ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 ลอทารัส
“อะแฮ่ม นาโรเวน...ไม่เห็นทักทายข้าบ้างเลยน้า”
“เอ่อ ขออภัยเพคะเจ้าชาย” นางรีบปาดน้ำตาและย่อตัวลง
“แค่ล้อเล่นนิดหน่อยข้าไม่ถือหรอก เอ้า!”
มาโลเอียร์เริ่มงงแล้ว ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ทั้งมาโลคิลและนาโรเวนก็กอดกันอีก เป็นนานกว่าจะผละจากกันได้
“ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน วันๆข้าเฝ้าแต่รอว่าเมื่อไหร่ท่านจะมา แต่นึกไม่ถึงว่าท่านจะมาตอนนี้”
“ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน...ร้องไห้ทำไมล่ะเจ้า” มาโลคิลตรัสและใช้พระหัตถ์เช็ดน้ำตาบนแก้มของ
นาโรเวน
“ก็ข้าดีใจที่พวกท่านกลับมา รู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่นี้ฝ่าบาททรงรำพันถึงท่าน”นางกล่าวพร้อมถอนหายใจออกมา“ข้าเชื่อว่า หากฝ่าบาทได้เห็นหน้าท่านทั้งสอง จะทำให้ฝ่าบาททรงทุเลาขึ้น”
“จริงหรือนาโรเวน” เจ้าชายมาโลเอียร์ตรัสถาม“ถ้างั้นข้าคงต้องไปเข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้เลย” สิ้นรับสั่งก็รีบจ้ำอ้าวไปยังปราสาทชั้นในทันที
ส่วนคู่รักมองมาโลเอียร์อย่างเอ็นดู นานๆครั้งที่เจ้าชายพระองค์เล็กจะกระตือรือร้นขึ้นมาสักครา ทั้งสองจูงมือเดินตามมาโลเอียร์เข้าไปปราสาท
“สงสัยมาโลเอียร์คงอยากเป็นกษัตริย์เร็วๆกระมัง ถึงได้รีบไปขนาดนั้น”
“พระอนุชามิได้ปรารถนาจะเป็นกษัตริย์ พระองค์ปรารถนาที่จะรับใช้ท่านและฝ่าบาทเท่านั้น...ใครๆก็รู้”
มาโลคิลถอนหายใจเบาๆ
“เสด็จพ่อประชวรนานหรือยัง....ข้าบอกตรงๆพอข้ารู้เรื่องนี้ข้าไม่สบายใจเลย”
“นับแต่พระอนุชาเสด็จลงไปเพโดเรีย หลังจากนั้นไม่กี่วัน...ข้าจำได้ ฝ่าบาทเสวยพระกระยาหารอยู่ดีๆ พระวรกายก็สั่น ข้าเข้าไปถวายน้ำองุ่น พระองค์ก็ล้มลงไปกับพื้น ดีที่ข้าประคองพระองค์ได้ทัน มิเช่นนั้นอาจทรงเป็นอะไรไปมากกว่านี้”
“ถ้าเช่นนั้นก็นานพอควร แต่แล้วไยเสด็จพ่อถึงยังไม่หาย” นิ่งเงียบกันซักพัก
“ข้าไม่รู้...ข้าไปเฝ้าพระองค์เกือบทุกวัน โอสถหลายสิบจอกแล้วนะเพคะ พระองค์ก็ยังไม่ดีขึ้นมา”นาโรเวนบอก“ตอนที่องค์ราชินีเสด็จเข้าเฝ้า สีพระพักตร์ของพระนางไม่ดีเลย”
“เป็นไปได้ยังไง....?”
เมื่อเจ้าชายทั้งสองก้าวย่างผ่านประตูท้องพระโรงเพื่อเข้าไปยังห้องบรรทมของเสด็จพ่อ องครักษ์ทุกหมู่เหล่าต่างทำความเคารพ ใบหน้าของแต่ละคนแฝงไปด้วยความหวัง ว่าราชาของตนจะสามารถคืนสู่บัลลังก์ได้ดั่งเดิม
นาโรเวนสั่งทหารเปิดประตูห้องบรรทม นางรีบรุดไปหาองค์กษัตริย์
“ฝ่าบาทเพคะ”
องค์ธีร์เมยาคิลลืมพระเนตรขึ้นอย่างยากลำบาก เหมือนดั่งมีแท่งเหล็กหนักๆมาทับเปลือกพระเนตรไว้ พระองค์ทอดพระเนตรมาที่หญิงสาว ทรงแย้มพระโอษฐ์ให้นาง
“เจ้าเองหรือ น..นาโรเวน”
“ผ่าบาทลองทอดพระเนตรสิเพคะ! ผู้ใดมา”
พระองค์หันไปช้าๆ นั่น! มีใครบางคนรออยู่ที่ประตู
“มาโลคิล มาโลเอียร์” กษัตริย์ชราตรัสหาพระโอรส สองเจ้าชายรีบโผเข้าหาพระบิดายังแท่นบรรทม
“ท่านพ่อ”
ทั้งคู่กอดพระบิดาเสมือนเด็กน้อย นาโรเวนซึ่งมองเหตุการณ์ตรงหน้ารู้สึกหลากหลาย ใจหนึ่งก็เป็นสุขกับการที่ได้เห็นความรักอันบริสุทธิ์ของบุตรและบิดา ได้เห็นครอบครัวที่อบอุ่น ทว่าอีกใจก็โหยหาและคิดถึงบิดามารดาของนางเช่นกัน
“เจ้าชาย...องค์ราชินีเสด็จพะยะค่ะ” องครักษ์ด้านนอกกราบทูล หญิงสาวเดินไปเปิดประตูรับเสด็จราชินี
“ถวายบังคมเพคะ” นาโรเวนย่อตัวลง องค์ราชินียิ้มและพยักพระพักตร์ให้ พระนางปรารถนาให้โอรสทั้งสองอยู่ใกล้ชิดพระบิดาให้นานที่สุด เพราะพระนางทรงคาดการณ์ไว้แล้วว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น ในภายภาคหน้า
ซักพักองค์ราชินีก็เสด็จออกจากห้องบรรทม และทรงดำเนินไปยังข้าหลวงอาวุโสท่านหนึ่ง พระนางก้มพระเศียรให้เล็กน้อย
“โอรสข้ารู้เรื่องของเสด็จพ่อหรือยัง” องค์ราชินีตรัสถาม
“ยังหรอกพะยะค่ะ”
“นาโรเวนล่ะ”
ข้าหลวงท่านนั้นส่ายศีรษะเบาๆ และเอ่ยขึ้น
“พระนางคิดว่าจะเก็บงำเรื่องนี้ไว้ตลอดไปหรือ อีกไม่นานเจ้าชายก็ต้องรู้”
“หากว่าเค้าจะต้องรู้ ข้าก็ขอให้เค้าได้อยู่กับฝ่าบาทให้นานที่สุด!”
“ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ เฟร่า เจ้าเป็นน้องสาวพี่...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน มีหรือที่พี่จะไม่รู้นิสัยเจ้า” น้ำเสียงของท่านข้าหลวงยังคงราบเรียบ
“แล้วท่านคิดว่าจะให้ข้าใจแข็งพอที่จะเดินไปบอกโอรสแห่งตนว่าเสด็จพ่อของลูกประชวรด้วยโรคที่เราไม่รู้จัก...ไม่มีทางเยียวยา พระองค์จะต้องสิ้นใจในเร็ววันงั้นหรือ!!”
น้ำพระเนตรเริ่มคลอเบ้าและหยดลงสู่สองปรางค์
“ข้าทำไม่ได้....”
“ใจเย็นก่อนเถิด... น้องรัก”
“ท่านยังจะให้ข้าใจเย็นได้อีกหรือ ข้าเป็นแม่คนนะ!”
“ทุกอย่างย่อมมีทางออกเสมอ เฟร่า แม้ว่าทางออกนั้นจะเล็กซะจนเจ้าไม่มีความหวังและความเชื่อมั่นว่าจะผ่านพ้นไปได้ แต่ถ้าเจ้าลองดูให้ดีจะพบว่าทางที่เล็กแคบนั้น..ยังคงมีแสงแห่งตะวันส่องผ่านเสมอ แล้วเจ้าจะล่วงรู้เองว่า จะข้ามผ่านรอยแยกนั้นไปได้อย่างไร”
ราชินีเฟร่าสะอื้นไห้อยู่เงียบๆ ข้าหลวงชราดึงพระนางมากอดไว้แนบอก
‘เฟร่า ถึงเจ้าจะอายุมากขนาดไหน เจ้าก็ยังคงเป็นน้องของข้ามิเปลี่ยนแปลง’
..................++++++++++++.................
เป็นเวลาหลายวันแล้ว นับตั้งแต่สองเจ้าชายเสด็จถึงลอทารัส ตอนนี้ฤดูหนาวใกล้สิ้นสุดลง ต้นไม้เริ่อมแตกใบเขียวชอุ่ม ดอกไม้หลากสีชวนกันชูช่อบานสะพรั่งทั่วทั้งอุทยานหลวง บรรยากาศตอนเช้าช่างน่าอภิรมย์เสียจริง ลมเย็นๆจากตะวันตกเริ่มพัดโชยเข้าสู่ทาร์เดนเซียร์ ในยามที่ดวงตะวันโผล่ขึ้นสู่ยอดเขาอีมิล อันเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในราชอาณาจักร รัศมีสีแดงอมส้มของเจ้าแห่งวันทอทาบทับท้องฟ้า แสงแดดอุ่นๆช่วยบรรเทาความหนาวเย็นของฤดูกาลที่จวนจะหมดสิ้นลงได้เป็นอย่างดี ทั้งอาณาจักรเหนือและอาณาจักรใต้ยังคงเป็นปกติสุข ยามนี้ที่อาณาจักรใต้คงจะเป็นฤดูฝน น้ำทะเลจะเริ่มหนุนขึ้นสูง ชาวทะเลที่อาศัยอยู่แถบนั้น เริ่มทยอยกลับสู่ชายฝั่ง ปลา ปู กุ้ง หอย และสัตว์ทะเลอีกนานาชนิดที่หามาได้ ก็จะนำมาขายยังอาณาจักรเหนือในไม่ช้า ความปิติยินดีเริ่มแผ่เข้าสู่มหานครอีกครั้ง เพราะบัดนี้ องค์ธีร์เมยาคิล ราชาของเหล่าพสกนิกรได้ทรงมีพระอาการดีขึ้นมาก ทรงตรัสและดำเนินได้อย่างกระฉับกระเฉง และสามารถออกว่าราชการได้ตามปกติ...
เจ้าชายมาโลเอียร์คอยตามเสด็จพระบิดาไปแทบจะทุกที่ ครั้งนี้ก็เช่นกัน พระองค์ตามพระบิดาไปยังเมืองมิลีย์ เพื่อเยี่ยมเยียนตรวจดูทุกข์สุขของราษฎร กว่าจะเสด็จกลับคงเป็นเพลาพลบค่ำ
แดดเริ่มส่องสว่างทั่วทั้งอุทยานแล้ว...
“อุทยานแห่งนี้เป็นที่ที่ท่านพ่อดำริให้สร้างขึ้น เพื่อมอบให้แก่ท่านแม่ในวันอภิเสกสมรส และ....”
“และอะไรหรือเพคะ” นาโรเวนขมวดคิ้ว ดวงตาคู่โตสีน้ำตาลของนางรอคำตอบด้วยประกายตาแวววาว
“เป็นของล้ำค่า อนุสรณ์และพยานความรักของท่านพ่อที่มีต่อท่านแม่”
มาโลคิลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มหวาน พร้อมยิ้มให้ผู้รอคำตอบอย่างอบอุ่นละมุน หญิงสาวฟังคำตอบด้วยความทึ่ง
“ข้าเคยมาที่นี่บ่อยครั้ง....แต่ไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ทั้งๆที่อยู่ในวังมาตั้งแต่เด็ก” นางกล่าวพร้อมหัวเราะเบาๆ“มีหลายครั้งนะเพคะ ที่ข้าสงสัยว่าทำไมองค์ราชินีถึงเสด็จมาที่นี่บ่อยเลือเกิน”
“แสดงว่าเจ้าชอบที่นี่...?”
“ชอบมากเลยล่ะเพคะ...เวลาที่ข้าไม่สบายใจก็จะมาอยู่ที่นี่ ดูเหล่าแมกไม้ผลิดอกออกผล”
“มีอะไรให้เจ้ากังวลใจนักหรือ?”
“ท่านจะรู้ไปทำไม ถึงข้าบอกไปก็ไม่ช่วยอะไรขึ้นมา” นาโรเวนมีสีหน้าเศร้าขึ้นมาทันที
“แต่ข้าเป็นห่วงเจ้า....หรือว่าเจ้ารังเกียจข้า” เจ้าชายมาโลคิลตัดพ้อหญิงสาว พระองค์หันหลังให้ และชักสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาทันที (มุขของพระอนุชานั่นเอง) เมื่อนาโรเวนได้ยินก็รู้สึกผิดที่กล่าววาจากระทบพระทัย(ดวงน้อยๆ)ขององค์รัชทายาท นางก้าวไปใกล้ๆ
“มาโลคิล...ข้าขอโทษ ที่เอ่ยวาจาเช่นนั้น ข้าไม่ได้รังเกียจท่านซะหน่อย ” นางเงยหน้าดูพระพักตร์เจ้าชาย พระองค์ยังคงตีสีหน้างอนอยู่
“ถ้าเช่นนั้นก็เล่าให้ข้าฟังสิ”
“เอ่อ..ตามพระประสงค์เพคะ” นางตอบ “ตั้งแต่พ่อแม่ของข้าจากไป ข้าก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก...ตอนเด็กที่เข้ามาอยู่ในวังใหม่ๆก็มีแต่ คนล้อข้าว่าเป็นเด็กกำพร้า ยามที่ข้าเห็นพ่อแม่ลูกกอดกัน ข้าก็คิดถึง อยากกอดท่านพ่อท่านแม่ที่สุด!”
“ถึงเจ้าจะไม่มีพ่อหรือแม่...แต่เจ้าก็ยังมีข้า มีท่านแม่ ท่านพ่อ และอีกหลายคนที่รักเจ้านะ”
นาโรเวนร่ำไห้ออกมา
“มาโลคิล” เจ้าชายคว้าตัวหญิงสาวเข้ามากอด นางซบลงแนบพระอุระ
“อย่าร้องเลย นาโรเวนของข้า” พระองค์ตรัสและจับไหล่นางและจุมพิตที่หน้าผากนวล “ข้าจะรักและปกป้องเจ้าจนกว่าชีวิตข้าจะหาไม่....นาโรเวน” นางหยุดร้องไห้
“ข้าก็รักท่านเช่นกัน”
มาโลคิลแย้มพระสรวจด้วยความยินดียิ่ง
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้ท่านพ่อจัดงานอภิเษกให้เรา....ตกลงไหม”
“อึม...” นาโรเวนบอก หน้าของนางเริ่มแดงไปทั่วแล้ว
“ข้าไม่ได้ยินเลย เอาใหม่ซิ” มาโลคิลทำเป็นเอามือป้องมาที่หู
“คงอย่างนั้นมั้ง”
“เจ้าว่าอะไรนะ”
“เฮ้อ....ข้าตกลง!”
ทันใดนั้น! มาโลคิลก็จูงมือคนรักชมดอกไม้ไปเรื่อยๆ จนถึงกอพฤกษาสีขาวที่ส่งกลิ่นหอมชื่นใจ พระองค์ก้มลงไปเด็ดมันมา พร้อมมอบให้กับนาโรเวน
“ดอกวินส์!” นางเอ่ย
“ตัวแทนของเจ้า....ข้าเจอมันในป่าฟอเรสต์ มันทำให้ข้าตามหากวางทองจนพบ”
“นี่ท่านท้าแข่งพระอนุชาล่ากวางทองหรอกหรือ แล้วท่านชนะใช่หรือไม่”
“.....ไม่ ไม่มีผู้ใดชนะ” พระองค์ทรงเลี่ยงคำตอบว่าทรงเจอมันพร้อมกัยทั้งคู่
“อ้อ........”
ขบวนเสด็จขององค์ธีร์เมยาคิล...
มาโลเอียร์ควบม้าไปใกล้พระบิดา
“เหนื่อยไหมพะยะค่ะ...ท่านพ่อ” เขาถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ไม่หรอก ได้เห็นลูกข้าอยู่ใกล้ๆ มันทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะ..ลูกรัก” ทรงโบกพระหัตถ์ทักทายประชาชน
“พี่มาโลคิลน่าจะมาด้วย จะได้แบ่งเบาภาระของท่าน”
“มาโลคิลเรอะ!” พระองค์ทรงพระสรวล“รายนั้นปล่อยไปบ้างเถอะ เขาเหนื่อยมามากแล้ว....อีกอย่างเค้าต้องแบกรับหน้าที่ที่สำคัญในไม่ช้า..”
“ท่านพ่อหมายถึงอะไรพะยะค่ะ” เจ้าชาย ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ช่างเถอะ...ข้าก็พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยหรอกน่า” พระองค์ทรงควบม้านำหน้าไป
“ท่านพ่อก็พูดให้ข้าคิดมากอยู่เรื่อยเลยนะพะยะค่ะ...โถ่”มาโลเอียร์บ่นลอยๆ “ชารัต! ชารัต! ไปอารักขาท่านพ่อที”
“พะยะค่ะเจ้าชาย”
ทันใด!! สายพระเนตรขององค์กษัตริย์เริ่มพร่ามัวลงทรงเจ็บแปลบที่พระทัยพระวรกายสั่นไปทั่ว พระสุรเสียงตะโกนกึกก้อง
“มะ..มา..โลเอียร์”
เจ้าชายกำลังแหย่ทหารไปเรื่อยเปื่อยเมื่อได้ยินพระสุรเสียงของพระบิดาก็ให้พระทัยหาย ทรงรีบควบอาชาไปยังพระบิดา พลัน!!!! พระองค์ก็พบกับภาพที่ไม่รู้ลืม
“ท่าน...........พ่อ!!!!” กษัตริย์ธีร์เมยาคิลทรงโอนเอนและตกจากหลังม้า ผู้คนที่มาเฝ้ารับเสด็จต่างตะลึงงึงงัง บ้างก็กรีดร้อง มาโลเอียร์รีบไปประคองพระองค์ บนตัก
“ท่านพ่อ”
“มาโลเอียร์.....ล..ลูกพ่อ” พระองค์ทรงตรัสอย่างยากลำบาก พระโลหิตเริ่มซึมออกจากพระโอษฐ์ “พ..พ่อ...คงไม่รอด....ฝากทะ..ทาเดน ซะเซียณไว้....พ่อ.พ่อรักลูก...”
“พะยะค่ะ...เสด็จพ่อจะต้องไม่เป็นอะไร” เจ้าชายรับสั่งด้วยสุรเสียงรวนเร็ว องค์กษัตริย์ทรงรวบรวมลมหายใจครั้งสุดท้าย! “พะ..พ่อ..ปะ..เป็น.....” พระสุรเสียงขาดหาย
ลมหายใจหยุดนิ่ง พระโอรสประหนึ่งต้องคำสาป พระบิดาสิ้นพระทัยในอ้อมกอดพระโอรส มาโลเอียร์ตะโกนอย่างสุดเสียง
“ท่านพ่อ.........!!!”
เจ้าชายกรรณแสงอย่างหนัก และหมดพระสติไป.... องครักษ์ชารัตข่มน้ำตาไว้แล้วประกาศ
“ฝ่าบาทเสด็จสวรรคตแล้ว....!”
ทั้งทหารและประชาชนก้มหัวลง ถวายความเคารพแด่องค์กษัตริย์และต่างพากันร่ำไห้.....
หัวหน้าองครักษ์รีบอัญเชิญร่างอันไร้วิญญาณของกษัตริย์และร่างที่หมดสติของพระโอรสกลับสู่มหานครเรทาเรอัส อันเป็นที่ตั้งพระราชวังลอทารัสทันที
โดยมิได้สังเกตุสิ่งหนึ่ง........ที่อยู่บนพระศอขององค์กษัตริย์ตลอดเวลา!!!!
+++++++++++++++++.................................++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น