ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rose Hunting ฆาตกรรมสีกุหลาบ

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1 เรื่องมันเพิ่งเริ่ม

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 51


    ความมืดภายนอกหน้าต่างแผ่ลงมาราวกับผ้าคลุมสีดำเบาบาง ใบมีดสีเงินวาววับกรีดลงไปบนคอหอยของร่างไร้วิญญาณอย่างช้าๆ ดวงตาสีน้ำทะเลจับจ้องอยู่ที่ศพอย่างสมเพช หญิงสาวออกแรงลากศพไปสวนหลังบ้าน
     
    ต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นสูงแสดงให้เห็นถึงการละเลยที่จะดูแล หญิงสาวหยิบเสียมด้ามยาวที่พิงกำแพงไว้ ซึ่งเธอได้เตรียมไว้นานแล้ว เธอเริ่มลงมือขุดดินเอาไปกองไว้ข้างๆ เมื่อขุดหลุมได้ลึกประมาณ4เมตร หญิงสาวปีนขึ้นมา มือเรียวลากศพลงไปไว้ในหลุม พร้อมกลบดินเสร็จสับ ริมฝีปากบางสีแดงกุหลาบแสยะก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วเบากับหลุมศพ
     
    “ราตรีสวัสดิ์ คุณผู้ชาย”
     
    หญิงสาวเดินเข้าไปในตัวบ้าน เข้าไปในห้องที่มีการฆาตกรรมเกิดขึ้นเมื่อครู่ ปืนS&W 5903 TSWจ่อเข้าไปในปาก นิ้วมือที่เปื้อนไปด้วยเศษดินเหนี่ยวไก เลือดและเนื้อสมองทะลักออกมา ร่างของหญิงสาวล้มลงพื้น สิ้นลมหายใจ
     
    รุ่งเช้า ชาวบ้านละแวกนั้นพากันมามุงดูศพของหญิงสาวนอนตายอยู่ในบ้าน บางคนเรียกตำรวจให้มาตรวจดู ผลพิสูจน์หลักออกมาว่า หล่อนฆ่าตัวตาย หลังจากนั้นได้มีการซื้อขายบ้านหลังนี้
     
    แต่ตามที่ชาวบ้านแถวนั้นลือกัน ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ไปสักพักก็มีลักษณะแปลกประหลาด ถ้าไม่เป็นโรคร้ายแรงตายหรือประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตก็โดนฆาตกรรม ในที่สุดบ้านหลังนี้ก็กลายเป็นบ้านร้าง
     
    บ้านหลังนี้ชื่อว่า
     
    Rose Hunting”
     
    ----------------------------------------
     
    “เล่นอะไรกันเนี่ย”ฉันร้องเบาๆเมื่อแขนไปทับอะไรเปียกๆเย็นๆสีขาว สงสัยจะเป็นลิควิดที่พวกผู้ชายป้ายไว้แกล้งแน่เลย ฉันหันไปมองพวกเด็กผู้ชายที่นั่งท้ายกลุ่ม แซนด์ ซัน บอสกำลังขะมักขเม้นป้ายลิควิดใส่เพื่อนของฉัน รินกับวา
     
    “มาร์ก ช่วยฉันหน่อยดิ”วาพูด ลิควิดในมือเธอบินมาทางฉัน ฉันรับไว้ แล้วส่งคืนให้เธอ ไม่ยุ่งดีกว่า
     
    “อย่างเข้ามานะไอ้บ้า!”รินร้องเมื่อลิควิดของแซนด์บินมาทางเธอ
     
    “นี่! ตรงนั้นน่ะ เลิกเล่นได้แล้วนะ! สมองส่วนHypothalamusมีพัฒนาการมาจากส่วนใด”อาจารย์ที่เคารพร้องสั่งมาจากหน้าห้อง พลางชี้นิ้วมาที่ริน เล่นไม่รู้จักคนซะแล้วอาจารย์...
     
    “สมองส่วนไฮโปทาลามัสมีพัฒนาการมาจากสัตว์เลื้อยคลาน”รินยืนขึ้นตอบเสียงดังฟังชัดให้ได้ยินกันทั่วห้อง”มีหน้าที่ควบคุมอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง รสชาติอาหาร อารมณ์ทางเพศ เป็นต้น ผู้ที่บวชเป็นพระภิกษุหรือสามเณรไม่ควรให้สมองส่วนนี้ทำงานเด็ดขาด”รินนั่งลง ส่วนอาจารย์ดูอึ้งๆ บอกแล้ว รินเป็นคนที่ซีรีบรัมพัฒนามากที่สุดในกลุ่ม ความเงียบแผ่ปกคลุมบริเวณภายในห้องเรียนอีกครั้ง อาจารย์วาดรูปสมองลงบนกระดาน รินหลับไปแล้ว วากัฃำลังคุยกับซันอย่างออกรส สงสัยคงจะล้ออะไรอาจารย์อีกแล้ว ฉันหันไปมองเพื่อนอีก3คน คีร์ ลูกหว้า เน กำลังตั้งหน้าตั้งตาเรียน เห็นแบบนี้...ตั้งใจเรียนมั่งดีกว่าเรา
     
    ตาฉันมันหนักขึ้นเรื่อยๆ มันเริ่มปิดลงอย่างช้าๆ....
     
    -------------------------------------
     
    “อย่า....อย่าฆ่าผม....ได้โปรด....”ชายหนุ่มกำลังขอร้องหญิงสาวที่จ่อปืนพกขนาดเหมาะมือ บรรจุกระสุนขนาด8มม. ตรงตำแหน่งหัวใจ หญิงสาวคนนั้นแสยะยิ้มอย่างสะใจ
     
    ฉันอยากช่วย อยากเข้าไปห้าม แต่มีอะไรขวางกันฉันกับภาพเหล่านั้น และฉันผลักมันออกไปไม่ได้
     
    “ไม่ต้องกลัวหรอกนะ มันไม่เจ็บสักนิด”หญิงสาวกระซิบ ก่อนจะเหนี่ยวไก เสียงปืนลั่นดังปัง เลือดจำนวนมากทะลักออกมา ฉันร้องลั่น แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ได้ยิน หญิงสาวค่อยๆบรรจงกรีดคอของศพอย่างบรรจง ฉันกลัวสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันรู้สึกราวกับมีมีดมากรีดลงบนคอของฉันเหมือนกัน ฉันจับคอไว้แน่น เลือดไหลลงมาตามฝ่ามือ ฉันกรีดร้อง
     
    “ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
     
    “มาร์ก! แกเป็นอะไร!”ลูกหว้าเขย่าตัวฉัน ที่สะดุ้งตื่นทันที อาจารย์ออกจากห้องไปแล้ว นักเรียนทุกคนยกเว้นเพื่อนฉันก็ออกไปจากห้องแล้ว ฉันคว้ากระเป๋าลงไปกินข้าวพร้อมกับเพื่อน เพราะที่หน้าห้องมีพวกพี่ๆม.ปลาย
     
    “มะ...ไม่เป็นไร”
     
    ฉันวางกระเป๋าลงบนโต๊ะอาหารและไปซื้อสุกี้มากิน เสียงของเพื่อนๆที่คุยกันอย่างอยู่คนละฟากโรงอาหารกับฉัน ฉันกินสุกี้อย่างเงียบ จนกระทั่งวุ้นเส้นมัน...ติดคอ
     
    “ค่อก ค่อก โอย.....”ฉันสำลักเอาวุ้นเส้นออกมากระจายไปทั่ว เพื่อนๆขยับหนี ฉันใช้สมุดโน้ตเกลี่ยๆเศษวุ้นเส้นลงไปใต้โต๊ะ หลังจากขอโทษขอโพยพวกเพื่อนๆ เสร็จแล้วเราก็ไปนั่งกินที่อื่นต่อไปตามปกติ.....
     
    อย่างนั้นหรือ.......
     
    ช่วงนี้ฉันฝันบ่อยมาก แถมฝันยังแปลกๆอีกต่างหาก เสียงปืนดังก้องไปมาในหัวของฉัน รอยเลือดดูเหมือนจะกดทับติดลงบนนัยน์ตา บางครั้ง แค่บางครั้งนะ! ฉันรู้สึกว่าเหมือนกับจะจำใบหน้าของฆาตกรรมได้ จำสถานที่ในฝันได้ แต่พยายามนึกเท่าไรก็จำไม่ได้ จนฉันโมโหตัวเอง ฉันสะบัดหัวไล่ความคิดเรื่องฝันออกไป เอาจานไปเก็บ
     
    ฉันเดินมาถึงห้องเรียน ไปที่โต๊ะของตัวเอง ช่วงนี้รู้สึกเท้าฉันจะพาไปที่ต่งๆเองอยู่เรื่อย ฉันทรุดตัวลงไปนั่งบนเก้อี้ ซุกหน้าไว้ในมือ บทเรียนที่อาจารย์สอนไม่สามรถทะลุเข้ามาในโสตประสาทของฉันได้เลย
     
    “ขอให้นักเรียนตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมกันนะ โชคดีค่ะ”อาจารย์พูดแล้วเดินออกไปจากห้อง
     
    เสียงกริ่งบอกให้ถึงเวลาเปลี่ยนชั่วโมงเรียน นักเรียนทุกร้องดังลั่นอย่างเฮฮา เนื่องจากคาบต่อไปเป็นวิชาพละ แต่อาจาย์ออกไปเป็นโค้ชให้กับพวกนักกีฬาโรงเรียนที่ข้างนอก คาบนี้จึงกลายเป็นคาบว่าง
     
    ฉันนั่งมองเพื่อนๆคนอื่นเล่นกันในโรงยิมอย่างเนือยๆ มีมือมาตบหลังฉันดังปั้ก ฉันหันไปดู
     
    วาพูดเสียงดังกลบเสียงของคนอื่นที่ร้องกรี๊ดกร๊าด”มาร์ก ปิดเทอมไปบ้านปู่ไอ้รินมั๊ย”ฉันพยักหน้า วามองหน้าฉันอย่างเป็นห่วง
     
    “แกเป็นอะไรมากรึเปล่า ช่วงนี้ดูเหนื่อยๆนะ แกน่ะ”ใช่ ถูกต้อง ช่วงนี้ฉันเหนื่อยมาก แต่ฉันส่ายหน้า
     
    “ไม่ได้เป็นอะไรหรอก”
     
    -----------------------------------------
     
    ประโยชน์ของการสอบวันเดียวก็คือใส่ให้มันหมดไปในวันเดียวเลย หลักจากนักเรียนก็จะได้พักยาว ในทางตรงกันข้าม มันก็ตือการทรมาณทรกรรมเราดีๆนี่เอง นักเรียนต้องกระเสือกกระสนอ่านหนังสือให้ครบทุกวิชาภายในคืนเดียว แล้วแต่ละเล่มมันบางซะที่ไหนกัน เปลือกตาของฉันจะปิดลงเกือบทุกครั้ง ครั้งนี้คงฝืนไม่ไหวแล้วล่ะ
     
    ฉันหยิบสร้อยพระมาคล้องคอ คืนนี้จะฝันแบบนั้นอีกไม่ได้ หวังว่าพระท่านคงช่วยได้
     
    ฉันหลับตาลง
     
    --------------------------------------------
     
    ฉันมาถึงที่โรงเรียนพร้อมกับกระเป๋านักเรียนและเป้ใส่เสื้อผ้า ด้วยสภาพที่โทรมเต็มที่ ฉันตกใจแทบแย่ตอนที่ส่องกระจก ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ใบหน้าซีดเป็นสีเหลืองราวกับกระดาษเก่าๆ ใต้ตาบวมคล้ำ
     
    อืม......... ถ้าไม่ใช่ผีก็คนบ้าล่ะวะ
     
    ฉํนไปยืนรอรวมกับพวกนักเรียนทั้งหลายหน้าห้องสอบ อาจารย์ที่คุมห้องสอบก็มาต้อนพวกนักเรียนเข้าห้อง นั่งเรียงตามเลขที่ ฉันนั่งตรงที่แอร์เป่าพอดี
     
    แอร์เย็นสบาย เก้าอี้บุนวมที่ปรับเอนให้นั่งสบายอาจเป็นสวรรค์บนดินสำหรับทุกคน แต่สำหรับฉันมันคือนรกติดแอร์ดีๆนี่เอง ความรู้ในหัสมองดูราวกับถูกDeleteทิ้งลงรีไซเคิล บินไปหมดแล้ว ไอ้จะมาคืนค่ากลับมาก็ไม่ได้ เครียดจริงๆ อาจารย์คุมสอบคงเห็นฉันนั่งสติแตกกับตัวเองอยู่ (คงคิดว่าฉันจะดูข้างๆล่ะมั้ง นบอกได้เลย คนข้างๆมันก็ไม่ได้อ่านมาเหมือนกันล่ะน่า)ก็เลยส่งสายตาอำมหิตให้กับฉัน ฉันเลยจำต้องนั่งก้มหน้าก้มตากามั่วลงไปในกระดาษคำตอบ
     
    เมื่อสอบเสร็จ ฉันรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก คีร์นั่งรอฉันใต้ต้นที่เราชอบนั่งกันเป็นประจำ เธอทักฉัน
     
    “โย่ว แมน ไปกันเถอะ”เธอเดินนำฉันไปหน้าโรงเรียน ร้านค้าต่างๆ ดูเงียบเหงา เพราะนักเรียนต่างกลับกันไปหมดแล้ว ที่นั่น ฉันเห็นรินกับเนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ลูกหว้ากับรินกับลังฟังเพลงด้วยกัน
     
    “เดี๋ยวพี่ชายฉันจะมารับที่นี่แหละ”รินบอกฉัน ไม่ทันขาดคำ รถกระบะToyota Hiluxสีบรอนซ์ก็จอดเทียบทางเท้า พี่ชายของรินโบกมือให้เรานิดหน่อย เราปีนขึ้นไปนั่งท่กระบะหลัง
     
    เรานั่งร้องเพลง เต้นแร้งเต้นกา กินข้าวบนนั้นแหละ เราสนุกมาก ท้องฟ้าข้างนอกยังสว่างอยู่เลย สักพัก เครื่องยนต์ก็ค่อยๆเบาเสียงลง ก่อนจะนิ่งสนิท เราลงจากกระบะหลัง พร้อมเป้ และสัมภาระต่างๆนานา เดินเข้าไปในตัวบ้านไม้ทรงยุโรป
     
    รินเดินนำเราเข้าไปหาคุณปู่ของริน ท่านเป็นคนที่ใจดีมาก ท่านบกให้เราเรียกท่านว่าปู่ก็ได้ ปู่เล่าเรื่องราววีรกรรมของรินตอนเด็กๆออกมาจนหมดเปลือก แต่รินก็ร่วมหัวเราะไปกับเราด้วย พี่ชายของรินลากลับ
     
    “เอาล่ะ พวกหลานไปเก็บกระเป๋าดีกว่า รินพาเพื่อนๆไปที่ห้องใหญ่สิ”
     
    “ห้องใหญ่มันของปู่ไม่ใช่เหรอ”รินถาม
     
    “ปกติปู่นอนห้องเล็ก มันประหยัดแอร์”ปู่ยิ้ม รินยักไหล่แล้วเดินนำพวกเราขึ้นชั้นบน เข้าไปในห้องนอนที่มีฟูกขนาดใหญ่2อันแปะอยู่บนพื้น เราวางสัมภาระ ลูกหว้าเอาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค รินบอกว่าที่นี่มีติดเน็ต เธอก็เลยต่อเน็ตแล้วผลัดกันเล่น ฉันเล่นจนเบื่อจึงลงมานั่งเล่นข้างล่าง
     
    ข้างนอกบ้านเป็นลานทราย มีหลังคาบังแดด และมีเปลแขวนไว้อยู่อันหนึ่ง ฉันนอนลงไปบนเปล แกว่งมันไปมา หลับตาลง
     
    กลัว
     
    ฉันกำลังกลัวมาก
     
    แต่สิ่งที่ฉันกลัวมันคืออะไรกัน
     
    นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
     
    “นี่ ช่วยเก็บให้หน่อยได้ไหม”ฉันลืมตาขึ้น เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งผมสีดำยาวของเธอถูกรวบไว้ต่ำๆ เธอใส่เสื้อยืดสีเทาเข้ากับกางเกงเลสีขาว นิ้วมือมาใต้เปล ฉันก้มไปดู
     
    มีสร้อยตกอยู่ ตรงจี้เป็นรูปตัวGแบบกอธิค2ตัวร้อยเข้าด้วยกัน ฉันเอาคืนให้เด็กผู้หญิงคนนั้น เธอยิ้มขณะรับมันไปสวม“นึกว่าจะหายไปซะแล้ว”
     
    “เธอรักมันมากเลยเหรอ”ฉันถาม เขยิบให้เธอนั่งบนเปลด้วย เธอนั่งลง และบอกว่า
     
    “มันเป็นของดูต่างหน้าพ่อของฉัน พ่อฉันชื่อกุโรคาวะ กามุโร่”น้ำตาของเธอไหลลงมาตามใบหน้า”พ่อตายไปเพราะมะเร็งปอด หลังจากนั้นแม่ก็ตรอมใจตายตามไปด้วย ฉันต้องอยู่คนเดียวมาปี7”ดูเหมือนเธออยากระบายให้ใครสักคนฟัง น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ฉันไม่ได้บอกให้เธอหยุดร้อง หรือให้เธอร้องออกมาให้หมด ฉันเพียงแค่ลูบหลังเธอเบาๆ หลังจากเธอค่อยๆสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เธอก็ถามฉันว่า
     
    “จริงสิ เธอชื่อะไรล่ะ”ฉันบอกชื่อของตัวเอง เธอร้อง”โห ชื่อเหมือนผู้ชายเลย เออ ฉันชื่อนามินะ”
     
    หลังจากนั้นก็คุยกันอย่างสนุกสนาน เราคุยกันถูกคอมาก หลังจากเราคุยกันไปสักพัก รินกับคนอื่นๆก็ลงมาหาฉันและประกาศว่าปู่หลับไปแล้ว นามิเล่าเรื่องต่างๆ ตั้งแต่ตอนที่เธอมาอยู่ที่นี่ เธอเล่าว่า
     
    “พวกชาวบ้านเขาเล่ากันมานะว่า มันมีบ้านหลังหนึ่ง—เดินจากบ้านหลังนี้ไป แล้วเลี้ยวซ้ายน่ะ--เป็นบ้านอาถรรพ์”เธอเล่า ทำเสียงสูงต่ำให้เข้ากับเนื้อเรื่อง”คือมันมีครั้งหนึ่งที่คนที่อยู่ในบ้านหลังนั้นนอนตายอยู่ในห้องนั่งเล่น พวกตำรวจบอกว่ามันคือการฆ่าตัวตาย แล้วสักพักต่อมาก็มีคนไปซื้อบ้านหลังนั้นอยู่”
     
    “แล้วไงต่อ”เนถาม เธอกัดเล็บดังกึกๆ
     
    “คนที่เข้าไปอยู่น่ะ มีอาการแปลกๆกันทั้งนั้นเลยน่ะสิ บางคนเป็นโรคตาย หมอทำยังไงก็รักษาไม่ได้ บางคนก็ประสบอุบัติเหตุตาย หรือไม่ก็ฆ่าตัวตายเองกับถูกฆ่า ชาวบ้านละแวกนั้นบอกว่ามันเป็นอาถรรพ์ ก็เลยไม่มีใครกล้าเป็นตั้งบ้านเรือนแถวนั้น แถมพวกที่อยู่บ้านหลังนั้นแล้วไม่ตายยังบอกด้วยว่าจะได้ยินเสยงคนกรีดร้อวทุกคืนเลย ก็เลยไม่มีใครกล้าเข้าไปอยู่เลยสักคน มันกลายเป็นบ้านร้างไปแล้วล่ะตอนนี้ ทำไมเหรอริน”รินกำลังยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มแบบที่ฉันไม่ค่อยจะไว้ใจเลย
     
    “ไปเล่นผีถ้วยแก้วที่บ้านหลังนั้นกัน”
     
    -------------------------------------------
     
    “พร้อมนะ”รินกระซิบเสียงแผ่ว เธอสะพายย่ามไว้ข้าง กวักมือให้สัญญาณเราย่องออกมานอกตัวบ้าน วาเป็นคนปิดประตู เราเดินกันอย่างเงียบกริบ เสียงลมหวีดหวิวอย่างเป็นลางร้าย แรงลมเพิ่มขึ้นทวีคูณ พัดพาเอากิ่งไม้จากที่ไหนไม่รู้มาฟาดที่บ่าของฉันเต็มแรง เสียงฟาดนั้นดังจนไม่น่าเชื่อ
     
    “มาร์ก!”คีร์ร้องอย่างตกใจ เธอถลกแขนเสื้อของฉันขึ้น ทำให้เห็นรอยช้ำเป็นปื้นสีม่วง แถมยังมีเลือดซิบๆออกมาด้วย
     
    “ช่างมันเหอะ
     
    “......”เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เสียงต่างๆในเวลานี้ดูจะชัดเจนเกินจริง เพียงเสียงใบไม่กรอบแกรบใต้เท้าก็ทำให้ฉันจ้องเขม็งผ่านความมืดมิด นามิเดินเลี้ยวซ้ายนำไปก่อน ที่ข้างทางมีพงหญ้ารกชัฏ ต้นไม้ใฬญ่เป็นเงาทาบทับลงมา
     
    เราเดินเข้าไปในบริเวณบ้าน มีพื้นหินกรวดโรยไว้เป็นทางเดิน นามิเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน ในห้องที่ดูเหมือนห้องนั่งเล่น
     
    รินกวักมือให้เรานั่งไปล้อมเป็นวงกลม ก่อนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากย่ามและกางออก นกระดาษมีทั้งตัวอักษรไทยพร้อมสระและตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวเลขกับคำว่าใช่และไม่ใช่ คำว่าเข้าและออก
     
    ฉันคงจ้องอย่างสนใจมากไปหน่อย รินยิ้มอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับกระซิบให้ทุกคนได้ยินว่า”เป็นไงล่ะ ฉันขอปู่มาเลยนะเนี่ย”เนทำหน้าเอือมๆ พลางบ่นพึมพำว่าขโมยมาล่ะสิ
     
    รินหยิบแก้วใบเล็กที่มักใช้ในร้านโอเลี้ยงออกมาคว่ำตรงคำว่าเข้าแล้วแตะนิ้วที่ก้นแก้ว คนอื่นๆทำตาม รินเผยอริมฝีปากสวดมนตร์ ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
     
    “ขอเชิญดวงวิญญาณที่อยู่ ณ ที่นี้มาสิงสถิตในแก้วใบนี้ด้วย”เสียงราบเรียบขอรินกล่าวขึ้น ฉันรู้สึกเหมือนอะไรเย็นๆชื้นๆวูบผ่านหน้า ก็เลยยกมืออีกข้างขึ้นถูใบหน้า แต่ก็ไม่เห็นมีหยดน้ำเกาะอยู่เลย
     
    “คุณได้เข้ามาสิงสถิตแล้วใช่หรือไม่ ถ้าใช่ไปที่ช่องใช่ ถ้าไม่ใช่ไปที่ช่องไม่ใช่”
     
    แก้วเลื่อนไปที่ช่องใช่
     
    “คุณเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”คีร์ถาม
     
    แก้วเลื่อนเป็นคำว่า ผู้ชาย
     
    “คุณชื่ออะไร”ลูกหว้ากระซิบถาม แก้วเลื่อนเป็นคำว่า วศิรุทธ์
     
    “คุณ....ตายยังไง”ฉันถามมั่ง แก้วเลื่อนไปที่ช่อง M-E-R-D-E-
     
    ตัวสุดท้ายคือตัวR
     
    Merder...ฆาตกรรม!”นามิกระซิบอย่างตื่นตกใจ ทันทีที่เธอกระซิบ ราวกับมีแรงอัดมหาศาลอยู่ในแก้ว ทำให้มันแตก เศษแก้วปลิวว่อนไปทุกทุกทิศทุกทาง มีอันหนึ่งที่บาดแก้มข้างซ้าย แต่ทุกคนไม่ได้สนใจ รวมทั้งฉันด้วย เพราะสายตาของเรากำลังจับจ้องอยู่ตรงสิ่งที่อยู่ตรงกลางวง
     
    ใบหน้าของชายหนุ่มนั้น ครึ่งหนึ่งอยู่ในสภาพซีดเซียว ไม่มีสีเลือดอยู่บนผิวหน้าแม้สักนิด ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง บรรยายได้คำเดียวว่า เละ ในเบ้าตาลึกโหลลูกตาสีเหลืองที่มีรอบๆมีเส้นเลือดฝอยโปนปูดนั้นจ้องมองฉันอย่างเศร้าสร้อย หัวกะโหลกสีซีดเหลืองมีเศษเนื้อเกาะติดอยู่เล็กน้อย ฉันเห็นขากรรไกรคู่นั้น มีรอยเลือดติดอยู่ ดวงตาของฉันเลื่อนลงมาที่ลำคอ แผลเหวอะหวะเห็นหลอดอาหารกับหลอดลมปรากฏชัดเจนอยู่บนลำคอ เลือดสีคล้ำทะลักไหลออกมาจากแผลนั้นอยู่ตลอดเวลา
     
    “มาร์ก! แกนั่งทำบื้ออะไรอยู่!”วาตะโกนพลางยื้อแขนให้ฉันลุกขึ้นวิ่ง ฉันรู้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร เขาคือคนที่อยู่ในฝันร้ายของฉันนั่นเอง นามิลากลับ เราย่องขึ้นไปบนห้องนอน แต่ทุกคนก็นอนไม่หลับกันทั้งนั้น แต่ละคนต่างพูดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน ไม่เว้นแม้แต่ฝคีร์ ที่กำลังทำแผลให้ฉันอยู่
     
    “โชคดีจังที่เรื่องคืนนี้มันจบลงได้”ลูกหว้ายิ้มนิด แต่ฉันหัวเราะหึ และเอ่ยประโยคที่ทำให้รอยยิ้มของลูกหว้าหายไปทันที
     
    “ฉันว่ามันแค่เพิ่งเริ่มเท่านั้นแหละ”
     
    To Be Con
     
    ---------------------------------------


    เรื่องนี้แต่งสนองนี้ดตัวเอง555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×