แฮกเกอร์หนุ่มอังกฤษล้วงตับ “เพนตากอน-นาซา” เจาะลึกข้อมูลลับต - แฮกเกอร์หนุ่มอังกฤษล้วงตับ “เพนตากอน-นาซา” เจาะลึกข้อมูลลับต นิยาย แฮกเกอร์หนุ่มอังกฤษล้วงตับ “เพนตากอน-นาซา” เจาะลึกข้อมูลลับต : Dek-D.com - Writer

    แฮกเกอร์หนุ่มอังกฤษล้วงตับ “เพนตากอน-นาซา” เจาะลึกข้อมูลลับต

    โดย Tanuki_kung

    แฮกเกอร์หนุ่มอังกฤษล้วงตับ เพนตากอน-นาซา เจาะลึกข้อมูลลับตามหา ยูเอฟโอ

    ผู้เข้าชมรวม

    414

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    414

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 พ.ค. 49 / 17:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      แฮกเกอร์หนุ่มอังกฤษล้วงตับ “เพนตากอน-นาซา” เจาะลึกข้อมูลลับตามหา “ยูเอฟโอ”
      โดย ผู้จัดการออนไลน์ 2 พฤษภาคม 2549 13:05 น.
      "แกรี แมคคินนอน" ตามล่าหามนุษย์ต่างดาวและยูเอฟโอด้วยการเจาะข้อมูลทะลุทะลวงเข้าสู่นาซาและเพนตากอน แต่ตอนนี้กลายเป็น "ผู้ก่อการร้าย" ทำลายความมั่นคงแห่งสหรัฐฯ ไปแล้ว
                    เอเจนซี – โปรแกรมเมอร์เตะฝุ่นบนเกาะอังกฤษถูกสหรัฐฯ ตั้งข้อหา “ก่อการร้าย” หลังจากใช้คอมพิวเตอร์บ้านๆ ล้วงข้อมูลทั้งเพนตากอนและนาซาทะลุทะลวง อ้างแค่อยากรู้ว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่ และอยากเห็นเทคโนโลยีนอกโลกที่กลาโหมสหรัฐฯ ซ่อนอยู่ นับได้ว่าเป็นการแฮกข้อมูลที่ล้วงลึกที่สุดเท่าที่มีแฮกเกอร์เคยทำมา
             
             สำหรับสหรัฐอเมริกาแล้วโปรแกรมเมอร์ตกงานชาวอังกฤษวัย 39 ปีอย่าง “แกรี แมคคินนอน” (Gary McKinnon) กลับกลายเป็นชายที่อันตรายอย่างยิ่งต่อความมั่นคงแห่งชาติเพราะเขาคือแฮกเกอร์ที่สามารถเจาะเข้าสู่ฐานข้อมูลทางการทหารของสหรัฐฯ ทุกเหล่าทัพ และแถมด้วยองค์การอวกาศอันเป็นความลับสุดยอดได้อยู่เนืองๆ และนับเป็นการพลาดท่าต่อแฮกเกอรที่มากที่สุดของเพนตากอน
             

             “แมคคินนอน” ขณะนี้กลายเป็นผู้ต้องหาตัวฉกาจเปิดเผยว่า เขาใช้เพียงแค่เครื่องคอมพิวเตอร์ธรรมดาๆ เพื่อเสาะหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการมีอยู่จริงของมนุษย์ต่างดาวและวัตถุประหลาดจากนอกโลกอย่าง “ยูเอฟโอ” แต่ระหว่าง 2 ปีที่เขากำลังค้นหาข้อมูลดังกล่าว แม็คคินนอนเกิดเจาะทะลุทะลวงเข้าสู่คอมพิวเตอร์ของเพนตากอน (กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ) รวมถึงองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา)
             
             ทั้งนี้ ทางการสหรัฐฯ แจ้งว่า แมคคินนอนสร้างความเสียหายถึง 700,000 ล้านเหรียญ อีกทั้งยังทำให้ระบบป้องกันที่สำคัญที่สุดเกิดเดี้ยงขึ้นชั่วคราว แม้ว่าจะมีการปรับปรุงและป้องกันหลังเกิดเหตุการณ์ 11 กันยาฯ ไปแล้ว
             
             อย่างไรก็ดี โปรแกรมเมอร์เตะฝุ่นผู้นี้ได้รับการร้องขอจากรัฐบาลให้มีการส่งตัวตามระเบียบการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และถ้าสอบสวนพบความผิดจริงตามข้อกล่าวหา แม็คคินนอนจะได้รับโทษจำคุก 70 ปี และปรับอีกมากกว่า 1.75 ล้านเหรียญฯ ซึ่งทางทนายความของแฮกเกอร์หนุ่มอยากให้มีการพิจารณาคดีเสียที่อังกฤษ เพราะหวั่นวิตกเป็นอย่างยิ่งว่าลูกความของเขาอาจจะถูกสั่งขังในเรือนจำที่อ่าวกวนตานาโมอันเลื่องชื่อ
             
             ย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วแม็คคินนอนเริ่มฝึกวิชาแฮกเกอร์โดยใช้เพียงแค่หนังสือ “คู่มือแฮกเกอร์” เป็นจุดเริ่มต้นในการสอดแนมเข้าสู่เครือข่ายต่างๆ จนกระทั่งช่วงปี 2000-2001 เขาได้ลองใช้คอมพิวเตอร์จากบ้านที่เมืองฮอร์ซีย์ (Hornsey) ทางเหนือของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เจาะเข้าฐานข้อมูลของรัฐบาลและทหารสหรัฐฯ ด้วยโมเด็ม 56K
             
             “จุดประสงค์หลักของผมก็แค่ต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับยูเอฟโอและเทคโนโลยีที่แอบซ่อนอยู่” แม็คคินนอนกล่าว อีกทั้งยืนยันหนักแน่นว่าเขาไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ ให้แก่ระบบของเพนตากอนตามที่รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวอ้าง เพียงแค่เข้าไปหาข้อมูลที่ทางสหรัฐฯ ปิดปังเอาไว้ก็เท่านั้นเอง
             
             แม้จะกลายเป็นผู้ต้องหาแล้ว แต่แม็คคินนอนก็อดโอ่ไม่ได้ว่า การเจาะเข้าฐานข้อมูลของเพนตากอนนั้นไม่ยากเลย แม้กระทั่งมือใหม่หัดแฮกก็น่าจะทำได้ เขาใช้ชื่อในการแฮกว่า “โซโล” และเมื่อเจาะเข้าไปถึงฐานข้อมูลแล้วกลับพบว่าระบบรักษาความปลอดภัยสุดยอดของสหรัฐฯ นั้นใช้โปรแกรมวินโดว์ของไมโครซอฟต์ที่ไม่มีความปลอดภัยเอาเสียเลย อีกทั้งยังไม่มีการใช้พาสเวิร์ดป้องกันแต่อย่างใด
             
             “จากนั้นผมก็แค่ไปหาซื้อซอฟต์แวร์ที่วางขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด และนำมาใช้สแกนหาเน็ตเวิร์กขนาดใหญ่ อย่างของทหาร เพื่อหาข้อมูลที่อาจจะเชื่อมโยงกับยูเอฟโอ” แม็คคินนอนอธิบาย
             
             ถึงขนาดสามารถเจาะเข้าฐานข้อมูลของเพตากอนได้แล้วนั้น แน่นอนว่าแม็คคินนอนย่อมเจอของดีเป็นแน่แท้ ซึ่งเขาเผยว่าได้ทะลุทะลวงไปจนพบโครงการที่นำเทคโนโลยีจากมนุษย์ต่างดาวมาใช้จริง อีกทั้งเขายังพบข้อมูลนักวิทยาศาสตร์รายหนึ่งของนาซาที่รายงานว่าศูนย์อวกาศจอห์นสันมีอุปกรณ์บันทึกภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูง เอาไว้คอยจับภาพยูเอฟโอหลังจากพบร่องรอยบนท้องฟ้า ซึ่งแม็คคินนอนก็จัดการล้วงข้อมูลเป็นที่เรียบร้อย
             

             “สิ่งที่ผมเห็นน่าจะเป็นดาวเทียมหรือไม่ก็ยานอวกาศ แต่รูปลักษณ์แบบนั้นไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน อีกทั้งไม่มีรอยต่อของวัตถุหรือหมุดยึดตัววัตถุแต่อย่างใด มันเหมือนกับชิ้นเหล็กท่อนใหญ่ที่ไม่มีตำหนิใดๆ เลย และน่าจะอยู่ใต้ผืนโลก” แม็คคินนอนพยายามอธิบายสิ่งที่เขาเห็นหลังจากแฮกข้อมูลของนาซาสำเร็จ
             
             แม้ว่าเรื่องราวของแม็คคินนอนอาจจะเหมือนกับภาพยนตร์ แต่ความผิดที่เขาจะได้รับจากการกระทำครั้งนี้นับว่ารุนแรงเอาการ แต่แม็คคินนอนก็โต้ว่าเขาเป็นเพียงเหยื่อในการเชือดไก่ให้ลิงดู โดยทางสหรัฐฯ ต้องการกำหราบผู้ที่คิดจะลักลอบเจาะฐานข้อมูลคนอื่นๆ แต่แท้จริงแล้วทางการสหรัฐฯ น่าจะแก้ไขระบบรักษาความปลอดภัยของตัวเองมากกว่า
             
             “ตอนนี้ผมถูกกระทำเหมือนกับผู้ก่อการร้าย” แม็คคินนอนกล่าว และเขาจะต้องถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนสู่สหรัฐฯ เพื่อขึ้นพิจารณาคดีในวันที่ 10 พ.ค.ที่จะถึงนี้ แต่แฮกเกอร์ผู้อ้างว่าทำไปเพราะตามล่าหาร่องรอยมนุษย์ต่างดาวก็สัญญาแก่บรรดาผู้สื่อข่าวว่า ไม่ว่าผลตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไร เขายังมีเรื่องราวลับๆ มากมายทั้งในนาซาและเพนตากอนพร้อมที่จะเล่าสู่กันฟังเร็วๆ นี้

      http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9490000057738

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×