ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Beast Master Chronicle

    ลำดับตอนที่ #1 : บีสมาสเตอร์

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 57


    “นี่” เสียงเรียกของเด็กสาวผมน้ำตาล ตาสีอเมทิส(สีม่วง) ดังขึ้นเพื่อเรียกให้เด็กหนุ่มที่กำลังเดินนำหน้าไปที่ชายป่าอาถรรพ์ซึ่งอยู่ติดกับนครแห่งสายลม วินเดีย ให้หันมาสนใจตน

    “อะไรเหรอ?” เด็กหนุ่มผมดำซึ่งเป็นสีเดียวกับดวงตาหันมาถาม

    “เราจะได้เจอกันอีกไหม?” เธอถามคำถามที่อยู่ในใจออกมาเนื่องจากเด็กหนุ่มเป็นเพื่อนคนแรกซึ่งหลงเข้ามาในป่าแห่งนี่

    “ไม่รู้สิ บางทีเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกเพราะครอบครัวของชั้นคงไม่อยากให้ชั้นหายตัวไปอีก คงจะกักบริเวณชั้นไว้ในเมืองไม่ให้ออกมาเที่ยวขางนอกอีกก็ได้” คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้เด็กสาวหน้าเสียจนลืมเผลอแสดงความรู้สึกผิดหวังออกมาทางสีหน้าจนเด็กหนุ่มสังเกตเห็น

    “ทำไมเธอไม่มาอยู่ในเมืองกับชั้นละ จะอยู่ในป่าแบบนี่คนเดียวทำไม?” เขาถามคำถามที่สงสัยมาตั้งแต่เจอเด็กสาวในป่าแล้ว

    “นายรู้จัก บีสมาสเตอร์ รึปล่าว?” เธอกลั่นใจถามออกไป

    “รู้จักสิ ใช่ที่เป็นคนที่สามารถสื่อสารและบงการสัตว์ได้สิ่งน่ะ” เด็กทุกคนใน “วินเดีย” ต้องรู้จัก บีสมาสเตอร์กันทุกคนเนื่องจากผู้ใหญ่จะคอยเล่าตำนานความชั่วร้ายของเหล่าบีสมาสเตอร์ให้ฟังอยู่เสมอ

    “แล้วนายรู้ไหมว่าทำไมคนถึงเรียกที่นี่ว่า ป่าอาถรรพ์?” เธอยังคงถามต่อไป

    “เอ...ชั้นเองก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ เธอรู้เหรอว่าทำไม?” เด็กหนุ่มถามด้วยความสงสัย

    “เพราะว่าป่านี่เป็นที่อาศัญอยู่ของ บีสมาสเตอร์ ไงละ ทุกคนที่ถูกคนในอาณาจักรขับไล่ให้มาอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี่” คำตอบสร้างความฉงนให้แก่เด็กหนุ่มไม่น้อย

    “ถ้าเป็นอย่างที่ว่าจริงๆทำไมชั้นถึงไม่เจอเลยละ จากที่ฟังตำนานเล่ามา พวกเขาน่าจะเกลียดชังชั้นที่เป็นลูกหลานของคนที่ขับไล่พวกเขามาอยู่ที่นี่ ชั้นไม่น่าจะรอดออกมาจนถึงชายป่าได้เลยน่ะ แล้วอีกอย่างเธอเองก็เป็นมนุษย์ ทำไมถึงอาศัยอยู่ในนี่ได้ละ?” เขาเริ่มสงสัย

    “นายไม่รู้จริงๆเหรอ?” เธอยังคงถามย้ำด้วยเสียงที่มั่นคงแต่ในใจเริ่มเป็นกังวน

    “ไม่น่ะ อ่ะ หรือว่าเธอจะไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นบีสมาสเตอร์! แต่ว่าไม่น่าจะใช่เพราะเธอไม่เห็นเหมือนกับที่พวกผู้ใหญ่เล่าให้ฟังเลยนี่” คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้เธอต้องกลั้นลมหายใจ

    “เขาเล่าให้ฟังว่ายังไงเหรอ?” เธอถามเนื่องจากสงสัย

    “เอพวกผู้ใหญ่บอกว่า พวกบีสมาสเตอร์จะรูปร่างเหมือนพวกเราแต่จะตัวใหญ่มาก บางคนก็จะมีบางส่วนของร่างกายคล้ายสัตว์เช่น หู ปีก อะไรแบบนี่ ชั้นถึงไม่คิดว่าเธอจะคือพวกนั้นเพราะเธอเหมือนกับชั้นทุกอย่าง” เด็กหนุ่มพูดอย่างมั่นใจในความคิดเขาตัวเอง

    “ที่พวกเขามีบางส่วนคล้ายสัตว์ก็เพราะเป็นการหยิบยืมพลังมาจากสัตว์นะน่ะ แต่ละคนก็จะมีคู่สัญญาไม่เหมือนกัน” คำอธิบายทำให้เด็กหนุ่มได้รู้อะไรใหม่ๆแต่ก็เกิดความสงสัยขึ้นว่าเธอรู้ได้อย่างไร

    “โห รู้ดีจังแฮะ อย่างบอกน่ะว่าเธอเป็นบีสมาสเตอร์จริงๆ”เขาถามคำถามที่คาใจออกมา

    “อืม” เธอตอบรับเสียงเบา

    “อะไรน่ะ? ชั้นได้ยินไม่ชัดเลย” เขาถามย้ำเพราะได้ยินไม่ค่อยชัด

    “ถ้าชั้นบอกว่าชั้นคือ บีสมาสเตอร์ ละ นายจะกลัวชั้นไหม?” เธอกลั้นใจพูดออกไป

    “ถ้าเธอใช้พวกนั้นจริงๆชั้นคงต้องบอกว่า เราอย่าเจอกันอีกเลยเถอะ” คำตอบของเขาทำให้เธอเริ่มมีน้ำตาคลอที่เบ้าตาจนเด็กหนุ่มเริ่มหน้าเสีย

    “เฮ้ ชั้นล้อเล่นน่า อย่าร้องไห้สิ ถ้าเธอเป็น บีสมาสเตรอ์ จิงๆชั้นก็คงไม่ว่าอะไรเพราะชั้นคบเพื่อนที่ใจ ไม่ใช่ที่เผ่าพันธุ์” เขาตอบเพื่อนให้เด็กสาวหยุดสะอื้น

    “จริงน่ะ” เด็กสาวถามเพื่อนความมั่นใจ

    “แน่นอน ชั้นเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ตกลงเธอเป็นบีสมาสเตอร์จริงๆใช่ไหมเนี่ย ชั้นจะเชื่อเลยว่าจะมีบีสมาสเตอร์ขี้แยแบบเธอด้วย” เขาพูดติดตลกแต่เด็กสาวไม่ได้ตลกด้วย

    “บ้าสิ ชั้นไม่ได้ขี้แยซักหน่อย” เธอตอบอย่างมีอารม

    “ฮ่า ฮ่า เอาเป็นว่าชั้นไม่ทิ้งเธอหรอก เราต้องได้เจอกันอีกแน่” เด็กสาวรู้สึกทะแม่งๆกับคำพูดของเด็กหนุ่มแต่เธอก็ยิ้มตอบเขา

    “อื้อ แล้วเจอกันอีกน่ะ” เธอพูดพร้อมยื่นนิ้วก้อยแทนคำมั่นสัญญา

    “แล้วเจอกัน” เขายื่นนิ้วก้อยของตัวเองไปเกี้ยวไว้

    “ไปน่ะ” พูดแล้วเขาก็เด็กหั่นกลับไปที่เมือง

    “เดี๋ยวก่อน นายชื่ออะไรนะ” เด็กสาวถาม

    “รูล อลาสเตอร์ เธอละ” เขาพูดพร้อมยิ้มให้เธอ

    “ชั้นชื่อ โม” เธอยิ้มตอบ

    “แค่ โม เฉยๆเหรอ” เขาถาม

    “อื้อ ชั้นไม่มีพ่อแม่หรอก คนที่ตั้งชื่อให้ตั้งแต่เด็กก็คือสัตว์ในป่านี่นะ จิงๆมันก็ไม่ใช่ โม หรอก แต่พวกเขาออกเสียงภาษามนุษย์ไม่ชัดเลยออกมาเป็น โม ชั้นเลยใช้ชื่อนี่มาตลอด  ต้องบอกว่าชั้นเป็นบีสมาสเตอร์คนเดียวในป่านี่แล้วนะเพราะว่าคนอื่นเขาย้ายออกไปก่อนที่ชั้นจะเกิดซะอีก เลยไม่มีคนตั้งชื่ออให้” เธอยิ้ม

    “ฟังดูรันทดจังแฮะ เธอคงเหงามากสิน่ะ ต้องอยู่คนเดียวมาโดนตลอด แต่ไม่เป็นไร ตั้งแต่นี่ไปชั้นจะเป็นเพื่อนของเธอเอง” เขายิ้มกว้างเพื่อนแสดงความจิงใจ

    “ขอบคุณน่ะ แล้วชั้นจะรอวันที่เราได้พบกันอีก” เธอบอกด้วยความเป็นห่วง

    “อื้อ แต่ว่าชั้นคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วเพราะต้องไปเรียนที่ต่างเมืองนะ” เขาพูดยิ้มๆ

    “อา งั้นเหรอ” โมพูดด้วยความเสียดาย

    “อย่าเศร้าเลยน่า เอางี้ไหม ถ้าเธอรอได้ อีกประมาน 7 ปีชั้นจะกลับมา” รูลพูดให้โมรู้สึกดีขึ้น

    “แล้วชั้นจะเจอรูลได้ยังไงละ”

    “อืม...งั้นเอางี่ ระหว่างทางมาที่ป่านี่จะมี ทุ่งแสงจันทร์ ตอนเที่ยงในอีก7ปีข้างหน้า ชั้นจะไปยืนรอใต้ต้นไม้ใหม่กลางทุ่ง แต่ถ้าไม่เจอก็ให้ไปหาชั้นที่บ้านตระกูล อลาสเตอร์ แล้วกันน่ะ”

    “ก็ได้ แล้วเจอกันน่ะ ชั้นจะรอ” โมยื้มหน้าบาน

    “อื้ม ลาก่อนน่ะ โม แล้วเจอกันไหม” เขาโบกมือลาพร้อมกันหันหลังจากไป

    “แล้วเจอกันไหมน๊า บ๊ายบาย” เธอตะโกนสุดเสียง

     

    7 ปีต่อมา

    “โม โม เอ๊ยย เจ้าจะนอนไปถึงไหน ตื่นได้แล้ว” เสียงใหญ่ของคนแก่ดังขึ้นใกล้ๆหูของ โม เด็กสาวที่ตอนนี่อายุครบ 17 ปีแล้ว ผมทีน้ำตาลยาวไม่ได้มัดฟูฟ่องเนื่องจากเพิ่งตื่นนอนและแน่นอน ยังไม่ได้อาบน้ำ

    “ขออีก5นาทีน่ะ เฟ็ดดริก เมื่อคืนหนูนอนไม่หลับเลย” เสียงงัวเงียตอบกลับมาทั้งๆที่เปลือกตายังไม่ได้เปิดด้วยซ้ำ

    “ยัยหนูนี่ อายุก็ตั้งขนาดนี่แล้วยังจะนอนกินบ้านกินเมืองอีกเหรอ ตื่นๆ ไปอาบน้ำได้แล้ว อย่าให้ต้องใช้กำลังน่ะเฟ้ย” เจ้าเสียงยังคงเซ้าซี่ต่อไป

    “เห้อ อย่าทำหยั่งเลยน่ะค่ะเฟ็ดดริก เจ็บตัวปล่าว อายุก็หลายปีแล้วแถมยังตัวเล็กนิดเดียวเอง” โม ยังคงตอบเสียงยียวนกลับมาสร้างความฉุนให้แก่เฟ็ดดริกอย่างมาก

    “ชิชะ คิดว่าใครเป็นคนเลี่ยงดูเจ้ามานะยัยหนู ตื่นเลย อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ” เฟ็ดดริกพูดอย่างนึกรำคาญร่างของเด็กสาวที่เขาอุตสาห์เลี่ยงดูมาตั้งแต่เด็ก

    “...” รอบนี่ไม่มีเสียงตอบกลับมาอย่างเคย

    “หือ...” ด้วยความสงสัย เฟ็ดดริกจึงชะโงกหน้าไปดู

    “...งึมงำๆ” คำตอบมาพร้อมเสียง โมน้อย หลับไปอีกแล้ว

    “น นี่เจ้า...กล้าหลับต่ออีกเรอะ เจอนี่หน่อย เฟ็ดดริกคิ๊ก!

    “ตุบ...” เสียงดังเล็กๆดังขึ้นเมื่อเท้าของเฟ็ดดริกกระทบกับลำตัวของโม แต่นั้นมันไม่ได้ช่วยให้เธอลืมตาตื่นได้เลย

    “หนอยแน่ งั้นแบบนี่ละ เฟ็ดดริกทริปเปิ้ลคิก!!” ชื่อท่าหน้าเกรงขามดังขึ้นอีกครั้งพร้อมการเตะติดต่อกัน3ครั้งของเขา

    “ตุบ ตุบ ดึ๋ง!2 ครั้งแรกยังคงแม่นยำ แต่ทว่าในครั้งที่ 3 ดันไปโดนหน้าอกซะนี่ เฟ็ดดริกจึงเสียหลักหล่นลงข้างเตียงทันที

    “โอ๊ย หลังข้า อูย จะหลังหักไหมเนี่ย”เสียงร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดดังขึ้นทำให้โมลืมหน้าขึ้นมาดูพบว่ามี กระรอกตัวเขื่องกำลังนอนร้องอยู่กับพื้นข้างๆเตียงจึงเกิดความรู้สึกผิดพร้อมเป็นห่วงขึ้นมา

    “ตายแล้วเฟ็ดดริก! เป็นอะไรรึปล่าว เจ็บตรงไหนไหม ไปหาหมอมิลไหม” เสียงร้องอย่างตกใจจากโมดังขึ้น

    “อูย แย่ชะมัด อายูปูนนี่แล้วยังต้องมาทำอะไรแบบนี่อีก” เสียงที่บอกดีกรีความแก่เต็มของเฟ็ดดริกดังขึ้นให้โมใจชื่นเล็กน้อย

    “ยังบ่นได้แสดงว่าไม่เป็นไรสิน่ะค่ะ ถ้าเฟ็ดดริกตายไหมโมจะอยู่ยังไง” โมพูดเสียงตัดเพ้อ

    “ยัยหนูปากเสียนี่ มาๆ มาช่วยพยุงข้าหน่อย” เจ้าของเสียงพูดพร้อมพยายามลุกขึ้น

    “แหม ไม่ต้องพยุงหรอกค่ะ หนูจับเฟ็ดดริกได้ทั้งมือแบบนี่จะให้มาทำอะไรยุ่งยากอย่างการพยุงทำไมละค่ะ” โมพูดยิ้มๆแต่ก็ยังเอามือไปช่วยพยุงให้กระรอกเถ่ายืนขึ้น

    “บ๊ะ ยัยหนู คิดว่าตัวใหญ่แล้วคิดว่าข้าจะทำอะไรไม่ได้เร๊อะ!” เฟ็ดดริกเริ่มโมโห

    “ค่าๆ โม ยอมแล้ว ขอโทษด้วยน่ะค่ะที่ทำให้บาดเจ็บ ยกโทษให้หนูน่ะ” เสียงขอโทษของโมทำให้กระรอกเถ่าใจอ่อน

    “ชิ เพราะเจ้าน่ารักขี้อ้อนแบบนี่น่ะสิ ข้าถึงไม่เคยโกรธเจ้าลงซักที ให้ตายสิ” เฟ็ดดริกบ่นเล็กน้อยพอเป็นพิธี

    “รักเฟ็ดดริกที่สุดเลย โมไปอาบน้ำก่อนน่ะค่ะ วันนี่ต้องไปเจอเพื่อนที่ ทุ่งแสงจันทร์ ด้วย” โมพูดอย่างอารมดี

    “หืม เพื่อน? เดี๊ยวๆ ยัยหนู ไอหนุ่มนั้นนะเหรอ ป่านนี่มันจะยังจำเจ้าได้รึปล่าวก็ไม่รู้ ปล่อยให้รอตั้ง 7 ปีเป็นข้านี่ลืมไปแล้ว อย่าหวังให้มากเลยน่ะนังหนู” เฟ็ดดริกพูดเพื่อไม่ให้โมตั้งความหวังมากกินไป

    “อย่าพูดแบบนั้นสิค่ะ ยังไงเขาก็สัญญาไว้แล้ว ถ้าเจอก็ดี ไม่เจอก็แล้วไป แต่หนูว่าเขาต้องมาแน่ๆ” เธอพูดยิ้มๆ

    “จะจริงเรอะ ถึงไอหนุ่มนั้นมันจะเป็นเพื่อนมนุษย์คนแรกของเจ้าแต่ก็อย่าตั้งความหวังให้มากนักน่ะ เวลาผิดหวังจะได้ไม่เจ็บมาก” เฟ็ดดริกบอกจากการเป็นผู้มีประสบการณ์มาก่อน

    “โมจะจำไว้ค่ะ งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนน่ะ แล้วเจอกันค่ะ”  เธอพูดแล้วเดินไปที่ทะเลสาบกลางป่า ระหว่างทางก็พบกับสัตว์ต่างๆที่มากินน้ำกันที่ทะเลสาบนี่

    “อรุณสวัสจ่ะ แม็กซ์” โมหันไปทักทาย งูจงอางข้างทาง

    “ โอ้ อรุณสวัสครับคุณหนู กำลังจะไปอาบน้ำเหรอ” แม๊กซ์ถามอย่างสุภาพผิดกับรูปหลังที่ใครเห็นก็ต้องหวาดกลัว

    “ค่ะ ไปด้วยกันไหม?” โมถามอย่างอารมดี

    “ไม่เอาดีกว่าครับ สุภาพบุรุษอย่างกระผมไม่อยากเสียมารยาทอย่างอาบน้ำร่วมกับสุภาพสตรีหรอกครับ” เขาตอบอย่างสุภาพตามสไตลหนุ่มเจ้าสำราญ (หนุ่มแน่เหรอนั้น)

    “ฮ่าๆ งั้นไว้เจอกันน่ะค่ะ”โมยิ้มขำกับการแสดงออกของแม๊กซ์

     

    ณ ทะเลสาบกลางป่า

    ในที่สุดโทก็เดินมาถึงทะเลสาบกลางป่าในที่สุด ทะเลสาบนี่เป็นทะเลสาบที่เกิดจากน้ำบาดาลใต้ดินที่ทะลุออกมาจากพื้นทำให้เต็มไปด้วยแร่ธาตุต่างๆมากมาย รอบๆสระเต็มไปด้วยสัตว์ที่มาดื่มน้ำ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กอย่าง หนู แมวป่า แม่แต่สัตว์ใหญ่อย่าง เสือโคร้งตัวใหญ่ หรือ สิงโตเผือกที่มีขนสีขาวน่าหลงไหล

    “อรุณสวัสค่ะ มานา หมอมิล สการ์ อเล็กซ์” โมทักเหล่าสัตว์ที่มาดื่มน้ำ

    “หวัดดี จี๊ด” มานา หรือหนูเจสก้า สัตว์ที่มาความเร็วมากติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ทักตอบ

    “สวัสดีจ่ะ โม สบายดีไหม” มีล หรือที่ใครๆเรียกว่า หมอมีล เป็นแมวป่าที่สามารถยืน2ขาได้ แถมยังใส่แว่นตาเล็กเพิ่มดีกรีความเป็นผู้รู้เข้าไปอีก

    “ก็เหมือนเดิมค่ะ หมอมีล” โมตอบกลับไป

    “โย่ ว่าไงสาวน้อย วันนี่ก็ยังสวยเหมือนเดิมน่ะ” สการ์ หรือเสือโคร้ง สัตว์ร้ายแห่งพื้นป่า ทักอย่างอารมดี แต่การพูดไม่ค่อยจะเข้ากับรูปร่างหน้าตาซะเท่าไหร่

    “แหม่ สวย เสิน อะไรละค่ะ ยังไม่ได้อาบน้ำเลยดูสิ หัวยังฟูอยู่เลย” เธอพูดยิ้มๆ

    “สวัสดีครับ หนูโม” อเล็กซ์ หรือ สิงโตเผือก เขาเป็นคนที่สุภาพพอๆกับแม๊กซ์ ถึงจะไปเท่าแต่ก็เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาสาวๆในป่าได้เป็นอย่างดี

    “วันนี่จะไปหาเพื่อนเหรอ” หมอมีลถาม

    “ใช่ค่ะ วันนี่ก็ครบ 7 ปีแล้ว หนูจะไปพบกับรูลที่ทุ่งแสงจันทร์ค่ะ” โมตอบ

    “ไม่น๊า สุดสวยของข้ากำลังจะไปหาหนุ่มอื่น โอ๊ยย ปวดใจ” สการ์คร่ำคราว สร้างความขบขันให้แก่คนอื่นๆ

    “ฮ่า ฮ่า แค่เพื่อนเองน่ะค่ะ สการ์ พูดอย่างกับไปเจอคนรักเลย” เธอยิ้มขำการกระทำของสการ์

    “เจ้าบ้านี่ หัดพูดให้มันสุภาพกับสุภาพสตรีบ้างสิ” สิงโตหนุ่มข้างๆพูดขึ้นบ้าง

    “ก็แหม่ เจ้าก็รู้ว่าข้าหลงรักสุดสวยตั้งแต่แรกเห็น จะไม่ให้ข้าปวดใจได้ไง” สการ์ยังความพูดไร้สาระต่อไป

    “หยุดเลยจี๊ด เขาบอกว่าเป็นเพื่อนไงจี๊ด สการ์จะปวดใจทำไม” มานาพูดเสียงเล็กขณะที่นั้งอยู่บนหัวของสการ์

    “เงียบได้แล้วทั้ง 3 คน ไปอาบน้ำเถอะ โม เดียวอาขอพาเจ้าพวกนี่ไปก่อนน่ะ โดยเฉพาะ สการ์ อย่าไปแอบดูเวลาหนูโมอาบน้ำละ ไม่งั้นโดนดีแน่” หมอมีลตัดจบพร้อมเดินหันหลังนำออกไปเพราะไม่อยากเสียเวลามากนัก

    “โถ่ วัยรุ่นเซ็งเลย” สการ์ร้องอย่างเซ็งๆ พร้อมเดินตามคนอื่นๆไป

    “อ๊า สบายตัวจัง” โม ร้องขณะหย่อนตัวลงไปในสระ

    “ซา...” จู่ๆผิวน้ำก็นูนขึ้นมาพร้อมกับงูน้ำขนาดยักษ์พุ่งขึ้นมาเหนือผิวน้ำ

    “สวัสดีค่ะ ลิเวีย วันนี่อากาศดีน่ะค่ะ” โมส่งเสียงทักเพื่อนอีกคนที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบนี่

    “สวัสดีเพื่อนตัวน้อย วันนี่อารมดีจังน่ะ” ลิเวียหรือลีเวียธาน สัตว์อสูรแห่งความริษยาตามความเชื่อของมนุษย์ ส่งเสียงทักขึนแต่ไมได้สแดงถึงอารมเท่าไหร่จนบางครั้งเธอสงสัยว่า ลิเวีย มีความรู้สึกรึปล่าว

    “แผลหายดีแล้วเหรอค่ะ” โมถามกลับไปเพราะจริงๆแล้ว ลีเวียนั้นไม่ได้เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่านี่ตั้งแต่แรก แต่เป็นคนที่หนีมาขออาศัยชั่วคราวเนื่องจากอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้ซึ่งเธอไม่เคยพูดว่าเป็นเพราะใคร หรือ อะไร

    “เกือบหายดีแล้วละ ต้องขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยพูดให้สัตว์ในป่ายอมให้ข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ได้” ลิเวียเอ่ยขอบคุณเพราะถ้าไม่ใช่ โม เธอคงต้องนอนตายอยู่ตรงทางเข้าของป่าอาถรรพ์นี่แล้ว

    “ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกค่ะ เฟ็ดดริก สอนหนูเสมอว่าเห็นคนลำบากถ้าเราช่วยได้ก็ต้องช่วย” โมตอบอย่างสุภาพเพราะเธอรู้สึกนับถือ ลิเวีย ไม่น้อย

    “นั้นสิน่ะ ถ้ามนุษย์เป็นได้อย่างเจ้าก็คงนี่” ลิเวียพึมพำคนเดียวออกมา

    “เมื่อกี้พูดว่าอะไรน่ะค่ะ” โมถามเพราะฟังไม่ชัด

    “ปล่าวหรอก เจ้าอาบน้ำอยู่สิ ข้าไม่รบกวนละ ไว้เจอกันใหม่” ลิเวียเอ่ยลา

    “ไว้เจอกันตอนเย็นน่ะค่ะ”

     

    20 นาทีต่อมา

    “เอาละ เราเองก็ไปดีกว่า”เธอพูดพร้อมก้าวขึ้นขอบสระ

    “ล้า ล๊า วันนี่จะได้เจอรูลแล้ว วันนี่จะได้เจอรูลแล้ว” เธอเดินฮัมเพลงอย่างอารมดีระหว่างทางกลับไปที่บ้านของเธอที่ทุกคนช่วยกันทำให้เพื่อเป็นของขวัญตอนเธออายุได้10ขวบ

    “เสร็จแล้วรึยัยหนู?” เสียงของเฟ็ดดริกดังมาจากต้นไม้ข้างๆ

    “ค่า วันนี่หนูเจอลิเวียด้วยน่ะ เธอบอกว่าแผลใกล้หายแล้ว” เธอพูดอย่างอารมดี

    “โฮ่ ยัยหนูนั้นใกล้จะหายดีแล้วรึ” เฟ็ดดริกพูด จริงๆแล้วลิเวียนั้นมีอายุมากกว่ากระรอกอย่างเขาแต่ด้วยความที่วัยของลิเวียนั้นยังถือว่ายังเพิ่งเข้าสู่วัยสาว เฟ็ดดริกจึงถือว่าตัวเองแก่กว่า

    “ค่ะ แล้วนี่ ซีเรีย ไปไหนแล้วเหรอค่ะ” โมถามถึงคู่ของ เฟ็ดดริกซึ่งเป็นกระรอกตัวเมีนที่สวยที่สุดในป่าสมัยยังสาว ถามว่าเธอรู้ได้ยังไงนะเหรอ ก็ต้องบอกว่าเฟ็ดดริกนะแหละที่เป็นคนเล่าให้ฟัง ทุกครั้งเขาดูจะภูมิใจมากด้วยที่มีคู่ที่สวยขนาดนั้นซึ่งเธอก็ไม่รู้หรอกว่าสวยมากรึปล่าวเพราะตอนนั้นเธอยังไม่เกิดด้วยซ้ำ

    “ซีเรียน่ะเรอะ รู้สึกว่าจะเดินไปเม้ากับพวกยัยแก่แถวนี่ละมั่ง” เขาตอบ

    “แหม พูดอย่างกบัว่าตัวเองไม่แก่เลยน่ะค่ะ” เธอพูดขำๆ

    “บ๊ะ ใครว่าข้าแก่ ดูสิ ข้ายังกระชับกระเช้งขนาดนี่จะแก่ได้ไง” เฟ็ดดริกพูดเสียงดัง

    “ค่าๆ เฟ็ดดริกยังหนุ่มมากๆ มากจนตกเตียงแล้วเจ็บหลังเลย”

    “ชิ ย้อกย้อนตลอดจิงๆยัยหนูนี่ แล้วนี่จะไปแล้วเรอะ กินข้าวแล้วยัง” ด้วยความที่เถียงไปก็แพ้เขาจึงเปลี่ยนเรื่อง

    “เดี๋ยวกะไปหาเอาระหว่างทางนะค่ะ” เธอตอบ

    “เอางั้นเรอะ ตามใจเจ้าละกัน อย่าลืมกลับมาก่อนมืดด้วยละ เดี๋ยวคนอื่นจะเป็นห่วง” เฟ็ดดริกพูด

    “ไว้ใจได้เลยค่ะ จะกลับมาก่อนข้าวเย็นแน่นอน” เธอพูดเพื่อให้เฟ็ดดริกสบายใจ

    “อืม งั้นไปเถอะ กว่าจะไปถึงคงใกล้เที่ยงพอดี”

    “ค่ะ งั้นหนูไปก่อนน่ะ ไว้เจอกันตอนเย็นค่ะ” โมพูดจากนั้นจึงหั่นหลังเดินไปที่ทางออกของป่าเพื่อไปที่ทุ่งแสงจันทร์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×