ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ exo ] 。 take me home ♡ { lubaek } ending

    ลำดับตอนที่ #4 : - take me home : chapters - 003 { 100% }

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 57






     

    - Good Day -


     

    chapters – 003

     


     

                "เอาของไปเก็บแล้วก็ไปนอนซะ"  เสียงแหบพร่าของร่างสูงที่เดินนวดต้นคอขึ้นบันไดไป  ลอยมาทางแบคฮยอนที่ง่วนอยู่กับการจัดแจงของกินต่างๆเข้าตู้เย็น 

     

                มือบางเปิดตู้เย็นออกมาแล้วยัดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าในตู้เย็น  โดยไม่รื้อของออกจากถุงพลาสติก  ทั้งน้ำมันและของที่ควรอยู่ข้างนอกก็ใส่ลงไป  จนลู่หานที่ซุ่มดูอยู่ตรงบันได  ส่ายหน้าเบาๆกับความซกมกของเจ้าของบ้านตัวเล็ก  ในชุดสีแดงกับแว่นตา  ที่ไม่คิดจะถอดออก

     

                ให้ตายสิ!

     

                "ไอ้เด็กบ้า"  เดินลงมาทำหน้าเนือยใส่ร่างเล็ก  พ่นลมหายใจด้วยความเหนื่อยล้าจากการขับรถไกลๆทั้งวัน  "มีใครเขาเอาน้ำมันเข้าตู้เย็นบ้างฮะ  โอ๊ยย กูอยากบ้า  เอาของออกมาให้หมดเลยนะ"

     

                "คร้าบบบ"  แบคฮยอนพยักหน้าทำตามอย่างว่าง่าย  เพียงเพราะขนมถุงใหญ่ที่ร่างสูงอนุญาตให้เลือกได้ตามใจชอบ 

     

                "นั้นแหละ  เอาออกมาวางให้เป็นที่เป็นทาง"  ยืนคุมงานสักพักก็เริ่มตาปรือ  สาวเท้าเดินกำลังจะขึ้นบันไดอีกครั้ง  แต่ก็ชะงักก่อนจะหันไปย้ำกับอีกคน  "พรุ่งนี้อาหารเช้าเวลากี่โมง  อย่าลืมล่ะ"

     

                เจ้าของบ้านในคราบพ่อบ้าน  เวลานี้ไม่ได้สนใจฟังอะไรนอกจากรื้อของออกมาวางไว้  แกะถุงขนมมันฝรั่ง  บีบซอสของแถมในถุงลงแล้วเขย่าๆจนมันเข้ากัน  หยิบกินอย่างสบายใจ  จนแก้มขาวเนียนเริ่มพองกลม  เคี้ยวตุ่ยๆ  จนน่าหยิก  ถอดแว่นกลมประหลาดสีขาวออก  พร้อมผ้าโพกหัวสีแดง  เมื่อจัดเสร็จเรียบร้อย  ก็ยกขนมกับน้ำเปล่าสีใสไปวางไว้หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ตัวเดิม  กดเปิดหน้าจอปุ่มใหญ่บนหน้าจอสีขาวเหลือง

     

                ดวงตาเรียวสวยจดจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมที่สว่างจ้าแสบตา  ถึงกระนั้นเจ้าตัวเล็กก็ค่อยๆหรี่ดวงตาที่หนักอึ้งลง...

     

                ไม่ไหวแล้ว  แบคฮยอนเหนื่อยมากเลยครับคุณแม่...คุณพ่อ

     

     

     

     

     

     











     

     

                จึกๆ  ปึก!

     

                "โอ๊ย!"

     

                เสียงหวานร้องโอดครวญทันที  ความรู้สึกเจ็บแปลบที่ก้นกบกระแทกลงกับพื้นเย็น  ทำให้ตาสว่าง  สะดุ้งโหยงตามมาอีกครา  เมื่อเห็นคนหน้ายักษ์  ใจมาร  หน้าโฉด  ยังคงคาหลักฐานไว้ที่เก้าอี้หมุน  เท้าหนักกับหน้าแข้งในขุดเสื้อยืนกับกางเกงบอลขาสั้น  ค่อยๆยกเท้าลง  ตีหน้ายุ่งจนคิ้วหน้าขมวดชนกันเป็นเกลียว  สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ

     

                "นี่มันกี่โมงแล้วไหนอาหารเช้าฮะ"

     

                เสียงดังกึ่งตะโกนกึ่งคอกเปล่งออกมาด้วยพลังอารมณ์โมโหที่คละคลุ้ง  โรคโมโหหิวของคนที่ตรงหน้าทำเอาแบคฮยอนกลืนน้ำลายอึก  หน้าขาวแดงจัดจนขึ้นเลือกฝาดตรงใบหน้า  เส้นเลือดบูมปูดจนน่ากลัว

     

                ฮือออ  ไอ้โหด

     

                "ก็..."  ไร้คำแก้ตัวใดๆ  มือเล็กรีบยันตัวเองขึ้นมา  ทั้งที่ยังเจ็บระบบแถวบั้นท้าย  เอามือลูบๆบรรเทาความปวด  "เดี๋ยวไปทำตอนนี้เลย  อย่าโกรธกันเลยน้า"

     

                "เดี๋ยวนี้!"

     

                ตกลงแล้ว  เพียงข้ามคืน  ใครเป็นเจ้าของบ้านกันแน่!?



     

    10%


     

     

               เมื่อแผ่นหลังกว้างเดินพ้นสายตาไปไกลลิบแล้ว  แบคฮยอนก็รีบวิ่งออกจากห้องครัวแบบเปิดโล่ง  หยิบเม้าส์แล้วกดเข้าอินเตอร์เน็ตทันที  ก่อนจะพิมพ์คำว่า  Google  ลงในช่องเสิร์ชหาด้านบน  รอไม่นานนัก  หน้าจอก็โชว์ช่องค้นหา  ร่างเล็กรีบพิมพ์ระรัวใช้ช่องว่างเปล่าว่า  "อาหารเช้าแบบง่ายๆ  ข้าว"  สักพักข้อความที่ค้นหาก็ขึ้นเว็บเพจต่างๆมากมาย  นิ้วเรียวเลื่อนเม้าส์กดคลิกเว็บแรก  ที่โชว์ข้อมูลว่าอาหารเช้าเกาหลีง่ายๆ

     

     

                ตาเรียวสวยเลื่อนสกอบาร์ลงมาเรื่อยๆจนเจอกับข้อมูลที่ค้นหา  ข้าวสวย  ซุป  ผักกิมจิ  และปลาย่างหรือเนื้อย่าง...

     

     

     

     

     

                มันง่ายตรงไหนวะเนี่ย  ฉันทำกับข้าวไม่เป็น  โง้ยยยย 

     

     

     

                จำได้ลางๆว่ามื้อเช้าคุณแม่มักทำซุปสาหร่ายให้ทานเป็นประจำ  ข้าวสวยร้อนๆที่นุ่มลิ้นละมุนปาก  เคี้ยวแล้วแทบจะละลายหายไปพร้อมกับน้ำซุป   กิมจิหมักดองของคุณแม่ก็เป็นไหใบใหญ่ๆที่อยู่ในครัว  ซึ่ง  ณ.บัดนี้มันอันตรธานหายไปแล้ว  (คือมันหมดนั้นแหละ) มือเล็กขีดฆ่าตรงเมนุอาหารเช้าคำว่ากิมจิทิ้ง  ก่อนจะมาเจอคำว่าปลาย่างที่เป็นปัญหาสำคัญ 

     

     

                คือย่างนี้ต้องก่อเตาไฟป่ะ  แบบในซีรี่ย์  แล้วจะไปก่อไฟยังไง  ไม่มีถ่าน 

     

     

                สรุปจากย่างก็เปลี่ยนเป็นทอดแทน  แล้วก็คิดว่าผัดผักมาแทนกิจจิก็ได้  เพราะมันผักเหมือนกัน  แล้วก็พยายามนึกได้ลางๆอีกครั้งว่า  คุณแม่เปิดเตาแก๊ส  ใส่น้ำมันและผักลงไป...เอ้  แล้วอะไรอีกน้า

     

     

                ร่างเล็กนั่งขีดนั่งเขียน  เท้าคางก็แล้ว  นอนคิดก็แล้วอยู่แบบนั้นหลายนาที  จนเกือบหลับ  สุดท้ายก็ต้องย้ายร่างบางของตัวเองมาในครัว  หยิบปลาตาใสที่ซื้อมาเมื่อวานออกมา  ซอสปรุงรสเปิดออกเตรียมตัวพร้อม  ผักที่สดใบเขียวถูกล้างสะอาดหากแต่ยังไม่ได้หั่น  สุดท้ายที่คิดว่ามันยากที่สุดคือซุปสาหร่าย...

     

     

     

                เอาดีๆคือแบคฮยอนทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง  ฮือ  ทำไงดี   อ๊ายยยยย!!



     


    15%


     

     

                สูตรทำอาหาร  เมนูทั้งหมดของวันนี้ ถูกปริ้นออกมาแปะอยู่หน้าตู้เย็นซัมซุงสีดำ H -series  รอยปากกาขูดขีดเต็มใบกระดาษ  เมื่อคนตัวเล็กเทส่วนผสมแบ่งอัตราส่วนที่จัดการเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วตามขั้นตอนที่เขียนไว้  ของคนที่ใช้ชื่อหัวข้อว่า 'สูตรทำซุปสาหร่ายที่อร่อยที่สุดในโลกจึงต้องพิถีพิถันกันหน่อย  อีกทั้งยังมี 'ผัดผักเหนือเวหาที่การันตรีว่าผัดแล้วคนทานต้องติดใจจนขอเติมข้าวไม่หยุด 

     

     

                "เออะลืมหุงข้าว"  อุทานออกมา  ตอนเห็นคำว่าข้าว  เลยรีบวิ่งไปหาถุงข้าวสารที่วางนอนแอ่งแม้งอยู่ในตู้ข้างใต้เค้าเตอร์  ที่เป็นครัวแบบบิ้วอินที่พ่อของเขาได้ออกแบบไว้ให้แม่ทำอาหารได้สะดวก  แถมเวลาทำยังเห็นหน้าพ่อที่นั่งดูโทรทัศน์ตรงห้องนั่งเล่นได้อีกด้วย


     

     

                เอ้  แล้วหุงข้าวนี้ใส่น้ำประมาณเท่าไร?


     

     

                อยู่ๆแบคฮยอนก็รู้สึกว่าตัวเองโง่ขึ้นมากะทันหัน  เรียกได้ว่าโง่แบบใช้ชีวิตอดตายแน่ๆ  ถ้าไม่มีคอมพิวเตอร์ตัวนี้ 

     

                วิ่งดุกๆในชุดผ้ากันเปื้อนสีเหลืองมีระบายตรงชายและกระเป๋าหน้าสองข้าง  กับผ้าโพกหัวสีเหลืองที่เข้าชุดกัน  เปิดหน้าเดิมอีกครั้งแล้วพิมพ์ไปว่าวิธีหุงข้าว

     

     

                โอ๊ย  ทำไมวันนี้อินเตอร์เน็ตมันช้า!

     

     

                มองเข็มนาฬิกาที่เหลือเวลาน้อยลงทุกทีๆ  สลับกับหน้าจอตรงตัวโหลดสีฟ้าที่ค่อยๆขยับเอื่อยเฉื่อย  สุดท้ายก็ตัดสินใจปล่อยมันโหลดทิ้งไว้ต่อไปแล้วกะขนาดน้ำด้วยตัวเอง  ฝามือเล็กขาวซีด  เปิดน้ำเย็นจากก๊อกใส่หม้อข้าว  พร้อมฝามือหย่อนลงไปวัดระดับน้ำ  กะเอาทางสายตาว่าให้ท่วมหน่อยๆก็พอ

     

                หลังจากหุงข้าวเสร็จทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว  ตัวเล็กก็รีบวิ่งไปดูน้ำมันที่เปิดทิ้งเอาไว้บนเตาแก๊สไฟฟ้า  สังเกตเห็นควันสีขาวค่อยๆลอยขึ้นมาก็เตรียมปลาที่ล้างน้ำเรียบร้อยแล้ว  ปล่อยลงไปในกระทะร้อน

     

                ฟู่!!!

     

                "อ้ากกกกกกกกกกก!!"

     

                น้ำมันร้อนระอุราวกับราวาพุ่งกระเด็นออกมาจากกระทะ  หยดเลอะเทอะไปทั่วเค้าเตอร์ แถมยังเสียงดังน่าหวาดเสียวชวนขนลุกนั้นอีก  แบคฮยอนได้แต่ลูบอกปลอบขวัญตัวเอง  แล้วย่องไปดูปลาในกระทะ  หลังจากเสียงนั้นค่อยๆเบาลง  มือซ้ายถือตะหลิว  ยื่นออกไปเขี่ยปลาตัวใหญ่สีเหลืองนวล 

     

                มันเหลืองด้านเดียว?  คือต้องพลิกใช่ป่ะ  แล้วพอพลิกไอ้ลาวานั่นก็จะปะทุอีกครั้งใช่มั้ย!!

     

     

     



     

                ตบตีกับปลาจนในที่สุดก็ได้มันมาอยู่บนจานกระเบื้องสีโอรสลายพื้น  รูปร่างหน้าตาก็จัดได้ว่า  หลังหลุดออกมากองอยู่ตรงข้างตัว  เนื้อปลายุ่ยเปื่อยกระจัดกระจาย   แน่นอนว่าสีของมันไม่ไหม้จนดำเกรียมเหมือนเด็กฝึกหัดหรอกน้า  เพราะแบคฮยอนคนนี้รีบยกตัวปลาออกมาก่อนมันจะเกรียมน่ะสิ  ถึงหน้าตาไม่ให้แต่รับรองความกรอบอร่อย

     

     

     

                "เออต้มซุปสาหร่ายก่อนดีกว่า  ค่อยผัดผัก"  เกาขมับแกรกๆใช้ความคิดเสร็จก็พึมพำเสียงเบา  ยกหม้อซุปเปอร์แวร์ใบเงาวับของแม่ออกมาวางบนเตา  เทน้ำต้มครึ่งหม้อแล้วปิดฝารอเดือด 

     

     

                ไม่นานนักกลิ่นหอมของอาหารก็เริ่มทยอยส่งกลิ่นเชิญชวนให้ร่างสูงที่นอนฟังเพลงอยู่บนที่นอนได้ลงมาสอดส่องดูความคืบหน้าของพ่อครัวตัวเล็ก  ในชุดผ้ากันเปื้อนสีอ่อนแนวพาสเทิลก็โมเอะเข้ารับกับร่างบางนั่น  ลู่หานอดยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ  พอคิดว่าเมื่อเช้าเผลอทำตัวรุ่นแรงเตะเด็กน้อยตกเก้าอี้  ก็ยิ่งรู้สึกผิด

     

     

                ตัวออกจะเล็ก  ถ้าไม่เปิดปากพูด  มันดูน่ารักจนน่าเอ็นดู  แต่พอเปิดปาก  คือปีศาจในคราบนางฟ้าดีๆนี่เอง

     

     

                ร่างสูงเดินลงมาชั้นล่าง  ลงน้ำหนักเท้าให้เบาบางที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเสียง  ก่อนะเลี่ยงไปนั่งหลบบยโซฟาตัวยาว  แอบลอบมองใบหน้าหวานปรานหญิงสาวช่วงวันสดใส  ที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มและความตั้งใจ  ทิ้งคราบคนขี้เกียจเมื่อเช้าไปลิบลิ่ว

     

     

               


     

     

                "เสร็จแล้ว"  เสียงหวานพูดขึ้นไม่ดังมากไม่เบามาก  ดวงตาสั่นไหสระยิบระยับเหมือนดวงดาวยามค่ำคืน  ส่องแสงสว่างปลาบปลื้มกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า   อาหารครั้งแรกในชีวิตตัวฝีมือของ  บยอนแบคฮยอน

     

     

                "เสร็จแล้วเหรอ"  เสียงแหบทุ้มเดินสีหน้างัวเงีย  ตรงมายังห้องครัว  สายตากวาดมองพื้นที่ที่เต็มไปด้วยวัสดุอุปกรณ์ทำอาหาร  จารช้อนมีดวางระเกะระกะ  เศษผัก  คราบน้ำมัน 

     

                นี่มึงผ่านสรภูมิรบมาเหรอ !!

     

     

     

                แม้สมองจะคิดติเตียนคนตัวเล็ก  แต่ใบหน้าและการกระทำที่ส่งรอยยิ้มแสดงความยินดี  กับเสียงปรบมือนั้น  ลู่หานกลั่นออกมาจากใจจริงๆ  ก็ไม่รู้ทำไมตัวเองต้องไปยืนยิ้มหน้าแป้นแล้น  ให้กำลังใจแบคฮยอนอย่างด้วย  ทั้งๆที่ตอนเขาเข้าครัวครั้งแรก  ไม่เห็นน่ายินดีอะไรขนาดนี้

     

     

                "นั่งรอเลยครับๆ   ผมจะเสิร์ฟให้ถึงที่เลยคุณลูกค้า"

     

                ลูกค้า?

     

     

                "คิดว่าเปิดร้านอาการอยู่รึไง"  ร่างสูงยังคงพูดจาเหน็บแนมอยู่เช่นเคย  อาจจะเพราะอารมณ์หิวของคนแก่  แต่แบคฮยอนก็ไม่ได้สนใจคะยั้นคะยอให้คนที่จะมาช่วยยกไปไว้บนโต๊ะ  นั่งประจำที่ตัวเองในเรียบร้อย  เดี๋ยวเขาจะจัดการทุกอย่างเอง 

     

     

                ร่างเล็กยกถ้วยใบสวยมาตักซุปสาหร่ายกลิ่นหอมน่าทานสองถ้วย  ตักผัดผักสีเขียวสด  ตามด้วยข้าวร้อนๆ  กับเมนูปลาน้ำเสนอ  ยกไปใส่ในถาดสีขาว  พร้อมยกเสิร์ฟอาการเช้าอันล้ำค่าให้แก่ลู่หานเป็นที่เรียบร้อย

     

                "ไงคุณ  น่ากินปะ"  เอ่ยถามเสียงแจ้วเมื่อทุกอย่างพร้อมทานอยู่ตรงหน้า  "เนี่ย  เมนูนี้นะสุดยอดเลย  เขาบอกว่าอร่อยที่สุดในโลกล่ะ  ลองชิมก่อนดิ"  นั่งลงตรงข้ามลู่หาน  ก่อนจะยื่นจนผัดผักให้เข้าไปใกล้ๆคนชิม

     

     

                "อื้อๆ  รู้แล้ว  แล้วนี่อะไร?"  อินทีเรียหนุ่มขมวดคิ้วจนเกิดรอยย่นบริเวณใบหน้า  ใช้ตะเกียบเงินคู่ชี้ไปที่ปลาทอดแยกร่าง

     

                "ก็ปลาไงคุณ  ที่ซื้อมาเมื่อวานอะ  ตามจริงมันต้องไปย่าง  แต่ผมว่าทอดก็น่ากินไม่แพ้กัน"  เจ้าของบ้านยังนำเสนอหารต่อไป 

     

                คนฟังได้แต่พยักหน้าตามช้าๆ  ลดตะเกียบลง  หยุดที่จานผัดผักสีสันน่าทาน

     

                อันนี่น่าจะปลอดภัย...

     

     

                ลู่หานนึกในใจแล้วคีบผักคะน้าขึ้นมาทาน  ชวนให้คนทำลุ้นไปด้วย รอชำชม

     

                "นั่นสูตรเด็กเลยนะคุณ  ผัดผักเหนือเวหา  คงประมาณว่า เหนือฟ้ายังมีผัดผักล่ะมั้ง"

     

                แค่กๆแค่ก!

     

                "โอ๊ยยยยยย  เชี่ย  เค็มชิบหาย!"  คนตัวโตที่เคี้ยวผักกรุบกรอบไปได้เพียงเสี้ยววินาที  โวยวายดังลั่น  คว้าแก้วน้ำขึ้นมาดื่มล้างคอ  "แบคฮยอน  นี่แค้นจนจะฆ่าฉันทางอ้อมใช่มั้ย  กะให้ฉันเป็นโรคไตตายเหรอ"

     

                ร่างเล็กขมวดคิ้วงง  ไม่เข้าใจคำถามที่ร่างสูงถามสักนิด  รอยยิ้มสดใสเริ่มเจือจางลงช้าๆ  รีบหยิบตะเกียบไปคีบผัดผักมาทานบ้าง

     

     

                กรุบ  กรุบ

     

                ได้คำตอบแล้วล่ะ...มันเค็ม  มาก

     

                "แฮ่  ตอนทำเสร็จมัวแต่รีบเลยไม่ได้ชิม  สงสัยคนเขียนสูตรจะเมาเกลือ  ขอโทษนะคุณ  กินซุปร้อนๆล้างปากดีกว่าเนอะ"  แม้ร่างบางจะยิ้มเจือนๆส่งให้  แต่ก็ยังพยายามนำเสมออาหารอย่างสุดท้าย

     

                "อะไรอีกนั่น"  บ่นออกไปไม่ทันได้รักษาน้ำใจ  "หวังว่าคงกินได้นะ"

     

     

                รู้นี้กูน่าจะใส่ยาเบื่อให้มันกิน  อ๊ากกกกกกก  อด ทน ไว้  แบคฮยอน!

     

                "อร่อยแน่ๆ  อันนี้ไม่เค็มเชื่อสิ  เข้าเขียนว่าอร่อยที่สุดในโลก"  เลื่อนถ้วยซุปสาหร่ายไปใกล้ๆกับลู่หาน 

     

                ผู้อาศัยจ้องมองอยู่นาน  กว่าจะใช้ช้อนตักมาชิมจิบๆนิดนึงเพื่อทดลองรสชาติ

     

                "อื้ม  อันนี้อร่อยแฮะ"  เอ่ยชมจากใจจริง

     

                "ฮะ จริงดิ  จริงเหรอคุณ"  พอได้รับคำชมจากเจ้าคนเรื่องมาก  คนตัวเล็กยิ้มร่าแทบอยากจะกระโดดโลดเต้น  ฉลองความสำเร็จของซุปสาหร่ายที่อร่อยที่สุดในโลก  บูชาคนเขียนสูตรสามวันสามคืนกันเลยทีเดียว  จากนั้นก็รีบใช้ช้อนตัดน้ำซุปมาซด  "อร่อยจริงด้วย  เยส!

     

                เราคือเทพเจ้าแห่งซุปสาหร่าย  อิอิ

     

                เยินยอตัวเองเสร็จก็ตัดข้าวเข้าปากตามลู่หาน  เพียงคำแรกที่เข้าปากนั้น

     

                "นี่  ข้าวมันไม่สุกนิหว่าดูดียังเป็นเม็ดแข็งๆอยู่เลยเนี่ย"  ร่างสูงแยกเขี้ยวใส่คนทำ  แทบจำลมออกหูเมื่อข้าวที่ทานเข้าไปเกิดเสียงกรอบแรบอย่างกับทานข้าวเปลือก 

     

                "ฮ่า..."

     

     

     

                และผมก็คงไม่ใช่เทพเจ้าแห่งการหุงข้าว...

     

     

                สุดท้าย  มื้อเช้าของเราก็ผ่านไปด้วยการกินข้าวกับซุปสาหร่าย  โดยการเอาข้าวสวยใส่ลงไปในน้ำซุปเหมือนข้าวต้มดีๆนี่เอง  เพื่อให้ข้าวมันนิ่มตามคำแนะนำของคนอายุมากกว่า  ส่วนปลาทอด...  มันก็แค่ไม่สุกจนเนื้อในดิบ 

     

     

                ก็แค่นั้นเองนะ  วันแรกของการทำอาหารเช้าของผม  ถึงแม้มันจะดูวุ่นวายและไม่ได้ดั่งใจคนทานก็เถอะ  แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าข้าวเช้ามื้อนี้  มันอร่อยที่สุดในรอบสี่ปีที่ผ่านมาเลยนะ 

     


     

    40%

     

     

                ลู่หานนั่นรู้สึกไม่ดีอย่างมาก  ที่ตัวเองไปติเตียนว่าร้ายพ่อครัวมือใหม่อย่างแบคฮยอน  ทั้งที่รู้ว่าควรขอโทษที่เสียมารยาทกับคนตัวเล็ก  แต่ศักดิ์ศรีและความหยิ่งที่มีอยู่ในตัวมันดันต่อต้านการกระทำ  ทำให้ร่างสูงต้องมานั่งกระวีกระวาดอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น  เลี้ยวมองหลังบางบ้างเป็นครั้งคราว  แม้เจ้าตัวเองจะไม่ได้ถือโทษโกรธกันเหมือนเมื่อวานก็ตามที 

     

                แต่หน้าเฝื่อนๆนั้นยังตราตรึงในสายตา  ลบไม่ออกไปเสียที 

     

                "เฮ้อ เสร็จสักที"  ว่าที่นักเขียนในอนาคตหาววอดพลางยกแขนบิดขี้เกียจ  เอียงคอซ้ายขวาแก้เมื่อย  "...โอ๊ะ  คุณมานั่งตรงนี้เมื่อไรอ่ะ"  อุทานออกมาอย่างตกใจ  เมื่อเหลียวกลายบิดตัวมาทางด้านหลัง

     

     

                คนถูกทักสะดุ้งโหยงราวกับมีความผิดติดตัว  จนไฟลน  กระโดดลุกขึ้นจากเก้าอี้  พร้อมน้ำเสียงติดขัดชวนฉงน

     

                "มะ  มา"  ร่างสูงพูดติดอ่างถ่วงเวลาคิด  "มาตามนายไปทำงานบ้านไง  เนี่ยดูดฝุ่นทำความสะอาด"  พูดไปมือใหญ่ก็ตบเบาะพนักโซฟาปุๆ  ใช้เท้าครูดไปกับพื้นพรมใต้ล่าง

     

                "ฮะ?  ต้องทำวันนี้เลยเหรอ"  คนฟังชักสีหน้า 

     

                "ใช่สิ  นายคิดว่าฉันจ้างนายมาทำแค่ข้าวอย่างเดียวรึไงฮะ  ดูสิเนี่ย  บ้านที่ต้องมีคนอาศัยอยู่ถึงสองคน  จะมาสกปรกฝุ่นจับเขรอะแบบนี้ได้ไง"



     

                “เหอะ  ขี้เกียจ”  คนตัวเล็กดื้อแพ่ง   แสลงทำสีหน้าออดอ่อนต่อรอง “ทำไมต้องทำวันนี้ด้วยอ่ะ  พรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ  เมื่อเช้าทำอาหารเหนื่อยมากเลยอ่า”

     

                “ไม่ได้  อ้อ  ซักผ้าด้วยเลยดีป่ะ  ผ้าเนี่ยต้องซักทุกวันจะได้ไม่เยอะ  ไม่อับ  ยิ่งหมักหมมไว้เนื้อผ้ามันก็จะยิ่งเปื่อยงานขาดเร็ว  สีไม่สดใส  ใส่แล้วมัวหมองจิตใจห่อเหี่ยวพอดี”  คนพูดก็พูดไปเรื่อย  ไหนๆก็พูดแล้วเลยคิดว่าทำเสียทีเดียวเลย  ลุกตัวออกจากโซฟานุ่ม  เดินตรงไปที่กระจกใสบานใหญ่ของบ้าน  นิ้วชี้ปาดบางสิ่งติดมือมาด้วย  “กระจกนี่เช็ดด้วย  นั่งอยู่ตรงหน้ามันแท้ๆ  ทนอยู่ไปได้วะ  นี่อย่าบอกนะว่าไม่เคยทำความสะอาดเลย  โอ๊ยกูจะบ้า”

     

                คนตัวเล็กเบ้ปาก  สายตาเรียวส่งจิกไปยังคนแก่ขี้บ่น  ที่ยกระดับตัวเองจากผู้อาศัยเป็นเจ้าของบ้าน  เช่นเดียวกัน  เพียงแค่ข้ามคืนนั้น  แบคฮยอนก็ได้ลดระดับเป็นเพียงแจ๋วที่ทำงานบ้านงกๆกับเจ้านายจู้จี้น่ารำคาญ  ว่างเป็นสั่งขยับเป็นบ่น

     

                คนปากร้าย  นิสัยเสีย  ไอ้คนมนุษยสัมพันธ์ติดลบ  เนคกาทีฟ  เลือดเย็น  ไม่เข้ากับหน้าตัวเอง  โอ๊ย  เกลียดมันวะ  ไอ้กดออดไร้รสนิยม!

     

                แอบกร่นด่าพ่อหน้าหล่อในใจ  ก่อนลุกเดินปึ่งปั่งไปหยิบอุปกรณ์ไอเทมการทำความสะอาดบ้าน  โดยมีเจ้าคนตัวสูงยืนกอดอกยกยิ้มที่ริมฝีปากอย่างพอใจ

     

                “กวาดบ้านก่อนเด้!  เฮ้ยแล้วมากวาดอะไรตรงขาฉันว่ะ ไอ้บ้า”  เสียงทุ้มโวยวายเสียงดัง  ตะคอกใส่คนที่กวาดอยู่บริเวณขาเขา

     

                “กวาดไม่เป็น”  ตอบสั้นๆแล้วเมินหน้าหนี  ยกไม้กวาดจิ้มๆแหย่ๆราวกับว่าที่พูดออกมาน่ะ  พูดเรื่องจริง

     

                “อะไรนะ?”  ร่างสูงขยี้กลุ่มผมสีสว่างของตน  หัวเสียกับคนตรงหน้า  “นี่ประชดเหรอฮะ  ไอ้เด็กบ้า”

     

                “ไม่ได้ประชดเอ๊ะ  แก่แล้วหูตึงรึไง  ตาไม่ดีเหรอ  ก็บอกอยู่ว่าทำไม่เป็น”  แยกเขี้ยวใส่ผู้ว่าจ้าง  ตอกกลับแบบไม่เกรงกลัว

     

                อะโหยยย  สองคำก็แก่ๆ  ไอเด็กเวรกูจะไม่ทนอีกต่อไป

     

     

                “ได้ยิน  แต่ไม่คิดว่าจะโง่ทำไม่เป็นเอาไม้กวาดมานี้แล้วพรมใครเขาใช้ไม้กวาดกวาดกันฮะ  รู้จักมะไอ้เครื่องดูดฝุ่นเนี่ย  โอ๊ยยย  ปวดไม่เกรน”  หลับตา  ยกมือนวดขมับคลึงเบาๆ  ก่อนจะใช้ไม้กวาดสาธิตให้กับคนตัวเล็กดูเป็นตัวอย่าง 

     

                แบคฮยอนจ้องคนตัวสูงอย่างหาเรื่อง  เมินสายตามอตามไม้กวาดไปมา  ยกยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างชอบใจ  กลั้นหัวเราะคิกคักของตัวเองเอาไว้เงียบๆ

     

                “แล้วนี่เก้าอี้  เลื่อนออกไปแล้วก็กวาด  ไม่ใช่กวาดข้ามนะ  เข้าใจมั้ยเนี่ย”  หันมาถามเจ้าของบ้าน 

     

                คนถูกถามพยักหน้าช้าๆ  แขนเล็กยกขึ้นกอดอก  บ้างก็ยกนิ้วชี้ไปที่มุมนั้นมุมนี้ของบ้าน  ซึ่งลู่หานก็ทำตามแต่โดยดี  จนกระทั้งกวาดเสร็จก็เปลี่ยนเป็นพรมในห้องนั่งเล่น  คนปากร้ายใจดีก็ยกเครื่องดูดฝุ่นซัมซุงสีฟ้ารุ่นเก่ากึกมาทำความสะอาดอย่างขะมักเขม้น  โดยไม่ฉงนสงสัยเลยว่า...ตนนั้นกำลังถูกหลอกใช้?

     

    พอเสร็จจากจุดนี้ก็โยกย้ายกันไปเช็ดกระจกบนใหญ่หากบาน  สูงเท่ากับกำแพงบ้าน

     

    “เอ้า  ถูกระจกแค่นี้คงทำได้นะ”  หลังจากที่หายไปสักพัก  ลู่หานก็เดินมาพร้อมกับถังน้ำพลาสติกสีดำ  และไม้ยาวเช็ดกระจก  “ถูซะ  จะได้ไปซักผ้า”  วาถังน้ำข้างคนเจ้าเล่ห์  แล้วย้ายร่างสูงไปนั่งหลบแดดอยู่ตรงเก้าอี้หินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่

     

    เอ๊ะ  ทำไมกูร้อนแปลกๆ  เหงื่ออกเยอะเชี่ยๆ  กูเหนื่อย...

     

     

    “นิคุณ  ผมเอื้อมไม่ถึงอ่ะ”  นั่งอยู่ได้ไม่นาน  เหื่อยังไม่ทันได้แห้ง  เสียงเล็กหวานนุ่มหูจนน่าฟังกูตะโกนข้ามมาทางคนพัก  “ดูดิ  ดันไม้จนสุดแล้วมันก็ไม่ถึงอะ”   พยายามทำท่ากระโดด  หวังแตะปลายให้สุดขอบกระจกด้านบน  จนร่างสูงทนไม่ไหว  ต้องเดินไปตามคำเรียกร้อง

     

     

     

     

     

     

    สรุปนี้...กูถูกเด็กหลอกอีกแล้วใช่มั้ยวะมึงงง  กูทำงานบ้านคนเดียว

     

     

     

     

     

     

     

    ลู่หานคิดว่าครั้งนี้เขาจะไม่ยอมแบคฮยอนเป็นครั้งที่สองสามสี่แน่ๆ  ต้องสู้ให้ถึงที่สุด  ทางด้านร่างเล็กเองก็จับพิกัดของรังสีแผ่ซ่านมายังตนได้  หยักไหล่เล็กน้อย  เบะปาก  แสดงสีหน้าเหมือนไม่แคร์

     

    "เอาเสื้อฉันไปซักด้วย"  ขารัยวชะงักกึกทันที  หลังจากยกผ้ากองโตของตัวเองที่ปกติจะขนมาซักอาทิตย์ล่ะครั้งลงมาจากชั้นสอง  แต่เนื่องจากช่วงนี้น้ำเย็นและอากาศค่อนข้างหนาว  เขาเลยผลัดเป็นสองอาทิตย์ต่อครั้งแทน

     

    ซักให้ด้วย...ฝันอยู่เหรอ?

     

    "ตลกล่ะคุณ  ของใครก็ของมันดิ"  ตัดบทสนทนาฉับ  แบคฮยอนก็เดินอ้อมคนตรงหน้าที่มายืนดักแบบไม่สนใจ 

     

    "อ้อเหรอ  งั้น...เที่ยงนี้ไม่ต้องออกไปกินข้าวเนอะ"

     

    หึ  ไงล้าไอ้คนเก่ง...โธ่  สู้กับเด็กยังไงก็ชนะด้วยของกิน 

     

     

    หากแต่...การตอบสนองของเจ้าของบ้านเท่ากับศูนย์  ?

     

    "เฮ้ย  เอาเสื้อฉันไปซักด้วย!" พอเห็นพ่อบ้านคนใหม่กำลังเปิดน้ำเตรียมซัก  ไม่รอช้า  ลู่หานนักวิ่งเก่ารีบไปชั้นบนของบ้านหลังสีขาว  แล้วหอมหิ้วเสื้อผ้าสองสามชุดที่ใส่เมื่อวานเอามาลงตะกร้าอย่างถือวิสาสะ  

     

    กะละมังพลาสติกสีขาวไปใหญ่  ถูกเปิดน้ำจนเต็ม  พร้อมเสื้อผ้าที่แยกกางเกง  ถุงเท้า เอาไว้เป็นหมวดหมู่เรียบร้อย  บริเวณลานกวางของระเบียงบ้านชั้นล่างที่ติดกับห้องครัว  ถูกสร้างยื่นออกไปไว้สำหรรับกิจกรรมหมักกิมจิและซักผ้าของมารดา    มือเล็กคว้ากองเสื้อผ้าของลู่หานขึ้นมา  จนเจ้าของเสื้อนึกแปลกใจกับท่าทางเฉยเมย   ไม่มีทีทาโวยวายหรือเขวี้ยงเสื้อผ้าเขาออกนอกกอง  ใบหน้าหวานกระตุกยิ้มมุมปากซ้ายเสี้ยวนาที  พร้อมโยนเสื้อลงไป  เทผงซักฟอกเล็กน้อย  ก่อนจะก้าวขาสั้นๆเข้าไปในกะละมังแล้วใช้เท้า

     

    เหยียบให้มิด

     

    "เฮ้ยยยยยยย  เหยียบแรงขนาดนั้นมันไม่สะอาดแล้วยังเสื้อพังหมด  โอ๊ยย  หยุดนะเว้ย"  ลู่หานที่มองการกระทำอยู่นานจนถึงจุดไคลแม็ก  แทบสตั๊นกดปุ่มหยุด

     

    "เอ้า  ก็คุณบอกให้ผมซักให้  เนี่ยวิธีซักของผม"  ตีหน้าตายตอบกลับจนคนฟังอยากลงไปดิ้นกับพื้น

     

    ไอ้เด็กเวร!  บยอนแบคฮยอน!

     

    "โอ๊ยยย  หยุดก่อนเว้ย  ตัวนี้เพิ่งใส่ครั้งเดียวเอง  ผ้าเสียหมด"  อินทีเรียหนุ่มขยี้หัวอย่างแรง  คิดผิดจริงๆที่ไปยุ่งกับคนบ้า 

     

    แต่โบราณกล่าวไว้ว่า  เห็นคนบ้าให้บ้ากว่า

     

     

    "ทำไม  คุณไม่อยากให้ซักแล้วเหรอ"  ส่งเสียงล้อเลียนปนเยอะเย้ยถาม

     

    "หึ  ได้  จะเล่นงี้ใช่มะฮะเตี้ย  งั้นเดี๋ยวฉันช่วยนายซักเอง!"  พูดจบก็โยนเสื้อร่างเล็กลงกะละมัง  แล้วเข้าไปอยู่ในวงล้อมใบเดียวกัน  แล้วออกแรงเหยียบ

     

     

    "เฮ้ย  ออกไปนะคุณ  เดี๋ยวล้ม"  แบคฮยอนพูด  ตัวเขาเซและเอนเล็กน้อยเมื่อถูกแย่งที่

     

    "ซักผ้าไง"  ก้มหน้ากระซิบข้างหู ทำเอาคนฟังใจอ่อนยวบยาบ

     

    ?

     

     

     

    "อ๊ายยยยยยย  ไอ้คนเถื่อนนั้นมันชุดพิคาจูฉัน"

     

    เพราะเห็นว่าเสื้อฮูดสีเหลืองไอ้โปเกมอนลายติ๊งต๊อง  ถูกแยกเตรียมซักมือ  ลู่หานก็รู้ทันทีว่ามันต้องสำคัญมากแน่ๆ    จึงเหยียบซ้ำแล้วซ้ำอีก 

     

     

    เอาสิ  ไอ้เสื้อที่ว่าแพงฉันจะเหยียบให้พังเลย!!

     

     

     

     

     

    ผมไม่แน่ใจว่าทำไมลึกๆแล้วถึงรู้สึกว่ากำลังสนุก?  ทั้งๆที่ไอ้คนป่าเถื่อนตรงหน้ากำลังเหยียบน้องพิคาจูเสื้อฮูดสีเหลืองตัวโปรดของผมอย่างเมามัน 

     

    แล้วแสงแดดที่ไม่มีทีท่าว่าจะโผล่มาในอากาศที่มีหมอกลงยามเช้าแบบนี้...ทำไมยังคงส่องแสงประกายลงมาท่ามกลางสงครามการซักผ้า  ท่อประกายมอบความอบอุ่นให้พวกเรา...

     

     

    วันนี้ก็เป็นวันดีๆอีกหนึ่งวัน  ที่ผมอยากจะบันทึกเอาไว้  เป็นความทรงจำนะครับคุณพ่อ  คุณแม่ ถึงแม้คนมาเช่าบ้านใหม่จะปากร้ายและป่าเถื่อน ก็ตามที...แต่ก็ใจดี  ละมั่ง  บางทีผมคงต้องศึกษาเพื่อนร่วมบ้านคนใหม่อีกแง่มุมหนึ่งดูบ้าง...


     

    100%


     

     

     

              

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -






    มีเธอนั่งทานข้าวยามเช้า  พร้อมหน้าพร้อมตา

    กับซุปร้อนๆและข้าวสวยสักถ้วย





    ถ้าชอบก็เม้นและแท๊ก  #ฟิคกลับบ้าน

     
    thank you:)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×