ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : หางานทำ
กริ๊งๆ กริ๊งๆ
“สวัสดีค่ะ บ้านเรมิลโลปค่ะ ขอสายใครคะ”
“ผมซินส์ครับ”
“สักครู่นะคะคุณชาย”
“แม่หรือครับ”
“จะลูก แม่เอง เมื่อเช้า แม่โทรไปหาเอง”
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“คือว่า เรื่องที่แม่กำลังจะบอกนี้น่ะ ลูกทำใจฟังให้ดีๆนะลูก”
“มันร้ายแรงมากเลยเหรอครับ”ผมตกใจ เพราะจู่ๆเสียงของเธอก็เปลี่ยนไป
“ก็....แม่จะบอกลูกว่า ตอนนี้ธุรกิจที่บ้านเราแย่มากเลยลูก ธุรกิจใกล้จะล้มละลายแล้ว แม่คงไม่มีเงินพอที่จะส่งให้ลูกแล้วล่ะ”เธอพูดด้วยเสียงเศร้า
“หา!!อะไรนะครับ ธุรกิจใกล้จะล้มละลายแล้ว”ผมตะโกนออกมา ช็อคมากเลยครับ
“จ้ะลูก แม่....แม่ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว”เธอเริ่มร้องไห้ออกมา
“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวผมจะหาเงินเองก็ได้ครับ”ผมต้องพยายามปลอบเธอ
“แม่ขอโทษลูก....แม่ขอโทษ”เธอพร่ำบอกผม พร้อมกับเสียงสะอื้น
“แม่ครับ ตอนนี้แม่ใจเย็นๆไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวธุรกิจต้องดีขึ้นแน่”ผมปลอบเธอต่อ
“แม่ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลย เพราะแม่....แม่ลงทุนผิดเอง”เธอเริ่มปล่อยโฮออกมา
“แม่ไม่ต้องห่วงผมนะครับ ผมโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ ผมหางานพิเศษทำก็ได้ครับ” ผมอธิบาย
“แม่ขอโทษ.....”จู่ๆ เสียงของเธอก็ขาดหายไป
“เอ่อ....แม่.....แม่เป็นอะไรไปครับ”
  ติ๊ดๆๆๆ
“สายหลุดไปซะแล้ว”
“แม่นายว่าไงบ้าง ซินส์” รีซาร์ดถาม
“แม่บอกว่า ธุรกิจที่บ้านจะล้มละลาย ให้ฉันหาเงินเลี้ยงตัวเอง”ผมบอกด้วยน้ำเสียงที่บอกอารมณ์ว่า เซ็ง
“เฮ้ย แล้วนายจะทำไงอะ”รีซาร์ดตกใจ รีบถามออกมา
“ก็ต้องหางานพิเศษทำ”
“พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้ว ไปหากันวันพรุ่งนี้ก็ได้”
“แล้วนายจะหางานทำจากที่ไหนล่ะ ซินส์”
“ฉันจะลองหาจากอินเตอร์เน็ตดู”
“พรุ่งนี้ฉันก็ต้องไปทำงานพิเศษ ไว้ฉันจะถามให้ละกัน ว่ายังมีตำแหน่งว่างไหม”
“ขอบใจนายมาก”ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆเลย
   
    เช้าวันเสาร์ที่ควรจะสดใสเช่นทุกที กลับไม่สดใสเอาเสียเลย หางานก่อนๆ เฮ้ยๆที่มันงานอะไรของมันเนี่ยยยยย.... มีแต่งานที่เราอายุไม่ถึงทั้งนั้นเลย ต้องการแต่อายุ18ปีขึ้น วุฒิก็ต้องม.6 อัพ อ๊ะๆ เจอแล้วๆ อายุต้องการ 15 ปีขึ้นไป แต่เป็นงาน.....ที่รับเฉพาะผู้หญิง  โอ๊ย เซ็ง ทำไมหางาน หายากอย่างงี้วะ ตอนนี้เข้าใจความรู้สึกของคนตกงานที่กำลังหางานทำเลยนะเนี่ย จะไม่หางานทำก็ไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีเงินเอาไปเรียนหนังสือ ทำไงดีเนี่ยยยย
    “หางานได้ยัง ซินส์”
    “ยังไม่ได้เลยว่ะ มีแต่งานที่ฉันอายุไม่ถึง ไม่ก็วุฒิไม่ถึง”
    “ที่ร้าน เจ้าของร้านก็บอกว่ายังไม่มีตำแหน่งว่างเลย”
    “เอาวะ พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันต้องลองไปหางานดูอีกที”
   
    วันนี้วันอาทิตย์แล้วครับ ผมลองเดินหางานตามร้านค้าต่างๆ ตามร้านที่แปะประกาศรับสมัครก็แล้ว ร้านที่ไม่แปะประกาศก็แล้ว ทั้งๆที่ อายุ เพศ วุฒิ ก็ถึง แต่ทำไมถึงไม่ได้ทำงานนะ หรือว่า หน้าเราไม่น่าไว้วางใจ จนมาถึงร้านแห่งหนึ่ง ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ดูเก่าๆ อยู่หัวมุมถนน ติดป้ายรับสมัครงานคุณสมบัติที่ต้องการ คือ
1.    เป็นเพศชาย
2.    ไม่จำกัดอายุ
3.    ไม่จำกัดการศึกษา
งานอะไรเนี่ย ไม่จำกัดวุฒิ ไม่จำกัดการศึกษา ลองเข้าไปดูดีกว่า เผื่อเขาจะรับเรา
    “สวัสดีครับ ผมมาสมัครงานค๊าบบบบบ”เอ๊ะ ทำไมเงียบจังวะ หรือจะไม่มีคนอยู่
    “หืม มีคนมาสมัครงานเหรอ” มีเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งตอบมา
    ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินมาหาผม เขาเป็นชายที่ดูลึกลับ เพราะนอกจาก สีผมและสีตา ที่เป็นสีดำแล้ว ยังใส่ชุดที่เป็นสีดำทั้งชุดอีกด้วย ราวกับขนนกกาน้ำเลยทีเดียว น่ากลัวดีแท้
    “เอ่อ ไม่ทราบว่าที่นี่รับสมัครพนักงานมาทำงานอะไรเหรอครับ”ผมพยายามเปล่งเสียงออกไปให้ดูฉะฉาน เพราะทุกร้านที่ผ่านมาต่างก็บอกทั้งนั้น ว่ารับสมัครเพื่อทำงานอะไร
    ชายคนนั้นจ้องผม ตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนกำลังพิจารณาอะไรสักอย่าง และเขายังคงไม่ยอมตอบคำถามผม
    “ตามฉันเข้ามา”
    ผมเดินงงตามเขาเข้าไปที่หลังร้าน ซึ่งข้างหลังร้าน ปรากฏโต๊ะทำงานสีน้ำตาลเข้มตัวหนึ่ง และเก้าอี้สีดำขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังหันหลังให้ผมอยู่ ดูแล้วเหมือนผมเข้ามาในห้องอ่านหนังสือ เพราะรอบๆห้องนั้นมีหนังสือต่างๆมากมาย และมีหน้าต่างบานใหญ่ ซึ่งปิดผ้าม่านสีเข้มปิดเอาไว้
    “เธอจะมาสมัครงานใช่ไหม”เป็นเสียงที่พูดออกมาจากหลังเก้าอี้ตัวสีดำ ท่าทางจะมีคนนั่งอยู่ข้างหลัง ซึ่งน้ำเสียงที่พูดออกมานั้น ให้ความรู้สึกถึงความมีอำนาจของคนพูด ซึ่งทำให้ผมขนลุกเลยทีเดียว
    “ครับ ผมอยากจะมาสมัครงานที่นี่”ผมกล้าๆกลัวๆ แต่ก็ตอบออกไป
    “ฉันเห็นว่าเธอมีพลังอำนาจพิเศษบางอย่าง จะรับเธอไว้ทำงานก็ได้”ชายคนที่พูดหันหน้ากลับมา เข้าใส่หมวกคลุมหน้าเอาไว้
    “เอ๋ นี่รับผมแล้วเหรอครับ” ผมถามอย่างงงๆ ก็ยังไม่ได้สัมภาษณ์อะไรเลยนี่ จู่ๆก็รับเข้าทำงาน เฮ้ยๆ ชักแปลกๆ แล้วยังพลังอำนาจบ้าบออะไรอีกล่ะเนี่ย
    “ใช่” ชายคนนั้นตอบเสียงหนักแน่น เหมือนกับมีความมั่นใจอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งตัวผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าเขาแน่ใจอะไรกันแน่
    “แล้วจะให้ผมทำงานอะไรล่ะครับ” หลังจากงงอยู่สักพัก ผมจึงได้ถามออกไป
    “ฉันจะให้เธอไปตามหากำไลอันหนึ่ง”
    “เอ๋!? กำไลเหรอครับ แล้วทำไมถึงไม่จ้างนักสืบตามหาล่ะครับ”ผมชักงงมากขึ้นแล้วสิ งานบ้าอะไรเนี่ย
    “ก็อย่างที่ฉันบอก เธอมีพลังอำนาจพิเศษบางอย่าง ต้องใช้คนที่มีพลังพิเศษแบบเธอ พวกนักสืบชั้นต่ำแบบนั้นน่ะ ใช้ไม่ได้ ซึ่งที่ๆฉันจะให้เธอไปตามหากำไลนั้น ไม่ใช่ที่ประเทศนี้หรอกนะ มันอยู่ที่อีกประเทศหนึ่ง ซึ่งอยู่ให้เปลือกโลก”
    “ให้ตามหากำไล ซึ่งอยู่ที่ประเทศใต้เปลือกโลกเหรอครับ”
    “ใช่ ประเทศนั้นคือประเทศพีคิวเลีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนสำหรับผู้ที่มีความสามารถพิเศษ คนที่มีกำไลนี้อยู่ กำลังมีอันตราย เพราะกำไลนี้เป็นกำไลอาถรรพ์ ผู้ใดที่ได้ใส่กำไลนี้ ไม่เคยมีใครรอดชีวิตมาก่อน นายต้องไปถอดกำไลออกจากตัวผู้หญิงคนนี้ให้ได้ภายใน 1 ปี ต่อจากนี้ กำไลนี้จะค่อยๆดูดพลังผู้ใส่เข้าไปทีละนิดๆ จนผู้ใส่ร่างกายอ่อนแอ และจะดูดจนไม่เหลือพลังชีวิตให้ดูด นั่นก็คือคนใส่จะตายไป”
    “แล้วจะให้ผมไปตามหายังไงล่ะครับ” หลังจากที่เขาร่ายมานาน ผมก็ได้เปิดปากถามซะที
    “ฉันก็จะส่งให้เธอไปที่โรงเรียนนั้น แล้วก็ให้เธอไปตามหาคนที่ใส่กำไลนี้”
    “อย่างนั้น ผมก็ต้องหยุดโรงเรียนน่ะสิ ไม่เอาหรอก ผมขอโทษนะครับ ผมไปหางานที่อื่นดีกว่า”ผมเตรียมตัวจะวิ่งออกจากที่ร้านนั้นในทันที แต่ทว่า มีชายร่างยักษ์จากไหนก็ไม่รู้ 2 คนมายืนขวางหน้าผม ทำให้ผมออกไปไม่ได้
    “คุณต้องการอะไรกันแน่!” ผมเริ่มอารมณ์เสียแล้วนะ งานบ้าอะไรก็ไม่รู้
    “เธอออกไปไม่ได้หรอก เธอเข้ามาในที่นี้ก็คืออยากทำงาน ฉันก็ไม่ได้ติดเอาไว้ด้วย ว่างานอะไร แปลว่า งานอะไรก็ได้ รับทำทั้งหมดไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่าง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามานี่ ฉันก็ใช้พลังควบคุมเธอเอาไว้แล้ว ถ้าเธอไม่รับงานที่นี่ ก็ไม่สามารถออกไปได้”ชายคนนั้นค่อยๆก้าวเข้ามาหาผมช้าๆ
    “ก็จริง...แต่งานนี้ก็แปลว่า ผมต้องจากบ้าน จากครอบครัว จากเพื่อน จากคนรัก ไปทำงานน่ะสิ แล้วผลการเรียนของผมล่ะ ผมจะทำยังไง”ผมเริ่มร่ายยาวบ้าง เอาวะ เพื่อให้รอดออกไป
    “หึๆ ที่นี่เข้ามาแล้ว ออกไปไม่ได้หรอก นอกจากเธอจะตอบตกลง”ชายคนนั้นหัวเราะหึๆ
    “แล้วผมต้องไปทำงานนานเท่าไหร่ล่ะ”ผมถามออกไปอย่างหมดความหวัง
    “ก็จนกว่างานจะเสร็จ แต่ถ้างานเสร็จแล้วจะมีงานต่อไปให้ทำอีก แต่ถ้าไม่ทำงานต่อไปก็กลับ”ชายคนนั้นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงประมาณว่า ‘มีไอ้โง่หลงมาทำงานกับเราแล้ว’
    “แล้วผมต้องเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะครับ”ผมถามด้วยความละเหี่ยใจ
    “พรุ่งนี้”
    “หา พรุ่งนี้!!!!”ผมตะโกนสุดชีวิต พรุ่งนี้ งั้นผมก็ต้องบอกลาเพื่อนๆทุกคนเลยน่ะสิ
    “เรื่องค่าจ้าง ฉันจ่ายเยอะ”
    “แล้วผมจะตามหากำไลเจอได้ยังไงครับ”
    “ฉันจะให้รูปกำไลไป แล้วจากนั้นก็เป็นเรื่องของความสามารถของเธอ ว่าจะมีความสามารถพอที่จะหากำไลนี้เจอหรือเปล่า”
    “แล้วผมจะไปที่โรงเรียนใต้เปลือกโลกนี้ยังไงล่ะครับ”
    “พรุ่งนี้มาหาฉัน ตอน10 โมง แล้วฉันจะพาเธอไปเอง”
    “เป็นไงบ้าง ซินส์ ไปนานอย่างนี้ ได้งานแล้วล่ะสิ” รีซาร์ดรีบทักผม
    “ใช่ ได้งานแล้ว งานดีมากเลยด้วย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
    จากนั้นผมจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้รีซาร์ดฟัง รู้สึกเศร้ายังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูกเลย ทั้งเรื่องความสามารถ บ้าๆบอๆนั่นอีก
    “เขาบอกว่านายมีพลังพิเศษเหรอ”รีซาร์ดถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ
    “ใช่ ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อหรอก”ผมตอบเสียงเบื่อโลก
    “อย่างนี้นายก็ต้องไปล่ำลาเพื่อนๆสิ เฮ้อ แล้วต่อไปนี้ฉันจะอยู่กับใครล่ะ นายต้องรีบทำงานให้เสร็จเร็วๆ แล้วรีบกลับมานะ ฉันจะรอ”มันเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วจริงๆ
    “อืม ต้องล่ำลาเพื่อนแล้วก็น้องแซฟ”
    “โธ่เว้ย” ผมบ่นออกมาอย่างหัวเสีย
    “เออ ฉันไปเก็บของเตรียมตัวก่อนแล้วกัน”ผมอยากจะนั่งอยู่คนเดียวเลยอ้างไปอย่างนั้น
    ความจริง ของไม่มีอะไรให้ต้องเก็บเลยแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดเอง แต่ผมอยากนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆมากกว่าจะนั่งคุยกับเพื่อน ถึงจะได้เงินเยอะก็เถอะ แต่ยังไงผมก็ไม่อยากไป เฮ้อ ทั้งรีซาร์ด เนซิส คิดแล้วเบื่อโลกจริงๆ ไหนจะโรงเรียนเกี่ยวกับพลังจิตนั่นอีก จะให้เราไปเรียนสะกดจิตหรือไง พลังจิต ไม่เคยเห็นจะมีใครมีเลยนี่ แล้วเขาเป็น 1 ในเท่าไหร่ล่ะที่จะต้องมีพลังจิต แล้วต้องเป็น 1 ในเท่าไหร่ที่จะต้องไปทำงานแบบนี้ ต้องเป็น 1 ในเท่าไหร่ที่จะต้องไปเรียนโรงเรียนแบบนี้ ต้องเป็น 1 ในเท่าไหร่ที่จะต้องจากเพื่อน จากครอบครัว จากคนรัก เพื่อไปทำงาน
    คิดเรื่องอะไรอยู่เนี่ยเรา รีบๆเก็บของไว้ก็ดีเหมือนกัน เผื่อต้องใช้ของอะไรจำเป็น ไม่งั้นก็ต้องนั่งเศร้าอยู่อย่างนี้ คิดเข้าไว้สิๆ ปีเดียวเองๆ ไม่ตายหรอกน่า ความทรงจำดีๆก็ใช่ว่าจะต้องลืมนี่นา ยังไงเพื่อนๆก็ไม่มีทางทิ้งเราหรอกน่า
    จากนั้นผมก็เก็บของไปเรื่อยๆโดยใช้กระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่ มันเป็นของพ่อเขา ซึ่งให้เขาไว้ก่อนที่จะเดินทางมาเรียนที่นี่ แล้วแม่ที่ไม่มีพ่อล่ะ ตอนนี้จะเป็นอย่างไร แล้วธุรกิจที่บ้านอีกเล่า ใกล้จะล้มละลายแล้ว แม่จะทำยังไง ผู้หญิงคนเดียวดูแลธุรกิจที่บ้าน ซึ่งเป็นธุรกิจใหญ่ แล้วถ้าเกิดธุรกิจล้มละลายแล้ว แม่จะอยู่อย่างไร จะทำมาหากินด้วยอาชีพอะไร แล้วการที่เรามาเรียนที่นี่ ไม่อยู่บ้านดูแลแม่ถือเป็นลูกอกตัญญูไหมนะ คิดแล้วเศร้า
   
    “ซินส์ มาทานข้าวเถอะ เย็นแล้วนะ”ผมรีบปาดน้ำตาของตัวเองอย่างรวดเร็ว
    “แป๊บนะ เก็บของใกล้จะเสร็จแล้ว”ผมเสแสร้งตอบออกไป
    “เดี๋ยวค่อยไปเก็บต่อก็ได้”
    “เสร็จแล้วๆ”ผมรีบวิ่งออกไป
    “พรุ่งนี้แล้วเหรอที่นายจะไป มันฉุกละหุก ไปหน่อยนะ ฉันว่า”รีซาร์ดพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
    “ก็จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็ฉันต้องการใช้เงิน”พอผมพูดจบ รีซาร์ดก็ได้แต่ตบบ่าผม เพื่อเป็นการให้กำลังใจ
    “รีบๆทำงานล่ะ”
    “อืม”ผมตอบ
   
   
    เช้าวันที่ผมต้องออกเดินทางก็มาถึง วันนี้ถ้าเป็นวันธรรมดาคือวันจันทร์ ซึ่งปกติต้องตื่นไปโรงเรียน แต่วันนี้ คือ การล่ำลาอย่างเดียว ซึ่งเขาตัดสินใจแล้วว่า วันนี้เขาจะไม่เข้าเรียนแค่เข้าไปล่ำลาเพื่อนเฉยๆ และก็จะไป
    “อะไรนะ!!!” เพื่อนๆร้องเสียงหลง เมื่อรู้ว่าเขาจะต้องหยุดเรียนเพื่อไปทำงาน
    “ก็อย่างที่บอกไป”ผมพูด จากนั้น เนซิสก็เดินเข้ามาตบบ่าผมแล้วพูดว่า
    “ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันอยู่นะ รีบๆทำงานล่ะ”ผมยิ้มไปให้เนซิส จากนั้นเพื่อนก็ค่อยๆทยอยเข้ามาลาผมทีละคนๆ จนครบทั้งห้อง แต่ที่เหลือ ที่ผมยังไม่ได้ลา นั่นก็คือน้องแซฟ
    “ริวๆ แซฟ มายัง”ขอให้แซฟมาแล้วเถอะ
    “มาแล้วพี่ วันนี้แซฟมาเช้า”ขอบคุณใครก็ตามที่ทำให้แซฟมาเช้าได้
    “มีอะไรหรือเปล่าคะ พี่ซินส์”น้องแซฟถามด้วยความตกใจ เพราะวันนี้ผมวิ่งมาหาเธอ เหงื่อโชกไปทั้งตัว เพราะ ม.4 อยู่คนละตึกกับ ม.5
    “แซฟ...พี่...มี...เรื่อง...จะ...พูด...ด้วย...”ผมละล่ำละลักตอบ เพราะกำลังหอบอยู่
    “ทำไมเหรอคะ พี่ซินส์”เธอถามซ้ำอีกครั้ง
    “คือพี่จะต้องไปทำงานน่ะ แล้วงานนี้พี่ต้องไปทำที่ต่างประเทศ ประมาณ 1 ปี”เขาพยายามทำให้เสียงเป็นปกติที่สุด
    “แล้วต้องไปวันไหนล่ะคะ พี่ซินส์”เธอถามช้าๆ อย่างจะให้ความรู้สึกเศร้าไหลเข้าไปช้าๆ
    “ต้องไปวันนี้แล้วล่ะ”ผมเองก็เศร้า
    “ค่ะ โชคดีนะคะ พี่ซินส์”ผมอดไม่ได้ที่จะจับมือเธอขึ้นมาบีบเบาๆ
    “พี่จะรีบกลับมา” เธอบีบมือผมตอบกลับมา
    “ค่ะ” เธอเริ่มสะอื้น
    “พี่ไปล่ะ” ผมบอกลาครั้งสุดท้าย แล้วเดินหันหลัง ทิ้งให้เธอยืนอยู่หน้าห้องเรียนของเธอ
    “ถึงเวลาต้องไปแล้วสินะ”ผมพึมพำกับตัวเองขณะเดินออกมา
“สวัสดีค่ะ บ้านเรมิลโลปค่ะ ขอสายใครคะ”
“ผมซินส์ครับ”
“สักครู่นะคะคุณชาย”
“แม่หรือครับ”
“จะลูก แม่เอง เมื่อเช้า แม่โทรไปหาเอง”
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“คือว่า เรื่องที่แม่กำลังจะบอกนี้น่ะ ลูกทำใจฟังให้ดีๆนะลูก”
“มันร้ายแรงมากเลยเหรอครับ”ผมตกใจ เพราะจู่ๆเสียงของเธอก็เปลี่ยนไป
“ก็....แม่จะบอกลูกว่า ตอนนี้ธุรกิจที่บ้านเราแย่มากเลยลูก ธุรกิจใกล้จะล้มละลายแล้ว แม่คงไม่มีเงินพอที่จะส่งให้ลูกแล้วล่ะ”เธอพูดด้วยเสียงเศร้า
“หา!!อะไรนะครับ ธุรกิจใกล้จะล้มละลายแล้ว”ผมตะโกนออกมา ช็อคมากเลยครับ
“จ้ะลูก แม่....แม่ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว”เธอเริ่มร้องไห้ออกมา
“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวผมจะหาเงินเองก็ได้ครับ”ผมต้องพยายามปลอบเธอ
“แม่ขอโทษลูก....แม่ขอโทษ”เธอพร่ำบอกผม พร้อมกับเสียงสะอื้น
“แม่ครับ ตอนนี้แม่ใจเย็นๆไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวธุรกิจต้องดีขึ้นแน่”ผมปลอบเธอต่อ
“แม่ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลย เพราะแม่....แม่ลงทุนผิดเอง”เธอเริ่มปล่อยโฮออกมา
“แม่ไม่ต้องห่วงผมนะครับ ผมโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ ผมหางานพิเศษทำก็ได้ครับ” ผมอธิบาย
“แม่ขอโทษ.....”จู่ๆ เสียงของเธอก็ขาดหายไป
“เอ่อ....แม่.....แม่เป็นอะไรไปครับ”
  ติ๊ดๆๆๆ
“สายหลุดไปซะแล้ว”
“แม่นายว่าไงบ้าง ซินส์” รีซาร์ดถาม
“แม่บอกว่า ธุรกิจที่บ้านจะล้มละลาย ให้ฉันหาเงินเลี้ยงตัวเอง”ผมบอกด้วยน้ำเสียงที่บอกอารมณ์ว่า เซ็ง
“เฮ้ย แล้วนายจะทำไงอะ”รีซาร์ดตกใจ รีบถามออกมา
“ก็ต้องหางานพิเศษทำ”
“พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้ว ไปหากันวันพรุ่งนี้ก็ได้”
“แล้วนายจะหางานทำจากที่ไหนล่ะ ซินส์”
“ฉันจะลองหาจากอินเตอร์เน็ตดู”
“พรุ่งนี้ฉันก็ต้องไปทำงานพิเศษ ไว้ฉันจะถามให้ละกัน ว่ายังมีตำแหน่งว่างไหม”
“ขอบใจนายมาก”ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆเลย
   
    เช้าวันเสาร์ที่ควรจะสดใสเช่นทุกที กลับไม่สดใสเอาเสียเลย หางานก่อนๆ เฮ้ยๆที่มันงานอะไรของมันเนี่ยยยยย.... มีแต่งานที่เราอายุไม่ถึงทั้งนั้นเลย ต้องการแต่อายุ18ปีขึ้น วุฒิก็ต้องม.6 อัพ อ๊ะๆ เจอแล้วๆ อายุต้องการ 15 ปีขึ้นไป แต่เป็นงาน.....ที่รับเฉพาะผู้หญิง  โอ๊ย เซ็ง ทำไมหางาน หายากอย่างงี้วะ ตอนนี้เข้าใจความรู้สึกของคนตกงานที่กำลังหางานทำเลยนะเนี่ย จะไม่หางานทำก็ไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีเงินเอาไปเรียนหนังสือ ทำไงดีเนี่ยยยย
    “หางานได้ยัง ซินส์”
    “ยังไม่ได้เลยว่ะ มีแต่งานที่ฉันอายุไม่ถึง ไม่ก็วุฒิไม่ถึง”
    “ที่ร้าน เจ้าของร้านก็บอกว่ายังไม่มีตำแหน่งว่างเลย”
    “เอาวะ พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันต้องลองไปหางานดูอีกที”
   
    วันนี้วันอาทิตย์แล้วครับ ผมลองเดินหางานตามร้านค้าต่างๆ ตามร้านที่แปะประกาศรับสมัครก็แล้ว ร้านที่ไม่แปะประกาศก็แล้ว ทั้งๆที่ อายุ เพศ วุฒิ ก็ถึง แต่ทำไมถึงไม่ได้ทำงานนะ หรือว่า หน้าเราไม่น่าไว้วางใจ จนมาถึงร้านแห่งหนึ่ง ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ดูเก่าๆ อยู่หัวมุมถนน ติดป้ายรับสมัครงานคุณสมบัติที่ต้องการ คือ
1.    เป็นเพศชาย
2.    ไม่จำกัดอายุ
3.    ไม่จำกัดการศึกษา
งานอะไรเนี่ย ไม่จำกัดวุฒิ ไม่จำกัดการศึกษา ลองเข้าไปดูดีกว่า เผื่อเขาจะรับเรา
    “สวัสดีครับ ผมมาสมัครงานค๊าบบบบบ”เอ๊ะ ทำไมเงียบจังวะ หรือจะไม่มีคนอยู่
    “หืม มีคนมาสมัครงานเหรอ” มีเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งตอบมา
    ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินมาหาผม เขาเป็นชายที่ดูลึกลับ เพราะนอกจาก สีผมและสีตา ที่เป็นสีดำแล้ว ยังใส่ชุดที่เป็นสีดำทั้งชุดอีกด้วย ราวกับขนนกกาน้ำเลยทีเดียว น่ากลัวดีแท้
    “เอ่อ ไม่ทราบว่าที่นี่รับสมัครพนักงานมาทำงานอะไรเหรอครับ”ผมพยายามเปล่งเสียงออกไปให้ดูฉะฉาน เพราะทุกร้านที่ผ่านมาต่างก็บอกทั้งนั้น ว่ารับสมัครเพื่อทำงานอะไร
    ชายคนนั้นจ้องผม ตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนกำลังพิจารณาอะไรสักอย่าง และเขายังคงไม่ยอมตอบคำถามผม
    “ตามฉันเข้ามา”
    ผมเดินงงตามเขาเข้าไปที่หลังร้าน ซึ่งข้างหลังร้าน ปรากฏโต๊ะทำงานสีน้ำตาลเข้มตัวหนึ่ง และเก้าอี้สีดำขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังหันหลังให้ผมอยู่ ดูแล้วเหมือนผมเข้ามาในห้องอ่านหนังสือ เพราะรอบๆห้องนั้นมีหนังสือต่างๆมากมาย และมีหน้าต่างบานใหญ่ ซึ่งปิดผ้าม่านสีเข้มปิดเอาไว้
    “เธอจะมาสมัครงานใช่ไหม”เป็นเสียงที่พูดออกมาจากหลังเก้าอี้ตัวสีดำ ท่าทางจะมีคนนั่งอยู่ข้างหลัง ซึ่งน้ำเสียงที่พูดออกมานั้น ให้ความรู้สึกถึงความมีอำนาจของคนพูด ซึ่งทำให้ผมขนลุกเลยทีเดียว
    “ครับ ผมอยากจะมาสมัครงานที่นี่”ผมกล้าๆกลัวๆ แต่ก็ตอบออกไป
    “ฉันเห็นว่าเธอมีพลังอำนาจพิเศษบางอย่าง จะรับเธอไว้ทำงานก็ได้”ชายคนที่พูดหันหน้ากลับมา เข้าใส่หมวกคลุมหน้าเอาไว้
    “เอ๋ นี่รับผมแล้วเหรอครับ” ผมถามอย่างงงๆ ก็ยังไม่ได้สัมภาษณ์อะไรเลยนี่ จู่ๆก็รับเข้าทำงาน เฮ้ยๆ ชักแปลกๆ แล้วยังพลังอำนาจบ้าบออะไรอีกล่ะเนี่ย
    “ใช่” ชายคนนั้นตอบเสียงหนักแน่น เหมือนกับมีความมั่นใจอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งตัวผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าเขาแน่ใจอะไรกันแน่
    “แล้วจะให้ผมทำงานอะไรล่ะครับ” หลังจากงงอยู่สักพัก ผมจึงได้ถามออกไป
    “ฉันจะให้เธอไปตามหากำไลอันหนึ่ง”
    “เอ๋!? กำไลเหรอครับ แล้วทำไมถึงไม่จ้างนักสืบตามหาล่ะครับ”ผมชักงงมากขึ้นแล้วสิ งานบ้าอะไรเนี่ย
    “ก็อย่างที่ฉันบอก เธอมีพลังอำนาจพิเศษบางอย่าง ต้องใช้คนที่มีพลังพิเศษแบบเธอ พวกนักสืบชั้นต่ำแบบนั้นน่ะ ใช้ไม่ได้ ซึ่งที่ๆฉันจะให้เธอไปตามหากำไลนั้น ไม่ใช่ที่ประเทศนี้หรอกนะ มันอยู่ที่อีกประเทศหนึ่ง ซึ่งอยู่ให้เปลือกโลก”
    “ให้ตามหากำไล ซึ่งอยู่ที่ประเทศใต้เปลือกโลกเหรอครับ”
    “ใช่ ประเทศนั้นคือประเทศพีคิวเลีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนสำหรับผู้ที่มีความสามารถพิเศษ คนที่มีกำไลนี้อยู่ กำลังมีอันตราย เพราะกำไลนี้เป็นกำไลอาถรรพ์ ผู้ใดที่ได้ใส่กำไลนี้ ไม่เคยมีใครรอดชีวิตมาก่อน นายต้องไปถอดกำไลออกจากตัวผู้หญิงคนนี้ให้ได้ภายใน 1 ปี ต่อจากนี้ กำไลนี้จะค่อยๆดูดพลังผู้ใส่เข้าไปทีละนิดๆ จนผู้ใส่ร่างกายอ่อนแอ และจะดูดจนไม่เหลือพลังชีวิตให้ดูด นั่นก็คือคนใส่จะตายไป”
    “แล้วจะให้ผมไปตามหายังไงล่ะครับ” หลังจากที่เขาร่ายมานาน ผมก็ได้เปิดปากถามซะที
    “ฉันก็จะส่งให้เธอไปที่โรงเรียนนั้น แล้วก็ให้เธอไปตามหาคนที่ใส่กำไลนี้”
    “อย่างนั้น ผมก็ต้องหยุดโรงเรียนน่ะสิ ไม่เอาหรอก ผมขอโทษนะครับ ผมไปหางานที่อื่นดีกว่า”ผมเตรียมตัวจะวิ่งออกจากที่ร้านนั้นในทันที แต่ทว่า มีชายร่างยักษ์จากไหนก็ไม่รู้ 2 คนมายืนขวางหน้าผม ทำให้ผมออกไปไม่ได้
    “คุณต้องการอะไรกันแน่!” ผมเริ่มอารมณ์เสียแล้วนะ งานบ้าอะไรก็ไม่รู้
    “เธอออกไปไม่ได้หรอก เธอเข้ามาในที่นี้ก็คืออยากทำงาน ฉันก็ไม่ได้ติดเอาไว้ด้วย ว่างานอะไร แปลว่า งานอะไรก็ได้ รับทำทั้งหมดไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่าง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามานี่ ฉันก็ใช้พลังควบคุมเธอเอาไว้แล้ว ถ้าเธอไม่รับงานที่นี่ ก็ไม่สามารถออกไปได้”ชายคนนั้นค่อยๆก้าวเข้ามาหาผมช้าๆ
    “ก็จริง...แต่งานนี้ก็แปลว่า ผมต้องจากบ้าน จากครอบครัว จากเพื่อน จากคนรัก ไปทำงานน่ะสิ แล้วผลการเรียนของผมล่ะ ผมจะทำยังไง”ผมเริ่มร่ายยาวบ้าง เอาวะ เพื่อให้รอดออกไป
    “หึๆ ที่นี่เข้ามาแล้ว ออกไปไม่ได้หรอก นอกจากเธอจะตอบตกลง”ชายคนนั้นหัวเราะหึๆ
    “แล้วผมต้องไปทำงานนานเท่าไหร่ล่ะ”ผมถามออกไปอย่างหมดความหวัง
    “ก็จนกว่างานจะเสร็จ แต่ถ้างานเสร็จแล้วจะมีงานต่อไปให้ทำอีก แต่ถ้าไม่ทำงานต่อไปก็กลับ”ชายคนนั้นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงประมาณว่า ‘มีไอ้โง่หลงมาทำงานกับเราแล้ว’
    “แล้วผมต้องเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะครับ”ผมถามด้วยความละเหี่ยใจ
    “พรุ่งนี้”
    “หา พรุ่งนี้!!!!”ผมตะโกนสุดชีวิต พรุ่งนี้ งั้นผมก็ต้องบอกลาเพื่อนๆทุกคนเลยน่ะสิ
    “เรื่องค่าจ้าง ฉันจ่ายเยอะ”
    “แล้วผมจะตามหากำไลเจอได้ยังไงครับ”
    “ฉันจะให้รูปกำไลไป แล้วจากนั้นก็เป็นเรื่องของความสามารถของเธอ ว่าจะมีความสามารถพอที่จะหากำไลนี้เจอหรือเปล่า”
    “แล้วผมจะไปที่โรงเรียนใต้เปลือกโลกนี้ยังไงล่ะครับ”
    “พรุ่งนี้มาหาฉัน ตอน10 โมง แล้วฉันจะพาเธอไปเอง”
    “เป็นไงบ้าง ซินส์ ไปนานอย่างนี้ ได้งานแล้วล่ะสิ” รีซาร์ดรีบทักผม
    “ใช่ ได้งานแล้ว งานดีมากเลยด้วย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
    จากนั้นผมจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้รีซาร์ดฟัง รู้สึกเศร้ายังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูกเลย ทั้งเรื่องความสามารถ บ้าๆบอๆนั่นอีก
    “เขาบอกว่านายมีพลังพิเศษเหรอ”รีซาร์ดถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ
    “ใช่ ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อหรอก”ผมตอบเสียงเบื่อโลก
    “อย่างนี้นายก็ต้องไปล่ำลาเพื่อนๆสิ เฮ้อ แล้วต่อไปนี้ฉันจะอยู่กับใครล่ะ นายต้องรีบทำงานให้เสร็จเร็วๆ แล้วรีบกลับมานะ ฉันจะรอ”มันเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วจริงๆ
    “อืม ต้องล่ำลาเพื่อนแล้วก็น้องแซฟ”
    “โธ่เว้ย” ผมบ่นออกมาอย่างหัวเสีย
    “เออ ฉันไปเก็บของเตรียมตัวก่อนแล้วกัน”ผมอยากจะนั่งอยู่คนเดียวเลยอ้างไปอย่างนั้น
    ความจริง ของไม่มีอะไรให้ต้องเก็บเลยแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดเอง แต่ผมอยากนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆมากกว่าจะนั่งคุยกับเพื่อน ถึงจะได้เงินเยอะก็เถอะ แต่ยังไงผมก็ไม่อยากไป เฮ้อ ทั้งรีซาร์ด เนซิส คิดแล้วเบื่อโลกจริงๆ ไหนจะโรงเรียนเกี่ยวกับพลังจิตนั่นอีก จะให้เราไปเรียนสะกดจิตหรือไง พลังจิต ไม่เคยเห็นจะมีใครมีเลยนี่ แล้วเขาเป็น 1 ในเท่าไหร่ล่ะที่จะต้องมีพลังจิต แล้วต้องเป็น 1 ในเท่าไหร่ที่จะต้องไปทำงานแบบนี้ ต้องเป็น 1 ในเท่าไหร่ที่จะต้องไปเรียนโรงเรียนแบบนี้ ต้องเป็น 1 ในเท่าไหร่ที่จะต้องจากเพื่อน จากครอบครัว จากคนรัก เพื่อไปทำงาน
    คิดเรื่องอะไรอยู่เนี่ยเรา รีบๆเก็บของไว้ก็ดีเหมือนกัน เผื่อต้องใช้ของอะไรจำเป็น ไม่งั้นก็ต้องนั่งเศร้าอยู่อย่างนี้ คิดเข้าไว้สิๆ ปีเดียวเองๆ ไม่ตายหรอกน่า ความทรงจำดีๆก็ใช่ว่าจะต้องลืมนี่นา ยังไงเพื่อนๆก็ไม่มีทางทิ้งเราหรอกน่า
    จากนั้นผมก็เก็บของไปเรื่อยๆโดยใช้กระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่ มันเป็นของพ่อเขา ซึ่งให้เขาไว้ก่อนที่จะเดินทางมาเรียนที่นี่ แล้วแม่ที่ไม่มีพ่อล่ะ ตอนนี้จะเป็นอย่างไร แล้วธุรกิจที่บ้านอีกเล่า ใกล้จะล้มละลายแล้ว แม่จะทำยังไง ผู้หญิงคนเดียวดูแลธุรกิจที่บ้าน ซึ่งเป็นธุรกิจใหญ่ แล้วถ้าเกิดธุรกิจล้มละลายแล้ว แม่จะอยู่อย่างไร จะทำมาหากินด้วยอาชีพอะไร แล้วการที่เรามาเรียนที่นี่ ไม่อยู่บ้านดูแลแม่ถือเป็นลูกอกตัญญูไหมนะ คิดแล้วเศร้า
   
    “ซินส์ มาทานข้าวเถอะ เย็นแล้วนะ”ผมรีบปาดน้ำตาของตัวเองอย่างรวดเร็ว
    “แป๊บนะ เก็บของใกล้จะเสร็จแล้ว”ผมเสแสร้งตอบออกไป
    “เดี๋ยวค่อยไปเก็บต่อก็ได้”
    “เสร็จแล้วๆ”ผมรีบวิ่งออกไป
    “พรุ่งนี้แล้วเหรอที่นายจะไป มันฉุกละหุก ไปหน่อยนะ ฉันว่า”รีซาร์ดพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
    “ก็จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็ฉันต้องการใช้เงิน”พอผมพูดจบ รีซาร์ดก็ได้แต่ตบบ่าผม เพื่อเป็นการให้กำลังใจ
    “รีบๆทำงานล่ะ”
    “อืม”ผมตอบ
   
   
    เช้าวันที่ผมต้องออกเดินทางก็มาถึง วันนี้ถ้าเป็นวันธรรมดาคือวันจันทร์ ซึ่งปกติต้องตื่นไปโรงเรียน แต่วันนี้ คือ การล่ำลาอย่างเดียว ซึ่งเขาตัดสินใจแล้วว่า วันนี้เขาจะไม่เข้าเรียนแค่เข้าไปล่ำลาเพื่อนเฉยๆ และก็จะไป
    “อะไรนะ!!!” เพื่อนๆร้องเสียงหลง เมื่อรู้ว่าเขาจะต้องหยุดเรียนเพื่อไปทำงาน
    “ก็อย่างที่บอกไป”ผมพูด จากนั้น เนซิสก็เดินเข้ามาตบบ่าผมแล้วพูดว่า
    “ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันอยู่นะ รีบๆทำงานล่ะ”ผมยิ้มไปให้เนซิส จากนั้นเพื่อนก็ค่อยๆทยอยเข้ามาลาผมทีละคนๆ จนครบทั้งห้อง แต่ที่เหลือ ที่ผมยังไม่ได้ลา นั่นก็คือน้องแซฟ
    “ริวๆ แซฟ มายัง”ขอให้แซฟมาแล้วเถอะ
    “มาแล้วพี่ วันนี้แซฟมาเช้า”ขอบคุณใครก็ตามที่ทำให้แซฟมาเช้าได้
    “มีอะไรหรือเปล่าคะ พี่ซินส์”น้องแซฟถามด้วยความตกใจ เพราะวันนี้ผมวิ่งมาหาเธอ เหงื่อโชกไปทั้งตัว เพราะ ม.4 อยู่คนละตึกกับ ม.5
    “แซฟ...พี่...มี...เรื่อง...จะ...พูด...ด้วย...”ผมละล่ำละลักตอบ เพราะกำลังหอบอยู่
    “ทำไมเหรอคะ พี่ซินส์”เธอถามซ้ำอีกครั้ง
    “คือพี่จะต้องไปทำงานน่ะ แล้วงานนี้พี่ต้องไปทำที่ต่างประเทศ ประมาณ 1 ปี”เขาพยายามทำให้เสียงเป็นปกติที่สุด
    “แล้วต้องไปวันไหนล่ะคะ พี่ซินส์”เธอถามช้าๆ อย่างจะให้ความรู้สึกเศร้าไหลเข้าไปช้าๆ
    “ต้องไปวันนี้แล้วล่ะ”ผมเองก็เศร้า
    “ค่ะ โชคดีนะคะ พี่ซินส์”ผมอดไม่ได้ที่จะจับมือเธอขึ้นมาบีบเบาๆ
    “พี่จะรีบกลับมา” เธอบีบมือผมตอบกลับมา
    “ค่ะ” เธอเริ่มสะอื้น
    “พี่ไปล่ะ” ผมบอกลาครั้งสุดท้าย แล้วเดินหันหลัง ทิ้งให้เธอยืนอยู่หน้าห้องเรียนของเธอ
    “ถึงเวลาต้องไปแล้วสินะ”ผมพึมพำกับตัวเองขณะเดินออกมา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น