พบพีระมิดอายุ 1,500 ปี ใต้เนินเขาในเม็กซิโก

เนื้อเรื่อง

พบพีระมิดอายุ 1,500 ปี ใต้เนินเขาในเม็กซิโก

โดย ผู้จัดการออนไลน์

7 เมษายน 2549 09:38 น.

บริเวณเนินเขาที่พบปิรามิด

              บีบีซีนิวส์/เอเยนซี - นักโบราณคดีพบพีระมิดโบราณฝังอยู่ใต้เนินเขาเตี้ยๆ รอบนอกเมืองหลวงเม็กซิโก ซึ่งเป็นพื้นที่ประกอบพิธีแสดงการตรึงไม้กางเขนพระเยซูช่วงเทศกาลอีสเตอร์
       
       พีระมิดดังกล่าวตั้งอยู่ในเมืองเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก ซึ่งพีระมิดที่เพิ่งค้นพบนี้มีขนาดใกล้เคียงกับพีระมิดแห่งพระจันทร์ (Pyramid of the moon) สิ่งก่อสร้างโบราณที่มีชื่อเสียงของเมืองเตียวติฮัวกัน(Teotihuacan) หรือเมืองที่รู้จักกันในนาม “เมืองแห่งเทพเจ้า” (City of Gods)
       
       ทั้งนี้เจซัส ซานเชส (Jesus Sanchez) นักโบราณคดีจากสถาบันมานุษยวิทยาและประวัติศาสตร์แห่งชาติ (National Institute of Anthropology and History) ของเม็กซิโก เชื่อว่าพีระมิดที่ยังไม่มีชื่อนี้น่าจะมีอายุราว 1,500 ปีและถูกสร้างโดยคนในยุคโบราณซึ่งเป็นผู้สร้างเมืองเตียวติฮัวกันในระหว่าง ค.ศ.400-500 แต่โครงสร้างพีระมิดนี้ก็ถูกทำลายอย่างยับเยินจากการแสดงให้เห็นถึงการตรึงไม้กางเขนพระเยซูในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ซึ่งจัดขึ้นทุกปีและมีผู้ศรัทธาเข้าร่วมพิธีกรรมหลายร้อยชีวิต
       
       “โครงสร้างที่ค้นพบนี้ถูกปกป้องจากการที่อยู่ต่ำกว่าพื้นดินราว 2 ฟุต” เจซัสกล่าว อีกทั้งบ้านหลายหลังที่สร้างอย่างผิดกฎหมายบริเวณดังกล่าวก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำลายพีระมิดลงเช่นกัน ทั้งนี้คาดว่าพีระมิดจะมีความสูงประมาณ 60 ฟุตหรือสูงประมาณครึ่งหนึ่งของพีระมิดแห่งพระจันทร์
       
       “เมื่อครั้งที่คนในท้องถิ่นเห็นเราขุดค้นที่นี่ พวกเขาไม่เชื่อเลยว่าจะมีพีระมิดอยู่จริงๆ จนกระทั่งทางลาดและรูปร่างของพีระมิดร่วมทั้งพื้นแท่นบูชาโผล่มาให้เห็น พวกเขาจึงเชื่อเรา ตอนนี้คนส่วนใหญ่มีความสุขและภูมิใจ ทั้งยังช่วยเราอย่างมากที่จะปกป้องรักษาก้อนอิฐที่เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างไว้” เจซัสกล่าวโดยเขาเริ่มสำรวจพีระมิดตั้งแต่ ค.ศ.2004
       
       ทั้งนี้คนในท้องถิ่นได้เริ่มต้นแสดงเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ตรึงไม้กางเขนพระเยซูใน ค.ศ.1833 เพื่อขอบคุณพระเจ้าในการปกป้องจากการระบาดของอหิวาตกโรค ซึ่งปัจจุบันพิธีทางศาสนานี้มีผู้มาสังเกตการณ์ในแต่ละปีหลายล้านคน ดังนั้นการสำรวจก็ยังทำได้ไม่เต็มร้อยเพราะเนินเขาดังกล่าวเป็นศูนย์กลางทางศาสนาโดยชอบธรรมมาแต่ยุคโบราณ
       
       “ทั้งโบราณสถานและพิธีในศาสนาของสัปดาห์อันศักดิ์สิทธิ์ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรมของเรา ดังนั้นเราจึงต้องหาทางปกป้องวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าทั้ง 2 ไว้” เจซัสกล่าว

http://manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9490000046638