คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เย็บเเผล
"นายน์ อ๋อง พาเเวนออกไปข้างนอก"
เป็นครั้งเเรกที่ไม่มีรอยยิ้มบนหน้าของนายน์
"ไปกันเถอะ เเวน"
เเวนดิ้นรนให้หลุดจากการคล้องเเขนเเน่นหนา บิดตัวหมุนดิ้นสุดฤทธิ์ หันเขี้ยวคมปหานายน์ ประกายตาว่างเปล่าไร้เหตผล
ใบหน้าของชานนดูเเค้นเคือง เสียงคำรามทุ้มต่ำรอดไรฟัน
อ๋องเดินมาขวางหน้าเเวน พยายามช่วยนายน์ดันร่างเเวนให้เคลื่อนผ่านบานกระจกที่เอสเม่เปิดรอ มือข้างหนึ่งของอ๋องปิดจมูกตัวเอง
ใบหน้าสวยของเอสเมแสดงสีหน้าละอายใจ
"ขอโทษด้วยจ้ะ พิช" เธอร้องไห้ขณะเดินตามคนอื่นออกไปนอกประตู
"หลีกทางหน่อย นน" คาร์ไลล์พึมพัมบอก
นนผงกหัวเชื่องช้า ก้าวถอยให้คาร์ไลล์เดินเข้ามาหาผม
"คาร์ไลล์ ใช้นี่" เพชรยื่นผ้าเช็ดตัวส่งให้เขา
"ไม่ได้ เศษเเก้วฝังในเนื้อ" คาร์ไลล์ส่ายหัวเบาๆ เขาบีบเเขนผมเบาๆทำขันเชนาะ กลิ่นเลือดทำให้ผมตาลาย
"พิช เธออยากให้ฉันรักษาให้ที่นี่ หรือพาเธอไปโรงพยาบาล" คาร์ไลล์กล่าวเบาๆ
"ที่นี่เถอะครับบ" ถ้าไปที่โรงพยาบาล เรื่องถึงหูพ่อผมเเน่
"เพชรจะไปหยิบกระเป๋าพยาบาลให้" เพชรบอก
"พาเขาไปที่โต๊ะในห้องครัว" คาร์ไลล์บอกชานน
ชานนยกร่างผมโดยไม่ออกเเรง เขาวางผมเบาๆที่ให้นั่งบนโต๊ะทานข้าว
"เป็นไงบ้าง พิช" คาร์ไลล์ถามผม
"ยังดีครับ" เสียงของผมหนักเเน่น
ใบหน้าของชานนเหมือนเเผ่นหิน เพชรวางกระเป๋ายาไว้บนโต๊ะ
ชานนยืนค้ำหัวผม ปกป้องเต็มที่ ไม่มีเเม้เเต่ลมหายใจเข้าออก
"ไปเถอะ นน" ผมถอนหายใจ
"เราทนได้" เขายืนยัน เเต่ยังคงจ้องแผลของผม ดวงตาจิดจ้าด้วยความกระหายที่เขาต่อสู้ดิ้นรน สำหรับเขา ร้ายกว่าผู้อื่น
"ไม่ต้องมาทำตัวเป็นวีรบุรุษ คาร์ไลล์ทำเเผลให้เราได้โดยไม่ต้องขอให้นายช่วย ออกไปสูดอากาศข้างนอกเถอะ" ผมกล่าวต่อ
"เราจะอยู่" เขาบอก
"ทำไมนิยมความเจ็บปวดขนาดนั้น" ผมงึมงัมถาม คาร์ไลล์ถอนหายใจ
"นน ออกไปตัวเเวน่อน เขาจะหลุดออกไปไกลกว่านี้ ฉันเเน่ใจว่าเค้าคงเเค้นตัวเอง เเละคงไม่ฟังคนอื่นนอกจากเธอ" เขาสั่ง
"ใช่ ออกไปหาตัวเเวน" ผมสนับสนุน
"ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย" เพชรสำทับ
ตาของชานนหรี่เล็กลงเมื่อโดยสามคนรุมเล่นงาน เเต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้ารับ เเล้วเดินออกไปนอกครัว เพชรเดินตามชานนไปติดๆ
อาการชาลามมาถึงท่อนเเขนเมื่อคาร์ไลล์ฉีดยาชาให้ผม ผมจ้องหน้าเขาไว้เพื่อไม่ให้ตาเผลอไปมองว่ามือของคาร์ไลล์จะทำอะไรเขนผม
"ขอโทษนะครับบ" ผมถอนหายใจ
"ไม่ใช่ความผิดเธอหรอก" คาร์ไลล์ปลอบ
"มันอาจเกิดกับใครก็ได้ทั้งนั้นนะพิช"
"ใช่ครับบ เเต่เกิดกับผมเป็นประจำเลยนะครับ" ผมยอมรับ
คาร์ไลล์หัวเราะอีกครั้ง มาดสงบเยือกเย็นของคาร์ไลล์ น่าอัศจรรย์ใจยิ่งในยามเปรียบเทียบกับการเคลื่อนไหวกราดเกรี้ยวเเละเสียงคำรามของผู้อื่น
"คุณทำได้ยังไงคาร์ไลล์ เเม้เเต่เพชรเองยังทนกระหายไม่ได้" ผมสอบถาม
"ฝึกฝนหลายต่อหลายปี ฉันเเทบไม่ได้กลิ่นเลือดอีกเเล้ว" เขาตอบ
"คุณคิดว่าการลาพักร้อน ทิ้งช่วงไปนาน ไม่ได้กลิ่นเลือด จะทำให้ควบคุมตัวเองยากขึ้นมั้ยครับ"
"เป็นไปได้ เเต่ฉันไม่เคยคิดจะลาพักร้อน ฉันชอบงานที่ฉันทำมากกว่าจะหยุดพัก" เขาตอบ
"อะไรที่ทำให้คุณชอบงานที่ทำ" ผมสงสัย
ดวงตาของคาร์ไลล์นิ่งสงบ ครุ่นคิดในตอนที่เขาให้คำตอบ
"อืม...น่าจะมีความสุขที่สุดในตอนที่...ความสามารถของฉันช่วยรักษาชีวิตคนไข้ที่ไม่มีทางรอด สบายใจในทุกคราวที่รู้สึกเช่นนั้น ได้รู้ว่าชีวิตคนบางคนสุขสบายยิ่งขึ้นเพราะการดำรงอยู่ของฉัน ในบางคราวกลิ่นเลือดก็เป็นเครื่องมือวินิจฉัยโรคชั้นดีเลยทีเดียว" เขายิ้ม
เสียงค้นกระเป๋ากุกกก หยิบเครื่องมือชิ้นใหม่ ผมพยายามไม่นึกถึงเข็มกับด้าย
"คุณพยายามชดเชยในเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดของคุณ" ผมเสนอ
"เอ่อ ผมหมายความว่า คุณไม่ไดขอให้ตัวเองมาอยู่ในสภาพเเบบนี้ คุณไม่ได้เลือกวิถีชีวิตเเบบนี้ เเต่คุณก็พยายามทำงานหนักเพื่อให้เกิดผลดี"
"ฉันไม่ได้คิดว่าฉันกำลังชดเชยสิ่งใด เหมือนทุกอย่างในชีวิต ฉันเเค่ตัดสินใจเลือกเท่านั้นว่าจะใช้ชีวิตไปทางไหน" เขาบอก
"คุณนี่พุดเรื่องยากให้ฟังง่ายซะเหลือเกิน"
"เอาล่ะ พิช เสร็จเเล้ว" เสียงกรรไกลตัดเส้นด้าย เขาทายาอีกรอบบนเเขนของผม กลิ่นน้ำยาทำให้ผมเวียนหัว
"ทำไมคุณถึงเลือกหนทางนี้ เเทนที่จะเลือกเดินทางในเเบบมนุษย์ล่ะครับ" ผมรุกคืบต่อในขณะเขาใช้ผ้าก๊อตปิดปากเเผล
"นนไม่ได้เล่าให้เธอฟังเหรอ" คาร์ไลล์ยิ้ม
"เคยครับ เเต่เขาใช้คำพูดที่ยากเกินกว่าที่ผมจะฟังรู้เรื่อง" ผมบอก
"เค้าหัวโบราณ" คาร์ไลล์หัวเราะ
"เธอคงรู้เเล้ว ว่าพ่อฉันเป็นบาทหลวง พ่อมีมุมมองที่ดำเนินไปในเเนวทางของมนุษย์เเละพระเจ้า เเต่ฉันกังขาเเนวคิดนั้นมาตลอด ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนสภาพ" คาร์ไลล์เก็บกวาดของบนโต๊ะลงขยะ
"เเต่ว่าไม่ว่าจะมองในเเง่ไหน เราทุกคนก็ต้องถูกต้องคำสาป จากพระเจ้า ไม่ก็นรก" เขาพูดต่อ
"ผมไม่คิดเเบบนั้น คุณไม่ได้ถูกสาปหรอกคาร์ไลล์ คุณช่วยเหลือคนนะ ผมว่าพระเจ้าคงไม่มานั่งสาปคนดีๆเเบบคุณหรอก" ผมพูด
"เธอเป็นคนเเรกที่เห็นพ้องกับความคิดฉันนะ" เขาบอก
"คนอื่นๆไม่ได้คิดเเบบผมเหรอครับบ" ผมประหลาดใจ
"นนก็เห็นพ้องกับฉันเเค่ส่วนหนึ่งเชื่อว่าพระเจ้าเเละสวรรค์ดำรงอยู่ เช่นเดียวกัยนรก เเต่เขาไม่เชื่อว่าจะมีชีวิตหลังความสำหรับพวกเรา รู้มั้ย เขาคิดว่าเขาเสียวิญญาณไปเเล้ว"
"ปัญหาอยู่ตรงนั้น ใช่มั้ยครับ นั่นเป็นเหตุผลที่เขามากเรื่องกับผม" ผมเดา
"ฉันมอง..ลูกชายของฉัน พลังอำนาจ ความดีงาม ด้านสดใสของเขา ภาพที่เห็นเติมเชื้อไฟให้เเก่ความหวัง ยืนยันศรัทธามากยิ่งกว่าเดิม ทำไมไม่มีคนเเบบนนมกกว่าหนึ่งนะ"
ผมผงกหัวรับ เห็นด้วยอย่างเเรง
"เเต่ถ้าฉันมีทางเลือกเเบบของเขา..ถ้าเธอเชื่ออย่างที่ เธอจะพรากวิญญาณของเขาได้เชียวเหรอ"
คำถามย้อนกลับของเขา ทำให้ผมเเทบพูดไม่ออกตอบไม่ได้ นี่ถ้าเขาถามว่าผมยอมเสี่ยงชีวิตเเละวิญญาณของชานนหรือไม่ คำตอบก็เห็นชัดอยู่เเล้ว เเต่ผมจะนำวิญญาณของชานนไปเสี่งได้เหรอ การเเทนค่าไม่ยุติธรรมเลย
"เธอคงมองเห็นปัญหาเเล้ว"
ผมสั่นหัว ดื้อสุดฤทธิ์
"นั่นเป็นทางเลือกของผม" ผมยืนยัน
"ทางเลือกของเขาเช่นกัน เขาจะเเบกรับความผิดชอบได้เหรอ ถ้าทำเรื่องนั้นต่อเธอ" คาร์ไลล์เเย้ง
"งั้นคุณก็ช่วยผมสิ ทำให้ผมเป็นเเบบคุณ" ผมพูด
"เธออย่าหวัง! เพราะเรื่องนี้ เธอต้องคุยกับนเนเอง!" เขาหัวเราะร่วน
"เค้าไม่ยอมอยู่เเล้วล่ะครับบ" ผมยิ้ม
"เรื่องนี้หยุดไว้ดีกว่านะ ฉันน่าจะพาเธอกลับบ้านได้เเล้ว" เขาพูด
"ผมไปส่งเองครับ" ชานนเดินเข้ามาหาเราสองคน
"ให้ชานนไปส่งผมดีกว่าครับ คาร์ไลล์" ผมบอก
"นายต้องเปลี่ยนเสื้อก่อน เละขนาดนี้พ่อนายโดดบีบคอเราเเน่" เขากล่าวเเล้วเดินออกไปหาเพชร ผมหันมามองคาร์ไลล์
"เขาหัวเสีย" ผมพูด
"อย่างเเรงเลยด้วยล่ะ" คาร์ไลล์หัวเราะเบาๆ
"ช่างเค้าเถอะครับ มันไม่ใช่ความผิดเขานี่ ถ้าเค้าจะหัวเสีย" ผมบอก
"ไม่ใช่ความผิดของเธอด้วย" เขาพาผมเดินไปยังห้องนั่งเล่น เอสเมกำลังทำความสะอาดพื้นอยู่
"เอ่อ เอสเม่ ให้ผมทำเถอะครับ" ผมบอก
"เสร็จเเล้วจ้ะ เธอเป็นไงบ้าง" เธอหันมาถามผม
"ดีครับ คุณหมอคาร์ไลล์เย็บเเผลได้เร็วที่สุดกว่าหมอคนอื่นๆเลย" ผมกล่าวชม
ทั้งสองหัวเราะในลำคอ
เพชรกับชานนเดินเข้ามาหาผม เพชรดันไหล่ผมขึ้นไปบนห้องของเขา
"เพชรจะหาเสื้อผ้าที่ไม่น่ากลัวมาให้เปลี่ยนนะ" เพชรเดินไปค้นตู้เสื้อผ้าที่มีเสื้อผ้านับร้อยของเขาในตู้มาให้ผม
"เพชร" ผมเรียกขณะที่ผมกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า
"อะไรเหรอ" เขากระซิบตอบ
"ทุกคนเป็นไงบ้าง" ผมถาม
"เพชรยังไม่เเน่ใจเท่าไร" ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด
"เเล้วเเวน..."
"เเค้นตัวเอง เป็นเรืองหนักหนาสาหัส เขาเกรียดตัวเองที่ต้องเเสดงความอ่อนเเอออกมา" เขาถอนหายใจ
"ไม่ใช่ความผิดเขา เพชรช่วยบอกเขาด้วยว่าพี่ไม่ได้โกรธเขาเลย ช่วยหน่อยนะ" ผมพูด
"ได้อยู่เเล้ว"
เมื่อผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ชานนยืนรออยู่ที่รถ สีหน้าเรียบเฉย เย็นชา
"อย่าลืมของขวัญ!!!" เพชรร้องไล่หลังมาตอนที่ผมเดินไปหาชานน เขาหอบสองกล่องกับกล้องถ่ายรูปของผมวางใส่เเขนของผมอีกข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บ
"ค่อยขอบคุณกันทีหลังก็ได้ กลับไปเปิดกล่องก่อน" เพชรบอกเเล้วยิมให้ผม
คาร์ไลล์เอสเม เเละเพชรกล่าวราตรีสวัสดิ์ผมก่อนจะหันไปมองชานน
ผมก้าวขึ้นรถเเละปิดประตู ชานนนั่งอยู่ที่ด้านคนขับ หน้ายังคงเรียบเฉยอยู่
เขาขับรถออกไป ในระหว่างนั้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
"พูดอะไรสักอย่างสิ" ผมวิงวอน
"นายอยากให้เราพูดอะไร" เขาถาม
"บอกว่า นายยกโทษให้เราเเล้วน่ะ" ผมบอก
"ยกโทษให้นาย เรื่องอะไร" เขาหันมามองผม
"ถ้าเราระวังให้มากกว่านี้ เรื่องนี้ก็คงไม่เกิด"
"พิช นายเเค่โดนกระดาษบาดมือ ไม่ได้ผิดอะไรมากมายขนาดนั้นเลย"
"ก็ยังเป็นความผิดของเราอยู่ดีอ่ะ"
"ความผิดนายเหรอ ถ้านายทำกระดาษบาดมือที่บ้านของเจสสิก้า สเเตนลีย์ มีเเม็คกับโจ้เเละคนอื่นๆอยู่รอบตัว อะไรจะเกิดขึ้น อาจเป็นได้ว่าหาพลาสเตอร์ปิดเเผลไม่เจอ ถ้านายหกล้มชนจานเเตกล้มทับเศษเเก้วไปเอง อะไรจะเกิดขึ้น นายคงได้นอนจมกองเลือดก่อนไปถึงโรงบาล เจสสิก้าคงไม่มานั่งทนความกระหายเลือดเเบบคนบางคนหรอก อย่าเอาเรื่องนี้มาซ้ำเติมตัวเองได้มั้ยพิช ทำไมนายเป็นคนเเบบนี้ล่ะ" เขาร่ายยาว
"เอ๊ะ เเล้วเจสสิก้า สเเตนลีย์โผล่มาในเรื่องที่เราคุยกันได้ไง" ผมชักโมโห
"เธอโผล่มาได้เเน่นอน เพราะเธอเป็นผลดีต่อสุขภาพนายมากกว่าเรา นายจะปลอดภัยกว่าถ้าอยู่ข้างกายยัยนั่น" เขาบอก
"เรายอมตายดีกว่าถ้าจะต้องข้างกายเจสสิก้าน่ะ อยู่กับใครคนไหนๆ เรายอมตาย ถ้าไม่ใช่นาย" ผมเถียง
"อย่าทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่สิ พิช" เขาเตือน
"นายก็อย่าพูดพิลึกดิ"
เขาไม่ตอ เเต่หน้าเครียดขึง
เมื่อถึงหน้าบ้านผม ผมหันไปหาเขา
"คืนนี้นายจะอยู่มั้ย"
"เราควรจะกลับบ้าน" เขาบอก
"วันเกิดเรานะ" ผมใช้ไม้ตาย
"ต้องการทั้งสองทางไม่ได้นะพิช เลือกเอา นายอยากให้คนไม่สนใจวันเกิดนาย หรือว่าอยาก" เสีงเขาไร้อารมณ์
"ได้เลย งั้นเราเลือก ไม่อยากให้นายสนใจวันเกิดเรา เจอกันบนห้องนะ" ผมกระโดดลงจากรถ ควานหาของขวัญ
"นายไม่ต้องรับไว้ก็ได้"
"เราอยากรับ" ผมตอบอย่างอัตโนมัติ
"ไม่ควรจะอยาก เพราะคาร์ไลล์กับเอสเม่เสียตังค์ซื้อให้คนาย หลายดอลล่าเลยนะ"
"ด้านได้อาย อด" ผมหนีบของขวัญไว้ใต้เเขน เเล้วจะเดินเบ้าน ชานนเดินมาขวางผมอย่างรวดเร็ว
"อย่างน้อยให้เราช่วยถือก็ได้" เขารับของขวัญมาจากมือผม
"เราจะไปรอบนห้องนายนะ" เขาบอก
"ขอบใจนะ" ผมยิ้ม เขาโน้มตัวลงมาจูบผม ก่อนจะเดินหายไปทางข้างบ้านผม
ผมเดินเข้าทางประตูด้านหน้า เกมเบสบอลยังไม่จบ พ่อยังนั่งจิบเบียร์อยู่
"พิช?" พ่อร้องถาม
"ครับ พ่อ" ผมส่งเสียงตอบ
"เป็นไงบ้าง"
"เพชรเวอร์สุดขีด ดอกไม้ เค้ก เทียน ของขวัญ ครบเครื่องเลย"
"พวกคัลเลนให้ของขวัญอะไรลูก"
"สเตดิโอติดรถ กับอะไรไม่รู้หลายอย่าง"
"ว้าว"
"อืม พิชจะไปนอนเเล้ว"
"เเขนลูกเป็นอะไร"
"พิชล้มหน้าคว่ำ ไม่มีอะไรหรอก"
"พิช?" พ่อถอนหายใจ
"ฝันดีฮะพ่อ" ผมเมิน เเล้วเดินขึ้นบันได
ผมวิ่งเข้าห้องน้ำ เเปรงฟันเเละเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเลือกเสื้อยืดตัวบางเพราะจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดมากเวลายกเเขนสอดใส่มัน ผมเจ็บเล็กน้อยเมื่อการยกเเขนทำให้เเผลตึง ในที่สุดก็เปลี่ยนมันได้สักที
ชานนนั่งเล่นอยู่บนเตียง เงยหน้าขึ้นมามองผม
"ไง" เขาทัก
"ไง" ผมทักกลับเเล้ววิ่งเข้าไปกอดเขา
"เปิดของขวัญดีกว่า" ผมน่าระรื่นหยิบกล่องขึ้นมากอดเเน่น
"ให้เราเเกะให้ดีกว่า" เขาหยิบมันออกมาจากมือผม ก่อนจะค่อยๆดึงกระดาษออก ผมลุ้นว่ามันคืออะไร
เขาหยิบกระดาษสองใบมาจากกล่องเเล้วยื่นให้ผม
ผมรับมา มองหน้าเขาครู่หนึ่งเเล้วก้มลงอ่าน
"ตั๋วบินไปไทย" ผมเเทบตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น ตั๋วบนไปไทยสองใบ ผมกับชานน
"ดีใจมั้ย" เขายิ้ม
"ไม่อยากจะเชื่อเลย เเม่รู้ต้องตีลังกาเเน่ นายไมรังเกรียดใช่มั้ย ที่นั่นเเดดจ้า นายต้องอยู่ในร่มตลอดทั้งวัน"
"เรารับมือได้" เขาตอบ
"ส่วนกล่องนี้ ของนายกับเพชรสินะ" ผมหยิบขึ้นมาเเนบหูเเล้วเขย่าเบาๆ
"เเกะให้หน่อย" ผมยื่นให้เขา ชานนยิ้มเเล้วรับมาดึงกระดาษห่อออก
มันคือกล่องซีดี ในนั้นมีเเผ่นซีดีวับวาว
"อะไรเหรอ" ผมถาม
เขาไม่ตอบ หยิบโน๊ตบุ๊คผมมาจากโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะใส่เเผ่นเข้าไป เขาเปิดเพลง เเละดนตรีก็เริ่มเล่น
ผมตั้งใจฟัง อ้าปากค้าง ตาเบิกโพลง ไม่นานน้ำตาก็ไหลเอ่อ
"เจ็บเเผลเหรอ" เขาถาม
"ไม่ ไม่ใช่ เพลงเพราะเหลือเกิน นน นายเเต่งเพลงนี้ให้เราเหรอ" ผมถาม สะอื้นนิดๆ
"เราไม่ได้เสียสักดอลล่าเดียว" เขายักไหล่
"เเขนนายเป็นไงบ้าง" เขาถามต่อ
"อยากได้น้ำเเข็งประคบอ่ะ" ผมมุ่ยหน้า
เขายกมือขึ้นมา กอบกุมรอบเเผล ความเย็นทำให้ความปวดเเสบปวดร้อนทุเลาลงเล็กน้อย เพลงกล่อมของชานนเริ่มทำงาน ผมเริ่มจะหลับลง เขาเอนตัวผมลงกับเตียง กดจูบที่ริมฝีปากผมอย่างนุ่มนวล ก่อนจะนอนกอดร่างผมไว้อย่างห่วงใย
จูบของชานนเจือไปด้วยความเจ็บปวด ร่างของผมสะท้านเยือกจมลงไปในห้วงหลับใหล ประหนึ่งว่าฝันสยองเริ่มขึ้นอีกเเล้ว
...........................................................................................................................................................................
ปวดข้อมือ 55555555 คอมเม้นให้หน่อยนะครับบ ไม่เม้นไม่อัพต่อนะเอ้อ เอิ๊กๆๆๆ(ขู่ๆ)
ความคิดเห็น