้นสูงส่งพอๆกับผู้มีอำนาจที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้ง2คน
“ทุกคนกลับกันได้แล้ว และขอให้อย่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกนะ ไม่งั้น.....พวกฉันจะเล่นงานคนๆนั้นอย่างหนักเลยค่อยดูสิ!!” จีโน่พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับคาเรน
ที่บ้านซาคาตะ
พวกมินาโฮ ทั้งจีโน่และคาเรนกำลังนั่งมองหน้าหลานสาวตัวน้อยอย่างสงสารทั้งที่รู้ว่า งานนี้หลานสาวของพวกเขา เธอเองก็มีส่วนผิดด้วยแต่ก็นึกโกรธไม่ลง ผิดกับผู้เป็นแม่ที่กำลังยืนนิ่งมองลูกสาวของเธออย่างนิ่งๆไม่พูดไม่จาอะไร ส่วนเจ้าตัวเล็กได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จาเช่นเดียวกันเว้นแต่น้ำตาที่เริ่มจะไหลออกมาอีกครั้ง
“ทำไมหนูต้องทำแบบนี้ด้วยนางิสะ.........”
“...............................................” นางิสะได้แต่ก้มหน้านิ่ง
“ตอบแม่มาเดี๋ยวนี้ นางิสะ”
“.................................................”
“เงยหน้ามามองหน้าแม่ นางิสะ!” นางิสะเงยหน้าขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัว
“แล้วตอบคำถามของแม่ด้วย”
“กะ ก็......เพื่อน....เริ่มมาว่า....หนูก่อนนิ....แถมยังทำริบบิ้นที่.....แม่ปักชื่อของหนู.....ขาดด้วย....หนูก็เลย......”
“เข้าไปทะเลาะกับพวกเขาใช่มั้ย” นางิสะได้ไม่ยอมพูดอะไรนอกจากพยักหน้าเท่านั้น
“แม่จะทำยังไงกับหนูดีเนี่ย หนูสัญญากับแม่ว่า จะไม่ทะเลาะกับเพื่อนแต่ยังไม่ทันจะพ้นวันเลย หนูก็ไปทะเลาะกับเพื่อนแล้ว เมื่อไรหนูจะควบคุมอารมณ์ได้สักที”
“ก็เพื่อนว่า หนูเป็นเด็กไม่มีพ่อ เป็นเด็กไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าก่อนนิ!!”
“นางิสะ!! แม่ให้หนูเรียนศิลปะการต่อสู้กับน้าคาเรนเพื่อเอาไว้ป้องกันตัวหนู ไม่ใช่มีไว้เพื่อเอาไปทะเลาะกับใครนะ”
“หนูก็ไม่ได้ต้องการเรียนเพื่อเอาไปทะเลาะกับใครสักหน่อยนิ!!”
“นางิสะ!! อย่ามาขึ้นเสียงกับแม่แบบนี้นะ!”
“.......ขอโทษค่ะ แม่....”
“งั้นหนูลองตอบแม่มาสิ ว่าหนูอยากเรียนไปเพื่ออะไร”
“หนูบอกแม่ไม่ได้จริงๆ.....”
“ถ้างั้น.....แม่จะไม่ให้หนูเรียนการต่อสู้อีกแล้ว.......”
“ไม่ได้นะ!!!”
“งั้นตอบแม่มาสิว่า เพราะอะไร.......ถ้าไม่ได้หนูก็ไม่ต้องเรียน”
“เกลียด.....ที่สุดเลย.......”
“หนูว่าไงนะ นางิสะ”
“หนูน่ะ...........เกลียดแม่ที่สุดเลย!!!” นางิสะร้องไห้แล้ววิ่งออกไปจากบ้านแล้วตรงเข้าไปในป่าทันที
“นางิสะ!!!” มารีน่าพยายามจะวิ่งตามไปแต่ว่าถูกจีโน่รั้งตัวไว้ก่อน
“ตอนนี้ยังไม่ได้นะ มารีน่า มันใกล้จะมืดแล้วด้วยแถมป่าแถวนี้ตอนกลางคืนจะดูน่ากลัวกว่าที่อื่นๆอีกนะ”
“ฉันจะทำยังไงดีล่ะ จีโน่” มารีน่าเริ่มร้องไห้ มันเป็นคำผิดของเธอเองที่ไปบังคับนางิสะแบบนั้น มันก็ไม่แปลกหรอกที่นางิสะจะเกลียดเธอในตอนนี้ ฝ่ายหนูน้อยนางิสะเธอวิ่งเข้ามาในป่าทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลย เธอหยุดเพื่อพักเหนื่อยแล้วมองไปรอบๆที่เริ่มจะมืดเต็มที ความรู้สึกกลัวเริ่มเข้ามาในใจ เสียงฝีเท้าที่เริ่มดังเข้ามาใกล้ตัวเธอ ทำให้เธอตกใจแล้ววิ่งออกไปอีกครั้งจนไปชนเข้ากับบางอย่าง ที่ยืนอยู่ตรงหน้าร่างสูงใหญ่ที่ถูกผ้าคลุมสีดำปิดไว้และหน้ากากสีดำที่ร่างนั้นสวมอยู่ทำให้เธอไม่สามารถเห็นใบหน้าของร่างสูงใหญ่นั้นได้เลย
นางิสะพยายามถอยห่างออกมาทันทีแต่ว่าแขนของร่างสูงใหญ่นั้น คว้าแขนของนางิสะเอาไว้จนเธอเริ่มร้องไห้และดิ้นอย่างแรง แต่ทุกอย่างต้องหยุดลงเมื่อร่างสูงใหญ่นั้นย่อตัวลงมาให้เท่ากับเธอแล้วก็ค่อยๆถอดหน้ากากสีดำนั้นออก นางิสะพยายามจ้องมองใบหน้าของร่างสูงใหญ่นั้นแล้วเธอต้องตกใจ เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา ผมสีน้ำตาลเข้มดูยุ่งๆเพราะสวมหน้ากาก ดวงตาสีเขียว รอยยิ้มบนหน้าของเขาดูอ่อนโยนจนเธอรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เขาลูบหัวเธออย่างแผ่วเบาจนเธอรู้สึกถึงความอ่อนโยนเหมือนกับตอนที่แม่ลูบหัวของเธอ
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย เจ้าตัวเล็ก” ชายคนนั้นถามนางิสะไม่พูดอะไรแค่เพียงส่ายหัวไปมาพร้อมเข้าไปดึงเสื้อคลุมของชายคนนั้น
“หนูมาที่นี้ได้ยังไงกันล่ะ ในป่านี้มันอันตรายนะ จะมาพักกับฉันก่อนมั้ย เดี๋ยวค่อยกลับบ้าน....” นางิสะพยักหน้า ชายคนนั้นยิ้มบางๆก่อนจะลุกขึ้นมาสวมหน้ากากอีกครั้งแล้วจูงมือนางิสะอย่างนุ่มนวล นางิสะเดินตามโดยที่ยังค่อยมองหน้ากากสีดำนั้นทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่า ชายคนนั้นคือ เซโร่ หรือ คุรุรุกิ สึซาคุ พ่อของนางิสะนี่เอง
คุยกับนามานิวันละนิด
ในที่สุดก็กลับมาอีกครั้งแล้วนะค่า~ 5555555555+
ตอนนี้ต้องไปเรียนซัมเมอร์เลยมาอัพช้าหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร
เพราะ ค่อยๆอัพวันล่ะนิด อิอิอิอิ ยังไงก็จะมาอัพบ่อยๆนะค่ะ
บาย บาย ก่อนแล้วนะค่ะ ^ ^
ในที่สุดทั้ง2คนก็จะได้เจอกันแล้ว 5555555+
ไม่รู้จะลงอะไร เอารูปสึซาคุลงไปพลางๆ
ความคิดเห็น