ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : :: 01 ::
Enemy or Love
C h a p t e r [: 1 :]
คนเราเวลาที่เกิดอาการหงุดหงิดเขามักจะแสดงออกมายังไงกันนะ???
อย่าทำหน้ามึน.... เอ้าผมมีช้อยส์ให้คุณเลือก...
ข้อที่ 1. ทำลายข้าวของทุกอย่างที่ขวางหน้า... ใครขวางกรูเมิงตาย!!!!!!
“แย๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
โครม!!!!!
เก้าอี้ไม้สักบุนวมแสนรักที่ราคาเหยียบ 3 ล้านวอนเศษๆล้มลงไปกับพื้นทักทีที่ฝ่าพระบาทงามๆถีบโครม ยังไม่พอ มือนิ่มของคนที่ปกติอยู่แต่ในห้องแอร์จิบกาแฟเซ็นเอกสาร กวาดทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะกินข้าวลงพื้นเสียหมด... ทั้งๆที่ทุกอย่างนั้นเป็นของสุดรักสุดหวง เช่น เจ้าเครื่องแก้วคริสตัลที่บินตรงมาจากฝรั่งเศส หรืออาจจะเป็นคอลเลคชั่น ชุดน้ำชาที่สั่งจากอังกฤษ ล้วนแล้วแต่เป็นของต้องห้าม ที่แม้แต่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างเขาจะจับทีต้องผ่านการเซ็นเซอร์ว่านิ้วมือปราศจากเชื่อโรคทั้งปวงแล้ว ถึงจะจับต้องได้...
แล้วนี่อะไรกัน???? นี่มันอะไรกัน???
ไม่ต้องรอตัดสินใจ มือหนารีบกดโทรออกหาคุณแม่บ้านใหญ่ที่อยู่ ตึกริมฝั่งตะวันตกให้รีบมาปัดกวาดเช็ดถูโดยด่วน เพราะไม่มีใครรับประกันได้ ว่าหากคุณพ่อของเขา กลับมามีสติสัมปชัญญะครบถ้วน แล้วเห็นคอลเลคชั่นสุดหวงแหนที่ซื้อเก็บเอาไว้ บ่นปี้ไปเพราะฝีมือตัวเอง ปิศาจตัวไหนจะลงมาจุติ????
“คุณพ่อครับ....ใจเย็นๆก่อน” ซีวอนใช้น้ำเย็นเข้าลูบ... เพราะคุณพ่อของเขาโกรธเสียจนจมูกสวยๆนั่นแทบจะรับอากาศเข้าปอดไม่ทันแล้ว ใจเย็นๆครับพ่อ.... ผมยังไม่อยากกลายเป็นเด็กกำพร้าตอนอายุ 16
“ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว.....ซีวอนลูกไม่เห็นหรอ....ไม่เห็นรึไง....ไอ้หมอนั่น....ไอ้ชอง ยุนโฮ มันข่มขืนพ่อ!!!”
ข่มขืน....
เอ๊ะ.... หรือว่าซีวอนจะฟังผิดไปนะ???
“ไอ้ยุนโฮชั่ว....อย่าให้ถึงคราวฉันนะ!! จะข่มขืนแกบ้าง!!!”
ดูเหมือนจะไม่ต้องเอ่ยปากถาม เพราะไอ้คำพูดล่อแหลมชวนคิดที่ดังออกมาจากปากคุณพ่อของเขานั้นทำให้ทุกความคิดของ ซีวอนกระจ่างแจ่ง....
“เอ่อ...พ่อครับ.... ใช้คำว่าข่มเหงไม่ได้นะครับ...”
“ทำไม!!! “ แง๊.... ปกติซีวอนเป็นชายแกร่ง ไม่หวั่นแม้วันมามาก(วันมามาก = จำนวนคนเวลายกพวกตีกัน) ทว่าบุคคลเดียวเท่านั้นที่ทำให้ ชายชเว ผู้องอาจในสายตาทุกๆคน (ยกเว้น ลี ทงเฮ) ถึงกับต้องยอมก้มหัวให้
ก็คุณพ่อหน้าสวยคนนี้นี่แหล่ะ... “ง่า....ข่มขืน แปลว่า ใช้ อำนาจให้ทำตามใจ หรืออีก นัยนึง....” ซีวอนหยุดหายใจ “....พูดง่ายๆ ก็แปลว่า ปล้ำนั่นแหล่ะครับ....”
“ห๊า!!!! พ่อไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น!!!!” แจจุงโพลงขึ้นทันทีหลังจากรู้ความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ข่มขืน”
“ผมรู้ครับ....ผมรู้....”
ผมรู้ๆๆๆ รู้ทุกอย่างนั่นแหล่ะครับ... รู้ว่าคุณพ่อเพิ่งกลัวมาประจำสาขาที่เกาหลี เลยไม่ค่อยถนัดใช้ภาษาเกาหลี พูดทีก็ผิดๆถูกๆ จากไปพูดกับใครก็ต้องคอยมีผมเป็นล่ามแปลจากภาษาเกาหลีให้กลายเป็นภาษาเกาหลีอีกที.... ไม่อย่างนั้นคู่สนทนาคงเอ๋อแดก แต่รู้สึกจะมีคนเดียวที่คุณพ่อคุยรู้เรื่อง... ไม่สิ....ด่ากันรู้เรื่อง... ใครน่ะหรอ???
ก็คุณอายุนโฮ ประธานบริษัทคู่แข่ง เพื่อนบ้าน ศัตรู แล้วก็คนรักเก่าของคุณพ่อน่ะสิ....
บอกแล้วไงว่าอย่าทำหน้าอย่างนั้น.. อย่าถามผมด้วย เพราะ ชเว ซีวอนคนนี้ก็ใช่จะรู้อะไรไปมากกว่าคุณๆนักหรอกนะครับ
“....อ่า.....” ดูเหมือนระยะเวลาที่ผมนั่งบ้าพล่ามอะไรไม่รู้ไปเยอะแยะมากมายกับตัวเองจะเริ่มทำให้คุณพ่อรู้สึกตัว.....
ร่างบางมองไปรอบๆห้องรับประธานอาหารที่บัดนี้เต็มไปด้วยเศษซากเครื่องแก้วคริสตัลสุดรัก... ก่อนจะแหกปากตะโกนออกมาสุดเสียง....
“แอร๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เครื่องแก้วกรู๊!!!!!!”
เป็นครั้งแรกที่ซีวอนได้ยินคุณพ่อของเขาใช้คำสบถด่าตัวเอง ขณะอยู่ในบ้าน....
----------------------------------------- E N E M Y -- -- O R -- -- L O V E -----------------------------------------
ข้อที่ 2. บ่นจุกจิกเป็นหมีกินผึ้ง บ่นตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ บ่นตั้งแต่ นปก. ลามไปถึงเรื่องพันธมิตรปิดสนามบิน SM ถึงเปิดคอนฯไม่ได้....
“ก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะ...แต่อดไม่ได้จริงๆว่ะ ดูคนเราดิ๊....แม่งใช่ได้ที่ไหน....เห็นอยู่ชัดๆว่ารองเท้าป๊ามาถึงก่อนยังจะมีหน้ามาพูดอีกว่าตัวเองถึงก่อน....แล้วดูดิ๊....มันว่าใครวิ่งตามมันห๊ะ???...ใครหนังหน้าหล่อๆอย่างชอง ยุนโฮ คนนี้ไม่มี....ไม่มี๊....ไม่มีทางจะทำอะไรอย่างนั้นเป็นอันขาด ทงเฮก็รู้ใช่ไหมลูก....ว่าคนสุดหล่อ เจนเทิลแมนอย่างป๊านี่เป็นยังไง....ป๊าไม่อยากจะบ่นเลยแต่มันเหลืออดจริงๆ คนอะไรวะ เป็นถึงประธานบริษัทแท้ๆ ยังจะมีหนังหน้ามาชวนชาวบ้านเค้าทะเลาะเป็นเด็กๆไปได้.....ป๊าไม่ได้ตั้งใจทะเลาะกับเขานะ แต่ดูสิ...ดูคนเรามันทำ....แล้วอย่างนี้ไม่ให้เหลืออดไหวเรอะ....ป๊าก็ไม่อยากจะพูดอีกนั่นแหล่ะ....แต่ว่าประเทศไทยใครเป็นนายกวะ....เออแล้วสนามบินสุวรรณภูมิเปิดแล้วใช่มะ....วันนี้เชฟคนไหนทำเทมปุระกุ้งเนี่ย...ทำไมปลายๆมันกรอบไม่เท่ากัน....ทำไมวันนี้แกงกิมจิจืดเนี่ย.....ป๊าไม่อยากจะพูดอีกนั่นแหล่ะแต่ว.......”
ปึง~!
“เลิกบ่นซะทีเหอะป๊า!!! มันน่ารำคาญแล้วที่สำคัญก็เปลืองกระดาษจะแย่อยู่แล้วเนี่ย!!! บ่นอะไรอยู่ได้ ตั้งแต่เรื่องข้างบ้าน บินข้ามไปประเทศไทยเนี่ย!!!!!” ทงเฮตวาดลั่นใส่คุณป๊าที่อยู่อีกฝั่งริมโต๊ะอาหาร....
“พูดอยู่ได้ว่าไม่อยากจะพูด ไม่อยากจะพูด....แต่ผมทนฟังป๊า พูดไอ้ประโยคบ้าๆนั่นมา เป็นพันประโยคแล้วนะ นับตั้งแต่ข้าวมันร้อนๆ จนจะกลายเป็นบ่อน้ำแล้ว เพราะน้ำลายของป๊าเนี่ย!!!!”
“ทง...เฮ.....” คุณผู้ชายยุนโฮเงียบปากลงทันที.... เงียบเสียจนได้ยินเสียงแม่บ้านสองสามคนที่ยืนคอยรับใช้ให้บริการแอบหัวเราะคิกคักกันสนุกปาก
“ไม่กงไม่กินมันแล้ว.....ผมขอตัว!”
ร่างเล็กลุกจากโต๊ะอาหารทันทีก่อนจะกระทืบเท้าปึงปังออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้... ให้ตายสิ... ทำไมนับวันป๊าของเขายิ่งทวีคูณความน่าหงุดหงิดขึ้นนะ? เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้ แต่พอเมื่อสองสามเดือนก่อนที่คุณอาหน้าสวยข้างบ้านย้ายมา.... ความโกลาหลก็เกิดขึ้นกับเราทั้งสองครอบครัวไม่จบไม่สิ้น....
“คิดอะไรอยู่คนเดียวเนี่ย....”
เสียงทุ้มดังจากกำแพงฝั่งตรงข้าม..... แหม...กรูไม่รู้เลยเนาะว่าเมิงเป็นใคร
“คิดอะไรก็เรื่องของกรู...” ทงเฮตอบกลับไปก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งที่ชิงช้าข้างๆ
“ไม่เอาน่า...เป็นอะไรของนายวะ....เลิกพูดมึงกรูได้แล้ว...การแสดงมันจบไปแล้ว...”
“ไม่เอา...เถื่อนดี กรูชอบ...”
โอ้โห.... ตรงซะ....
ซีวอนยืนมองกำแพงราวกับจะมองทะลุไปได้ ยืนอยู่ตรงหน้าแนวอิฐที่จำได้ลางๆว่าเป็นชิงช้าในสวนของบ้านข้างๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหญ้า มือหน้าทุบแขนขาไปพลางๆ
“ เลิกพูดมึงกรูเหอะนะ....”
“ไม่!...”
“ทงเฮ.....” ซีวอนเรียกเสียงอ่อน.... น้อยคนนักจะได้ยินเสียงอ้อนๆแบบนี้
“....ทำไมวะ แสดงถึงความจริงใจดีออก....เป็นลูกผู้ชายมันต้องแบบนี้...ถึงจะแมน!”
“แต่ฉันไม่ชอบ....”
“แต่กรูชอบ....ทำไม....เมิงจะทำไม....พูดแค่นี้จะเลิกเป็นเพื่อนกันเลยใช่มั้ย!!!!!”
“เฮ่อ.....” ซีวอนพิงหัวกับกำแพงอิฐเก่า “ก็ได้ๆๆๆๆๆ.....”
ทุกทีสิหน่า.... เรื่องเอาแต่ใจล่ะไม่มีใครเกิน.... ร่างสูง ไอ้เจ้าปลาน้อยเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยอนุบาล แต่เพิ่งจะมารู้ว่ามีบ้านอยู่ติดกันก็เมื่อไม่นานมานี้ เพราะคุณพ่อของเขาเพิ่งย้ายกลับมาอยู่ที่เกาหลีเมื่อสองเดือนที่แล้ว จึงทำให้เขาที่อาศัยอยู่กับคุณย่าจำต้องย้ายมาอยู่กับคุณพ่อเพราะ คุณพ่อทนพิษคิดถึงลูกชายไม่ไหว...
แล้วจะเล่าทำไมให้เปลืองเนื้อที่กระดาษเนี่ย....
“....ซีวอน....” อยู่ๆเสียงรั้นๆก็ดังขึ้น... “แกว่า....เหตุการณ์วันนี้จะทำให้คิบอมมันรู้ตัวเองซักทีมั้ยอะ???” ไม่ได้คิดไปเองนะ แต่รู้สึกว่าทงเฮเริ่มเปลี่ยนสรรพนามเรียกแทนตัวเองแล้ว
“ไม่รู้สิ....ไอ้ป่องนั่นมันซื่อบื้อจะตาย....”
“เฮ่อ...งี้ฮยอกก็ต้องทนเป็นแฟนในนามกับแกต่อไปงั้นสิ....โชคร้ายจังน้า~~~” ทงเฮลากเสียงยาววววว ยืดโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามันฟังดูน่ารักขนาดไหน....
“ทงเฮ....”
“หืม....”
“แล้วเรื่องของเรา...จะต้องปิดคนอื่นไปอีกนานแค่ไหน?....แล้วจะต้องแสดงละครไปอีกถึงเมื่อไหร่??”
“ไม่รู้สิ....เฮ่อ...ทำไมพ่อพวกเราต้องทะเลาะกันด้วยนะ....”
“อยากจูบนายจัง....”
“ห๊า!!!!!!”
ทงเฮทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากชิงช้าทันที เมื่ออีกคนอยู่ๆก็เปลี่ยนเรื่องเร็วกะทันหันเสียจนตัวเองแทบตามอารมณ์ไม่ทัน....
จริงๆนั่นล่ะ.... เพราะเจ้าโย่ง คนที่ได้ชื่อว่าเป็น เพื่อนรักหักเหลี่ยม ของเขาปีนบึ้นมานั่งบนขอบกำแพงและกำลังโบกมือเรียกเขาไหวๆ
“ขึ้นมาสิ....”
ไม่รอช้าทงเฮปีนขึ้นไปนั่งข้างข้างร่างสูงที่นั่งอมยิ้ม เสียจนลักยิ้มบุ๋มลงไปทั้งสองข้าง....อ๋า... แก้มน่าหยิกชะมัด....
“โอ้ย....เจ็บ...” ซีวอนคว้าเอามือซนๆสองข้างที่กระทำอุกอาจกับแก้มเขาเอาไว้ก่อนจะ จุมพิตมือนั้นเบาๆ
“เฮ้ย!!! ทำอะไร!!!”
“ชู่วววว....อย่าโวยวายได้ไหม....อยากให้พ่อออกมาเห็นหรอ....”
“ชิส์....” ใบหน้าหวานเสหันไปอีกข้าง... ทว่าก็ยังหนีไม่พ้นฝ่ามือใหญ่ที่แสนอบอุ่น ที่รั้งใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้จนลมหายใจเป่ารดกัน...
ทงเฮได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นไม่เป็นจังหวะ....
แต่แล้วก็ต้องยิ้มออกมา เมื่อเสียงหัวใจของใครอีกก็เต้นดังไม่แพ้กับเสียงหัวใจของเขาเช่นกัน...
ริมฝีปากหนาเลื่อนมาจูบเบาๆบนปลายจมูกบาง จั๊กจี้เสียจนเพื่อนตัวเล็กหัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ
ก่อนจะเลื่อนไปยังกลีบปากบาง เพื่อลิ้มรสความหอมหวานที่เป็นราวกับกลีบดอกไม้แรกแย้ม
ท่ามกลางหมู่ดาวและสายลมอ่อนๆ บรรยากาศช่างเป็นใจ.... ทว่าทั้งคู่จะรู้ไหม? ว่าถึงพ่อของเขาทั้งสองไม่ออกมาก็ ใช่ว่าจะไม่รู้ไม่เห็นการกระทำทุกอย่างที่เกิดขึ้นในพื้นที่อาณาบริเวณบ้านของตนเอง...
----------------------------------------- E N E M Y -- -- O R -- -- L O V E -----------------------------------------
TBC
C h a p t e r [: 1 :]
คนเราเวลาที่เกิดอาการหงุดหงิดเขามักจะแสดงออกมายังไงกันนะ???
อย่าทำหน้ามึน.... เอ้าผมมีช้อยส์ให้คุณเลือก...
ข้อที่ 1. ทำลายข้าวของทุกอย่างที่ขวางหน้า... ใครขวางกรูเมิงตาย!!!!!!
“แย๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
โครม!!!!!
เก้าอี้ไม้สักบุนวมแสนรักที่ราคาเหยียบ 3 ล้านวอนเศษๆล้มลงไปกับพื้นทักทีที่ฝ่าพระบาทงามๆถีบโครม ยังไม่พอ มือนิ่มของคนที่ปกติอยู่แต่ในห้องแอร์จิบกาแฟเซ็นเอกสาร กวาดทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะกินข้าวลงพื้นเสียหมด... ทั้งๆที่ทุกอย่างนั้นเป็นของสุดรักสุดหวง เช่น เจ้าเครื่องแก้วคริสตัลที่บินตรงมาจากฝรั่งเศส หรืออาจจะเป็นคอลเลคชั่น ชุดน้ำชาที่สั่งจากอังกฤษ ล้วนแล้วแต่เป็นของต้องห้าม ที่แม้แต่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างเขาจะจับทีต้องผ่านการเซ็นเซอร์ว่านิ้วมือปราศจากเชื่อโรคทั้งปวงแล้ว ถึงจะจับต้องได้...
แล้วนี่อะไรกัน???? นี่มันอะไรกัน???
ไม่ต้องรอตัดสินใจ มือหนารีบกดโทรออกหาคุณแม่บ้านใหญ่ที่อยู่ ตึกริมฝั่งตะวันตกให้รีบมาปัดกวาดเช็ดถูโดยด่วน เพราะไม่มีใครรับประกันได้ ว่าหากคุณพ่อของเขา กลับมามีสติสัมปชัญญะครบถ้วน แล้วเห็นคอลเลคชั่นสุดหวงแหนที่ซื้อเก็บเอาไว้ บ่นปี้ไปเพราะฝีมือตัวเอง ปิศาจตัวไหนจะลงมาจุติ????
“คุณพ่อครับ....ใจเย็นๆก่อน” ซีวอนใช้น้ำเย็นเข้าลูบ... เพราะคุณพ่อของเขาโกรธเสียจนจมูกสวยๆนั่นแทบจะรับอากาศเข้าปอดไม่ทันแล้ว ใจเย็นๆครับพ่อ.... ผมยังไม่อยากกลายเป็นเด็กกำพร้าตอนอายุ 16
“ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว.....ซีวอนลูกไม่เห็นหรอ....ไม่เห็นรึไง....ไอ้หมอนั่น....ไอ้ชอง ยุนโฮ มันข่มขืนพ่อ!!!”
ข่มขืน....
เอ๊ะ.... หรือว่าซีวอนจะฟังผิดไปนะ???
“ไอ้ยุนโฮชั่ว....อย่าให้ถึงคราวฉันนะ!! จะข่มขืนแกบ้าง!!!”
ดูเหมือนจะไม่ต้องเอ่ยปากถาม เพราะไอ้คำพูดล่อแหลมชวนคิดที่ดังออกมาจากปากคุณพ่อของเขานั้นทำให้ทุกความคิดของ ซีวอนกระจ่างแจ่ง....
“เอ่อ...พ่อครับ.... ใช้คำว่าข่มเหงไม่ได้นะครับ...”
“ทำไม!!! “ แง๊.... ปกติซีวอนเป็นชายแกร่ง ไม่หวั่นแม้วันมามาก(วันมามาก = จำนวนคนเวลายกพวกตีกัน) ทว่าบุคคลเดียวเท่านั้นที่ทำให้ ชายชเว ผู้องอาจในสายตาทุกๆคน (ยกเว้น ลี ทงเฮ) ถึงกับต้องยอมก้มหัวให้
ก็คุณพ่อหน้าสวยคนนี้นี่แหล่ะ... “ง่า....ข่มขืน แปลว่า ใช้ อำนาจให้ทำตามใจ หรืออีก นัยนึง....” ซีวอนหยุดหายใจ “....พูดง่ายๆ ก็แปลว่า ปล้ำนั่นแหล่ะครับ....”
“ห๊า!!!! พ่อไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น!!!!” แจจุงโพลงขึ้นทันทีหลังจากรู้ความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ข่มขืน”
“ผมรู้ครับ....ผมรู้....”
ผมรู้ๆๆๆ รู้ทุกอย่างนั่นแหล่ะครับ... รู้ว่าคุณพ่อเพิ่งกลัวมาประจำสาขาที่เกาหลี เลยไม่ค่อยถนัดใช้ภาษาเกาหลี พูดทีก็ผิดๆถูกๆ จากไปพูดกับใครก็ต้องคอยมีผมเป็นล่ามแปลจากภาษาเกาหลีให้กลายเป็นภาษาเกาหลีอีกที.... ไม่อย่างนั้นคู่สนทนาคงเอ๋อแดก แต่รู้สึกจะมีคนเดียวที่คุณพ่อคุยรู้เรื่อง... ไม่สิ....ด่ากันรู้เรื่อง... ใครน่ะหรอ???
ก็คุณอายุนโฮ ประธานบริษัทคู่แข่ง เพื่อนบ้าน ศัตรู แล้วก็คนรักเก่าของคุณพ่อน่ะสิ....
บอกแล้วไงว่าอย่าทำหน้าอย่างนั้น.. อย่าถามผมด้วย เพราะ ชเว ซีวอนคนนี้ก็ใช่จะรู้อะไรไปมากกว่าคุณๆนักหรอกนะครับ
“....อ่า.....” ดูเหมือนระยะเวลาที่ผมนั่งบ้าพล่ามอะไรไม่รู้ไปเยอะแยะมากมายกับตัวเองจะเริ่มทำให้คุณพ่อรู้สึกตัว.....
ร่างบางมองไปรอบๆห้องรับประธานอาหารที่บัดนี้เต็มไปด้วยเศษซากเครื่องแก้วคริสตัลสุดรัก... ก่อนจะแหกปากตะโกนออกมาสุดเสียง....
“แอร๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เครื่องแก้วกรู๊!!!!!!”
เป็นครั้งแรกที่ซีวอนได้ยินคุณพ่อของเขาใช้คำสบถด่าตัวเอง ขณะอยู่ในบ้าน....
----------------------------------------- E N E M Y -- -- O R -- -- L O V E -----------------------------------------
ข้อที่ 2. บ่นจุกจิกเป็นหมีกินผึ้ง บ่นตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ บ่นตั้งแต่ นปก. ลามไปถึงเรื่องพันธมิตรปิดสนามบิน SM ถึงเปิดคอนฯไม่ได้....
“ก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะ...แต่อดไม่ได้จริงๆว่ะ ดูคนเราดิ๊....แม่งใช่ได้ที่ไหน....เห็นอยู่ชัดๆว่ารองเท้าป๊ามาถึงก่อนยังจะมีหน้ามาพูดอีกว่าตัวเองถึงก่อน....แล้วดูดิ๊....มันว่าใครวิ่งตามมันห๊ะ???...ใครหนังหน้าหล่อๆอย่างชอง ยุนโฮ คนนี้ไม่มี....ไม่มี๊....ไม่มีทางจะทำอะไรอย่างนั้นเป็นอันขาด ทงเฮก็รู้ใช่ไหมลูก....ว่าคนสุดหล่อ เจนเทิลแมนอย่างป๊านี่เป็นยังไง....ป๊าไม่อยากจะบ่นเลยแต่มันเหลืออดจริงๆ คนอะไรวะ เป็นถึงประธานบริษัทแท้ๆ ยังจะมีหนังหน้ามาชวนชาวบ้านเค้าทะเลาะเป็นเด็กๆไปได้.....ป๊าไม่ได้ตั้งใจทะเลาะกับเขานะ แต่ดูสิ...ดูคนเรามันทำ....แล้วอย่างนี้ไม่ให้เหลืออดไหวเรอะ....ป๊าก็ไม่อยากจะพูดอีกนั่นแหล่ะ....แต่ว่าประเทศไทยใครเป็นนายกวะ....เออแล้วสนามบินสุวรรณภูมิเปิดแล้วใช่มะ....วันนี้เชฟคนไหนทำเทมปุระกุ้งเนี่ย...ทำไมปลายๆมันกรอบไม่เท่ากัน....ทำไมวันนี้แกงกิมจิจืดเนี่ย.....ป๊าไม่อยากจะพูดอีกนั่นแหล่ะแต่ว.......”
ปึง~!
“เลิกบ่นซะทีเหอะป๊า!!! มันน่ารำคาญแล้วที่สำคัญก็เปลืองกระดาษจะแย่อยู่แล้วเนี่ย!!! บ่นอะไรอยู่ได้ ตั้งแต่เรื่องข้างบ้าน บินข้ามไปประเทศไทยเนี่ย!!!!!” ทงเฮตวาดลั่นใส่คุณป๊าที่อยู่อีกฝั่งริมโต๊ะอาหาร....
“พูดอยู่ได้ว่าไม่อยากจะพูด ไม่อยากจะพูด....แต่ผมทนฟังป๊า พูดไอ้ประโยคบ้าๆนั่นมา เป็นพันประโยคแล้วนะ นับตั้งแต่ข้าวมันร้อนๆ จนจะกลายเป็นบ่อน้ำแล้ว เพราะน้ำลายของป๊าเนี่ย!!!!”
“ทง...เฮ.....” คุณผู้ชายยุนโฮเงียบปากลงทันที.... เงียบเสียจนได้ยินเสียงแม่บ้านสองสามคนที่ยืนคอยรับใช้ให้บริการแอบหัวเราะคิกคักกันสนุกปาก
“ไม่กงไม่กินมันแล้ว.....ผมขอตัว!”
ร่างเล็กลุกจากโต๊ะอาหารทันทีก่อนจะกระทืบเท้าปึงปังออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้... ให้ตายสิ... ทำไมนับวันป๊าของเขายิ่งทวีคูณความน่าหงุดหงิดขึ้นนะ? เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้ แต่พอเมื่อสองสามเดือนก่อนที่คุณอาหน้าสวยข้างบ้านย้ายมา.... ความโกลาหลก็เกิดขึ้นกับเราทั้งสองครอบครัวไม่จบไม่สิ้น....
“คิดอะไรอยู่คนเดียวเนี่ย....”
เสียงทุ้มดังจากกำแพงฝั่งตรงข้าม..... แหม...กรูไม่รู้เลยเนาะว่าเมิงเป็นใคร
“คิดอะไรก็เรื่องของกรู...” ทงเฮตอบกลับไปก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งที่ชิงช้าข้างๆ
“ไม่เอาน่า...เป็นอะไรของนายวะ....เลิกพูดมึงกรูได้แล้ว...การแสดงมันจบไปแล้ว...”
“ไม่เอา...เถื่อนดี กรูชอบ...”
โอ้โห.... ตรงซะ....
ซีวอนยืนมองกำแพงราวกับจะมองทะลุไปได้ ยืนอยู่ตรงหน้าแนวอิฐที่จำได้ลางๆว่าเป็นชิงช้าในสวนของบ้านข้างๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหญ้า มือหน้าทุบแขนขาไปพลางๆ
“ เลิกพูดมึงกรูเหอะนะ....”
“ไม่!...”
“ทงเฮ.....” ซีวอนเรียกเสียงอ่อน.... น้อยคนนักจะได้ยินเสียงอ้อนๆแบบนี้
“....ทำไมวะ แสดงถึงความจริงใจดีออก....เป็นลูกผู้ชายมันต้องแบบนี้...ถึงจะแมน!”
“แต่ฉันไม่ชอบ....”
“แต่กรูชอบ....ทำไม....เมิงจะทำไม....พูดแค่นี้จะเลิกเป็นเพื่อนกันเลยใช่มั้ย!!!!!”
“เฮ่อ.....” ซีวอนพิงหัวกับกำแพงอิฐเก่า “ก็ได้ๆๆๆๆๆ.....”
ทุกทีสิหน่า.... เรื่องเอาแต่ใจล่ะไม่มีใครเกิน.... ร่างสูง ไอ้เจ้าปลาน้อยเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยอนุบาล แต่เพิ่งจะมารู้ว่ามีบ้านอยู่ติดกันก็เมื่อไม่นานมานี้ เพราะคุณพ่อของเขาเพิ่งย้ายกลับมาอยู่ที่เกาหลีเมื่อสองเดือนที่แล้ว จึงทำให้เขาที่อาศัยอยู่กับคุณย่าจำต้องย้ายมาอยู่กับคุณพ่อเพราะ คุณพ่อทนพิษคิดถึงลูกชายไม่ไหว...
แล้วจะเล่าทำไมให้เปลืองเนื้อที่กระดาษเนี่ย....
“....ซีวอน....” อยู่ๆเสียงรั้นๆก็ดังขึ้น... “แกว่า....เหตุการณ์วันนี้จะทำให้คิบอมมันรู้ตัวเองซักทีมั้ยอะ???” ไม่ได้คิดไปเองนะ แต่รู้สึกว่าทงเฮเริ่มเปลี่ยนสรรพนามเรียกแทนตัวเองแล้ว
“ไม่รู้สิ....ไอ้ป่องนั่นมันซื่อบื้อจะตาย....”
“เฮ่อ...งี้ฮยอกก็ต้องทนเป็นแฟนในนามกับแกต่อไปงั้นสิ....โชคร้ายจังน้า~~~” ทงเฮลากเสียงยาววววว ยืดโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามันฟังดูน่ารักขนาดไหน....
“ทงเฮ....”
“หืม....”
“แล้วเรื่องของเรา...จะต้องปิดคนอื่นไปอีกนานแค่ไหน?....แล้วจะต้องแสดงละครไปอีกถึงเมื่อไหร่??”
“ไม่รู้สิ....เฮ่อ...ทำไมพ่อพวกเราต้องทะเลาะกันด้วยนะ....”
“อยากจูบนายจัง....”
“ห๊า!!!!!!”
ทงเฮทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากชิงช้าทันที เมื่ออีกคนอยู่ๆก็เปลี่ยนเรื่องเร็วกะทันหันเสียจนตัวเองแทบตามอารมณ์ไม่ทัน....
จริงๆนั่นล่ะ.... เพราะเจ้าโย่ง คนที่ได้ชื่อว่าเป็น เพื่อนรักหักเหลี่ยม ของเขาปีนบึ้นมานั่งบนขอบกำแพงและกำลังโบกมือเรียกเขาไหวๆ
“ขึ้นมาสิ....”
ไม่รอช้าทงเฮปีนขึ้นไปนั่งข้างข้างร่างสูงที่นั่งอมยิ้ม เสียจนลักยิ้มบุ๋มลงไปทั้งสองข้าง....อ๋า... แก้มน่าหยิกชะมัด....
“โอ้ย....เจ็บ...” ซีวอนคว้าเอามือซนๆสองข้างที่กระทำอุกอาจกับแก้มเขาเอาไว้ก่อนจะ จุมพิตมือนั้นเบาๆ
“เฮ้ย!!! ทำอะไร!!!”
“ชู่วววว....อย่าโวยวายได้ไหม....อยากให้พ่อออกมาเห็นหรอ....”
“ชิส์....” ใบหน้าหวานเสหันไปอีกข้าง... ทว่าก็ยังหนีไม่พ้นฝ่ามือใหญ่ที่แสนอบอุ่น ที่รั้งใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้จนลมหายใจเป่ารดกัน...
ทงเฮได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นไม่เป็นจังหวะ....
แต่แล้วก็ต้องยิ้มออกมา เมื่อเสียงหัวใจของใครอีกก็เต้นดังไม่แพ้กับเสียงหัวใจของเขาเช่นกัน...
ริมฝีปากหนาเลื่อนมาจูบเบาๆบนปลายจมูกบาง จั๊กจี้เสียจนเพื่อนตัวเล็กหัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ
ก่อนจะเลื่อนไปยังกลีบปากบาง เพื่อลิ้มรสความหอมหวานที่เป็นราวกับกลีบดอกไม้แรกแย้ม
ท่ามกลางหมู่ดาวและสายลมอ่อนๆ บรรยากาศช่างเป็นใจ.... ทว่าทั้งคู่จะรู้ไหม? ว่าถึงพ่อของเขาทั้งสองไม่ออกมาก็ ใช่ว่าจะไม่รู้ไม่เห็นการกระทำทุกอย่างที่เกิดขึ้นในพื้นที่อาณาบริเวณบ้านของตนเอง...
----------------------------------------- E N E M Y -- -- O R -- -- L O V E -----------------------------------------
TBC
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น