คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : SAKURA BEGIN || 03
SAKURA BEGIN :: 03
ตอนหัวค่ำหลังจากที่จินยองอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มก็เดินออกมาเตรียมจัดโต๊ะทานข้าวที่ได้ลงมือทำอาหารเองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ถึงแม้แดยองจะเป็นบ้านเกิดของผู้เป็นแม่แต่ญาติพี่น้องที่เคยอยู่แถวนี้ก็ย้ายไปที่ตัวเมืองกันหมดจึงเหลือแค่แม่และเขาอยู่ด้วยกันสองคนเท่านั้น อะไรที่พอช่วยเหลือได้จินยองก็อยากจะช่วย อย่างเช่นการทำกับข้าวมื้อเย็นที่เป็นหน้าที่หลักของเขา
"มาร์ค-"
มือน้อยที่กำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเดินเข้าไปในบริเวณโต๊ะทานข้าวที่ติดเชื่อมกับห้องครัวของบ้าน คนที่ถูกเรียกหันมายิ้มแฉ่งพร้อมกับตักกับข้าวให้คุณแม่ยังสาวที่ยิ้มพออกพอใจเสียยิ่งกว่าดูซีรีย์เกาหลีตอนค่ำเสียอีก
"จินยองมาพอดีเลยลูก มาร์คเค้ามาหา แม่ก็เลยเรียกมาทานข้าวด้วยกัน ดูสิ ไม่เจอกันแปบเดียวโตเป็นหนุ่มหล่อซะแม่ยังตกใจ"
"แต่คุณป้าไม่เปลี่ยนเลยนะครับ สวยยังไงก็ยังสวยยังงั้น"
"ตายแล้ว มาชมคนแก่" คุณนายยามาดะหัวเราะร่วนพลางตีมือแปะบนท่อนแขนแกร่ง แหม เนื้อหนุ่มนี่แน่นปั๋งดีนักเชียว
"เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าจินยองทำกับข้าวอร่อยขนาดนี้ สงสัยจะได้มาฝากท้องที่บ้านนี้บ่อยๆ" มาร์คพูดพลางเคี้ยวตุ้ยๆ ให้ดูว่ารสชาติดีอย่างที่เจ้าตัวชม จินยองเรียวสุเกะยิ้มรับพร้อมกับนั่งลงตรงข้ามกับคนตัวสูงโดยมีแม่ของจินยองครองเก้าอี้หัวโต๊ะเฝ้ามองลูกๆ ด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ
"มาบ่อยๆ เดี๋ยวคุณแม่เราก็มาบ่นกับป้าหรอกมาร์ค"
"ก็แลกกับจินยองไงครับ แม่ผมเค้าชอบจินยองจะตาย ส่วนผมก็รักคุณป้าที่สุด ดีออกครับ แลกกันๆ"
"ต๊ายย ความคิดดีนะจ้ะ"
"แม่ครับ-" จินยองกดเสียงเข้มแอบเบรคอารมณ์แม่ของตัวเองที่ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แต่ยิ่งเขาทำหน้าดุ สองคนที่เหลือก็ทำหน้ากลัวได้เหลือใจกันจริงๆ ถ้าพ่นหัวเราะออกมาได้คงทำกันแล้ว จนกระทั่งหมดเวลาของอาหารค่ำ แม่ของจินยองก็ขอตัวออกไปเฝ้าร้านปล่อยให้เด็กชายทั้งสองคนได้นั่งเล่นกันตามลำพัง
"มาร์ค ไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้ไง" จินยองเอ่ยถามในขณะที่กำลังนั่งทำการบ้าน ส่วนคนถูกถามกำลังนั่งดูข่าวกีฬาด้วยความสนอกสนใจ
"ก็มีเรื่องหงุดหงิดนิดหน่อยน่ะ แต่ช่างมันเถอะ ว่าแต่จินยอง ออกไปเที่ยวกันดีกว่า" ใบหน้าคมหันกลับมาถามทันทีคล้ายกับเจ้าตัวเพิ่งนึกได้ จินยองเลิกคิ้วพลางมองนาฬิกาที่บอกเวลาสามทุ่ม
"เที่ยว? จะไปเที่ยวที่ไหนกันตอนนี้"
"ไปเถอะน่า ฉันเพิ่งย้ายมายังไม่รู้เส้นทางเท่าไหร่ จินยองนั่นแหละเป็นไกด์ดีที่สุด" คนตัวสูงจูงมือบางให้ลุกขึ้นทันทีโดยไม่ฟังเสียงทัดทาน แถมยังเป็นคนขออนุญาตผู้เป็นแม่ให้เองเสร็จสรรพ จินยองส่ายหน้ากับความคิดปุบปับของอีกคน แต่เขาเองก็ใช่ว่าอยากจะคัดค้านเสียเมื่อไหร่
"อากาศข้างนอกหนาวนะ ไหวมั้ย"
มาร์คหันมาถามในระหว่างที่จูงจักรยานคู่ใจออกมารับที่หน้าร้าน จินยองส่ายหน้าทั้งที่ลมหนาวที่พัดมาแต่ละระลอกแทบสั่นสะท้านเลยทีเดียว คนตัวสูงมองแก้มขาวที่แดงปลั่งแล้วกดยิ้มก่อนจะถอดผ้าพันคอที่ตนเองสวมอยู่ออกมาจัดแจงพันให้ร่างเล็กอย่างเบามือ
"จินยองน่ะขี้หนาว และก็ขี้เกรงใจด้วย" ดวงตาคมมองสบตากับคนที่เงยหน้าขึ้นมอง "...ทีนี้อุ่นขึ้นยัง?" จินยองพยักหน้าเป็นคำตอบและก็ได้รอยยิ้มกลับมาว่าอีกคนหายห่วง
ทั้งคู่ปั่นจักรยานไปตามถนนในตัวเมืองและออกสู่ชานเมืองไปตามเส้นทางเล็กๆ ถึงแม้มาร์คจะบอกว่าให้จินยองเป็นไกด์แต่เจ้าตัวกลับปั่นไปตามจุดหมายที่มีอยู่ในใจแล้ว และจินยองเองก็พอจะนึกออกว่าที่กำลังจะไปเป็นที่ไหน
"มาร์คเคยมาทะเลสาบแดยองเหรอ"
"อื้อ ตอนมาถึงใหม่ๆ ก็ปั่นจักรยานไปทั่วเลยล่ะ แต่สงสัยโชคไม่ดี ไม่ได้เจอกับจินยองเลย" คำตอบของมาร์คทำให้จินยองเผลอยิ้ม ดวงตาสวยแหงนมองเสี้ยวหน้าของคนที่ทำหน้าที่ปั่นจักรยาน ในยามที่สายลมพัดมาปะทะ ถ้าเป็นคนอื่นคงหลบตาหนี แต่สำหรับมาร์คแล้ว มักจะมองทุกเรื่องเป็นเรื่องสนุก ยิ่งลมหนาวพัดมาเท่าไหร่ ดวงตาคมก็จะเบิกกว้างมากยิ่งขึ้น
เพราะเป็นคนที่ตรงข้ามกันเกือบทุกเรื่อง จินยองถึงได้รู้สึกเหมือนชีวิตถูกเติมเต็มในส่วนที่ขาดหาย คิดแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่เรารู้จักกันเมื่อหลายปีก่อน
"ถึงแล้ว ที่ที่ฉันอยากจะให้จินยองมาดูด้วยกัน"
จินยองลุกออกมายืนพร้อมกับมองตรงไปยังทิวทัศน์เบื้องที่รู้สึกว่าแปลกตาไปกว่าที่เคยเห็น สะพานที่ยื่นออกสู่ทะเลสาบขนาดเล็กในตอนกลางวันคงเป็นแค่สถานที่นั่งพักเพียงแค่ชั่วคราว ใครเลยจะคิดว่าในเวลาแบบนี้มันจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างได้อย่างมากมาย แสงไฟมูนไลฟ์จากตะเกียงทั้งสี่มุมสะท้อนให้เห็นภาพเบื้องหน้าที่เด่นตระหง่านตาอย่างสวยงาม
"สวยมากเลยใช่ไหมล่ะที่นี่ อิจฉาจินยองแล้วสิที่ได้อยู่ท่ามกลางบรรยากาศสวยๆ แบบนี้ทุกวัน" มาร์คพูดพลางบิดขี้เกียจด้วยท่าทางสบายใจก่อนที่เจ้าตัวจะเดินดุ่มๆ ไปนั่งลงบนพื้นไม้ของตัวสะพานพร้อมกับดึงขากางเกงขึ้นปล่อยให้ปลายเท้าได้สัมผัสกับสายน้ำเย็นฉ่ำใต้ทะเลสาบ
"เราก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนนักหรอก จะว่าไปเราเองยังไม่เคยเห็นบรรยากาศตอนกลางคืนของที่นี่เลยนะ" จินยองบอกพลางนั่งลงข้างๆ กับคนตัวสูงที่หันมายิ้มให้
"ถ้าอย่างนั้นฉันจะเป็นคนพาจินยองไปเที่ยวเอง โอเคไหม" จินยองยิ้มให้เป็นคำตอบ ร่างสูงทำเป็นสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนสะพานแล้วหลับตาลงด้วยท่าทางสบายใจ จินยองยิ้มแล้วปล่อยให้มาร์คได้ทำตามใจชอบของตัวเอง ส่วนเขาก็นั่งมองทิวทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย
"อ๊ะ-" ฉับพลันเอวน้อยก็ถูกรวบดึงให้ลงมานอนบนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบพร้อมกับเสียงหัวเราะของคนตัวสูงที่คิดว่านอนนิ่งไปแล้ว
"มาร์คจะทำอะไร" จินยองหันไปถามคนที่ยังนอนหลับตาแต่ริมฝีปากกลับยิ้มกว้าง มือหนาที่เคยวางอยู่ที่เอวกลับเลื่อนขึ้นมาวางบนศีรษะเล็กพร้อมกับลูบไปมาแผ่วเบา
"จินยองลองหลับตาดูสิ ไม่รู้ว่าเพราะทำแบบนี้หรือเพราะมีจินยองอยู่ด้วย ฉันถึงได้รู้สึกสบายใจอย่างนี้"
คำบอกเล่าเพียงบางเบาแต่กลับกระตุกหัวใจดวงน้อยของอีกคนให้สะท้าน จินยองยังคงเฝ้ามองใบหน้าของคนข้างกาย ถึงแม้สายลมวันนี้จะหนาวเหน็บ ถึงแม้ดาวบนฟ้าจะว่างเปล่า แต่ดวงจันทร์ที่ส่องสกาวลงมาเด่นชัดไม่ต่างไปจากความรู้สึกที่เริ่มจะมีมากขึ้นทุกวัน
สำหรับฉัน เพราะมีมาร์คอยู่ด้วย ถึงได้รู้สึกอุ่นใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน
จินยองอยากจะพูดประโยคนี้ออกไปให้อีกคนได้รับรู้ แต่เขาเลือกที่จะหลับตาลงอย่างเงียบๆ เสียงลม เสียงใบไม้พัดยังคงไม่เด่นชัดเท่ากับเสียงในใจที่กำลังเอ่อล้น
รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่านะ มาร์ค
.
.
.
เช้าวันใหม่และก็เป็นเหมือนเช่นเคยที่อากาศยังคงหนาวเย็น หลังจากที่มาร์คปั่นจักรยานไปรับจินยองที่บ้าน ทั้งคู่ก็ตรงมาที่โรงเรียนด้วยกันท่ามกลางสายตาของบรรดานักเรียนน้อยใหญ่ซึ่งมองตามตาปรอยระคนอิจฉา จะไม่ให้รู้สึกอย่างนั้นได้ยังไง เพราะมาร์คที่ทั้งสูง ขาว หุ่นดีที่สำคัญหล่อยังกะดาราก็ไม่ปาน แบบนั้นมันหนุ่มในฝันของสาวๆ เลยนะ!
คำนิยามที่ใครหลายคนจำกัดความให้ดูเหมือนคนที่ถูกกล่าวถึงจะไม่ได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ มาร์คเดินมาส่งจินยองที่หน้าห้อง 1-A ก่อนจะเดินผละไปยังห้องตัวเองที่อยู่ถัดไปอีกด้าน
"เอ่อ มาร์ค"
เสียงที่เรียกเอาไว้ทำให้คนตัวสูงหันกลับมามองยังร่างเล็กที่ก้มหน้าก้มตาท่าทางแปลกๆ
"มีอะไรเหรอ จินยอง"
"เราทำข้าวกล่องมาเผื่อ ไม่รู้ว่ามาร์คจะรับไว้ได้หรือเปล่า" จินยองพูดอ้ำอึ้งพลางยื่นกล่องอาหารขนาดกลางมาให้ เพราะเขาเองไม่รู้ว่ามาร์คจะคิดยังไงที่จู่ๆ ก็ทำข้าวกล่องมาให้เฉยเลยทั้งที่ไม่ได้ร้องขอ คิดแล้วก็น่าอายจริงๆเลยจินยอง
"ฉันไม่รับหรอก"
คำตอบที่พูดออกมาอย่างชัดเจนทำเอาจินยองใจหาย
"ถ้ามาร์คไม่รับก็ไม่เป็นไร เรา..."
"เก็บไว้กับจินยองดีกว่า แล้วเดี๋ยวตอนเที่ยงเรามากินข้าวด้วยกันไง"
"เอ๋...?"
มาร์คยิ้มให้กับใบหน้าแปลกใจของเพื่อนตัวเล็กพลางยกมือขยี้ศีรษะเบาๆ อย่างเอ็นดูก่อนจะเดินผละจากมา จินยองก้มมองข้าวกล่องในมือแล้วยิ้มจนเต็มแก้มกับความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ แค่คิดว่าตอนเที่ยงต้องมากินข้าวด้วยกันก็อดจะใจเต้นนิดหน่อยไม่ได้
ร่างสูงเดินผิวปากเป็นทำนองเดินไปตามระเบียงในขณะที่สายตาก็เหลือบไปเห็นว่ามีอีกคนกำลังจะเดินเข้าห้องพอดี ไวเท่าความคิด คนตัวสูงปราดเอาตัวเข้าแทรกประตูเข้าไปได้ก่อนในวินาทีเฉียบพลัน แบมแบมที่ถูกตัดหน้าตวัดสายตาขึ้นมองคนตัวสูงแล้วเมินหน้าไม่สนใจก่อนจะเดินไปยังที่นั่งของตัวเอง
"หยิ่งซะด้วย"
มาร์คพึมพำพร้อมกับกดยิ้มลึก เด็กหนุ่มยักไหล่แล้วเดินไปยังที่นั่งของตัวเองที่อยู่หลังห้องก็พบว่าแจ็คสันกำลังนั่งหน้าหมองเหมือนโดนของเขมรชอบกล ทันทีที่เขาเข้าไปใกล้แจ็คสันก็พรวดพราดเข้ามาเกาะไหล่แน่นหนึบซะจนน่าขนลุก
"มาร์ค มึงช่วยกูด้วย-"
"เป็นเชี่ยไรเนี่ย ท้องผูกรึไง?"
แจ็คสันสั่นหน้าพรืดจนผมปลิว
"น้องแจเดินมาบอกกูเมื่อกี้นี่เองว่า..." พอพูดถึงยองแจ มาร์คก็เลื่อนสายตาไปยังร่างเล็กที่กำลังนั่งคุยอยู่กับคนที่เป็นหัวข้อการสนทนา ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา แถมฝ่ายนั้นยังเป็นคนมาคุยด้วยแล้วทำไมแจ็คสันมันถึงได้ออกอาการหงอยซะขนาดนี้
"ว่าอะไรวะ?"
หนุ่มหัวเม่นทำหน้าเศร้า น้ำตาซึม
"...ว่าไม่มีเวลามาเข้าชมรมเราแล้ว โฮ-"
หือ? ... คนตัวสูงตวัดสายตามองยังแบมแบมที่พอรู้ว่าถูกมองก็เมินหน้าไปอีกทาง มาร์คขมวดคิ้วแน่นใบหน้าตึงขึ้นมาในทันที ทั้งที่คิดว่าพูดกันเข้าใจแล้วตั้งแต่เมื่อวานแต่ทำไมผลมันถึงออกมาตาลปัตรแบบนี้ ถึงแม้จะไม่พอใจมากแค่ไหนแต่เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะอยู่เฉยๆ รอจนกระทั่งหมดคาบโฮมรูมโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาจารย์ประจำชั้นพูดอะไรไปบ้าง
"ออกไปข้างนอกแปบนะ" แบมแบมหันมาบอกเพื่อนที่กำลังนั่งอ่านการ์ตูนที่เกี่ยวกับกีฬาบาสที่เจ้าตัวชอบนักหนา
"ให้ออกไปเป็นเพื่อนไหม" ยองแจถามทั้งที่สายตายังไม่ละไปจากที่เดิม
"ถามตามมารยาทใช่ไหมเนี่ย แต่เราไปเองได้" เมื่อได้ฟังคำตอบของเพื่อน ยองแจก็หันมายิ้มก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปยังจุดเดิม แบมแบมจึงได้ลุกออกมาจากเพื่อตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่มุมตึกซึ่งติดกับห้องเก็บอุปกรณ์ที่เขาไม่อยากจะมองสักเท่าไหร่
เมื่อร่างเล็กจัดการทำธุระส่วนตัวแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ ฉับพลันข้อมือขาวก็ถูกจับแน่นพร้อมกับโดนลากเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ที่ทุกอย่างยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมเหมือนเมื่อวานไม่ว่าจะเป็นเบาะที่วางแผ่บนพื้นหรือไม้กวาดที่ยังวางเรี่ยราดไม่เป็นระเบียบ
"นายคิดจะทำอะไรอีกเนี่ยมาร์ค!" คนตัวเล็กกระแทกเสียงถาม เดาได้ไม่ยากว่าเป็นใครที่มาทำเรื่องไร้มารยาทแบบนี้กับเขา แบมแบมเหลือบสายตามองคนตัวสูงที่มองมาหน้าตานิ่งเฉยแล้วกอดอกยืนเบี่ยงหลบออกมาคล้ายกับจะรำคาญที่ต้องมาถูกระรานหาเรื่องอีกครั้ง
"เราตกลงกันแล้ว แต่ทำไมยองแจถึงได้มาบอกปฏิเสธแบบนี้" ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แบมแบมถอนหายใจเงยหน้ามองอีกฝ่ายตรงๆ ก่อนตอบ
"นายให้ฉันไปชวนยองแจ ฉันก็ชวนให้แล้ว แต่เรื่องที่เค้าจะตัดสินใจยังไงมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ฉันไม่ชอบไปบังคับฝืนใจใคร...เหมือนนาย" คำหลังคนตัวเล็กแอบใส่น้ำเสียงลงไปให้กระทบไปถึงอีกคนที่ขมวดคิ้วฉับทันที สักพักมาร์คก็กดยิ้มลึกแต่ยูริกลับมองว่าเป็นยิ้มที่ดูร้ายกาจแปลกๆ
"รู้รสนิยมฉันดีซะด้วย ถูกของนายนะว่าฉันชอบบังคับฝืนใจคนอื่น..." ร่างสูงก้าวเข้ามาหาคนตัวเล็กที่เดินถอยหลังฉับทันทีด้วยความระแวดระวังทั้งจากน้ำเสียงและแววตาที่ดูประสงค์ร้ายอย่างชัดเจน เมื่อเห็นท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ของคนตรงหน้าเด็กหนุ่มก็ยิ่งยิ้มอย่างพอใจ "...โดยเฉพาะคนชอบพยศอย่างนาย ฉันยิ่งอยากจะฝืนใจให้หมดฤทธิ์"
"ทุเรศ-"
แบมแบมว่าเข้าให้แล้วเดินหนีแต่เอวบางกลับถูกดึงรั้งด้วยมือหนาให้เข้าหา ครั้นพอจะใช้มือผลักฝ่ามือที่ใหญ่กว่าก็รวบมือทั้งสองข้างของร่างเล็กไพล่หลังไว้อย่างแน่นหนา เหตุการณ์ที่ดูเหมือนกับเมื่อวานทำให้แบมแบมนึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่ระวังตัว แต่เหนือสิ่งอื่นใดคนที่ตามเข้ามาประชิดด้านหลังกลับดูแปลกไปจนเด็กชายนึกหวั่นใจ
"จะทำอะไร" แบมแบมพยายามควบคุมน้ำเสียงให้ปกติในขณะที่เอ่ยถาม มาร์คยังคงยิ้มด้วยความพอใจ
"ก็บังคับฝืนใจไง"
"ถ้านายไม่ปล่อย ฉันจะตะโกน"
"ก็เอาสิ คนอื่นเค้าจะได้รู้ว่าเราเข้ามาทำ...อะไรๆ กัน ในนี้"
คนตัวสูงพูดพลางดึงเสื้อนักเรียนตัวนอกของยูริออกจากไหล่และค่อยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตขาวจากบนลงล่างอย่างช้าๆ ยูริพยายามดิ้นแต่เหมือนร่างกายถูกล็อคเอาไว้ทุกทาง ริมฝีปากเล็กถูกขบกัดจนแน่นด้วยความเจ็บแค้นที่ไม่สามารถต่อกรกับอีกคนได้
"ไอ้บ้า ปล่อยนะ!"
คำตอบของมาร์คคือการซุกใบหน้าแนบลงกับลำคอหนาในขณะที่อีกมือพยายามรั้งเสื้อนักเรียนของคนตัวเล็กออกจนเห็นเพียงร่างกายท่อนบนที่กึ่งเปลือย เมื่อทุกอย่างดูจะเป็นไปในทางที่แย่ลง หยาดน้ำตาของร่างเล็กที่ไม่เคยร้องออกมาให้ใครเห็นเริ่มปริ่มคลอ
ไม่ใช่เพราะแบมแบมกลัวหรืออับอาย แต่เขากำลังเจ็บใจอย่างที่สุด
แชะ!
ทันทีที่เสียงชัตเตอร์กล้องมือถือดังขึ้น มือหนาก็ปล่อยข้อมือขาวทันทีพร้อมกับพาตัวเองถอยห่างออกมา มาร์คมองภาพในมือถือแล้วยิ้มอย่างสมใจ ภาพที่เห็นคือใบหน้าของแบมแบมชัดเจน แก้มแดง ตาแดง หน้าอกเปลือกน้อยๆ จากฝีมือชายนิรนามที่ซุกหน้าลงกับซอกคอมองเห็นเพียงเสี้ยวหน้าดูไม่ออกว่าเป็นใคร
"เจ๋ง ออกมาดูดีกว่าที่คิดนะเนี่ย"
คนตัวสูงว่าพลางยื่นหน้าจอให้อีกคนได้เห็น แบมแบมกัดริมฝีปากรับรู้ได้เลยว่าร่างกายกำลังสั่นสะท้านด้วยความโกรธเกลียดแทบระเบิด กำปั้นเล็กลอยหวือออกไปตรงหน้าแต่คนตัวสูงกลับหลบออกมาได้ทันท่วงทีอย่างง่ายดาย ไม่มีท่าทีตกใจแต่มาร์คกลับมองเห็นเป็นเรื่องน่าขันไปเสียอย่างนั้น
"ยังอ่อนหัดอยู่นะ แต่ถ้านายยังพาเพื่อนของนายเข้าชมรมฉันไม่ได้ภายในวันนี้ รับรองรูปนี้ลงบอร์ดของโรงเรียนติดอันดับข่าวฉาวของสำนักพิมพ์โรงเรียนแน่นอน"
"ไอ้...!"
"อาจารย์เข้าสอนแล้วถ้าไม่รีบจัดการกับเสื้อผ้าอาจจะเข้าเรียนสายได้นะ...แบมแบม"
คนตัวสูงบอกพร้อมกับหัวเราะลั่นก่อนจะเดินจากไปทิ้งไว้เพียงแต่เด็กชายร่างเล็กที่ยืนกำมือตัวสั่นด้วยความโมโห แบมแบมเตะไม้กวาดที่ขวางทางจนลอยหวือออกไปไกลพร้อมกับใช้หลังมือปาดน้ำตาที่รินไหลลงมาด้วยความแรงจนหน้าขาวแดงก่ำ
แบมแบมจะจำความรู้สึกในตอนนี้เอาไว้
ถ้าโอกาสมาถึงเมื่อไหร่ รับรองว่าเขาจะเอาคืนอย่างสาสมแน่ มาร์ค ต้วน!
ความคิดเห็น