ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Time Jumper [บันทึกการเดินทางเหนือกาลเวลา]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter02

    • อัปเดตล่าสุด 19 ม.ค. 59


    "> SQWEEZ

     

    เบลล์สตรีท, นิวยอร์ก, ปี ค..2221

     

                ที่นี่ทรุดโทรมลงจากเมื่อก่อนมาก...ไม่สิ ควรจะพูดว่าระแวกนี้จึงจะถูก แม้นิวยอร์กจะเป็นเมืองแห่งความมั่งคั่งของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา แต่ใช่ว่าทุกๆ ที่จะได้รับการใส่ใจ ความจริงแล้วเพราะตอนนี้มันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเมืองหลวงของโลกหลังจากทุกประเทศตกลงให้สำนักงานจัดการเวลาขนาดใหญ่ที่สุดถูกตั้งขึ้นที่นี่ ย่านเล็กๆ บางแห่งที่ก่อนเคยเป็นย่านที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก จึงถูกกลืนหายไปกับชื่อของเมืองไปในที่สุด ไม่ว่าจะที่ไหน ผู้คนก็เรียกมันว่า นิวยอร์ก

     

                เมื่อพลเมืองพยายามที่จะตั้งรกรากอยู่ในเมืองให้มากที่สุด ถนนชานเมืองอย่างเบลล์สตรีทและอีกหลายๆ สายก็ตายสนิท ที่นี่แทบไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาให้เห็น คนที่อยู่ที่นี่ถ้าไม่เรร่อน ก็เป็นกลุ่มวัยรุ่นติดยา หรือเป็นอีกแหล่งซ่องสุมยอดฮิตในหมู่พวกที่ชีวิตหมดหนทาง ไร้ที่ไป...แน่นอนว่าไม่มีใครอยากมาทำธุรกิจหรือซื้อตึกที่ดินร้างๆ แถวนี้ทำกินอยู่แล้ว ข้อดีก็คือใครอยากจะเอาไปทำอะไรก็ทำ

     

                ...ฟังไปแล้วหลายคนคงจะคิดว่าที่นี่รกร้างไร้ผู้คนล่ะสิ เปล่าเลย...รู้กันในแค่ในหมู่คนวงในนะ...อันที่จริงที่นี่ครึกครื้นกันจะตาย...

     

                “นายว่าเบตตี้จะโกรธมั้ยถ้าจับได้ว่าเราอำเล่นเรื่องอเดล...”เด็กหนุ่มผมเงินทรงสั้นระต้นคอเอ่ยพลางเอามือสางผมหน้าม้าปัดข้างขึ้นไปไม่ให้ปรกตา เขาเหล่ตาขึ้นไปมองคนตัวสูงกว่านิดหน่อยที่เดินมาด้วยกันราวกับรอคำตอบ

     

                “ไม่ใช่ เราสักหน่อย...แค่พี่คนเดียวประโยคนี้ทำเอาคนฟังหน้าเบ้ เขากำลังจะเลี้ยวเข้าไปในร้านอาหารร้านหนึ่งที่ดูจากหน้าร้านแล้วท่าทางจะไม่เคยเปิดทำการมาเป็นเวลาหลายปี

     

                “ไม่เอาหน่า ริออร์ นายจะไม่ปล่อยให้พี่โดนเฉ่งคนเดียวหรอกใช่เปล่า จำได้ไหม...พี่น้องซัลปีแอร์ เขาเรียกอะไรนะ...สองพี่น้องปลาท่องโก๋...”บ่นไปเดินไปในขณะที่คนข้างๆ ได้แต่กรอกตาไปมาแล้วถอนใจเบาๆ ให้กับความกวนประสาทของคนเป็นพี่ชาย

     

    ประตูไม้สีดำผุๆ ที่บวมน้ำจนปิดไม่พอดีถูกผลักเข้าไปอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่ามันจะหลุดติดมือออกมา เสียงดังเอี๊ยดอ้าดจากสนิมที่บานพับบ่งบอกอายุของมันได้ดีไม่น้อย สองร่างก้าวเท้าข้ามทรณีประตูที่เขรอะกังไปด้วยฝุ่นไปเหยียบบนพื้นไม้ในร้านที่มีสภาพไม่ต่างกัน เก้าอี้ถูกคว่ำไว้บนโต๊ะทับผ้าปูโต๊ะที่ดูไม่ออกว่าสีอะไรมีหยากไย่และแมงมุมบ้างเล็กน้อยประปราย แน่นอนว่าคงไม่ต้องบรรยายต่อก็คงพอจะเข้าใจว่าร้านนี้...เจ๊งมานานมากแล้ว

     

    ก็แต่เถอะ...ไม่ว่ามันจะเจ๊งหรือไม่เจ๊ง การเข้ามานั่งสั่งอาหารในร้านไม่ใช่จุดประสงค์ของเขาทั้งคู่อยู่แล้ว สองหนุ่มเดินตรงเข้าไปหลังเค้าท์เตอร์ซึ่งมีบันไดลงไปสู่ชั้นใต้ดินอีกที มาถึงตรงนี้จะเริ่มได้ยินจังหวะเพลงสนุกๆ ดังออกมาเบาๆ จากชั้นล่างนั้น และนั่นต่างหากที่ที่เขากำลังจะไปจริงๆ

     

    สุดปลายทางของบันไดมีประตูอีกบาน เสียงเพลงชวนให้ขยับแข้งขาที่ได้ยินมาจากเบื้องหลังบานประตูนั้น อย่างที่บอกไปแล้ว...ที่นี่ครึกครื้นตลอดเวลา

     

    สองพี่น้องเดินลงบันไดมา แต่ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปนั้น คนพี่ก็กลับหลังหันมาพูดกับคนเป็นน้องด้วยท่าทางเลิกลักแปลกๆ

     

    โอเค พี่ว่าพี่มีแผน เอางี้นะ นายจะเข้าไปก่อน เสร็จแล้วกลับออกมาบอกพี่ว่าเบตตี้อยู่ไหน โอเคไหม แล้วพี่จะ...”

     

    ไง เบ็ต...”ยังไม่ทันพูดจบ คนตรงหน้าก็มองผ่านหูเขาไปทักทายกับใครก็ไม่รู้ที่อยู่ข้างหลัง โดยเฉพาะคำทักทายที่ฟังแล้วหน้าแทบชาเรียกให้คนเป็นพี่กลับหลังหันควับไปแทบไม่ทัน

     

    เผี๊ยะ!!!

     

    ฝ่ามืออรหันฟาดป้าบเข้าให้ที่แก้มซ้ายของคนเพิ่งหันมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว คนโดนตบหน้าหันเอามือกุมหน้าตัวเองพร้อมกับความรู้สึกเจ็บแปร๊บไปถึงก้านสมอง เขาทำเสียงซี้ดในปากเบาๆ แล้วค่อยๆ หันเงยหน้ากลับมามองเจ้าของรอยมือแดงๆ บนหน้าหล่อๆ ของเขาช้าๆ แล้วทักทายสาวสวยผมทองหยักศกเซ็กซี่ที่กำลังหรี่ตามองเขาด้วยสายตาเอาเรื่อง

     

    ...ไง เบตตี้ วันนี้ร้อนแรงจัง อูย...”คนโดนตบเอ่ยพลางยิ้มแหยๆ

     

    นั่นสำหรับเรื่องอเดล! ข้อหนึ่ง...ถ้านายจะแกล้งอำฉันเรื่องที่มีหนุ่มที่ไหนมาปิ๊งก็น่าจะบอกฉันสักนิดว่าเขาเป็นเกย์!! ข้อสอง...ตาอเดลนั่นมีแฟนแล้ว แถมรสนิยมคือคนละสายพันธ์กับฉันเลยรู้ไหม!!! ฉันน่าจะฆ่านายทิ้งไปซะเดี๋ยวนี้เลย นี่ๆๆๆ!!”สาวน้อยรัวกำปั้นทุบคนขี้แกล้งไม่ยั้ง จนคนโดนสำเร็จโทษต้องร้องโอดครวญขอให้หยุด

     

    โอ้ยๆๆ โอเคๆ ฉันขอโทษ เบตตี้! โอเค้? เอ่อ...แต่ไอ้ข้อหลังนี่ฉันไม่รู้เรื่องนา...”เด็กหนุ่มหัวเราะรัวหลังพูดประโยคท้ายเสร็จ เรียกอารมณ์โกรธสาวเจ้าตรงหน้าให้พุ่งปรี๊ดจนหน้าแดง

     

    นี่คือต้องการจะตายจริงๆ ใช่มั้ยย๊า!!!”ร่างเล็กๆ แทบจะบีบคอไอ้บ้าตรงหน้าให้มันตายๆ ไปเสียเดี๋ยวนี้ ถ้าเด็กหนุ่มอีกคนที่ยืนดูเงียบๆ มาสักพักแล้วไม่เข้ามาห้ามเสียก่อน

     

    โอเค เบ็ตๆๆ หยุดก่อน ใจเย็นๆมือหน้าเอื้อมมารวบตัวร่างเล็กๆ ออกห่างจากพี่ชายตัวเองเพราะกลัวสาวเจ้าจะเล่นงานคนตัวแสบจนมือตัวเองเจ็บเสียเอง สาวน้อยเม้มปากดิ้นยุกยิกอยู่พักหนึ่งแต่เมื่อรู้ตัวว่าแรงสู้คนตัวใหญ่ไม่ได้จึงยอมสงบแต่โดยดี เธอหอบหายใจถี่รัวเล็กน้อย มันเหนื่อยเห็นไหม...”

     

    เบตตี้ยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองสองพี่น้องสลับกันไปมา อะไรทำให้ทั้งคู่แตกต่างกันได้มากขนาดนี้...คนหนึ่งก็ทะลึ่ง ยียวนกวนประสาทเสียจนน่าจับกระทืบให้มันรู้แล้วรู้รอด ส่วนอีกคนก็นิ่ง ขรึม สุภาพ เยือกเย็นเสียจนคนรอบข้างทะเลาะด้วยไม่ลง เธอถอนหายใจออกมาฟอดหนึ่งใหญ่ๆ ก่อนจะพูดต่อ

     

    เห็นแก่ริออร์หรอกนะ ฉันจะยกโทษให้ก็ได้ แต่อย่าให้มีครั้งที่สองอีกนะ ซิมิทรี่ ซัลปิแอร์!”ดวงตาสีฟ้าคู่สวยหรี่มองเข้าไปในดวงตาสีเขียวมรกตของคนตรงหน้าอย่างจริงจังจนเกือบจะทำให้คนโดนค้อนรู้สึกขนลุกได้ ถ้าใบหน้าของสาวเจ้าไม่จิ้มลิ้มน่ารักเสียจนเขากลัวไม่ออก...

     

    ครับ ไม่กล้าแล้วครับแม่ เออ...ขอเข้าไปข้างในได้ไหม อากาศตรงนี้มันอบอ้าวพิลึกซิมิทรี่ตัดสินใจเลิกกวนประสาทให้คนตรงหน้าอารมณ์เย็นขึ้นชั่วคราว

     

    เชิญย่ะ เออใช่! ดูเหมือนแซคตามหาพวกนายอยู่นะ

     

    แชคเหรอ...ทำไมอะ...”เขาถามอีก

     

    ไม่รู้สิเบตตี้ตอบกลับมาสั้นห้วน แล้วย่นจมูกใส่เขาหนึ่งทีก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปข้างในอย่างเลิศๆ เชิดๆ สองพี่น้องมองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนคนพี่จะยักใหล่เป็นการปัดความสนใจ แล้วเดินเข้าไปในห้องตรงหน้า

     

    ผ่านประตูบานนั้นเข้ามาเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่ง ใครจะไปคิดว่าภายใต้ร้านอาหารที่ดูเหมือนถูกทิ้งร้างมาเป็นสิบๆ ปี จะมีที่แบบนี้อยู่ มันเป็นห้องใต้ดินขนาดใหญ่พอตัว คาดว่าแต่ก่อนคงเคยเป็นที่เก็บไวน์ ซึ่งตอนนี้ถูกบูรณะใหม่จนดูคล้ายดิสโก้ขนาดย่อมๆ แสงสีเสียงชวนให้อยากจะโยกย้ายส่ายสะโพกไปกับคนอื่นๆ ที่กำลังสังสรรค์ แด้นซ์กระจายกันอยู่ใต้นี้ ทุกคนที่มารวมตัวกันที่นี่ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เราอยู่กันแบบพี่น้อง...ช่วยเหลือและดูแลกัน

     

    เฮ้! พี่น้องซัลปิแอร์มาโน่นแล้วเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมาท่ามกลางเพลงจังหวะแด้นซ์ที่เหมือนจะเปิดดังแข่งอย่างไงอย่างงั้น คนโดนทักหยุดมองหาต้นเสียง

     

    อ้าว! เฮ่ แดเนียล เหมือนไม่เห็นนายเลยสองสามวันนี้คนผมสั้นเป็นฝ่ายกล่าวทักทายขึ้นมา

     

     “เข้าเมืองไปซื้อของเข้าครัวน่ะครับ อ้อ แล้วก็...นี่ของที่คุณซิมิทรี่เคยฝากซื้อฮะเด็กหนุ่มผมดำอายุราวๆ สิบแปดปีกระโดดข้ามโซฟาที่นั่งแล้วตรงเข้ามาหาเขาก่อนจะยื่นกล่องบางอย่างขนาดพอดีมือให้

     

     “เห้ย! ล้อกันเล่นหรือเปล่าเนี่ย นายหามาได้จริงอะ! ขอบใจมาก!”เด็กหนุ่มทำตาโตแล้วรับกล่องที่ว่ามาอย่างตื่นเต้น ก่อนจะเปิดฝาดูของข้างใน มันคือหนังสือปกสีดำที่ดูเก่าและโทรมนิดหน่อย ตรงกลางหน้าปกเป็นรูปไม้กางเขน ตอนแรกเขาไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะหามาให้เขาได้จึงแค่พูดไปอย่างนั้นไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมาก เพราะตอนนี้โลกเลิกผลิตหนังสือจริงๆ ออกมาวางขายแล้ว ทุกคนหันไปใช้สมาร์ทบุ๊คกันหมดเพราะพกพาง่าย แถมขนไปได้ทีละหลายๆ เรื่อง ก็จริงที่มันสะดวก แต่ความรู้สึกคลาสสิกของการเปิดหนังสืออ่านทีละหน้าคือสิ่งที่ขาดไป

     

    มีโบสถ์เล็กๆ อยู่ในเมืองฮะ ผมลองไปถามดู เขาก็ให้มาฟรีๆ เลย คุณซิมิทรี่อยากได้คัมภีร์ไบเบิ้ลไปทำอะไรเหรอ?”แดเนียลเอียงคอเล็กน้อย

     

    มันมีค่าทางความทรงจำน่ะ ฉันกับริออร์โตมาในโบสถ์ แค่คิดว่าอยากจะอ่านมันอีกซักรอบเท่านั้นแหละ ขอบใจนายมากแดเนียล

     

    แดเนียลเป็นเจ้าเด็กแว่นตัวเล็กกระจ้อยร่อย ถ้าเทียบกับอายุจริงเขาก็ดูจะโตช้าเกินไปหน่อย หมอนี่เป็นหนึ่งในคนดูแลอาหารการกินที่ใต้ดินนี่...พวกเรามีกันอยู่ประมาณเกือบๆ สามสิบคน ส่วนใหญ่เริ่มจากการเร่ร่อนสุดท้ายก็มารวมตัวกันเช่นเดียวกับผมและน้องชาย เรามาที่นี่กันตอนผมอายุ13 จนตอนนี้อายุ21แล้วก็ไม่เคยคิดจะไปที่ไหน เป็นความบังเอิญที่พวกผมรู้สึกเหมือนเป็นโชคชะตาอย่างไรไม่ทราบเพราะพวกเราผูกพันธ์กับทุกคนที่นี่มากเหลือเกิน

     

    ที่นี่เรียกว่าเป็นสำนักงานเล็กๆ ที่มีแต่พวกวงในที่รู้จัก แน่นอนผมจะไม่ปิดบังหรอก...สิ่งที่พวกเราหากินกันไม่ได้สุจริตเลย พวกเราคือกลุ่มทามเมอร์ผิดกฎหมายที่รัฐบาลตามจับอยู่ ผมกับน้องชายก็เป็นหนึ่งในนั้น งานที่พวกเราทำก็คือ...รับแก้ไขอดีต จากผู้ว่าจ้างซึ่งจะมีทีมคอยหาลูกค้ามาให้อีกที ผมเป็นแผนกมดงานที่คอยออกไปรับจ๊อบเพราะงั้นเรื่องที่ว่าไปสรรหาเควสแต่ละเควสมาจากไหนกันนั้นผมไม่ทราบครับ

     

    ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อยแดเนียลยิ้มให้เขา

     

    เฮ่! ซิมิท!”อีกเสียงเรียกที่ดังมาจากที่ไกลๆ คนถูกเรียกชะเง้อคอมองตามต้นเสียง ก่อนจะพบว่ามันมาจากชายหนุ่มวัยกลางคนร่างอวบแต่ไม่ถึงกับท้วม ทรงผมหยิกหยอยรุงรังราวกับมันไม่เคยถูกหวีมาก่อนตลอดระยะเวลาที่โผล่พ้นออกมาจากหนังหัว ซิมิทรี่บอกลาแดเนียลแล้วเดินตรงไปหาชายคนที่ว่าขณะเดียวกันเขาก็กำลังเดินมาทางนี้

     

    ไง แซค เบ็ตตี้ว่านายหาเราอยู่คนถูกเรียกทักทายแล้วถามไถ่

     

    ใช่...หวัดดีริออร์แซคตอบเขาแล้วหันไปทักทายเด็กหนุ่มผมยาวที่มาด้วยกันแต่เดินเงียบเสียเหมือนไม่ได้เอาปากมาด้วย กระทั่งถูกทักเขาก็ยังทำแค่ยิ้มให้แล้วพยักหน้ารับเท่านั้น เอ่อ...คืองี้ บอสหาเด็กใหม่เข้ามาและอยากให้ฉันด้วยอธิบายเรื่องการข้ามเวลากับไทม์ซอร์ท แหมจะว่าไงดี...คือฉันอยู่แผนกเทคนิค วันๆ วุ่นวายกับการซ่อมไทม์ซอร์ทที่พวกนายทำพังก็ปวดหัวพอแล้ว ที่ค้างไว้ยังไม่ทันจะเสร็จ นายพอจะแบบว่า แบ่งเบา...”อยู่ๆ คนตรงหน้าก็พ่นรัวน้ำใหลไฟดับ ชนิดที่ว่าไม่รู้ไปโมโหใครมา ซิมิทรี่ไม่ค่อยชอบนิสัยควบคุมตัวเองไม่เป็นของหมอนี่เท่าไหร่ แต่ถ้าตัดเรื่องนั้นออกไปก็พูดได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง

     

    ถ้าแบ่งเบาหมายถึงโบ้ยงานล่ะก็...เสียใจแซค อีกอย่างฉันกับริออร์ไม่เคยทำไทม์ซอร์ทนายพัง ถ้านายอยากจะทวงบุญคุณลองไปขอร้องเจเรมี่...”ซิมิทรี่ยกมือขึ้นกอดอกพูดประชดหวังจะให้รู้ว่าที่รัวมาเมื่อกี้ไม่ใช่การเริ่มต้นขอความช่วยเหลือที่ดีเลย

     

    โอเค ฉันขอร้องแล้วกัน โทษทีที่พูดจาไม่น่ารัก หงุดหงิดไปหน่อย คิดดูบ้านเรามีคนตั้งเกือบสามสิบคนทำไมช่างเทคนิคถึงมีแค่ฉันกับเซน แถมพรรคพวกมดงานของนายก็ขยันทำของที่ฉันสร้างพังได้ทุกวัน บอสก็เอาภาระมาโยนอีก นี่นายจะไม่สงสารฉันจริงๆ เหรอเพื่อน

     

    ก็...นะ ถ้าพูดแบบนี้แต่แรกก็อาจจะนิดนึงซิมิทรี่ยักคิ้วกวนให้เพื่อนซี้ที่พยายามทำตาให้ดูน่าสงสารสุดชีวิต เห็นแล้วอดขำไม่ได้ ฮ่าๆๆ ล้อเล่นน่า อยากช่วยนะ แต่ขอไปคุยกับบอสก่อน ไม่รู้ว่าเขามีอะไรให้เราทำเหมือนกันหรือเปล่า

     

    โอ๊ะ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พอบอสให้งานมาหน้าพวกนายก็ลอยผ่านมาแว๊บเลย ฉันก็เลยแอบถามตารางงานนายวันนี้มาให้แล้ว แบบว่า...ฟรีสนิท ดูเหมือนพักนี้จะไม่ค่อยมีงานใหญ่ๆ ที่ต้องถึงมือพี่น้องซัลปิแอร์คนดังเลยนะครับเนี่ยแซคร่ายยาวอย่างภาคภูมิ สองพี่น้องคนดังกระพริบตาปริบๆ

     

    ดูเหมือนนายแน่ใจมากนะว่าเราจะช่วยซิมิทรี่หรี่ตาอย่างเจ้าเล่ห์

     

    เมื่อกี้ฉันได้ยินใครก็ไม่รู้พูดว่า อยากช่วยนะน่ะสายตาเจ้าเล่ห์แบบเดียวกันถูกส่งกลับมาผ่านนัยน์ตาสีน้ำตาลโอ๊ค ทั้งคู่แสร้างมองกันด้วยสายตาแบบนั้นอยู่พักใหญ่ แล้วหลุดหัวเราะฮาออกมาพร้อมกัน ริออร์คนน้องที่ยืนฟังทั้งคู่คุยกันอยู่ก็ยิ้มออกมาเบาบาง

     

    ฮ่าๆๆ นายว่าไงริออร์ ขัดข้องอะไรไหมคนเป็นพี่หันไปถามความเห็นน้องชายที่ไม่ค่อยถนัดแสดงความรู้สึกอะไรออกมาเองเท่าไหร่ หมอนี่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ อาจเป็นเพราะยังไงเขาก็ยังเป็นน้องชายคนเดิม ซิมิทรี่จึงไม่ได้ใส่ใจกับนิสัยชนิดที่ว่าสลับขั้วจากเด็กขี้แย อ่อนแอ ที่แค่หกล้มเป็นแผลก็ร้องไห้ไปครึ่งวันคนที่แล้ว กลายมาเป็นคนพูดน้อย และเก็บอารมณ์เก่งหลังจากผ่านอะไรมากมายมาด้วยกัน

     

    ก็ไม่เสียหายอะไรนี่ริออร์ตอบกลับมาด้วยประโยคสั้นๆ ที่คนขอความช่วยเหลือโมเมว่าเป็นการตอบตกลงไปเรียบร้อยแล้ว

               

    นายสองคนช่างประเสริฐอะไรอย่างนี้! มาทางนี้เลย มาๆๆแซคหน้าบานเป็นกระด้ง รีบกลับหลังหันเดินนำทางไปอย่างไม่รอช้า สองพี่น้องซัลปิแอร์หันมามองหน้าแล้วนึกขำกันอยู่ในใจขณะที่เดินตามคนตรงหน้าไป

     

     

              แซคพาพวกเขาขึ้นมาจากใต้ดิน แล้วไปที่หลังร้านอาหารซึ่งเป็นสนามบาสที่มีแต่ลานคอนกรีตเนื่องจากแป้นบาสสองฝั่งหักล้มลงมากองกับพื้นตั้งแต่ก่อนที่สองพี่น้องซัลปิแอร์จะมาที่นี่เสียอีก ตรงกลางนั้นมีคนยืนอยู่ก่อนแล้วสามคน คนหนึ่งเป็นผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับสองหนุ่มพี่น้อง ส่วนอีกสองคนเป็นผู้ชายดูอายุน้อยลงมาหน่อย คงจะราวๆ สักสิบเจ็ดสิบแปดเห็นจะได้

     

                “เฮ่ เซน! พาผู้ช่วยมาให้แล้วแซคตะโกนทักเด็กสาวคนเดียวในลาน คนโดนเรียกเมื่อได้ยินชื่อตัวเองจึงหันควับมาตามต้นเสียง เจ้าหล่อนไว้ผมทรงยาวสีน้ำตาลเข้มแสกข้างที่บัดนี้ถูกมัดเป็นหางม้าต่ำอย่างหลวมๆ เพียงแค่ไม่ให้มันรุงรังเท่านั้น ผิวขาวนวลซีดเผือกของเธอทำให้ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นดูเด่นเป็นประกายดีไม่น้อย เด็กสาวฉีกยิ้มให้ผู้มาเยือนใหม่ก่อนจะเอ่ย

     

                “เดาไม่ผิดเลยนายเอาพี่น้องคู่นี้มาจริงๆ ด้วยเซนยืนมองร่างที่กำลังเดินเข้ามาหาแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เรียกคนที่ไม่เคยใช้ไทม์ซอร์ท มาสอนเด็กใหม่ให้ใช้ไทม์ซอร์ทเป็นเนี่ยนะ?”สาวน้อยเท้าเอวเอียงคอถาม เธอยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่งมองแซคอย่างต้องการคำตอบ

     

                “อันที่จริงมันไม่ต่างกันเท่าไหร่ ของพวกเราแค่ไวกว่า เฉียบคมกว่า แล้วก็...ไม่ทิ้งร่องรอยซิมิทรี่เป็นคนตอบคำถามนั้นก่อนที่แซคจะได้พูดอะไร เซนหันมามองเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ

     

                “อ้อ...งั้นฉันคงไม่ต้องบอกนายว่ากรุณาอย่าทำพัง เพราะฉันกับแซคอดหลับอดนอนสร้างเจ้านี่สองอาทิตย์เต็มๆ นะเข้าใจไหมเธอยอกย้อนพร้อมกับสีหน้าทะเล้นตามเคยนิสัย

     

                เซนเป็นหนึ่งในทีมช่างเทคนิคของทีมเรา อันที่จริงบ้านเราค่อนข้างจะขาดแคลนแผนกนี้มากทีเดียวเพราะมีแค่เธอกับแซคที่คอยสร้างและซ่อมไทม์ซอร์ทให้คนอื่นๆ ใช้ แน่นอนยกเว้นผมกับน้องชายไว้สองคน เพราะเราไม่จำเป็นต้องใช้มันก็ทำงานได้

     

    กลับมาเรื่องของเซน...เธอเป็นเด็กสาวเอเชียที่เกิดและโตในอเมริกา พ่อแม่เธอเสียเพราะโรคร้าย เมื่อก่อนที่บ้านเธอทำธุรกิจเกี่ยวกับไทม์ซอร์ทให้รัฐบาล แต่เมื่อพ่อแม่เธอไม่อยู่ ญาติๆ จึงยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องธุรกิจของครอบครัวเธอแทน แย่ตรงที่เธอไม่ค่อยถูกกับพวกเขาเท่าไหร่ จึงตัดสินใจแยกตัวออกมา เธอเข้าร่วมกับที่นี่ทีหลังพวกเขาสี่ปี...

     

    เข้าใจแล้วครับ ผู้หญิงบ้านนี้นี่ขี้บ่นทุกคนเลยหรือไงเนี่ยซิมิทรี่เย้าแหย่หวังให้เจ้าตัวโมโหเล่น แต่สาวเจ้าตรงหน้าไม่ใช่คนที่จะใหลลื่นไปตามลูกกะล่อนของเขาเท่าไหร่ เธอทำเพียงหรี่ตามองเขาแล้วทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ หันมาแนะนำตัวว่าที่ลูกศิษย์จำเป็นทั้งสองของเขาแทน

     

    นี่เกรเกอร์ แม็คเวล กับ อเลน บรู๊ค ทั้งคู่เป็นเด็กใหม่ที่บอสพามาส่งวันนี้ และพวกเธอ...นี่พี่น้องซัลปิแอร์คนดัง เธออาจจะเคยได้ยินชื่อมาบ้างนะ คนพี่ซิมิทรี่ และนี่คนน้อง ริออร์เซนแนะนำพวกเขากับสองเด็กใหม่ ทั้งสี่คนผลัดกันจับมือทักทายพอเป็นพิธี เกรเกอร์เป็นเด็กหนุ่มตัวใหญ่ดูมีกล้ามเนื้อ ส่วนอเลนตัวเล็กกว่าน้อยแต่ไม่ถึงกับผอมแห้ง ทั้งคู่มีผมทองตาฟ้าบ่งบอกว่ามาจากท้องถิ่นเดียวกัน

     

    ยินดีตอบรับสู่โลกมืดไอ้น้องซิมิทรี่เอ่ยทักอย่างเป็นกันเองแล้วยื่นกำปั้นให้น้องใหม่เป็นการผูกมิตร

     

    ขอบคุณครับเกรเกอร์และอเลนยิ้มรับแล้วผลัดกันชกกำปั้นกับเขา

     

    เอาล่ะ ในเมื่อรู้จักกันแล้วฉันขอไปดูที่ทำค้างไว้ก่อนนะ ฝากเธอคุมตรงนี้ต่อด้วยนะเซนแซคพูดขณะที่กำลังเดินกลับไปที่ร้าน

     

    ได้ มีอะไรให้ช่วยก็ขึ้นมาเรียกแล้วกันเซนตะโกนตอบกลับไป แล้วหันกลับมาสนใจกับกลุ่มคนตรงหน้าต่อ โอเค เอาล่ะ นี่เป็นไทม์ซอร์ทของพวกนาย รักษาให้ดีด้วยนะ เพราะถ้าทำพังก็ต่อคิวซ่อมยาวแน่เพราะฉันกับแซคงานยุ่งพอตัวเลยเซนส่งแท่งแก้วขนาดพอๆ กับปากกาหมึกซึมให้ทั้งสองคนละอัน โดยถ้ามองดีๆ ตรงแกนกลางของมันจะมีเส้นแสงสีฟ้าครามวิ่งสลับกลับไปกลับมาตลอดเวลา

     

    สุดยอด...ดีไซน์เฟี้ยวเงาะมากเลยพี่สาวเกรเกอร์ทำตาโตแล้วพลิกแท่งแก้วในมือไปมาอย่างสำรวจ

     

    พวกนายเคยใช้แบบอื่นมาก่อนแล้วเหรอ?”ซิมิทรี่ถามขึ้นมา

     

    แค่เคยเห็นน่ะ พี่ชายของอเลน เอ่อ...เขาเป็นทามเมอร์ของม็อทเขาตอบพลางมองไปทางเพื่อนซี้ ซิมิทรี่พยักหน้ารับ

     

    แต่เขาตายแล้วอเลนเอ่ยต่อหน้านิ่ง แววตาของเขาราวกับแอบซ่อนความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบายเอาไว้ เด็กหนุ่มหลุบตาลงต่ำแล้วเอ่ยต่อ เขาได้รับอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ม็อทย้อนเวลาไปช่วยเขาได้ แต่พวกเขาไม่ทำ

     

    งั้นนี่ก็คงเป็นสาเหตุที่นายอยากเข้าร่วมทีมเราสินะริออร์เป็นฝ่ายเปิดปาดพูดขึ้นมาบ้างหลังจากเงียบฟังมานาน เพื่อเอาพี่ชายนายกลับมา...”ดูเหมือนประโยคนี้พูดตรงแทงใจดำคนฟังไปหน่อย

     

    ผมได้ยินว่า...ทามเมอร์ผิดกฎหมาย พวกคุณ...แก้ทุกอย่างที่ต้องการ...”

     

    ก็เอาสิซิมิทรี่เห็นท่าทางอ้ำอึ้งของเด็กตรงหน้าแล้วรู้สึกละเหี่ยใจบอกไม่ถูกจึงรีบพูดแทรกขึ้นมาปลุกเร้าให้ฮึกเหิมขึ้นมาหน่อย และสิ่งที่เขาพูดก็เรียกให้คนที่กำลังอมทุกข์เงยหน้าขึ้นมาจากพื้นขึ้นมาสบตากับเขา อยากจะทำอะไรก็ทำเลย ที่นี่ไม่ใช่ม็อท ไม่มีใครห้ามนายแก้ แต่ถ้าแก้...ก็ทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีปมใหม่ตามมา

     

    คำพูดของคนตรงหน้าทำเอาหัวใจคนฟังเต้นไม่เป็นสำ เขารู้สึกเหมือนมีแสงแห่งความหวังเกิดขึ้นมาเล็กๆ ในใจ ถ้าอยู่ที่นี่...เขาจะได้เจอพี่ชายอีกครั้ง ไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่มีข้อผูกมัด เวลา...เป็นของพวกเรา

     

    แต่ก่อนที่นายจะได้แก้ปมไหนก็ตาม นายต้องหัดย้อนให้ได้ก่อน เข้าใจปะ ทีนี้หยิบไทม์ซอร์ทขึ้นมาถือ ฉันจะอธิบายการทำงานให้ฟังซิมิทรี่เปลี่ยนบรรยากาศให้ดูผ่อนคลายมากขึ้น เรียกรอยยิ้มเบาบางผุดพลายขึ้นมาบนใบหน้าของเด็กใหม่สองคน

     

    เมื่อรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นจะต้องมีเขา ริออร์จึงถอยออกมาจากตรงนั้นแล้วตัดสินใจมองดูอยู่ห่างๆ ดีกว่า เขาไม่ถนัดเข้าสังคมหรือพูดโน้มน้าวใจใครเหมือนที่พี่ชายเขาทำ การแปลงร่างเป็นคุณครูสอนเด็กใหม่พวกนี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะใช่งานของเขาอย่างไม่ต้องสงใส

     

    เซนก้าวเท้ามายืนข้างๆ เขาแล้วหัวเราะเบาๆ

     

    แบบนี้ไม่ใช่ทางนายเลยเนอะเธอพูดขึ้นมาลอยๆ เรียกให้เด็กหนุ่มก้มหน้าลงไปมองเธอ

     

    โทษทีที่ช่วยอะไรไม่ได้เขาตอบกลับเสียงเรียบ

     

    ไม่หรอกน่า ไม่เห็นเป็นไรเลย นายก็เป็นตัวนายดีออกเซนตอบกลับแล้วตบใหล่เขาทีหนึ่ง เด็กหนุ่มหันมายิ้มให้เธอเบาบาง เรียกให้รอยยิ้มตอบกลับไปแบบไม่รู้ตัว

     

    การจะเป็นทามเมอร์มีกฎอยู่ไม่กี่ข้อ เข้าใจไม่ยาก แต่จะยากตอนใช้งานจริง อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับการฝึกฝนของพวกนาย แต่เชื่อฉัน...หัดบ่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นเสียงจากคุณครูจำเป็นดังก้องไปทั่วทั้งสนามบาส บางทีพี่ชายเขาก็น่าจะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นคุณครูสอนวิชาการข้ามเวลาไปเสียเลย ดูหน่วยก้านใช้ได้ทีเดียว ข้อแรกสำคัญมาก...ทามเมอร์ไปอนาคตไม่ได้ พวกเราไปอดีตได้อย่างเดียว และการย้อนไปอดีตจะต้องทำทีละครั้ง นายย้อนจากปีนั้นไปปีนี้ติดต่อกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้ เมื่อนายย้อนครั้งหนึ่ง นายต้องกลับมาเวลาเดิม แล้วถึงจะย้อนครั้งต่อไปได้อีกรอบ

     

     “นายสองคนนี่ต่างกันชะมัดเลยเนอะ ฉันนึกว่าพี่น้องที่อยู่ด้วยกันทั้งชีวิตแบบนายจะนิสัยคล้ายๆ กันซะอีกเซนมองภาพซิมิทรี่ที่พูดเก่ง ขี้เล่น กะล่อนและกวนประสาทเปรียบเทียบกับริออร์ที่ค่อนข้างจะตรงข้ามกันทุกระเบียบนิ้วแล้วนึกขำอยู่ในใจ ริออร์ฟังแล้วทำเพียงยิ้มตอบไป

     

    “ข้อสองสำคัญยิ่งกว่า...นายจะให้ตัวนายในอดีตตัวนายเองที่มาจากอนาคตไม่ได้เด็ดขาด ถ้าทำพลาด...นายจะถูกลบออกจากกระแสเวลา หรือพูดง่ายๆ ก็คือหายไป...”

     

    “ห...หายไป?”ถึงตรงนี้อเลนดูตกใจเล็กน้อย

     

    “อันที่จริง...สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ก็คือนายจะศูนย์เสียความทรงจำตั้งแต่วินาทีนั้นที่นายถูกเห็น หรือพูดง่ายๆ คือ คนที่กลับมา ณ เวลาเดิมของนาย ไม่ใช่ตัวนาย แต่เป็นนายในอดีตที่ใช้ชีวิตล่วงเลยมาจนถึงเวลานั้น นายไม่มีวันจำได้ว่าตอนนั้นนายย้อนเวลากลับไปทำอะไร...”

     

    “แบบนี้ก็เท่ากับ หายไปเฉยๆ มันฟังดูไม่ค่อยสมเหตุผลนะครับ...”อเลนถามอีก เด็กนี่ดูสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ

     

    “ยังไม่มีทฤษฏีที่แน่นอนว่าทามเมอร์ที่ทำพลาดหายไปไหน แต่การที่นายตัดสินใจย้อนเวลาครั้งหนึ่ง ฉันมองว่ามันเป็นการแบ่งตัวนายเองออกเป็นสองคนนับตั้งแต่วินาทีที่นายใช้ไทม์ซอร์ท หนึ่งคือตัวนายเอง สองคือ ตัวนายในอดีต นับตั้งแต่เสี้ยววินาทีเล็กๆ ก่อนหน้า”ซิมิทรี่พยายามอธิบายช้าและชัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทฤษฏีเวลาไม่ใช่สิ่งที่จะอธิบายให้เข้าใจกันอย่างลึกซึ้งได้เพียงแค่การพูดคุยกัน แต่เขาก็ไม่ได้มีเวลามากพอจะอธิบายสิ่งที่เขารู้ทั้งหมดให้เด็กพวกนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขารู้ได้มาจากการลองผิดลองถูก เด็กพวกนี้ก็ต้องเรียนรู้ให้ได้แบบเดียวกัน

     

    “หมายความว่าในตอนที่นายย้อนไปอดีตมีตัวนายสองคนที่มาจากต่างเวลา แต่ตอนขากลับ มีเพียงคนเดียวที่จะสวมรอยเล่นบทเป็นตัวนายต่อจากช่วงเวลานั้น มันเป็นความเสี่ยงที่ทามเมอร์ทุกคนรู้ว่าถ้าพลาด นายจะไม่ได้กลับมา ส่วนเรื่องไปหลงอยู่ที่ไหน...ไม่มีใครตอบได้ เพราะคนที่ทำพลาดไม่มีใครหลุดกลับมาบอก ฉันเลยมองว่ามันเป็นการถูกลบ...”

     

    “เดี๋ยวก่อนนะ...”จู่ๆ เกรเกอร์ก็พูดขึ้นมาเหมือนคิดอะไรได้

     

    “ว่าไง?

     

    “พอจะเข้าใจเรื่องถ้าทำพลาดแล้วถูกลบ แต่ถ้าเรากลับมาได้ ก็แปลว่าตัวเราในอดีต...”

     

    “ถูกต้อง...”ซิมิทรี่ตอบกลับไปอย่างเนิบๆ เขารู้ดีว่าถ้าเด็กพวกนี้ฉลาดพอจะเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำไมเรื่องนี้ถึงเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทำไมการข้ามเวลาถึงเป็นอาชญากรรม จริงอยู่ที่มันทำให้ไทม์ไลน์บนโลกเปลี่ยนแปลงอย่างยุ่งเหยิง แต่มันมีเหตุผลที่มากกว่านั้น

     

    “ไม่รู้ซิมิทบอกเด็กพวกนั้นเรื่อง กฎนั่น รึเปล่าเนอะ”เด็กสาวที่นั่งสังเกตการณ์ห้องเรียนเฉพาะกิจอยู่ห่างๆ เอ่ยปากพูดกับมนุษย์พูดน้อยอีกคนที่ทำแค่มองอยู่ด้วยกันเงียบๆ มาตั้งแต่เมื่อครู่

     

    “บอกสิ...”ริออร์ตอบกลับมาด้วยเสียงในลำคอเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะคลี่ยิ้มเบาบางอย่างไม่มีความหมาย “เรื่องที่การย้อนอดีตแต่ละครั้ง เปรียบเหมือนการที่เราฆ่าตัวเองในอดีตเพื่อที่จะใช้ชีวิตแทนต่อจากช่วงเวลานั้น มันเป็นประโยควัดใจเลยล่ะ ว่าเด็กพวกนั้นในแข็งพอจะทำเรื่องนี้หรือเปล่า...”

     

    “นั่นสินะ...”เซนฟังแล้วยิ้มตาม

     

    เลือกที่จะเป็นพวกใต้ดิน พูดไปแล้วก็เหมือนเห็นแก่ตัว ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นการเข้มแข็งหรือปัดความรับผิดชอบดี พวกเราต้องฆ่าตัวเองไปกี่คน...เพื่อที่จะแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตของคนอื่น แม้จะแลกมาด้วยเงินมหาศาล แต่ก็ฟังดูผิดศีลธรรมไปในทางเดียวกัน

     

    เห้...พวกนายฉันจะพาสองคนนี่ย้อนไปเดินเล่นในอดีตสักสองสามชั่วโมง นายช่วยถ่ายคลิปเอาไว้ให้หน่อยได้ไหม ฉันอยากให้พวกเขาดูอะไรหน่อยอยู่ๆ ซิมิทรี่ก็หันมาตะโกนคุยกับสองคนที่ถอยไปยืนอยู่ตรงขอบสนามบาส

     

    ริออร์ทำมือบอกสัญญาณว่าโอเค ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาจากกระเป๋าแล้วเข้าโหมดถ่ายวีดีโอตามที่พี่ชายขอ จากนั้นเกรเกอร์และอเลนก็หยิบไทม์ซอร์ทขึ้นมาถือ เขาลูบนิ้วไปมาบนนั้นสองสามครั้งและแล้วเส้นแสงสีฟ้าภายในแท่งแก้ว ก็พุ่งออกมาจากปลายด้านบนของมัน ทั้งสองคนมีท่าทีตกใจเล็กน้อย ซิมิทรี่อธิบายอะไรบางอย่างให้ทั้งคู่ฟัง สีหน้างุนงงนั่นจึงแปลเปลี่ยนเป็นตรัสรู้ทันใด ทั้งคู่ก้มตัวลงชันเขาข้างหนึ่ง แล้วง้างมือขึ้นสูงก่อนจะแทงแท่งลำแสงในมือลงไปที่พื้นพร้อมกัน

     

    แว๊บหนึ่งที่แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นจากพื้นล้อมรอบตัวพวกเขาไว้ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าร่างของทั้งคู่เหมือนหายไปครู่หนึ่งคล้ายกับภาพบนโทรทัศน์ดิจิตอลที่กระพริบเพราะไฟตก เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วฉับไวจนวีดีโอที่ถ่ายยาวเพียงห้าวินาทีเท่านั่น ริออร์กดปุ่มหยุดอัดวีดีโอเป็นจังหวะเดียวกับที่ทั้งสามคนกำลังเดินตรงเข้ามา

     

    นี่คุณถ่ายวีดีโอตลอดที่พวกเราหายไปเลยเหรอเนี่ยเกรเกอร์ทำตาโตอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อเขาเห็นว่าเด็กหนุ่มผมยาวเพิ่งจะลดมือที่ถ่ายวีดีโอลงไปเมื่อครู่ แล้วยิ่งคนถูกถามให้คำตอบเขาโดยการพยักหน้าอีก คุณต้องล้อเล่นแน่...ก็พวกเรา...”

     

    ถ้าอยากแปลกใจกว่านั้นก็มาดูนี่สิซิมิทรี่พูดแทรกขึ้นมาขัดเรียกทั้งสองคนไปดูวีดีโอที่ว่า แล้วก็เป็นตามที่เขาพูด  ตาของทั้งคู่แทบจะถลนออกมานอกเบ้ากับสิ่งที่เห็นในวีดีโอ...ก็มันน่าตกใจน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ ก็ในเมื่อครู่คุณครูจำเป็นพาพวกเขาย้อนไปเดินเล่นเรียนวิชากฎระเบียบของบ้านต่อตั้งไม่รู้กี่ชั่วโมง นายต้องชินกับเรื่องพวกนี้นะ หลักการไม่ยากหรอก ไม่ว่านายจะไปเอ้อระเหยอยู่ในอดีตนานแค่ไหน ตอนที่นายย้อนกลับ มันจะพากลับมาที่เวลาเดิมเสมอ แต่สถานที่จะยึดตามที่ๆ นายยืนอยู่ตอนนั้น ฉันจงใจพานายมายืนที่เดิมก่อนจะย้อนกลับมาเพราะอยากให้นายเห็นภาพแบบนี้ ทีนี้เข้าใจการทำงานของมันแล้วใช่ปะ

     

    เกรเกอร์และอเลนพยักหน้าหงึกๆ ทั้งคู่เผลอยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้น พวกเขายังใหม่สำหรับเรื่องนี้ มันเป็นการค้นพบที่ไม่เลวเลยสำหรับความรู้สึกจากการข้ามเวลาครั้งแรกของพวกเขา

     

    ตื่นเต้นกันก็ดี แต่อย่าลืมว่าไทม์ซอร์ทของพวกนายมีขีดจำกันนะ อย่าย้อนเวลาติดกันบ่อยเกินไปไม่งั้นมันจะพังเอาเซนอธิบายต่อ ทั้งคู่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ โอเคที่เหลือพวกนายก็ต้องฝึกฝนกันเองแล้วแหละ จนกว่าจะคล่องถึงขนาดบอสป้อนงานให้คงอีกนานโข มีคำถามอะไรถามฉันได้นะ

     

    สงสัยอยู่ข้อหนึ่งนะครับอเลนพูดขึ้นมาทันที เซนมองหน้าเขาเหมือนจะถามว่าสงสัยอะไรเขาจึงพูดต่อ ไทม์ซอร์ทของคุณซิมิทรี่เป็นแบบไหนเหรอครับ ขอโทษที แต่เมื่อกี้ผมไม่ยักเห็นเขาหยิบมันออกมา

     

    อ้อ...อันนี้มันซับซ้อนน่ะ คือ...”เซนไม่รู้จะตอบคำถามนั้นยังไงดี จึงหันมองไปที่ตัวคนสร้างความสงสัยเหมือนจะโบ้ยให้เป็นคนตอบแทนเธอที

     

    ฉันไม่ได้ใช้มันหรอกซิมิทรี่ตอบ ทั้งฉันแล้วก็ริออร์เป็นคำตอบที่ไม่ได้สร้างความกระจ่างให้คนถามเท่าไหร่ อเลนขมวดคิ้วมุ่น

     

    ผมไม่เข้าใจ...”

     

    พวกฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่เป็นแบบนี้มานานแล้วล่ะ เราข้ามเวลาได้เอง...เพราะงั้นถ้าถามว่าทำไม บอกตรงๆ เลยว่าไม่รู้สองคนที่เพิ่งรู้เรื่องได้แต่เก็บงำความสงสัยเอาไว้ในใจ คนตรงหน้ามีเรื่องให้ประหลาดใจมากมายเหลือเกินตั้งแต่พบกัน...ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่พวกเขารู้สึกชอบใจเขาขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

     

    ไม่ได้หมดแค่นั้นหรอกนะ ปกติแล้วเวลาข้ามเวลาแต่ละหน ทามเมอร์จะทิ้งร่องรอยที่ตรวจเจอได้ด้วยแสงแบล็คไลท์เอาไว้ตรงที่นั้นๆ น่ะ แต่สำหรับสองคนนี้เรียกได้ว่าเป็นไม้เด็ดของทีมเรา เพราะอะไรไม่รู้แต่พวกเขาไม่ทิ้งอะไรไว้เลย นี่เป็นที่มาของชื่อเสียงที่ดังแบบเงียบๆ ให้หมู่พวกใต้ดินน่ะเซนอวยต่อ ซิมิทรี่ยืดอกรับอย่างภาคภูมิแม้มันจะฟังดูเหมือนเขาสองคนพี่น้องเป็นพวกตัวประหลาดไม่เหมือนชาวบ้านก็ตาม

     

    จริงสินะ พูดถึงแบล็คไลท์ เมื่อกี้พวกนายข้ามเวลาครั้งแรก น่าจะมีตำหนิเกิดขึ้นที่ต้นคอแล้วล่ะมั้งซิมิทรี่พูดพลางขอเปิดดูต้นคอของทั้งสองคน แล้วก็เป็นตามที่เขาคิดไว้ ที่ต้นคอหลังใบหูขวาของทั้งคู่มีตัวเลข 04.02.2221  ปรากฎอยู่ ไอ้นี่เรียกว่าตำหนิ อีกวันสองวนก็จะจางไปเอง แต่ถ้าเอาแบล็คไลท์ส่องจะเห็น อย่างของฉันก็มีซิมิทรี่หยิบไฟฉายอันเล็กๆ ที่แสงไฟเป็นสีน้ำเงินขึ้นมาแล้วส่องไปที่ต้นคอด้านขวาของเขา ปรากฏเป็นรอยด่างสีขาวๆ รูปตัวเลขอย่างที่ว่าจริงๆ

     

    เจ้านี่ทำให้รู้ว่ามาจากปีอื่นสินะเกรเกอร์พูดขึ้นมาลอยๆ ซิมิทรี่พยักหน้ารับ

     

    เอาล่ะ พวกนายสองคนอย่าออกไปไหนจนกว่าตำหนิจะจางไปนะเข้าใจไหม ถ้าหิวเข้าไปหาอะไรกินข้างในได้ ไปทักทายแนะนำตัวกับคนอื่นๆ ด้วยล่ะ ที่นี่ครึกครื้นกว่าที่คิดนะ อยู่ๆ ไปแล้วจะชอบเซนยักคิ้วให้เด็กใหม่สองคนก่อนที่ทั้งคู่จะตัดสินใจเดินหายเข้าไปในร้านเพื่อไปหาอะไรใส่ท้อง ทิ้งหนึ่งสาวกับอีกสองหนุ่มที่ยังยืนอยู่ ณ สนามบาสเอาไว้ ต้องยกความดีความชอบให้นายนะเนี่ย ไม่นึกเลยว่านอกจากความกะล่อนนายจะมีดีเรื่องอื่นอีกเซนพูดอย่างเย้าแหย่ ทำเอาคนกะล่อนถึงกับทำตาโต

     

    เธอว่าใครกะล่อน? ฉันเหรอกะล่อน!? เธอเอาอะไรมาตัดสินกันหือซิมิทรี่ปฏิเสธทันควันแล้วทำท่าทางเก๊กหล่อใส่คนตรงหน้า จนคนดูถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

     

    เรื่องที่นายไปแกล้งเบ็ตตี้นี่กะล่อนพอไหมล่ะ

     

    อันนั้นฉันหยอกเล่นเฉยๆ เอง...”ซิมิทรี่พูดพลางผิวปากทำหน้ายียวน แต่เมื่อสาวเจ้ายกมือขึ้นกอดอกหรี่ตามองเขาชนิดที่ว่าโกรธแทนเพื่อนซี้เขาจึงเปลี่ยนโหมดอย่างรวดเร็ว โอเค ฉันแกล้งแรงไปก็ได้ แต่ได้รับบทเรียนก่อนเข้ามาแล้วนี่ไง เธอไม่สังเกตเห็นรอยมือแดงๆ ฉาบบนหน้าฉันเหรอ เนี่ย...”

     

    เป็นฉันทำมากกว่านั้นอีกเซนยักคิ้วกวนใส่เขา ก่อนจะหันไปหาริออร์ ดูแลพี่ชายดีๆ นะ คลาดสายตาเมื่อไหร่ฉันกับเบ็ตรวมหัวกันขย่ำเขาแน่

     

    โอะ โห๊ย น่ากลัวจังเลยน้ำเสียงนั้นดูตรงข้ามกับสิ่งที่พูดจนชวนให้ยกเท้าขึ้นมาถีบ ระหว่างที่พูดเขาก็ทำทีเป็นยกมือยอมแพ้แล้วก้าวเท้าเดินห่างออกไปจากตรงนั้น

     

    นั่นจะไปไหนน่ะเซนถาม

     

    ลงไปหาอะไรกิน ดูเหมือนแถวนี้ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ นายจะอยู่นี่ก็ได้นะริออร์คนกะล่อนตอบกลับพร้อมกับเดินบิดขี้เกียจไปด้วย ท่าทางแบบนั้นทำให้สาวเจ้าได้แต่กรอกตาไปมา ริออร์มองสองคนตรงหน้าสลับกันแล้วนึกขำอยู่ในใจ

     

    ซิมิทรี่เดินหายเข้าไปในร้านที่พวกเขาเพิ่งออกมา เซนชะเง้อคอดูลาดลาวให้แน่ใจว่าเจ้าตัวไม่ได้แอบฟังอยู่แถวนี้ ก่อนจะทำเสียงเบ่งๆ ในลำคอระบายความหงุดหงิดออกมา

     

    พี่นายนี่มันน่าจับแขวนคอจริงๆ เลยเธอหันมาบ่นกับอีกคนที่ยังยืนอยู่ตรงนี้กับเธอ ริออร์หัวเราะออกมาเบาๆ

     

    เขาก็เป็นของเขาแบบนี้แหละ ถ้าอยู่ด้วยบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินเด็กหนุ่มตอบกลับไป

     

    นายคงชินจนชาแล้วสิเธอแซว

     

    ก็ประมาณนั้นริออร์เปรยเนิบๆ เขาก้มหน้ามามองคนตัวเล็กกว่าก่อนจะเอ่ย ไปกันเหอะ

     

    สาวน้อยเงยหน้าขึ้นไปมองเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

               

    ไปไหน?”เธอถาม

               

    ลงไปข้างล่างกัน



    +++++++++++++++++++++++++++

    จบแล้ววว บทที่สอง ยาวอีกแล้ว555
    สำหรับคนงงๆ เรื่องแสงแบล็คไลท์นะคะ
    อยากจะให้นึกภาพปากกาล่องหน
    ที่เตอนเด้กๆ ชอบซื้อมาหลอกเพื่อนอะค่ะ เคยเห็นปะ555





    เห็นป่าวพอเขียนแล้วส่องด้วยแสงแบล็คไลท์ หรือชื่อภาษาไทยเราจะเรียกว่าแสงมืดค่ะ
    แสงนี้มีจริงๆ นะ ลองหารายละเอียดตามกูเกิ้ลได้ค่ะ ไรท์เตอรืแค่ชอบเล่นปากกาอันนี้มาก
    ก็เลยได้ไอเดียมาเขียนนิยายเฉยๆ ฮ่าๆๆๆ
    ลักษณะปากกาจะเป็นแบบนี้ค่ะ ในบ้านเราก็มีขานะ ลองไปซื้อมาเล่น ตื่นเต้นดี555



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×