คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
เมื่อ4000ปีก่อนโลกมนุษย์ถูกปกคลุมไปด้วยอำนาจแห่งความชั่วร้ายและภูตผีปีศาจ เหล่าทวยเทพได้เล็งเห็นปัญหาจึงได้อัญเชิญสัตว์เทพทั้ง4ตนซึ่งได้แก่ มังกรแห่งสายลม ‘เซริว’ พญาวิหคเพลิง ‘ซูซาคุ’ ราชันย์แห่งขุนเขา ‘เบียคโกะ’ และ จ้าวแห่งท้องทะเล ‘เก็มบุ’ ให้ลงมาจุติบนโลกเพื่อทำลายความชั่วร้ายให้หมดไป
หลังจากภารกิจได้เสร็จสิ้นลง เทพทั้ง4 จึงเข้าสู่การหลับใหลโดยที่ได้ทิ้งชิ้นส่วนของตนเองให้กับทายาทที่เกิดจากมนุษย์เป็นคนคอยดูแลปกป้องรักษามาหลายชั่วอายุคนเพื่อเตรียมรับมือกับศึกครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นมาในไม่ช้าจนกระทั่ง............
ที่ประเทศญี่ปุ่น
ค่ำคืนที่แสนงามผิดกับจิตใจที่ถูกขยี้จนไม่มีชิ้นดี ร่างของเด็กสาวยืนแน่นิ่งไปสายตาของเธอจ้องมองศาลเจ้าที่ตัวเองเคยเฝ้าดูและคุ้มครองไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ กลับถูกทำลายลงไปด้วยฝีมือของใครสักคนที่แข็งแกร่งมากกว่าตัวเธอหลายเท่านัก แววตาสีแดงสดเหมือนกับทับทิมเม็ดงามนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและอับอาย มือของเธอกำด้ามดาบที่เอวไว้หนักจนมือของเธอถึงกับห้อเลือด บาดแผลต่าง ๆ รอบตัวเธอแสดงให้เห็นได้ชัดว่า เธอเพิ่งผ่านศึกที่หนักหน่วงมาเมื่อไม่นาน
“ชิ ! บ้าที่สุดเลย”
เด็กสาวได้แต่กัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจกับเหตุการณ์ในตอนนั้น.......
ค่ำคืนที่เงียบสงัดเมื่อทุกคืนแต่ว่ากลับไม่สามารถปกปิดเสียงแห่งการต่อสู้ของ2ร่างในเงามืดนี้ได้
โครม !!!
“หึ ๆ เป็นเด็กที่กล้าหาญไม่เบาแต่ว่า.......ก็ยังอ่อนหัดอยู่ดี !! ”
ร่างของหญิงสาวในความมืดตรงเข้าทำร้ายเด็กสาวอย่างบ้าคลั่ง
“แฮ่ก แฮ่ก ฉันไม่ยอม...อึก...ยกสิ่งนั้น....ให้แกหรอกน่า.....”
เด็กสาวพยายามถอยห่างจากหญิงสาวในมือของเธอกุมกล่องไม้ที่เก่าคร่ำครึไว้แน่นเพื่อไม่ให้มันต้องตกไปอยู่ในมือของคนตรงหน้า
“หึ ! ถ้างั้นเธอก็ตายไปพร้อมกับความอัปยศที่เธอได้จากฉันล่ะกัน แม่หนูน้อย !! ย้ากกกก”
หญิงสาวเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัว การต่อสู้ถูกยื้อออกไปอีกสักพักก่อนที่ผลของการต่อสู้จะออกมาและ.......เด็กสาวเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
หญิงสาวจ้องมองร่างของเธอด้วยสายตาเย้ยหยันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ดูถูกเหยียดหยามเธออย่างรุนแรง ส่วนเด็กสาวก็ได้แต่นอนแน่นิ่งบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยเศษซากไม้ของศาลเจ้าที่เธอเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องมัน
“ถ้าอยากจะเอาของสำคัญที่แม่ของแกและบรรพบุรุษทิ้งไว้ล่ะก็......ให้ไปฝึกฝนตัวเองแล้วค่อยกลับมาสู้กันในฐานะทายาทแห่งสัตว์เทพทั้ง 4”
“กะ แกเป็นใครกัน....”
เด็กสาวพยายามเค้นเสียงที่มีอยู่น้อยนิด
“บุตรีแห่งเบียคโกะ นี่ล่ะคือตัวจริงของฉัน......ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
หญิงสาวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเหลือไว้เพียงแต่เศษซากที่เธอได้ทำลายลงไปพร้อมกับบาดแผลบนร่างของเด็กสาวด้วยเช่นกัน
สายลมได้พัดผ่านเธอไปอย่างเบาบางเหมือนกำลังตอกย้ำให้กับความอ่อนแอของเธอ เด็กสาวยังคงนิ่งเงียบและมองภาพกองซากศาลเจ้าที่แสนสำคัญของเธอก่อนที่สายตาของเธอจะหันไปเจอสิ่งที่ผิดปกติที่ศาลเจ้านั้น กระดาษใบเล็ก ๆ ที่ถูกวางให้ปะปนกับเศษซากแผ่นไม้ เธออ่านข้อความที่ถูกเขียนด้วยภาษาที่เธอไม่เคยคุ้นมาก่อน
‘ฉันอยู่ที่ประเทศไทย ถ้าอยากได้สิ่งนั้นคืนก็จงมาหาฉันซะ....... [ บุตรีแห่งเบียคโกะ ]’
“นังนั่น มันบังอาจมาดูถูกฉันได้.... !! ” แววตาของเธอส่อให้ถึงความเครียดแค้นของเธอได้
เธอกำกระดาษแผ่นนั้นไว้แน่นก่อนจะปามันลงพื้นอย่างแรงเธอเดินจากไปอย่างไม่ใยดีพร้อมกับเส้นผมสีดำยาวที่พลิ้วไหวไปหาสายลม เด็กสาวชูมือขึ้นแล้วดีดนิ้วเบา ๆ ทีหนึ่งแล้วเดินจากที่แห่งนั้นไป แต่ว่าก้อนกระดาษที่เธอปาเมื่อกี้กลับลุกเป็นไฟแล้วกลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด
“ซุยโค....”
เด็กสาวพึมพำเบา ๆ ก่อนที่หงส์ตัวหนึ่งบินมาเกาะที่ไหล่ซ้ายของเธอ ขนสีแดงราวกับสีของเปลวเพลิง รูปร่างที่สง่างามผิดแปลกไปกับหงส์ธรรมดาที่คนอื่นเคยเห็น
“คะ....คุณหนู”
“ช่วยบอกคนที่บ้านทีว่า ช่วยเตรียมของให้ทีฉันจะออกไปข้างนอกสักพัก”
“จะไปไหนงั้นเหรอค่ะ คุณหนู”
“ประเทศไทยยังไงล่ะ.........”
เด็กสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับแววตาที่แสดงให้ถึงความรู้สึกที่เธอต้องการจะล้างแค้นกับคนที่เรียกตัวเองว่า เป็นบุตรีแห่งเบียคโกะ
ประเทศไทย
ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งจะมองยังไงก็ยังเห็นเป็นบ้านของคนธรรมดาทั่วไปแต่ว่า..........
“อะ อืม......”
เด็กสาวตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียผมสีดำยาวสลวย ดวงตากลมโตสีฟ้าราวกับสีของท้องทะเล ริมฝีปากเรียวเล็กอมชมพูสวย ใบหน้าที่กำลังได้รูปทำให้เธอดูน่ารักที่สุดในสายตาของชายหนุ่ม
“รัล ตื่นได้แล้วลูก....นี่มันสายแล้วนะ”
ผู้เป็นแม่เคาะประตูเรียกพร้อมกับเปิดประตูเข้าก็เห็นลูกสาวยังนอนงัวเงียอยู่บนเตียงเด็กสาวที่ชื่อ รัล หรืออีกชื่อ รัตติกาล หันไปมองนาฬิกาข้างๆตัวเธอที่ตอนนี้เข็มสั้นชี้ที่เลข 7 ส่วนเข็มยาวกำลังชี้ที่เลข 5 พอดิบพอดี
“ว้าย !! สายแล้วนี่ !!!!”
รัตติกาลรีบลุกพรวดจากเตียงทันที เธอรีบทำธุระส่วนตัวของเธออย่างรวดเร็วจนทำให้ผู้เป็นแม่ต้องส่ายหัวกับนิสัยของลูกสาวอยู่หลายครั้ง
“แม่ค่ะ เห็นชุดสูทของหนูมั้ย !!!” รัตติกาลวิ่งวุ่นทั่วบ้านเพื่อตามหาชุดของเธอ
“แขวนอยู่ที่เดิมนั้นแหละ เร็วๆหน่อย ชินเขามารอลูกตั้งนานแล้วนะ”
“ว่าไงนะ !! หนูไปก่อนนะค่ะแม่” ด้วยความเร่งรีบรัตติกาลจึงหยิบขนมปังมาแผ่นหนึ่งก่อนจะวิ่งออกจากบ้านซึ่งมีใครคนหนึ่งมายืนคอยเธอแล้ว
เด็กหนุ่มผมสีดำสั้น ดวงตาคมกริบสีเขียวมรกต จมูกที่โด่งได้รูปรับกับริมฝีปากเรียวของเขาได้เป็นอย่างดี เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เสื้อสูทสีดำขอบขาวมีตราโรงเรียนปักตรงกระเป๋าอก กางเกงสแล๊คสีดำ รองเท้าหนังสีดำเงางามกับเนคไทสีแดงสลับลายเส้นเล็กๆสีดำ ส่วนรัตติกาลนั้นเธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เสื้อสูทสีขาวขอบดำมีตราโรงเรียนปักอยู่เช่นเดียวกัน กระโปรงคล้าย ๆ กับกระโปรงพีชแต่มีกลีบเล็กและถี่กว่า รองเท้าคัทชูสีดำเงางามกับเนคไทสีดำสลับลายเส้นเล็กๆสีแดง
“ขอโทษนะ ชินหลง”
รัตติกาลขอโทษขอโพยเด็กหนุ่มที่ชื่อ ชิน หรืออีกชื่อ ชินหลง เป็นการใหญ่ ชินหลงเด็กหนุ่มสายเลือดจีนแท้ๆซึ่งย้ายมาอาศัยอยู่ข้างบ้านของรัตติกาลตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กอยู่จึงทำให้ทั้ง2คนเป็นเพื่อนต่างเพศที่สนิทกันมาก
“ไม่เป็นไร...แต่รีบไปโรงเรียนกันเถอะ นี่มันสายมากแล้วนะ” ชินหลงหยิบกระเป๋านักเรียนของรัตติกาลมาจากมือเจ้าของก่อนจะเดินนำหน้าเธอไปทันที
“จ๊ะ.....” รัตติกาลรีบเดินตามหลังชินหลงไปติด ๆ พอเวลาผ่านไปสักพักชินหลงก็นึกอะไรสนุก ๆ ขึ้นมาได้เขาจึงหันไปคุยกับรัตติกาล
“ค่าจ้างของเช้านี้ ขอเป็นขนมปังครึ่งแผ่นล่ะกัน” ชินหลงแย่งขนมปังแผ่นนั้นมาจากมือของรัตติกาลแล้วแบ่งมันออกเป็น2ส่วนทันที
“นี่ชิน ! นั่นเป็นอาหารเช้าของฉันนะ !!!”
รัตติกาลรีบเข้าไปแย่งอาหารเช้าของเธอจากมือของชินหลงซึ่งเจ้าของร่างสูงใหญ่กลับไม่สะทกสะท้านหยิบขนมปังส่วนที่เขาเพิ่งแย่งมาทานเข้าไปทันที
“ขอบคุณสำหรับค่าจ้างนะ รัล”
ชินหลงทำสีหน้ารื่นเริงใส่รัตติกาลแต่ว่าร่างบางกลับไม่รู้สึกอย่างงั้นเลยด้วยซ้ำ เธอมองหน้าชินหลงด้วยความโกรธเคือง
“ชินหลงบ้า !!! ชอบมาแกล้งฉันอยู่เรื่อย !!! ”
รัตติกาลหันไปทุบแขนของชินหลงเบา ๆ เพื่อเป็นการระบายอารมณ์ ส่วนชินหลงก็ยังทำหน้ารื่นเริงใส่คนตรงหน้าที่เขาสามารถหาเรื่องมาแกล้งเธอได้ทุกวัน
“บอกตั้งหลายครั้งแล้วไงว่า อย่าเรียกฉันว่า ชินหลงไงล่ะ”
หลังจากที่ชินหลงแกล้งรัตติกาลจนหนำใจแล้วทั้งคู่ก็กลับมาเดินทางเพื่อที่จะไปโรงเรียนกันต่อ
“ทำไมล่ะ ฉันว่าเรียกชินหลงยังดูน่ารักกว่าเลยนะ อิ อิ” รัลทำหน้าเริงร่าผิดกลับชินหลงที่ทำสีหน้าเคร่งเครียดใส่เธอ
“บอกอย่าเรียกแบบนั้นไงล่ะ ฉันไม่ชอบนะเข้าใจมั้ย รัล”
“งั้นก็บอกมาก่อนสิเพราะอะไร ชินถึงไม่อยากให้เราเรียกชื่อนี้น่ะ”
“เปล่าหรอก....ไม่มีอะไร” ชินหลงพยายามหลบหน้ารัตติกาลก่อนจะพูดพึมพำอะไรบางอย่างออกมาเบา ๆ “ชื่อนั้นน่ะ มันไม่เหมาะสมกับคนอย่างฉันเลยซะนิด”
“อะไรกันเนี่ย ชินนี่แปลกคนชะมัดเลย” รัตติกาลรีบเดินนำชินหลงไปทันที
“เดี๋ยวสิ....รัล !!...อุ๊บ..... !!!!!” จู่ๆชินหลงก็ทรุดตัวลงไปทันทีจนรัตติกาลต้องรีบหันกลับมาดูอาการของเพื่อนสนิท
“ชิน! ชิน!! ไม่เป็นไรใช่มั้ย....!!”
“แฮ่ก แฮ่ก รัล......รีบหนีไปซะ !!...เมื่อกี้ฉันสัมพันธ์ได้ถึงพลังที่รุนแรงมาก”
“ไม่เอาด้วยนะ !!! ถ้าจะหนีชินต้องไปกับเราด้วยสิ !!!!”
“จะบ้ารึไง !! รัลน่ะมีพลังที่ยิ่งใหญ่อยู่ในตัวแท้ๆ อย่าทำให้ต้องเสียมันไปแบบนั้นสิ... !!!!” ชินหลงพยายามสั่งให้รัตติกาลหนีไปในที่ที่ปลอดภัยแต่ว่า...ตอนนี้ไม่มีที่จะให้หนีสำหรับพวกเขาทั้ง2คนแล้วตอนนี้..........
“ไม่มีทางให้พวกเธอหนีหรอกน่า..........” ร่างของเด็กสาวเดินออกจากตรอกซอยเล็กๆแถวนั้นก่อนที่สภาพแวดล้อมรอบๆตัวพวกเขาได้เปลี่ยนเป็นพื้นที่ที่มีแต่ความมืดมิดเท่านั้น
“เธอเป็นใครกันน่ะ !!!!” ชินหลงพยายามดึงตัวรัตติกาลให้มาอยู่ด้านหลังของเขา
“อะไรกัน.....ไม่ได้เจอกันแค่2วันก็มีภูตชั้นต่ำคอยรับใช้แล้วงั้นเหรอ” เด็กสาวจ้องเขม็งไปที่รัตติกาลจนตัวเธอไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้เลย
“นี่เธอกล้าว่า คนอย่างฉันงั้นเหรอ !!!” ชินหลงเปลี่ยนสภาพแขนข้างซ้ายของตนเองให้กลายเป็นแขนของมังกรดำแล้วใช้มืออีกข้างปิดตาของรัตติกาลไว้
“ชะ ชิน ! ทำอะไรน่ะ”
“ขอโทษนะรัล....แต่ช่วยหลับตาไว้อย่างงั้นสักพักเถอะแล้วก็สิ่งที่หญิงคนนั่นพูดรัลช่วยทำเป็นไม่สนใจด้วยเข้าใจมั้ย”
“หือ ! ที่แท้ก็เป็นพวกภูตพรายเผ่ามังกรดำเองเหรอ”
“ชิน.........”
“รัลเชื่อใจฉันรึเปล่า” รัตติกาลยืนเงียบไปสักพักก่อนจะเอามือจับแขนเสื้อของชินหลงไว้แน่นซึ่งการกระทำของเธอแบบนี้แสดงว่า เธอเชื่อใจในตัวของชินหลง ทำให้ร่างสูงรู้สึกโล่งใจไปส่วนหนึ่ง
“ถูกแล้ว ! ในเมื่อรัลเชื่อใจฉัน....ฉันเองก็จะสู้จนกว่าชีวิตของฉันจะหายไปจากโลกนี้.... !!!”
“ถ้างั้น........ฉันก็ไม่เกรงใจนายเหมือนกัน” เด็กสาวชักดาบที่เหน็บไว้ออกมาเพื่อสู้กับชินหลง
“แต่ว่า.....ก่อนที่เราจะสู้กันช่วยบอกชื่อของเธอ แล้วก็บอกจุดประสงค์ที่เธอมาด้วย”
“หึ ! ก็ได้.....ฉันชื่อ ริเอะ เป็นชาวญี่ปุ่นแล้วก็จุดประสงค์ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อจะฆ่าเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของนายไงล่ะ” หลังจากที่เด็กสาวพูดจบปีกสีแดงเพลิงก็ผุดขึ้นจากหลังของเธอทันที
“หรือว่าเธอคือ คนของ 1 ใน 4 สัตว์เทพตระกูลวิหคเพลิง !!!”
“ถูกต้องแล้ว ฉันคือ ทายาทผู้สืบสายเลือดของวิหคเพลิง “ซูซาคุ” แล้วฉันก็มาที่นี่เพื่อจะฆ่าบุตรีแห่งเบียคโกะยังไง !!!!” ปลายดาบของริเอะชี้มาที่รัตติกาลซึ่งกำลังยืนตัวสั่นภายในอ้อมแขนของชินหลง
ความคิดเห็น