ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : โรงเรียนพีคิวเลีย
ผมลากกระเป๋าของผมไปตามท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่กำลังวุ่นวายตามประสาคนเมืองใหญ่ จนในที่สุดก็ถึงหัวมุมถนน ซึ่งมีร้านเล็กๆ ดูเก่าๆ แต่วันนี้ไม่ได้ติดป้ายประกาศรับสมัครงานเหมือนเช่นเคย และร้านก็ไม่ได้ดูทรุดโทรมเหมือนเช่นเมื่อวาน ‘คงมีการทำความสะอาดกันล่ะสิ’ผมคิด ผมค่อยๆเดินลากกระเป๋าเข้ามาในร้านเหมือนเช่นเคย มีเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง ตอนผมเดินเข้าร้านไป วันนี้ไม่มีคนอยู่หน้าร้านเหมือนเช่นเมื่อวาน ผมพึ่งได้สังเกตร้านให้เต็มตา ในร้านนี้ มีหนังสือเก่ามากมาย ดูเหมือนว่าหลายต่อหลายเล่ม จะเป็นหนังสือหายากด้วย แต่มันก็ไม่ได้เรียกความสนใจของผมเลย ผมจึงเดินตามทางเดินเมื่อวานเข้าไปในหลังร้าน วันนี้ประตูหลังร้านเปิดออก เหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่ เมื่อผมก้าวเข้าไปในห้องนั้น ประตูก็ปิดทันที
    “มาตรงเวลาดีนี่พ่อหนุ่มน้อย”ชายหนุ่มที่ใส่หมวกปิดหน้าคนนั้นอีกแล้ว เมื่อไหร่เขาจะเลิกใส่หมวกปิดหน้าเสียทีนะ
    “แล้วเราจะไปโลกใต้เปลือกโลกยังไงกันล่ะ”ผมถามด้วยความสงสัย เพราะดูยังไงก็ไม่น่าจะไปได้เลย ใต้เปลือกโลก ร้อนก็ร้อน จะมีคนอยู่ได้ยังไงนะ ชายคนนี้ต้องบ้าแน่ๆ จ้างให้เรามาทำงานอะไรก็ไม่รู้
    “นายคงกำลังคิดล่ะสิ ว่าจะไปที่โลกใต้เปลือกโลกได้ยังไง”เขาพูด พร้อมกับหัวเราะ หึๆ
    “คุณอ่านความคิดผมเหรอ”ผมตะโกนลั่น ก็ไหนจะงานบ้าๆ พลังบ้าๆอีก
    “นี่เป็นพลังพิเศษของฉัน ฉันสามารถอ่านความคิดของคนที่อยากจะอ่านได้”เขากล่าวออกมา
    “พลังพิเศษ ที่คุณบอกว่าผมก็มีอย่างนั้นเหรอ” ผมลดเสียงลงมา พยายามให้ดูเหมือนเสียงพูดไม่ใช่เสียงตวาด
    “ใช่ แต่ของเธอ ฉันเองก็ยังไม่รู้ แต่ถ้าไปที่โรงเรียนนั่นแล้ว เธอก็จะรู้เอง” เขาพูดจากเสียงดัง ไปสู่เสียงเบา ทำให้ผมรู้สึกขนลุกไปหมด
    “แล้ว...จะไปกันทางไหนล่ะ”ผมรีบกลับเข้าเรื่อง พยายามไม่คิดเรื่องอื่น เดี๋ยวจะถูกอ่านความคิดอีก
    “ตามฉันมานี่”เขาพูด พลางเดินก้าวไปทางชั้นหนังสือ ผมรีบลากกระเป๋าตามไปหยุดอยู่ที่หน้าชั้นหนังสือเหมือนกัน
    “นี่น่ะหรือ คือประตูที่จะพาไปอีกโลก”ผมถามเขา ความรู้สึกหวาดกลัว เริ่มเข้าคลอบคลุมจิตใจผมทีละนิดๆ
    “ใช่ เดี๋ยวจะพาเข้าไปละนะ”จากนั้น เขาก็พูดอีกภาษาหนึ่ง ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นภาษาอะไร รู้แต่ว่า ไม่ใช่ภาษาบนนี้แน่นอน สักพัก ชั้นหนังสือก็ค่อยๆเลื่อนออก เผยให้เห็น ประตูไม้บานใหญ่ สีไม้โอ๊ก แกะสลักลวดลายงดงาม อย่างแม้แต่จิตรกรเอกในสมัยนี้ ยังไม่รู้ว่าจะสามารถแกะสลักได้หรือเปล่า
    “ถ้าชื่นชมประตูเสร็จแล้วก็รีบตามฉันมา” ผมเคลิ้มไปอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่สติจะกลับเข้าร่าง แล้วรีบเดินตามเขา เข้าไปในประตู
   
    ด้านหลังประตูนี้ปรากฏภาพทางลาดเอียงลงไปข้างล่างอย่างไม่เห็นจุดหมายต่อไป ว่าจะลาดลงไปถึงที่ใด ช่างน่าหวาดเสียวจริงๆว่าจะลงไปได้ยังไง ทั้งกระเป๋าของผมอีก
    “กระเป๋านายวางไว้ตรงนี้ล่ะ เดี๋ยวมันจะไปอยู่ที่นั่นเอง แล้วก็ ตอนลงไปข้างล่างน่ะ ให้เธอนอนไถลลงไป ทำได้ใช่ไหม”เขาอ่านความคิดผมอีกแล้ว
    “ทำได้ครับ” จากนั้นเขาจึงไถลตัวลงนำผมไปก่อน ก่อนที่ผมจะหายใจเข้าอีก2-3ที แล้วไถลตัวตามเขาลงมา
    ทางลาดชันนี้ ลาดเอียงลงมาเรื่อยๆเป็นแนวตรง ต่อมาก็เชื่อมติดต่อกับอุโมงค์ ซึ่งยังคงเป็นทางลาดเอียงอยู่ ภายในอุโมงค์ตอนนี้มืด แต่กลับไม่อับ หรือชื้น ผมยังคงส่งเสียงร้องไปตลอดทาง เพื่อดูว่าคนข้างหน้ายังอยู่หรือเปล่า ตอนนี้พวกผมไถลตัวลงมากว่า 5 นาทีแล้ว ยังไม่ถึงเลย ทุกทีพอผมเริ่มคิดบ่น เขาก็จะอ่านความคิดผมแล้วส่งเสียงคอยว่าตลอดทาง ในที่สุด ผมก็เริ่มเห็นแสงสว่างอยู่ทางปลายอุโมงค์ แสง มันจ้าขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องเอามือปิดตาและแล้ว.....
    แช๊ะ! เสียงกดชัตเตอร์ของกล้องถ่ายรูปดังขึ้น ผมจึงค่อยๆเอามือออก เพื่อให้ตาปรับเข้ากับแสง
    “เธอคือนักเรียนใหม่ของที่นี่สินะ” เสียงชายหนุ่มกล่าว เสียงนั้นเป็นเสียงที่ฟังดูอบอุ่น อ่อนโยน
    “แล้วที่นี่คือ ที่ไหนครับ” ผมถาม เพราะในห้องนี้เหมือนเป็นห้องทำงาน เพราะข้างหน้าผม มีโต๊ะทำงานสีบีช และเก้าอี้หนังสีน้ำตาล ห้องนี้ปูพื้นด้วยพรมเปอร์เซียผืนใหญ่ และยังมีชั้นหนังสืออีกมากมาย
      “ที่นี่ คือ ห้องอาจารย์ใหญ่จ้ะ” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งกล่าวขึ้น ผมจึงค่อยๆหันหน้าขึ้นไปมองเธอ เธอเป็นหญิงสาว รูปร่างท้วม ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสดใส ช่วยลดความหวาดในใจของผมไปได้
    “ห้องอาจารย์ใหญ่ไหนล่ะครับ” คราวนี้ ผมเริ่มมองหาชายหนุ่มที่นำหน้าผมลงมา แล้วสายตาของผมก็ไปสบเข้ากับชายหนุ่มคนนั้น ซึ่งกำลังค่อยๆถอดหมวกออก เผยให้เห็นผิวขาวสะอาด ตาคมเข้ม คิ้วหนา ปากได้รูปกำลังยิ้มเผล่อยู่ เหมือนจะเยาะเย้ยผมยังไงชอบกล
    “อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนพีคิวเลียยังไงล่ะ พ่อหนุ่มน้อย” เสียงชายหนุ่มที่รับผมเข้าทำงานดังขึ้นอีกครั้ง
    “แล้วให้ผมมาอยู่ที่นี่ทำไมล่ะครับ”ผมรีบชิงถาม ก่อนที่ใครจะพูดอะไร
    “ก็ตามที่เราตกลงกันไว้ยังไงล่ะ เธอจะต้องมาเรียนที่โรงเรียนนี้ เพื่อหากำไลอาถรรพ์นั่น” ชายหนุ่มที่รับผมเข้าทำงานตอบอีกครั้ง
    “แล้วเด็กคนนี้มีความสามารถอะไรล่ะ นายรู้แล้วเหรอเพทเทิล”หญิงร่างท้วมหันไปถามชายหนุ่มที่รับผมเข้าทำงาน
    “ยังไม่ค่อยจะแน่ใจ เลยอยากให้เธอช่วยตรวจสอบอีกทีนะจูเลียต แล้วก็ให้เขาเข้าเรียน” เพทเทิลตอบ
    “งั้นตามฉันมานะพ่อหนุ่มน้อย”เธอ หรือหญิงสาวที่ชื่อ จูเลียตตอบ แล้วเธอก็เดินนำผมไปห้องๆหนึ่ง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องของอาจารย์ใหญ่ ภายในห้องนั้นมีเครื่องมืออยู่หลายอย่าง มีทั้งแก้วน้ำ ใบไม้ เครื่องมือทรมาน และอื่นๆอีกมาก
    “ให้ผมทำอะไรเหรอครับ”
    “นั่งรอก่อนจ้ะ ไม่นานหรอก” จูเลียตพูดแล้วก็ยิ้มหวานให้ผม
    “เอ๋ ” ผมงงกับวิธีการบ้าๆของที่นี่จริงๆ  บ้าตั้งแต่คนที่พามา  ยันทางเข้า  และบ้าที่สุดก็คงจะเป็นผมที่ตามลงมา  ทำไม๊ ผมถึงต้องมาที่นี่ตอน 10 โมงตามที่บอกนะ  ถ้าเราไม่อยากมาก็ไม่ต้องมาก็ได้นี่นา เออ ไหนๆก็มาแล้ว เป็นไงเป็นกันฟะ  ผมคิดพลางเดินไปที่โต๊ะตัวยาวกลางห้องก่อนหันไปมองหน้าผู้อำนวยการอีกหน  ซึ่งเธอพยักหน้าให้แล้วก็ยิ้ม.... 
    ผมมองไปรอบๆ โต๊ะที่ตั้งอุปกรณ์พวกนั้น  แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่ผมสนใจ  ผมจึงเริ่มมองเลาะไปตามกำแพงที่มีชั้นวางของรายล้อมอยู่ 
บนชั้นวางของมีสิ่งของแปลกตาต่างๆมากมายที่ผมไม่เคยเห็นแตกต่างจากบนโต๊ะที่เป็นอุปกรณ์ที่หาดูได้บนโลก 
ผมมองไปยังชั้นวางของชั้นที่สอง ก็ยังไม่เห็นอะไรที่สะดุดตาผมอีกเช่นเคย ผมจึงค่อยๆหันหน้าไปมองผู้อำนวยการจูเลียต ซึ่งเธอก็ยังคงยิ้มน้อยๆให้ผมเช่นเคย
“งั้นเธอตามฉันมาอีกห้องหนึ่งเถอะจ้ะ” อะไรของเขาฟะเนี่ย ให้นั่ง แล้วก็ตามไปอีกห้องหนึ่ง แต่ผมก็ยังไม่วายที่จะเดินตามเธอไปต่อ
ห้องถัดมา เป็นห้องที่ตรงกลางห้อง มีชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งผิงไฟอยู่กลางห้อง ซึ่งอุณหภูมิในห้องก็ไม่ได้หนาวอะไร ทำไมต้องนั่งผิงไฟด้วยนะ ผู้อำนวยการจูเลียตค่อยๆเดินเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างข้างๆหูของชายชรา ชายชราจึงหันหน้ามามองผม แล้วจึงพึมพำอะไรบางอย่าง
“ใช้เวทย์”
“อะไรนะครับ” ผมชักงงแล้วสิ เวทย์เหรอ?? ทำไมล่ะ
“เขาบอกว่าเธอเหมาะที่จะใช้เวทย์น่ะ”ผู้อำนวยการจูเลียตตอบแทนชายชรา เราจึงเดินกลับไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่เหมือนเดิม
“ได้อะไร เขาได้อะไรจูเลียต” เพทเทิลรีบถามทันทีที่ผมเข้ามาอยู่ในห้อง
    “เขาได้ใช้เวทย์”เธอตอบขณะที่กำลังนั่งลงที่เก้าอี้อาจารย์ใหญ่
    “ซินส์ งานที่ฉันให้นายทำน่ะ ตอนนี้เปลี่ยนแผนนิดหน่อย เนื่องจากนายใช้เวทย์ได้ จึงให้นายใช้เวทย์ตามหากำไลเองนะ”เพทเทิลบอกผมอีกครั้ง
    “แล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ ว่าชิ้นไหนคือกำไลอาถารรพ์”ผมถามอย่างงงๆ ก็ทั้งไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตา ไม่รู้จะไปหาที่ไหนอีก
    “แล้วนายก็จะรู้เอง ฉันไปล่ะ เอ้อ แล้วก็กระเป๋านายนะ อยู่ทางโน้นนะ”เขาชี้มือไปที่ข้างๆโต๊ะผู้อำนวยการ แล้วก็หายแวบไปเลย
    “ซินส์จ้ะ ตอนนี้เธอก็คือนักเรียนของพีคิวเลียแล้วนะ แต่เธอจะต้องไปเรียนอยู่กับผู้ใช้เวทย์เหมือนกันที่ตึกทางทิศเหนือนะจ้ะ เมื่อไปถึงแล้วเธอขาดอะไรก็บอกรูมเมทเอานะจ้ะ แล้วก็ประวัติและรูปภาพของเธอน่ะ เราเก็บเอาไว้หมดแล้วนะจ๊ะ” ผู้อำนวยการจูเลียตแจงแจง
    “แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรล่ะครับว่าตึกทางทิศเหนืออยู่ทางไหน แล้วก็รูมเมทผมคือใคร”ผมถาม 2 คำถามในประโยคเดียว
    “อ้อ งั้นเดี๋ยวฉันเรียกตัวรูมเมทเธอมาดีกว่านะ จะได้พาเธอไปได้”เธอบอกผมเสร็จ ก็ก้มหน้าไปที่โต๊ะอาจารย์ซึ่งตอนนี้ปรากฏจอภาพขึ้นมาเป็นหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะเป็นประชาสัมพันธ์ของตึกนี้
    “เรียก ‘อโดนิส’มาหาฉันที บอกว่าฉันหารูมเมทให้เขาได้แล้ว” พูดจบเธอก็หันหน้าขึ้นมาสบตาผมแล้วยิ้ม ผมได้เฝ้าแต่สงสัยว่าเธอจะทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลยหรือไงนอกจากยิ้มเนี่ย คนมันร้อนใจนะเฟ้ย
    แสงสีขาวบาดตาค่อยๆปรากฏขึ้นชั้นหนังสือของผู้อำนวยการ ทำให้ผมต้องหันหน้าไปมอง แสงสีขาวบาดตาค่อยๆสว่างน้อยลงๆ จนในที่สุดก็ปรากฏภาพของชายคนหนึ่ง ผมสีทอง ตาสีน้ำเงินเข้ม หน้าตาออกจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำเลยก็ได้ว่า ‘หล่อ’ เขาค่อยๆเดินเข้ามาหาผู้อำนวยการ แล้วหันมายิ้มให้ผมนิดนึง นี่เหรอรูมเมทผม
    “อโดนิส นี่คือซินส์ รูมเมทของเธอนะ ช่วยพาเขาเดินไปดูที่ต่างๆในโรงเรียนทีนะจ๊ะ”เขารับคำผู้อำนวยการจูเลียตนิดๆ ก่อนหันมามองหน้าผม แล้วยื่นมาทักทายผม
    “สวัสดี ฉันอโดนิส มิราเคิล”ผมจับมือเขาตอบ
    “ฉันซินส์ เรมิลโลป”ผมส่งยิ้มให้เขานิดหนึ่ง ซึ่งเขาก็ยิ้มตอบผม
    “เอาล่ะ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์นะ โรงเรียนเราไม่มีการเรียนการสอนวันนี้ ก็เดินชมกันให้ทั่วนะ มีปัญหาอะไรก็ถามอโดนิสเอานะ” เธอบอกต่อ แล้วผมกับอโดนิสจึงได้ออกมาจากห้องของเธอ
    “มาตรงเวลาดีนี่พ่อหนุ่มน้อย”ชายหนุ่มที่ใส่หมวกปิดหน้าคนนั้นอีกแล้ว เมื่อไหร่เขาจะเลิกใส่หมวกปิดหน้าเสียทีนะ
    “แล้วเราจะไปโลกใต้เปลือกโลกยังไงกันล่ะ”ผมถามด้วยความสงสัย เพราะดูยังไงก็ไม่น่าจะไปได้เลย ใต้เปลือกโลก ร้อนก็ร้อน จะมีคนอยู่ได้ยังไงนะ ชายคนนี้ต้องบ้าแน่ๆ จ้างให้เรามาทำงานอะไรก็ไม่รู้
    “นายคงกำลังคิดล่ะสิ ว่าจะไปที่โลกใต้เปลือกโลกได้ยังไง”เขาพูด พร้อมกับหัวเราะ หึๆ
    “คุณอ่านความคิดผมเหรอ”ผมตะโกนลั่น ก็ไหนจะงานบ้าๆ พลังบ้าๆอีก
    “นี่เป็นพลังพิเศษของฉัน ฉันสามารถอ่านความคิดของคนที่อยากจะอ่านได้”เขากล่าวออกมา
    “พลังพิเศษ ที่คุณบอกว่าผมก็มีอย่างนั้นเหรอ” ผมลดเสียงลงมา พยายามให้ดูเหมือนเสียงพูดไม่ใช่เสียงตวาด
    “ใช่ แต่ของเธอ ฉันเองก็ยังไม่รู้ แต่ถ้าไปที่โรงเรียนนั่นแล้ว เธอก็จะรู้เอง” เขาพูดจากเสียงดัง ไปสู่เสียงเบา ทำให้ผมรู้สึกขนลุกไปหมด
    “แล้ว...จะไปกันทางไหนล่ะ”ผมรีบกลับเข้าเรื่อง พยายามไม่คิดเรื่องอื่น เดี๋ยวจะถูกอ่านความคิดอีก
    “ตามฉันมานี่”เขาพูด พลางเดินก้าวไปทางชั้นหนังสือ ผมรีบลากกระเป๋าตามไปหยุดอยู่ที่หน้าชั้นหนังสือเหมือนกัน
    “นี่น่ะหรือ คือประตูที่จะพาไปอีกโลก”ผมถามเขา ความรู้สึกหวาดกลัว เริ่มเข้าคลอบคลุมจิตใจผมทีละนิดๆ
    “ใช่ เดี๋ยวจะพาเข้าไปละนะ”จากนั้น เขาก็พูดอีกภาษาหนึ่ง ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นภาษาอะไร รู้แต่ว่า ไม่ใช่ภาษาบนนี้แน่นอน สักพัก ชั้นหนังสือก็ค่อยๆเลื่อนออก เผยให้เห็น ประตูไม้บานใหญ่ สีไม้โอ๊ก แกะสลักลวดลายงดงาม อย่างแม้แต่จิตรกรเอกในสมัยนี้ ยังไม่รู้ว่าจะสามารถแกะสลักได้หรือเปล่า
    “ถ้าชื่นชมประตูเสร็จแล้วก็รีบตามฉันมา” ผมเคลิ้มไปอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่สติจะกลับเข้าร่าง แล้วรีบเดินตามเขา เข้าไปในประตู
   
    ด้านหลังประตูนี้ปรากฏภาพทางลาดเอียงลงไปข้างล่างอย่างไม่เห็นจุดหมายต่อไป ว่าจะลาดลงไปถึงที่ใด ช่างน่าหวาดเสียวจริงๆว่าจะลงไปได้ยังไง ทั้งกระเป๋าของผมอีก
    “กระเป๋านายวางไว้ตรงนี้ล่ะ เดี๋ยวมันจะไปอยู่ที่นั่นเอง แล้วก็ ตอนลงไปข้างล่างน่ะ ให้เธอนอนไถลลงไป ทำได้ใช่ไหม”เขาอ่านความคิดผมอีกแล้ว
    “ทำได้ครับ” จากนั้นเขาจึงไถลตัวลงนำผมไปก่อน ก่อนที่ผมจะหายใจเข้าอีก2-3ที แล้วไถลตัวตามเขาลงมา
    ทางลาดชันนี้ ลาดเอียงลงมาเรื่อยๆเป็นแนวตรง ต่อมาก็เชื่อมติดต่อกับอุโมงค์ ซึ่งยังคงเป็นทางลาดเอียงอยู่ ภายในอุโมงค์ตอนนี้มืด แต่กลับไม่อับ หรือชื้น ผมยังคงส่งเสียงร้องไปตลอดทาง เพื่อดูว่าคนข้างหน้ายังอยู่หรือเปล่า ตอนนี้พวกผมไถลตัวลงมากว่า 5 นาทีแล้ว ยังไม่ถึงเลย ทุกทีพอผมเริ่มคิดบ่น เขาก็จะอ่านความคิดผมแล้วส่งเสียงคอยว่าตลอดทาง ในที่สุด ผมก็เริ่มเห็นแสงสว่างอยู่ทางปลายอุโมงค์ แสง มันจ้าขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องเอามือปิดตาและแล้ว.....
    แช๊ะ! เสียงกดชัตเตอร์ของกล้องถ่ายรูปดังขึ้น ผมจึงค่อยๆเอามือออก เพื่อให้ตาปรับเข้ากับแสง
    “เธอคือนักเรียนใหม่ของที่นี่สินะ” เสียงชายหนุ่มกล่าว เสียงนั้นเป็นเสียงที่ฟังดูอบอุ่น อ่อนโยน
    “แล้วที่นี่คือ ที่ไหนครับ” ผมถาม เพราะในห้องนี้เหมือนเป็นห้องทำงาน เพราะข้างหน้าผม มีโต๊ะทำงานสีบีช และเก้าอี้หนังสีน้ำตาล ห้องนี้ปูพื้นด้วยพรมเปอร์เซียผืนใหญ่ และยังมีชั้นหนังสืออีกมากมาย
      “ที่นี่ คือ ห้องอาจารย์ใหญ่จ้ะ” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งกล่าวขึ้น ผมจึงค่อยๆหันหน้าขึ้นไปมองเธอ เธอเป็นหญิงสาว รูปร่างท้วม ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสดใส ช่วยลดความหวาดในใจของผมไปได้
    “ห้องอาจารย์ใหญ่ไหนล่ะครับ” คราวนี้ ผมเริ่มมองหาชายหนุ่มที่นำหน้าผมลงมา แล้วสายตาของผมก็ไปสบเข้ากับชายหนุ่มคนนั้น ซึ่งกำลังค่อยๆถอดหมวกออก เผยให้เห็นผิวขาวสะอาด ตาคมเข้ม คิ้วหนา ปากได้รูปกำลังยิ้มเผล่อยู่ เหมือนจะเยาะเย้ยผมยังไงชอบกล
    “อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนพีคิวเลียยังไงล่ะ พ่อหนุ่มน้อย” เสียงชายหนุ่มที่รับผมเข้าทำงานดังขึ้นอีกครั้ง
    “แล้วให้ผมมาอยู่ที่นี่ทำไมล่ะครับ”ผมรีบชิงถาม ก่อนที่ใครจะพูดอะไร
    “ก็ตามที่เราตกลงกันไว้ยังไงล่ะ เธอจะต้องมาเรียนที่โรงเรียนนี้ เพื่อหากำไลอาถรรพ์นั่น” ชายหนุ่มที่รับผมเข้าทำงานตอบอีกครั้ง
    “แล้วเด็กคนนี้มีความสามารถอะไรล่ะ นายรู้แล้วเหรอเพทเทิล”หญิงร่างท้วมหันไปถามชายหนุ่มที่รับผมเข้าทำงาน
    “ยังไม่ค่อยจะแน่ใจ เลยอยากให้เธอช่วยตรวจสอบอีกทีนะจูเลียต แล้วก็ให้เขาเข้าเรียน” เพทเทิลตอบ
    “งั้นตามฉันมานะพ่อหนุ่มน้อย”เธอ หรือหญิงสาวที่ชื่อ จูเลียตตอบ แล้วเธอก็เดินนำผมไปห้องๆหนึ่ง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องของอาจารย์ใหญ่ ภายในห้องนั้นมีเครื่องมืออยู่หลายอย่าง มีทั้งแก้วน้ำ ใบไม้ เครื่องมือทรมาน และอื่นๆอีกมาก
    “ให้ผมทำอะไรเหรอครับ”
    “นั่งรอก่อนจ้ะ ไม่นานหรอก” จูเลียตพูดแล้วก็ยิ้มหวานให้ผม
    “เอ๋ ” ผมงงกับวิธีการบ้าๆของที่นี่จริงๆ  บ้าตั้งแต่คนที่พามา  ยันทางเข้า  และบ้าที่สุดก็คงจะเป็นผมที่ตามลงมา  ทำไม๊ ผมถึงต้องมาที่นี่ตอน 10 โมงตามที่บอกนะ  ถ้าเราไม่อยากมาก็ไม่ต้องมาก็ได้นี่นา เออ ไหนๆก็มาแล้ว เป็นไงเป็นกันฟะ  ผมคิดพลางเดินไปที่โต๊ะตัวยาวกลางห้องก่อนหันไปมองหน้าผู้อำนวยการอีกหน  ซึ่งเธอพยักหน้าให้แล้วก็ยิ้ม.... 
    ผมมองไปรอบๆ โต๊ะที่ตั้งอุปกรณ์พวกนั้น  แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่ผมสนใจ  ผมจึงเริ่มมองเลาะไปตามกำแพงที่มีชั้นวางของรายล้อมอยู่ 
บนชั้นวางของมีสิ่งของแปลกตาต่างๆมากมายที่ผมไม่เคยเห็นแตกต่างจากบนโต๊ะที่เป็นอุปกรณ์ที่หาดูได้บนโลก 
ผมมองไปยังชั้นวางของชั้นที่สอง ก็ยังไม่เห็นอะไรที่สะดุดตาผมอีกเช่นเคย ผมจึงค่อยๆหันหน้าไปมองผู้อำนวยการจูเลียต ซึ่งเธอก็ยังคงยิ้มน้อยๆให้ผมเช่นเคย
“งั้นเธอตามฉันมาอีกห้องหนึ่งเถอะจ้ะ” อะไรของเขาฟะเนี่ย ให้นั่ง แล้วก็ตามไปอีกห้องหนึ่ง แต่ผมก็ยังไม่วายที่จะเดินตามเธอไปต่อ
ห้องถัดมา เป็นห้องที่ตรงกลางห้อง มีชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งผิงไฟอยู่กลางห้อง ซึ่งอุณหภูมิในห้องก็ไม่ได้หนาวอะไร ทำไมต้องนั่งผิงไฟด้วยนะ ผู้อำนวยการจูเลียตค่อยๆเดินเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างข้างๆหูของชายชรา ชายชราจึงหันหน้ามามองผม แล้วจึงพึมพำอะไรบางอย่าง
“ใช้เวทย์”
“อะไรนะครับ” ผมชักงงแล้วสิ เวทย์เหรอ?? ทำไมล่ะ
“เขาบอกว่าเธอเหมาะที่จะใช้เวทย์น่ะ”ผู้อำนวยการจูเลียตตอบแทนชายชรา เราจึงเดินกลับไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่เหมือนเดิม
“ได้อะไร เขาได้อะไรจูเลียต” เพทเทิลรีบถามทันทีที่ผมเข้ามาอยู่ในห้อง
    “เขาได้ใช้เวทย์”เธอตอบขณะที่กำลังนั่งลงที่เก้าอี้อาจารย์ใหญ่
    “ซินส์ งานที่ฉันให้นายทำน่ะ ตอนนี้เปลี่ยนแผนนิดหน่อย เนื่องจากนายใช้เวทย์ได้ จึงให้นายใช้เวทย์ตามหากำไลเองนะ”เพทเทิลบอกผมอีกครั้ง
    “แล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ ว่าชิ้นไหนคือกำไลอาถารรพ์”ผมถามอย่างงงๆ ก็ทั้งไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตา ไม่รู้จะไปหาที่ไหนอีก
    “แล้วนายก็จะรู้เอง ฉันไปล่ะ เอ้อ แล้วก็กระเป๋านายนะ อยู่ทางโน้นนะ”เขาชี้มือไปที่ข้างๆโต๊ะผู้อำนวยการ แล้วก็หายแวบไปเลย
    “ซินส์จ้ะ ตอนนี้เธอก็คือนักเรียนของพีคิวเลียแล้วนะ แต่เธอจะต้องไปเรียนอยู่กับผู้ใช้เวทย์เหมือนกันที่ตึกทางทิศเหนือนะจ้ะ เมื่อไปถึงแล้วเธอขาดอะไรก็บอกรูมเมทเอานะจ้ะ แล้วก็ประวัติและรูปภาพของเธอน่ะ เราเก็บเอาไว้หมดแล้วนะจ๊ะ” ผู้อำนวยการจูเลียตแจงแจง
    “แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรล่ะครับว่าตึกทางทิศเหนืออยู่ทางไหน แล้วก็รูมเมทผมคือใคร”ผมถาม 2 คำถามในประโยคเดียว
    “อ้อ งั้นเดี๋ยวฉันเรียกตัวรูมเมทเธอมาดีกว่านะ จะได้พาเธอไปได้”เธอบอกผมเสร็จ ก็ก้มหน้าไปที่โต๊ะอาจารย์ซึ่งตอนนี้ปรากฏจอภาพขึ้นมาเป็นหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะเป็นประชาสัมพันธ์ของตึกนี้
    “เรียก ‘อโดนิส’มาหาฉันที บอกว่าฉันหารูมเมทให้เขาได้แล้ว” พูดจบเธอก็หันหน้าขึ้นมาสบตาผมแล้วยิ้ม ผมได้เฝ้าแต่สงสัยว่าเธอจะทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลยหรือไงนอกจากยิ้มเนี่ย คนมันร้อนใจนะเฟ้ย
    แสงสีขาวบาดตาค่อยๆปรากฏขึ้นชั้นหนังสือของผู้อำนวยการ ทำให้ผมต้องหันหน้าไปมอง แสงสีขาวบาดตาค่อยๆสว่างน้อยลงๆ จนในที่สุดก็ปรากฏภาพของชายคนหนึ่ง ผมสีทอง ตาสีน้ำเงินเข้ม หน้าตาออกจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำเลยก็ได้ว่า ‘หล่อ’ เขาค่อยๆเดินเข้ามาหาผู้อำนวยการ แล้วหันมายิ้มให้ผมนิดนึง นี่เหรอรูมเมทผม
    “อโดนิส นี่คือซินส์ รูมเมทของเธอนะ ช่วยพาเขาเดินไปดูที่ต่างๆในโรงเรียนทีนะจ๊ะ”เขารับคำผู้อำนวยการจูเลียตนิดๆ ก่อนหันมามองหน้าผม แล้วยื่นมาทักทายผม
    “สวัสดี ฉันอโดนิส มิราเคิล”ผมจับมือเขาตอบ
    “ฉันซินส์ เรมิลโลป”ผมส่งยิ้มให้เขานิดหนึ่ง ซึ่งเขาก็ยิ้มตอบผม
    “เอาล่ะ เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์นะ โรงเรียนเราไม่มีการเรียนการสอนวันนี้ ก็เดินชมกันให้ทั่วนะ มีปัญหาอะไรก็ถามอโดนิสเอานะ” เธอบอกต่อ แล้วผมกับอโดนิสจึงได้ออกมาจากห้องของเธอ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น