ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1 สองรัชทายาท
อาณาจักรทาร์เดนเซียร์.....
อาณาจักรที่รุ่งเรืองและสงบสุข ปราศจากข้าศึกใดๆ รุกรานมานาน อยู่ภายใต้บารมีราชธวัชกวางทองแห่งราชันย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่ และทรงพระราชอำนาจ ธีร์เมยาคิลที่สอง โอรสแห่งชอร์นมิน หรือ กษัตริย์ธีร์เมยาคิลที่หนึ่ง
ณ หมู่บ้านเอลไมดอนด์ เป็นที่ตั้งโรงฝึกศาตราวุธของพระโอรสในกษัตริย์ธีร์เมยาคิลที่สอง หรือที่ชาวเมืองมักเรียกกันว่าเพโดเรีย ที่โรงฝึกอันกว้างใหญ่ ได้ปลูกสวนพรรณไม้ไว้ดาษดื่น จนทั่วทั้งเพโดเรียเป็นสีทองอร่ามดั่งอาทิตย์ยามอัสดง ภายในสวนงามได้ซ่อนเร้นตำหนักอันวิจิตรหลังน้อยๆของเจ้าชายไว้ เพื่อยามที่พระองค์ประสงค์จะมาพักแรมที่โรงฝึกแห่งนี้ ใกล้กับตำหนักได้มีลำธารสายเล็กๆไหลลงมาจากแม่น้ำเมริวอเดอร์ ที่อยู่บนภูเขาอีมิล เมื่อมองจากตำหนักจะเห็นภูเขาตระหง่านถูกปกคลุมไปด้วยป่าอันเขียวชอุ่ม
ลานหน้าพระตำหนักยามเช้า
เจ้าชายหนุ่มอายุราว 17 ปียืนยิ้มน่าทะเล้นกลางเหล่าทหาร รอการมาของใครบางคน...
“ ตื่นแล้วหรือพะยะค่ะ...ท่านพี่” เจ้าชายมาโลเอียร์ตรัสหยอกล้อผู้เป็นพระเชษฐา เมื่อเห็นว่าทรงม้าย่างเหยาะมาทางพระองค์ "ข้านึกว่าท่านจะบรรทมจนกู่ไม่กลับ "
บุรุษสูงศักดิ์เมื่อถูกถามเช่นนั้นก็ยักคิ้วให้ พร้อมกับหัวเราะและส่ายหัวไปกับความทะเล้นของผู้เป็นอนุชา เสียงทุ้มรับสั่งพร้อมกระโดดลงจากหลังม้าสีขาวคู่พระทัย
“ ข้าก็เป็นของข้าอย่างนี้ มีสิ่งใดผิดกระนั้นหรือ” เจ้าชายมาโลคิลตรัสถาม
เรือนพระเกศาสีน้ำตาลเข้มเป็นลอนยาวไล่ระดับสะท้อนกับแสงตะวัน ขับกับพระพักตร์อันทรงอำนาจ และพระเนตรแวววาวสีฟ้าอ่อนโยน ยิ่งทำให้เจ้าชายองค์นี้แลดูงามสง่ายิ่งนัก ทั้งเจ้าชายมาโลคิลและเจ้าชายมาโลเอียร์มีพระพักตร์ที่คล้ายกัน จะผิดกันก็ตรงที่ เจ้าชายมาโลเอียร์ มีพระเกศาสีดำสนิท และมีพระเนตรเป็นสีเทา แต่จะแตกต่างกันขนาดไหนก็ไม่สามารถนำมาบรรยายได้หมด เอาเป็นว่าหน้าตาดีทั้งคู่แล้วกัน
“ หามีไม่พะยะค่ะ เอาเป็นว่าเรามาหาอะไรทำสนุกๆดีกว่า เช้านี้อากาศเป็นใจยิ่งนัก”
“เราหรือ หมายถึงใครข้าไม่เข้าใจ” พระเชษฐาตรัสถาม พร้อมขมวดคิ้ว “เมื่อครั้งที่แล้วเจ้าบอกว่าเรามาล่องเรือกันดีกว่า ฮึๆ เจ้าก็ไปพร้อมทหารอีกเป็นสิบ”
“เอาล่ะเจ้าพี่ ครั้งนี้จะมีเพียงข้าและท่านสองคน” เจ้าชายมาโลเอียร์รับสั่ง และเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ “แต่จำต้องมีทหารองครักษ์คอยอารักขามิให้พระวรกายห่างสายตาของพวกมันพะยะค่ะ ด้วยพระองค์ทรงเป็นถึงเสนาบดีปกครองราชอาณาจักรใต้ หากมีใครมาลอบทำร้ายท่าน จะได้มีผู้คุ้มกันอย่างไรเล่าพะยะค่ะ” ทีนี้เจ้าชายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างชัดเจน จนคู่สนทนานิ่งไปพักหนึ่ง
“เจ้าเลิกใช้คำราชาศัพท์กับข้าซะทีเถิด ทำกับว่าข้าและเจ้ามิใช่พี่น้องกัน” สุรเสียงดูจะตัดพ้อเล็กน้อย
“พระองค์ เอ่อ...ท่านพี่ต้องการอย่างนั้นหรือ ?” เจ้าชายมาโลเอียร์ตรัสถาม พร้อมทั้งเลิกคิ้วขึ้นสูง
“ข้าต้องการเช่นนั้น...ก็แค่ตอนที่ท่านพ่อไม่อยู่เท่านั้นเอง”
“ก็ได้ ว่าแต่จะทำอะไรดีเนี่ย ข้าว่างเสียจนจะเดินเท้าไปภูเขาอีมิลแล้วนะ”มาโลเอียร์บ่นพรางถอนหายใจ
“เอาอย่างนี้ ข้าว่าเรามาล่ากวางเผือกแข่งกัน ได้ยินเสียงร่ำลือกันว่าที่กลางป่าเอนฟอเรสต์มีกวางเผือกอยู่นี่ มาโลเอียร์”
“อยู่เยอะซะด้วยสิท่าน” เจ้าชายองค์น้องยิ้มที่มุมปากอย่างมีแผน แววเจ้าเลห์เริ่มฉายในประกายตา สีเทาคู่นั้น“แต่ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะล่ากวางป่าได้”
“กระนั้นหรือ” มาโลคิลกล่าวตอบพลางยักไหล่ “เจ้าคิดว่าตลอดเวลาที่ข้าจากบ้านเมืองไปเรียนยุทธวิชาไกลถึงมาราซัส ข้าเอาเวลาไปแต่งโคลงกลอนเช่นเจ้าหรืออย่างไร”
มาโลเอียร์ทำท่ากำลังคิดหนัก ในที่สุดก็ตรัสขึ้น
“อึม เรื่องแบบนี้ใครจะล่วงรู้ แต่ก็ไม่แน่นะ เพราะอีกไม่นานเราจะได้รู้กัน”
เจ้าชายหนุ่มโยนหอกเหล็กแหลมขนาดเหมาะมือให้แก่บุรุษตรงหน้า และตะโกนเรียกองครักษ์คนสนิทท่ามกลางความงุนงงของเหล่าทหารองครักษ์
“ชารัต! ชารัต! มาหาข้าเร็ว” ไม่นานก็มีบุรุษร่างสูง รุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าชายมาโลเอียร์วิ่งฝ่าฝูงทหารมายืนประจันหน้า
“ข..ข้าพระองค์มาแล้วฝ่าบาท เมื่อไหร่พระองค์จะเลิกตะโกนใส่ข้าซะที” ชารัตรีบวิ่งมาด้วยท่าทีกระหืดกระหอบแต่ก็ยังไม่วายตัดพ้อผู้เป็นนาย
“อ้อ! ขอประทานอภัยด้วยท่านชารัต ผู้น้อยมิรู้ว่าท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าชายแห่งโดลเอเลียสเมื่อไหร่กัน”
เจ้าชายมาโลเอียร์ตอนนี้เริ่มตีสีหน้าเป็นเต้าทึงเน่า ทำทีว่าตัวเองอารมณ์เริ่มครุกกรุ่น เจ้าชายมาโลคิลที่ฟังการสนทนาของคนทั้งคู่ถึงกับกลั้นหัวเราะออกมาอย่างเสียไม่ได้เพราะล่วงรู้ว่าพระเชษฐาของพระองค์นั้น บทจะเนียนก็เนียนอย่างเหลือเชื่อ
“ โถ่! พระองค์ก็ พอจะเรียกใช้กระหม่อมทีไรก็ต้องตะโกนทุกครั้งไป กระหม่อมมิได้หูหนวกนะพะยะค่ะ”
“อาๆ ข้าจะไม่ตะโกนแล้วกันท่านเสนาบดี”
“เจ้าชาย...เลิกเล่นได้แล้วพะยะค่ะ” ชารัตกล่าวเหมือนผู้ใหญ่กำลังอบรมเด็ก
“นี่ถ้าเจ้าเป็นคนอื่นข้าไม่ปล่อยให้ลอยหน้าลอยตาแบบนี้หรอก...มันจะโดนเตะออกจากเพโดเรียตั้งแต่ที่พูดประโยคแรกแล้วด้วยซ้ำ” เจ้าชายพูดพลางทำท่าไปด้วย “เอาล่ะ เจ้าจงไปบอกทหารให้ตามเสด็จอารักขาข้าและท่านพี่ ให้พวกเจ้าคอยเฝ้าอยู่แถวๆชายป่าเอนฟอเรสต์”
“พะยะค่ะ กระหม่อมจะดูแลตามที่ทรงมอบหมาย”
หลังจากที่มาโลเอียร์ได้สั่งเจ้าชารัตแล้ว พระองค์ก็หันพระพักษตร์กลับมาที่เชษฐา
“เจ้าพูดกับชารัตแบบนี้ทุกครั้งเลยหรือ” มาโลคิลตรัสถาม
“ชั่งเถอะพะยะค่ะ เดี๋ยวข้าไปเอาเจ้ามาซเซมาก่อน”
พระองค์เสด็จขึ้นหลังม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลนามมาซเซ เหล่าทหารหลายสิบนายเตรียมอาวุธคู่กายพร้อมสรรพ เพื่อเฝ้าอารักขาเจ้าชายแห่งทาร์เดนเซียร์ มาโลเอียร์ชักม้าย่างมาทางมาโลคิล พร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“เร่งมือหน่อยท่านพี่ เดี๋ยวถ้าข้าจับกวางมาถวายท่านพ่อได้ก่อน อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเชียวนะ”
“พูดดีไปเถิดเจ้า มัวแต่หัวเราะผู้อื่น ถ้าเจ้าปราชัยต่อข้าก็อย่ามาโกรษแล้วกัน”
มาโลคิลตรัส และกระโดดขึ้นหลังม้าขาว
ทั้งสองบุรุษชักม้าย่างเหยาะไปที่ชายป่าเอนฟอเรสต์ทอดตัวไม่ไกลจากเพโดเรีย เมื่อควบม้าเข้าสู่เขตป่าได้ซักพัก มาโลเอียร์ส่งสัญญาณให้ทหารที่อยู่ข้างนอกเตรียมการอารักขาไว้ เจ้าชายแห่งแดนใต้ชักม้าหมุนเป็นวงกลม ก่อนจะหยุดตรงทางเข้าสู่ใจกลางป่าลึก อาชาขาวสะบัดหัวและยกขาหน้าขึ้นสูง เป็นการเตรียมพร้อมที่จะไล่ล่ากวางผู้หลบหลีกว่องไว ชารัตหัวหน้าองครักษ์ยกธงสามเหลี่ยมสีทองสองชิ้นขึ้นเหนือหัวซักพัก พลัน!! ธงก็สะบัดลงอย่างรวดเร็ว
เสียงฝีเท้าม้าดังสะท้านกึกก้องไปทั่วป่า ไม่นาน ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองก็แยกกันไปคนละทาง มาโลเอียร์สอดสายตากวาดหากวางเอกอยู่ร่ำไป ตอนนี้เจ้าชายเริ่มหมดแรงและมึนหัวแล้ว พระองค์บังคับม้าเดินไปเป็นเขาวงกตอยู่แถวนั้นเรี่อยๆ บางครั้งก็สบทไปพลาง
“โอ้ย! ข้าชักปวดหัวแล้วนะ ตัวอะไรก็ได้โผล่หัวออกมาให้เห็นซักหน่อยเถอะ !” หรือไม่ก็
“จะกวางขาว กวางเงิน กวางทอง กวางเผือก กวางน้ำตาล ก็ได้ ออกมาซะที”
ฝ่ายเจ้าชายมาโลคิลควบม้าขาวเข้าไปในป่าลึกซักพักก็ชะลอฝีเท้าม้าลง เขาลงจากหลังม้าเดินไปรอบๆกอดอกวินส์
“เหตุใดหมู่วินส์จึงมาอยู่ป่าในป่าแถวนี้นะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว จากนั้นก็ก้มลงสูดกลิ่นดอกวินส์ขาวหอมชื่นใจ
“นาโรเวน” เขารำพันเบาๆ ทันใด! เขาเห็นกวางตัวหนึ่งก้าวย่างมาด้วยประกายเจิดจรัสสีทองยามแสงอาทิตย์ต้องลงมาถึงตัว เขาบอกด้วยความยินดียิ่ง
“เจ้าดอกวินส์เอ๋ย...ในที่สุดข้าก็ชนะเจ้าน้องตัวดีได้แล้ว ข้าจะไม่ลืมกลิ่นของเจ้าที่ทำให้ข้าตามหาสัตว์คู่บัลลังก์ของท่านพ่อจนเจอ” ชายหนุ่มสูดกลิ่นอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง พร้อมหยิบคันธนูไม้ฝังหินมีค่าและลูกศรสีเงิน....เตรียมง้างคันศรด้วยความเงียบกริบ
กวางนั้นเดินเข้ามากระชั้นชิดทุกที ทว่า...กลับมีเสียงม้าควบเข้ามาทางเขา เสียงนั้นทำให้กวางป่าเริ่มตั้งท่าหนี
‘เอ๊ะ! เกิดอะไรขึ้น ไยจึงมีม้าอยู่แถวนี้......หรือว่า’ ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
“มาโลเอียร์” เขาอุทานอย่างผิดหวังที่งานนี้คงไม่ได้ชนะคนเดียว
เสียงนั้นใกล้เข้ามาทุกที ทุกที คันศรงามถูกมือแกร่งง้างเกือบสุดแรง
“อ๊ะ เจ้ากวางตัวน้อยๆของข้า ในที่สุดก็หาเจอจนได้” มาโลเอียร์ชักม้าเข้ามาด้วยสีหน้าผู้มีชัย เขาหยิบหอกคมขึ้น ชักม้าย่องมาใกล้ “ตามหาเจ้ามาตั้งนานแล้ว”
“มาโลเอียร์ กวางนั่นของข้า!”
“ช่วยไม่ได้ ข้าใกล้มันมากกว่า” มาโลเอียร์ยักคิ้วให้เป็นการล้อเลียนมาโลคิล
“เสร็จข้าล่ะ เจ้ากวางน้อย”
หอกถูกจับแน่นขึ้น และถูกเหวี่ยงไปสุดแรง กวางนั้นไหวตัวทันหนีไปได้ก่อน ทันใด! มีเสียงม้า(อีกแล้ว)ควบมาใกล้
“เจ้าชายมาโลเอียร์พะยะค่ะ!” ชารัตรีบลงจากหลังม้าด้วยท่าทีกระหืดกระหอบ
“เจ้าชาย!!”
“มีเรื่องอะไรอีกล่ะชารัต เข้ามาซะถูกเวลาเชียว” มาโลเอียร์ลงจากหลังม้า หน้าตาบูดบึ้ง
“ฟังเค้าก่อน มาโลเอียร์” พระเชษฐาตรัสปรามพระอนุชา “เอาล่ะ มีอะไรว่ามาชารัต”
“ค..คือว่า คือว่า” หัวหน้าองครักษ์พูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“คือว่าอะไรล่ะ! ชักช้าอยู่ได้ ข้าไม่มีเวลาพูดกับเจ้าทั้งวันหรอกนะ”
“เอ่อ...คือ” ชารัตถอนหายใจพักหนึ่ง”ฝ..ฝ่าบาททรงพระประชวรหนักพะยะค่ะ”
ด้วยความงงงัน เงียบกันไปครู่หนึ่ง
“ไม่จริง! ตอนที่น้องข้าออกจากวัง ท่านพ่อยังปกติดีนี่”
“ข้าไม่เชื่อ!”ผู้สูงศักดิ์ยกปกเสื้อชารัตขึ้น ตัวเขาลอยสูงเหนือพื้นดินทันที
“จริงพะยะค่ะ เจ้าชาย ป..ปล่อยข้าลงเถิด” มาโลเอียร์รีบสงบอารมณ์ปล่อยชารัตดังเดิม
‘ข้าไม่เชื่อ’เขากำลังสับสนว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
มาโลคิลตรัสสั่งชารัตอย่างเร่งรีบ
“ชารัต เราจะกลับลอทารัสทันที เจ้ารีบไปบอกพวกข้างนอก ข้าจะตามไปทีหลัง!”
“มาโลเอียร์...ขึ้นม้าซะ” เจ้าชายมาโลคิลเดินเข้าไปปลอบพระอนุชาพร้อมจับพระพาหา“ท่านพ่อต้องไม่เป็นอะไร”
มาโลเอียร์ลุกตามแต่โดยดี สองเจ้าชายก็ตะบึงหน้าควบม้าออกไปอย่างไม่เหลียวหลังสู่ลอทารัส
...................................++++++++++++++++++++++++..................................
ลอทารัส พระราชวังแห่งโดลเอเลียสอาณาจักรเหนือ
“ฝ่าบาทเพคะ ฝ่าบาท”สตรีประดับอาภรณ์สูงศักดิ์นางหนึ่งนั่งร่ำไห้อยู่ข้างแท่นบรรทมของกษัตริย์ธีร์เมยาคิล“ด้วยเหตุใดพระองค์ถึงเป็นเช่นนี้”
นางเหลียวมองพระโอสถที่นำขึ้นถวายถ้วยแล้วถ้วยเล่า แต่พระอาการของกษัตริย์อันเป็นที่รักก็ไม่ทุเลาลงเลย
“โถ่! ฝ่าบาท มีสิ่งใดจะช่วยให้พระองค์ทรงหายประชวรได้บ้าง”
ทันใดนั้น พระโอษฐ์ของกษัตริย์ก็ขยับ พระสุรเสียงที่ตรัสออกมาคล้ายกับเสียงกระซิบจากภูผา
“ลูก...ลูกข้า”
“พระองค์” น้ำตาเริ่มคลอเบ้าและไหลรินอีกครั้ง ใบหน้าของนาง บัดนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“ข้าภาวนาให้โอรสของพระองค์นิวัติสู่นครโดยเร็วด้วยเถิด”
...เหมือนดั่งว่าสวรรค์ได้ยินคำอ้อนวอนของนาง...เสียงของทหารที่เฝ้าอยู่หน้าห้องบรรทมก็ดังขึ้น
.... ปัง...ปัง....ปัง.....
“ท่านหญิง ท่านหญิงขอรับ” ทหารเวรรีบเคาะประตูเป็นการใหญ่
นางพยายามกลั้นเสียงสั่นเครือไว้
“ม..มีอะไรกัน ฝ่าบาททรงบรรทมอยู่ พวกเจ้าจะส่งเสียงเอะอะไปทำไม”
“คือ ขอท่านหญิงเชิญออกมานอกห้องบรรทมเถิดขอรับ มีข่าวเร่งด่วนมาก”
นางปาดน้ำตาและรีบเดินไปเปิดประตูห้อง
“มีกิจอันใดเร่งว่ามา”
“ ท่านหญิง!! ตอนนี้ เจ้าชายทั้งสองพระองค์เสด็จถึงลอทารัสแล้วขอรับ”
นางอึ้งไปพักหนึ่ง...
“จริงหรือ”นางเขย่าตัวทหารผู้นั้นเป็นการใหญ่“พระองค์อยู่ที่ใด”
“คอกม้าหลวงขอรับ รีบไปรับเสด็จเถิดท่าน”
นางยิ้มออกมาด้วยความดีใจและโล่งอก
นาโรเวนวิ่งไปที่โรงม้าหลวงทันที คอยชเง้อมองและนางก็เจอคนที่ตามหา
‘ทำยังไงดีล่ะ...ทหารอยู่เต็มไปหมดเลย’
“ช่างเถอะ เป็นไงเป็นกัน” นางรีบวิ่งฝ่าวงทหารที่กำลังสนทนากัน เข้าไปในโรงม้า เจ้าชาย
ทั้งสองกำลังปลดอานบนหลังม้าและให้ผู้คุมนำมันเข้าคอกไป
“มาโลคิล!” ผู้ถูกเรียกหันหน้ามาหาและเขาก็ก้าวมาด้วยท่าทางของคนกำลังอึ้ง
“นาโรเวน”
ทั้งสองโผเข้ากอดกันด้วยความคิดถึง น้ำตาเริ่มไหลรินลงมายังดวงหน้าอันงดงาม(อีกครั้ง) ทำให้
พระอนุชาตัวแสบเกิดอาการหมั่นใส้ขึ้นมา...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น