ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 3 เรือนอภิบาล
แสงตะวันเริ่มลาลับขอบฟ้าไปสู่ฝากฝั่งตะวันตก แสงสีแดงทาบทับนภากว้างตัดกับสีนิลกาฬแห่งราตรี ที่เริ่มนำความมืดมิดเข้าครอบงำอาณาจักรอันรุ่งโรจน์
เจ้าชายมาโลคิลประทับพร้อมกับพระมารดา องค์ราชินีเฟร่าและนาโรเวนในท้องพระโรง โต๊ะเสวยถูกยกออกมาตั้งกลางห้องโถง บรรดาทหารเริ่มนำคบเพลิงจุดไฟรอบวังหลวง เจ้าชายกำลังรอพระบิดาและพระอนุชาองค์เล็กเสด็จกลับมาเสวยพระกระยาหารค่ำดั่งเช่นทุกวัน
“อืม...เฮ่อ” เจ้าชายมาโลคิลสูดดมกลิ่นกระยาหาร ที่ลอยโชยแตะพระนาสิกอย่างช้าๆ“อาหารวันนี้มีแต่ของที่ข้าชอบทั้งนั้นเลย...” เจ้าชายแย้มสรวลอย่างพอพระทัย
“หม่อมฉันสั่งให้ทางห้องเครื่องจัดเตรียมแต่ของที่พระองค์และองค์ราชินีโปรดเพคะ” นาโรเวนเอ่ยเสียงสดใส “อีกครู่ก็จะมีอัชตาวีชุดใหญ่ตามมา...คิดว่าพระองค์ เอ่อ น่าจะเสวยไหว”นางหัวเราะเบาๆ เจ้าชายมาโลคิลยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู
“อัชตาวีหรือ...มีขนมปังอบกรอบด้วยนี่ ของโปรดท่านพ่อ”
“ว่าแต่ ทำไมขบวนเสด็จยังไม่กลับมาล่ะ ตามหมายพระราชกิจจะต้องกลับก่อนตะวันตกดินมิใช่หรือ...ท่านพ่อของลูกกลับตรงเวลาเสมอนะ”
ราชินีเฟร่าตรัสด้วยความกังวลพระทัย ตั้งแต่องค์กษัตริย์ทรงประชวรครั้งที่แล้ว พระฉวีก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ทว่าทรงงานได้ตามปกติมิมีสิ่งผิดสังเกตุ พระนางเลยมิทักท้วงอันใด แต่ก็ยังไม่วางพระทัยอยู่ดี ป่านนี้หากฝ่าบาทจะเลื่อนกำหนดกลับยังนครเนทาเรอัส ก็น่าจะมีองครักษ์มากราบทูลให้ทรงทราบ มิใช่เงียบงันไร้วี่แววแบบนี้ พระนางเลยตัดสินพระทัย
“แม่ว่าจะไปรับลมด้านหน้าวังเสียหน่อย รู้สึกว่าแถวนี้มันเริ่มอบอ้าวน่ะ”
“หม่อมฉันตามเสด็จไหมเพคะ” นาโรเวนหันไปทูลถามราชินี
“ไม่ต้องหรอกเจ้า ข้าไปแค่ตรงนั้นเอง”
“อ้อ!” นาโรเวนเหมือนจะนึกอะไรออก “คงเพราะนางกำนัลนำฟืนมาก่อไฟเยอะไปหน่อยกระมัง เพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปบอกนางกำนัลให้หรี่ไฟลงหน่อย” นางกราบทูลและลุกขึ้นเดินไปยังห้องเครื่อง ทว่าองค์ราชินียกพระหัตถ์ปรามไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องหรอกนาโรเวน ข้าตั้งใจจะไปจริงๆ อีกอย่างข้าไม่หิวเลยซักนิด”
องค์ราชินีรับสั่งและดำเนินออกไปยังลานด้านหน้าท้องพระโรง เมื่อพระนางทอดพระเนตรเห็นดอกไม้งามนานาพันธุ์ จากที่มีเรื่องรบกวนในพระทัยก็ดูจะบรรเทาลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทรงเคลิบเคลิ้มกับบรรยากาศที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น...ช่างงดงามเสียจริง แต่ ทันใด!! พระนางทรงเห็น...
ฮี้................กุบกับ กุบกับ~~~~~~
เสียงฝีเท้าม้าดังกึกก้อง ขบวนอาชาไนยอัญเชิญธงแห่งราชอาณาจักรเหนือกำลังเคลื่อนเข้าใกล้วังหลวง พร้อมด้วยแท่นที่มีผ้าฟ้ายหนาสีน้ำเงินคลุมอยู่โดยรอบ มองไม่รู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ในนั้น โดยมีชารัต ราชองครักษ์คนสนิทของพระโอรสเป็นผู้ขี่ม้านำขบวนมา เมื่อถึงคอกม้า เขาก็ได้ให้อาชาคู่ใจแก่ทหารเพื่อนำมันเข้าคอกม้าหลวง เขาและองครักษ์อีกจำนวนหนึ่งรีบวิ่งผ่านทางเดินสีขาวไล่ระดับที่สร้างจากหินอ่อนไปเข้าเฝ้าราชินียังลานหน้าท้องพระโรง
“มากันแล้วหรือ...ไหนล่ะฝ่าบาท” ราชินีเฟร่าหันซ้ายหันขวาแลหาพระสวามี พระเกศาสีดำสนิทปลิวไปตามลมแรง
“ เอ่อ คือ ก..กำลังเสด็จมาพะยะค่ะ” ชารัตกราบทูล เพลานี้ สีหน้าของเขาไม่มีเลือดฝาดอยู่เลย ความรู้สึกคือชาแข็งไปทั้งตัว ใจของเขาหลุดลอยไปไกลแล้ว ราชินีเริ่มผิดสังเกตุ
ทันใด! ทหารกลุ่มหนึ่งหามแท่นขนาดใหญ่ สิ่งเดียวกันกับที่เห็นตอนขบวนยังอยู่ไกลลิบ พวกทหารจะเอามาทำไมกัน มันหนักถึงขนาดต้องใช้คนถึง 4 คนหามเลยหรือ แล้วเหตุใดจึงต้องมีผ้ามาคลุมปิดให้มิดชิดด้วยเล่า แต่ ท..ทำไมบนผ้าคลุมนั่นถึงมี ด ดาบแห่งกษัตริย์ด้วย พวกเจ้าเล่นอะไรกันอยู่!
“เจ้าว่าฝ่าบาทกำลังเสด็จมา ไหนล่ะ!” พระนางเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจ พระวรกายเริ่มสั่นเทิ้มขึ้นมา เจ้าชายมาโลคิลและนาโรเวนได้ยินเสียงเอะอะเลยออกมาดูข้างนอก
“เกิดอะไรขึ้นหรือพะยะค่ะ !” เจ้าชายตรัสถามอย่างสับสน แท่นใหญ่ถูกนำมาวางเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับผู้หามที่มีสีหน้าเศร้าสลด
“ทูลพระองค์ ทรงทำพระทัยดีๆไว้นะพะยะค่ะ!” ชารัตกราบทูลเนิบช้า สายตาทอดต่ำลงคุกเข่าอยู่เบื้องพระพักตร์ เขาส่งมอบดาบประจำองค์กษัตริย์ให้แก่ราชินี
“องค์กษัตริย์ธีร์เมยาคิล...ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว- -พระนาง! พระนาง!” ชารัตยังไม่ทันทูลจบ องค์ราชินีก็ทรุดลงไปกองกับพื้น
“เสด็จแม่!!” เจ้าชายมาโลคิลทรงรับพระมารดาได้ทันพอดี “ เสด็จแม่พะยะค่ะ!”
“ไม่จริง!” พระนางรับสั่งอย่างเลื่อนลอย สิ่งสุดท้ายที่ได้ทอดพระเนตร คือพรพักตร์ซีดขาวของพระสวามีที่ถูกเปิดออก และดาบประจำพระองค์ที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง......
----------------------+++++++++++++++-------------------
เช้าวันใหม่ ข่าวการสิ้นพระชนม์แพร่สะพัดไปทุกหย่อมหญ้า เสียงร่ำไห้ของเหล่าพสกนิกรทั่วทั้งแผ่นดินดังระงมไม่ขาดสาย....ไม่ว่าจะเดินไปทางใดก็เจอแต่ความเศร้าสลด เสียงแตรหลวงสีเทาดังขึ้นบนหอคอยเหนือพระราชวังลอทารัส เพื่อย้ำว่า กษัตริย์ของพวกเขา จากไปแล้ว...
ณ เรือนอภิบาล ราชินีเฟร่ากำลังบรรทมพักฟื้นอยู่ เจ้าชายมาโลคิล นาโรเวน และท่านข้าหลวงชรา เชษฐาขององค์ราชินีเฝ้าพระอาการอยู่นอกเรือน เมื่อวานหลังจากทราบข่าว เจ้าชายก็ไม่เสวยอะไรเลย เอาแต่นั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะเสวยจนรุ่งสาง
“ท่านพ่อสิ้นพระชนม์แล้ว....ข้าควรทำเช่นไร” เจ้าชายทรงตรัสถามด้วยสุรเสียงราบนิ่ง พระเนตรบวมช้ำเนื่องจากมิได้บรรทมทั้งคืน
“เกล้ากระหม่อมก็ไม่ทราบเกล้าพะยะค่ะเจ้าชาย แม้ว่าราชพิธีศพจะเสร็จสิ้นหากแต่ประชาชนก็คงยังโศกเศร้าอยู่ ฝ่าบาทองค์ก่อนทรงเป็นที่รักของเหล่าราษฎรพะยะค่ะ”
“หม่อมฉันคิดว่าควรให้งานพระศพผ่านไปก่อน แล้วเรื่องนี้ค่อยหารือกันภายหลังจะได้หรือเปล่า เพคะ” นาโรเวนถวายคำแนะนำ
“ข้าพระองค์ก็คิดเช่นนั้นพะยะค่ะ แต่ทรงลืมไปหรือไม่ ว่าต้องมีการแต่งตั้งกษัตริย์องค์ใหม่ แล้วรัชทายาทก็มีถึงสองพระองค์นะกระหม่อม” ท่านข้าหลวงกราบทูลอย่างกังวล โดยปกติแล้ว การคัดเลือกกษัตริย์ มิใช่จะสืบกันทางสายโลหิตเสมอไป หากคนพี่ไม่เก่งกล้าพอ คนน้องอาจได้ครองราชย์แทนก็ได้ จะคัดเลือกเฉพาะผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งมากที่สุดเท่านั้น
“เหล่าจอมเวทขาวช่วยเราได้ไหม?” นาโรเวนเอ่ยถาม
ข้าหลวงชราหันไปหานาง “ข้าไม่รู้หรอกแม่หญิง พวกเหล่าจอมเวทขาวไม่ค่อยใส่ใจดินแดนแถบนี้มากนัก เพราะไม่มีข่าวคราวไปถึงเลย อีกทั้งเมืองก็อยู่ไกลจากเนทาเรอัสมาก..”
มาโลคิลถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ข่าวไปถึงโฮปหรือยัง?”
“...คาดว่าคงยังพะยะค่ะ กว่าข่าวจะไปถึงคงอีกสองสามวัน จะต้องมีผู้เดินทางนำข่าวข้ามทะเลสาบออราทิโอ้ ถึงจะเข้าสู่โฮปได้” ท่านข้าหลวงกราบทูล แววตาวิตกไม่น้อยไปกว่าเจ้าชาย ดูเหมือนว่าตอนนี้ ไม่มีใครสนใจเจ้าชายมาโลเอียร์ที่บรรทมบนเตียงข้างพระมารดาเลย
ทันใด! ประตูเรือนอภิบาลก็เปิดออก นางกำนัลชราพระพี่เลี้ยงของราชินีรีบสาวเท้ามายังทั้งสาม นางคำนับเจ้าชาย
“ทูลเจ้าชาย องค์ราชินีและพระอนุชาฟื้นแล้วเพคะ!”นางกำนัลกล่าว “เชิญเสด็จเพคะ” พระพี่เลี้ยงนำทางเจ้าชาย โดยมีนาโรเวนและข้าหลวงตามมาติดๆ ผ่านเตียงคนเจ็บหลายสิบเตียง นางสาวเท้าเดินอย่างรวดเร็วโดยที่แทบจะไม่ได้ยินเสียง
เรือนอภิบาลเป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีไว้รับรองคนเจ็บในลอทารัส(วังหลวง) ตั้งอยู่ทางปีกซ้ายของท้องพระโรงกลาง เดินตามเส้นทางหินอ่อนขัดมันที่ทำเป็นสะพานทอดยาว ระหว่างทางจะมีสมุนไพรปลูกอยู่เนืองแน่น ทว่าตกแต่งได้อย่างสวยงามสลับกับเถาไม้เลื้อยสีแดง เมื่อเข้าใกล้ประตูเรือนจะรู้สึกสดชื่น ด้วยกลิ่นหอมจากต้นเบอาล่า หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าต้นกระดิ่ง (เพราะดอกของมันมีลักษณะคล้ายกระดิ่ง) ซึ่งมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้ชงัด จากนั้น...เมื่อผ่านประตูทางเข้าไปก็จะเข้าสู่เรือนชั้นนอก อันเป็นที่พักของบรรดาทหารและนางกำนัล ผนังถูกทาด้วยสีขาวสะอาดตา เรือนชั้นนอกไม่ค่อยจะมีของประดับซักเท่าไหร่ เพราะมีเตียงเยอะจนไม่รู้จะตกแต่งอะไร...? พอเดินไปเรื่อยๆจะเจอซุ้มขนาดย่อมสีฟ้าใส เชื่อมไปสู่เรือนอภิบาลของขุนนางตั้งแต่ระดับท้ายแถวจนถึงหัวหน้าข้าหลวง ภายในมีของตกแต่งเหมาะสำหรับบรรดาขุนนางข้ารองบาท ทั้งเตียงไม้สลักลวดลายสวยงาม จานชามภาชนะที่ประดับด้วยอัญมณีหลากสี เหล่าขุนนางอำมาตย์ที่สบพระพักตร์เจ้าชายมาโลคิลก็ถวายคำนับทันที แล้วก้มหัวให้กับหัวหน้าข้าหลวงชรา เจ้าชายดำเนินตามนางกำนัลไปจนถึงประตูเรือนชั้นในสุด ซึ่งเป็นห้องของเสนาบดีและเชื้อพระวงศ์ ภายในห้องตกแต่งด้วยหินมีค่า และทองคำที่แกะสลักอย่างวิจิตร
เตียงนั้นมีม่านทอลายคลุมอยู่รอบพระแท่น เมื่อมองไกลๆจะเป็นสีเงินเลื่อมระยับ องค์ราชินีกำลังเสวยพระโอสถอยู่ ส่วนเจ้าชายมาโลเอียร์(ผู้ถูกทอดทิ้ง...) กำลังนั่งเงียบอยู่บนแท่นบรรทม
“ท่านแม่!” เจ้าชายมาโลเอียร์ตรัส “พี่มาโลคิลเสด็จมาพะยะค่ะ”
เจ้าชายมาโลเอียร์รีบรุดจากพระแท่นมาหาพระมารดา พระพี่เลี้ยงชราถวายบังคมราชินี
“ขอบใจเจ้ามากที่เป็นธุระให้”
“ขอบพระทัยเพคะ” นางกำนัลย่อตัวลง ก่อนจะยกถาดพระโอสถเดินจากไป
“ท่านแม่..” เจ้าชายมาโลคิลรีบคุกพระชานุยังพื้นหินอ่อนขัดมัน และกุมพระหัตถ์ของพระมารดาบนแท่นบรทมไว้
“แม่ไม่เป็นไรหรอก”
“ท่านแม่ทำใจได้แล้ว...?”
“อึม..จ๊ะ ความจริงแม่ก็เตรียมใจไว้นานแล้ว...แต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้” พระนางแย้มพระสรวลด้วยสายพระเนตรอ่อนโยน
“แล้วเจ้าเล่า! มาโลเอียร์พร้อมหรือยัง...” เจ้าชายมาโลคิลตรัสถามพระอนุชา
“ไม่พร้อมก็ต้องพร้อม เราโตๆกันหมดแล้ว” พระอนุชายักพระอังสะ “ว่าแต่ เอ่อ พร้อมสำหรับ...อะไรล่ะ”
ทุกคนต่างหัวเราะกับความไร้เดียงสา(โดยไม่จำเป็น)ของเจ้าชาย
“พิธีราชาภิเษกเพคะ” นาโรเวนที่เงียบไปซักพักได้กราบทูล
“อ้าว! ไม่ต้องทดสอบคุณสมบัติหรอ” มาโลเอียร์ตรัสถาม
“ไม่หรอกลูก...ฝีมือพี่ชายของเจ้า เลื่องลือไปทั่วอาณาจักรอยู่แล้ว”
“เหล่าเสนาบดีจึงไม่มีข้อกังขาใดๆเพคะ” นาโรเวนเสริม “ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์”
“เอ้า! ยอกันเข้าไป ทั้งแม่ทั้งน้อง เจ้าก็อีกคนนาโรเวน...มีคนที่เก่งกว่าข้าตั้งเยอะ ข้าไม่เก่งกล้าเท่าไหร่หรอก” เจ้าชายมาโลคิลตรัส พระสุรเสียงเรียบ
“เอาล่ะ เลิกดูถูกความสามารถของตัวเองได้แล้ว อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องครองบัลลังก์ และแม่เชื่อว่า..เจ้าจะทำหน้าที่นี้ได้ดีด้วย”
“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น ท่านแม่”
ส่วนข้าหลวงชราล่ะ? ก็ยิ้มอย่างพอใจอยู่ตรงประตู
หลังจากการสนทนาในวันนั้น ก็เข้าสู่ราชพิธีศพของกษัตริย์ธีร์เมยาคิลที่สอง ภายในวังเริ่มคึกคักไปด้วยเหล่าข้าหลวงและบุคคลภายในวังที่จัดงานพระศพและพิธีราชาภิเษก ทว่าทุกหมู่บ้านกลับเงียบเหงา แต่ก็ยังครึกครื้นกว่าเมื่อก่อนบ้างเป็นบางครั้ง ตอนนี้..มีผู้ส่งสาส์นจากอาณาจักรใกล้เคียงทยอยมากันแล้ว ส่วนมากคงจะมาใกล้ๆงานพิธี ฝ่ายเชื้อพระวงศ์ก็อยู่กับการตกแต่งสุสานหลวงและโรงพระศพ
..........*************........
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น