ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปาร์ตี้
ผมเเน่ใจเก้าสิบเก้าจุดเก้าเปอร์เซ็นต์ว่าผมกำลังฝันไป
เหตุผลที่ผมมั่นใจได้ขนาดนั้น ข้อเเรก ผมยืนเหม่อค้างกลางลำเเสงอาทิตย์เจิดจ้า ท้องฟ้าสีคราม ดวงอาทิตย์สดใสที่ไม่เคยส่องเเสงในเมืองฝนโปรยปราย บ้านใหม่ของผมในฟอร์คส์ มลรัฐวอชิงตัน
เเละข้อสอง ผมมองเห็นคุณตาของผม คุณตาผมตายไปเเล้วเมื่อหกปีก่อน นั่นเป็นหลักฐานยืนยันความฝันค่อนข้างชัดเจน
คุณตาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ใบหน้าของเขาเหมือนที่ผมจำได้ ผิวนุ่มเหี่ยวย่น ตอบลงเป็นรอยยับย่นทั้งหน้า เเก้มย่นเเห้งเหมือนผลเเอพริค็อตเเห้ง เเต่ก็มีผมขาวหนานุ่ม
ริมฝีปากของคุณตาห่อเล็กยับย่น สยายเป็นรอยยิ้มประหลาดใจ
ผมจะอ้าปากถาม มีคำถามมากมาย ทำไมคุณตาโผล่เข้ามาในความฝันของผม
คุณตาพบคุณยายเเล้วหรือยัง เเต่เขาอ้าปากจะพูดเช่นเดียวกันกับผม ผมนิ่งค้าง ให้เขาพูดก่อน คุณตานิ่งค้างเช่นกัน
"พิช?"
ไม่ใช่เสียงคุณตาเรียกผม เราสองคนหันไปหาผู้มาเยือนใหม่อีกคนที่มาร่วมสมทบ ผมไม่ต้องมองก็รู้ว่าใคร เสียงที่ผมจดจำได้ เสียงที่พร้อมจะสนองรับ ไม่ว่ายามหลับหรือตื่น พนันได้เลย เสียงที่ผมพร้อมจะบุกน้ำ ลุยไฟ ไปกับเขา
ชานน
ผมเกือบจะเเน่ใจว่าผมฝันไป ผมตระหนกเมื่อเห็นชานนเดินออกมาหาเราตรงกลางเเสงเเดดเจิดจ้า
ผมตระหนกเพราะคุณตาไม่เคยรู้ว่าผมคบกับเเวมไพร์ ไม่มีใครรู้ว่าทำไมผิวของเขาถึงส่องประกายระยิบระยับเวลาโดนเเสงเเดด
คุณตาครับ คุณตาสังเกตรึเปล่าว่าพ่อเเวมไพร์ของผมเปล่งประกายพรายพร่าง ไม่มีอะไรต้องกังวลครับ เขาเป็นเเบบนี้เสมอเวลาโดนเเสงเเดด
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ผมหันไปมองคุณตาอย่างหวาดผวา คุณตาเบือนหน้ามาจ้องผม สายตาหวาดผวาเช่นเดียวกัน ชานนยังคงยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มสุดเเสนจะอ่อนหวาน จนหัวใจผมพองโต
เขาเอื้อมมือมาโอบไหล่ผม มองหันไปมองคุณตา
สีหน้าของคุณตาทำให้ผมตกใจ เขาจ้องหน้าผม เเบบงงๆ
เเล้วเขาก็ยืนในท่าพิลึก เเขนข้างนึงยื่นออกไปห่างจากตัว ข้อมือโอบค้างกลางอากาศ เหมือนเขากำลังโอบร่างใครสักคนที่ผมมองไม่เห็น โอบร่างโปร่งใส
ขณะนั้นเอง ผมเพิ่งเข้าใจทุกอย่าง ผมเห็นกรอบสีทองรายรอบรูปร่างของคุณตา ผมยกมืออีกข้างที่ไม่ได้โอบชานนไปเเตะตัวคุณตา เขาเลียนท่าผมเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน เมื่อปลายนิ้วเราสัมผัสกัน ไม่มีอะไรเลยนอกจากเนื้อกระจกเย็นเฉียบ
ผมสะดุ้งสุดตัว นั่นไม่ใช่คุณตา
นั่นเป็น ผมเอง ตัวผมในกระจก ตัวผมในร่างคนเเก่ ดูเหี่ยวย่นไปหมดทั้งตัว
ชานนยืนอยู่เคียงข้างผม ไม่มีภาพสะท้อนจากกระจกให้เห็น หล่อเหลา งดงาม สิบเจ็ดปีชั่วนิรันดร์
เขาเเตะริมฝีปากเย็นเฉียบที่เเก้มเหี่ยวย่นของผม
"สุขสันต์วันเกิด"
ผมสะดุ้งตื่น ดวงตาเบิกโพลง หอบหายใจถี่ ฟ้าภายนอกมีสีเทาหม่น ต่างจากในความฝันมาก
ผมสูดลมหายใจลึก พยายามบอกตัวเอง มันเป็นเเค่ความฝันน่ะ
ปฏิทินเล็กที่หน้าต่างโชว์ให้เห็นว่า นี่เป็นวันเกิดของผม!!
ผมอายุครบสิบเเปดปีเป็นทางการเเล้ว
ผมเกรียดกลัววันนี้มานานหลายเดือน
ได้มาถึงเเล้วสินะ เลวร้ายกว่าที่ผมคาดเอาไว้ ผมรับรู้ได้ ผมเเก่เเล้ว เเก่ตัวไปกว่าเดิมทุกวัน
ส่วนชานนจะไปเเก่ไปกว่านี้อีกเเล้ว
ในขณะที่ผมเเปรงฟัน ผมโล่งอกที่ใบหน้าไม่ได้ดูเปลี่ยนเเปลงไป ผมเขม้นจ้องมองริ้วรอยบนใบหน้า ไม่มี....
เป็นเเค่ฝันไป ผมเตือนตัวเองซ้ำอีกครั้ง
ผมไม่กินอาหารเช้า รีบออกจากบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
ผมรวบรวมสติในขณะขับรถไปโรงเรียน ภาพคุณตา ผมพยายามไม่คิดว่านั่นเป็นใบหน้าของผม
ผมพารถเข้าไปจอดในลานรถที่คุ้นเคยของโรงเรียนในฟอร์คส์ มองเห็นชานนยืนพิงรถวอลโว่สีดำมันปลาบ เหมือนรูปสลักหินอ่อน เหมือนเทพบุตลงมาจุดติ เขาเเต่งตัวไม่เวอร์เหมือนครั้งไหนๆ เสื้อเชิ๊ตหรูหราสีเทาเขียว กางเกงสีดำขลับ เเว่นตาสีดำ ใส่เเล้วยิ่งดูหล่อขึ้นไปอีก เขายืนรอผม เหมือนทุกๆวัน
ความหดหู่ในใจผมหายวูบ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างปลื้มปิติ เมื่อเจอหน้าเขา
เพชร น้องชายของเขา ยืนเคียงข้าง รอผมเช่นกัน
เเน่นอนที่สุด เพชรกับชานนไม่ได้เป็นสายเลือดเดียวกัน เเต่พวกเขามีบางอย่างที่เหมือนกัน ดวงตาสีเลือดนก สีผิวขาวซีดเป็นกระดาษ เเละหน้าตาที่หล่อเหลาดุจเทวดามาบังเกิด ขอบตามีเงามืดคล้ายรอยช้ำ เท่ประหลาดบาดตา
ภาพของเพชรที่ยืนรอผม ดวงตาสีเเดงสุกปลั่งด้วยความตื่นเต้น ถือกล่องสีเหลี่ยมใบใหญ่สีเงินผูกริบบิ้นสีทองอร่าม
ผมทำหน้านิ่ว อุตส่าห์บอกไปเเล้วนะ ว่าไม่ต้องการของขวัญ ผมไม่ต้องการอะไรเลย
ผมเหวี่ยงประตูรถฮอนด้าสีขาวปิดดังครม เเล้วเดินไปหาทั้งสองคนนั้น เพชรกระโดดพริ้วมาหาผม
"สุขสันต์วันเกิดพี่พิช!" เพชรกระโดดกอดผมเต็มเเรง
"ชู่ว์!!!!!" ผมส่งเสียงปราม มองซ้ายขวาเพื่อสังเกตว่ามีใครได้ยินเขามั่ง
"อยากเปิดของขวัญตอนนี้เลยรึเปล่า" เพชรชูกล่องของขวัญให้ผม ในขณะที่เราเดินเข้าไปหาชานน
"พี่ไม่เอาของขวัญ ไม่ต้องการ" ผมพึมพัมประท้วง
"เอาเถอะ ทีหลังก็ได้ เเล้วพี่พิชชอบสมุดติดรูปที่เเม่พี่พิชส่งมาให้รึเปล่า เเล้วกล้องจากพ่อพี่ล่ะ" ผมถอนหายใจ เเน่อยู่เเล้ว เพชรเขารู้ทุกอย่างว่าจะเกิดอะไรขึ้น ใครให้ของขวัญผม รึอวยพรผม รู้ไปหมด
"ยังไม่ได้รับเลย สงสัยพ่อพี่คงจะให้พี่ทีหลัง" ผมตอบ
"มันเป็นไอเดียที่เยี่ยมมากเลย พี่พิชน่าจะถ่ายรูปที่นี่ไว้นะ มัธยมปีสุดท้ายครั้งเดียวในชีวิต" เพชรยังคงตื่นเต้น
"เเล้วนายเคยเรียนมอปลายปีสุดท้ายกี่ครั้ง" ผมย้อน
"ไม่เยอะเท่าไหร่" เพชรหัวเราะ
ผมเดินเข้าไปหาชานน เขายื่นมือออกมาหาผม ผมเดินเข้าไป ดึงมือเขาเข้ามากอด
"เราไม่ได้รับอณุญาติให้อวยพรวันเกิดนายใช่ป่ะ" เขาพูด
"ถูกต้อง" ผมยิ้มหวาน
"ก็เเค่ถามก่อนให้เเน่ใจ คนส่วนใหญ่โปรดปรานงานวันเกิดเเละของขวัญ" เขาใช้มืออีกข้างจัดทรงผมเเละขยับเเว่นสีดำของเขา
เพชรหัวเราะ เสียงเสนาะเพราะพริ้งเหมือนกระดิ่งเงิน
"เเน่อยู่เเล้ว พี่พิชจะต้องชอบ ทุกคนจะตามใจหนุ่มวันเกิด อยากได้อะไรจะไม่มีใครขัด พี่พิช จะมีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นรึไง" เพชรถามผม
"เเก่อ่ะ" ผมตอบ
"สิบเเปดไม่เเก่ พี่ไม่ควรตัดสินใจว่าตัวเองเป็นยังไงจนกว่าจะอายุ 25" เพชรกล่าว ช่างรู้ดีซะจริง
"พี่เเก่กว่านาย เเก่กว่านน" ผมบอก
"ใครว่า เราตั้ง 200 กว่าขวบเเล้วนะ" ชานนหัวเราะ
"เพชรก็ 70 กว่าๆเเล้วด้วย"
"ในเชิงเทคนิคน่ะ ชานนก็จะ 17 ปีตลอดไป ไม่ใช่รึไง" ผมถาม
"ช่างมันเหอะ" ชานนถอนหายใจยาว
หากเป็นเช่นนั้น หากผมเเน่ใจว่านั่นจะเป็นอนาคตของผม อนาคตที่จะได้อยู่ร่วมกับชานน เเละครอบครัวของเขา เเต่ชานนยื่นคำขาด เขาจะไม่ยอมเปลี่ยนผมให้เป็นเเวมไพร์เเน่นอน ผมจะไม่มีอนาคตที่เป็นเหมือนเขา อนาคตที่ยืนยาวชั่วนิรันดร์
ทางตัน.....เขากล่าวไว้
ผมไม่เข้าใจจุดประสงค์ของชานน
การเกิดเเล้วเเก่เเล้วตาย มันดีตรงไหน?
"พี่จะไปถึงบ้านเรากี่โมง" เพชรเปลี่ยนเรื่อง
"พี่ไม่ยักรู้ว่าเพชรวางเเผนจะให้พี่ไปที่บ้านคัลเลน"
"ไม่ยุติธรรมเลย พี่พิช" เพชรโวยวาย
"พี่คงไม่อยากทำลายความสุขของพวกเราหรอกนะ ใช่มั้ย?"
"วันเกิดพี่ เเต่นายสนุกเนี่ยนะ ตกลงวันเกิดใครกันเเน่" ผมโวยบ้าง
"พี่จะไปรับพิชคืนนี้ที่บ้านโอเคมั้ยเพชร" ชานนบอก
"เราต้องไปทำงานนะนน" ผมประท้วง
"ไม่จริง" เพชรเเย้ง ลอยหน้าลอยตาอย่างมีความสุข
"เพชรคุยกับเจสสิก้า สเเตนลีย์เเล้ว พี่พิชเเลกกะ เจสสิก้าเลยทำเเทน เเล้วเธอก็ฝากมาบอกด้วยว่า สุขสันต์วันเกิดดด"
"พี่...พี่ยังไปไม่ได้" ผมอึกอัก เค้นสมองหาข้ออ้าง
"พี่ยังไม่ได้ดูโรมิโอเเอนด์จูเลียต ทำรายงานวรรณคดีเลย"
"พี่พิชอ่านเเล้วไม่ใช่เหรอ" เพชรพ่นลมหายใจ
"ครูเบอร์ตี้บอกว่าต้องดูด้วยถึงจะจำได้ขึ้นใจยิ่งกว่าอ่าน" ผมมั่วตั้วพูดออกไป
ชานนกรอกตามองฟ้า
"พี่พิชเคยดูหนังเเล้ว" เพชรกล่าวหา รู้อีก -0-
"พี่ยังไม่ได้ดูยุค 60 ครูเบอร์ตี้บอกว่า ยุคนี้ทำได้สวยงามมาก" ผมบอก ลอยหน้าลอยตาบ้าง
เพชรจ้องผมด้วยดวงตาสีเเดงสด เขี้ยวเเหลมโผล่ออกมานอกปาก
"อย่า...ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เลือกเอา จะไปดีๆ หรือจะให้บังคับ" เพชรขู่ผมด้วยเสียงคำรามต่ำๆ
ผมกลัวจนตัวสั่น เกาะเเขนชานนเเน่น
"ใจเย็นเพชร ถ้าพิชเค้าอยากดูหนัง ก็ต้องให้เค้าทำเเบบนั้น วันนี้เป็นวันเกิดพิชนะ" ชานนกล่าวขัดคำขู่
"เห็นมะ นนเข้าข้างพี่" ผมสนับสนุน
"พี่จะไปรับพิชตอนทุ่มนึง เตรียมของไว้เลย" ชานนกล่าวตา
"อะ อ่าว" ผมเงยหน้ามองเขา
"ฟังดูดีขึ้นเยอะ เเล้วเจอกันคืนนี้ พี่พิช สนุกเเน่ๆ เเล้วพี่จะได้เห็น" เพชรยักคิ้ว ก่อนจะเดินหายไปในห้องโรงอาหาร
"นน ได้โปรด..." ผมวิงวอน
"ค่อยคุยกันทีหลัง เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน"
ผมกับชานนเดินเข้าห้องเรียนตามปกติ ไม่มีใครเม้าท์มอยอีกเเล้วเรื่องที่ผมกับชานนคบกัน
เจสสิก้าก็ไม่ทอดสายตาน่าสงสารมาให้ผมสำนึกผิดอีกเเล้ว
เธอดูเปลี่ยนไปมากหลังปิดภาคฤดูร้อน ผมของเธอเปลี่ยนเป็นสีบอร์นขาว ใบหน้าเธอสวยขึ้นมากกว่าเดิม
เธอยังคงติดผมเเจ เเต่ผมก็ต้องยอมรับว่า เราเป็นเเค่เพื่อนกันเท่านั้น
ผมขอร้องชานนตลอดตอนอยู่ในห้องเรียน ผมไม่ขอของขวัญจากเขา ห้ามเขาให้ผมเด็ดขาด ยังไงผมก็จะไม่เอาเลย
ชานนมีเงินมหาศาล ผมไม่อยากคิดว่ามากมายเเค่ไหน เงินดูเหมือนไม่มีความหมายต่อเขาเเละคนอื่นๆในครอบครัว
พวกเขาไม่ออกไปกินข้าวในภัตาคารหรูหรา พวกเขาไม่ซื้อของที่ไม่จำเป็นเข้าบ้าน เเทยบกับผมเเล้ว ผมเหมือนเป็นเเค่หนูตัวเล็กๆในรูของบ้านพวกเขา
ผมจะปล่อยให้เขามอบข้าวของให้ผมได้อย่างไร ในเมื่อผมไม่สามารถหาอะไรมาตอบเเทนเขาได้เลย
ชานนมานั่งกับผมในโต๊ะอาหารเวลาเที่ยง นั่งกับกลุ่มของผม เพชรเองก็ด้วย
เพื่อนๆของผมเปลี่ยนไปมาก เเม็คกับเจสสิก้า พวกเขาเพิ่งบอกเลิกกันหลังจากคบกันได้เเค่ไม่กี่สัปดาห์ โจ้กับเเซนดี้ การคบหาของเขาสองคนผ่านช่วงฤดูร้อนมาได้ ไทเลอร์ คนที่เกือบขับรถทับผม เอริค หนุ่มชาวจีน เเครอรายน์ หญิงสาวจากอเมริกา เธอเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจา
เมื่อโรงเรียนเลิก ชานนไปส่งผมที่รถเหมือนเคย เเต่คราวนี้เขาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้ผม เพชรคงจะขับรถเขากลับบ้านล่ะมั้ง
"วันนี้วันเกิดเรา เราเป็นคนขับไม่ใช่รึไง" ผมกอดอก
"เราเเสร้งว่าวันนี้ไม่ใช่วันเกิดนาย ตามที่นายขอ"
"ถ้าไม่คิดว่าวันนี้เป็นวันเกิดเรา งั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องไปงานเลี้ยงบ้านนายคืนนี้"
"เอาเถอะ" ชานนเข้าไปนั่งฝั่งผู้โดยสารเอง ผมอ้อมไปเปิดประตฝั่งคนขับเเล้วมุดตัวเขาไปนั่งบนเบาะ
"สุขสันต์วันเกิด" เขาพูด
"ชู่ว์!!!" ผมส่งเสียงปรามเบาๆ
ชานนเล่นวิทยุในรถผม ขณะที่ผมขับรถ เขาส่ายหัวไปมา
"วิทยุนายนี่ห่วยเเตกมาก"
ผมจิ๊ปาก ไม่พอใจอ่างเเรงเมื่อเขามาว่าร้ายรถผม
"อยากฟังสเตริโอสุดยอดอ่ะเหรอ ก็ไปนั่งรถนายเองดิ" ผมปวดประสาท
ชานนหัวเราะเบาๆ
ในที่สุด ผมก็ขับมาถึงหน้าบ้านตัวเองสักที
"นายควรจะอารมณ์ดีในวันเกิดนะ" เขากระซิบกับผม
"ถ้าเราไม่อยากอารมณ์ดีล่ะ" ผมถาม
"ก็คงเเย่หน่อย" เขาโน้มตัวมาหาผม ริมฝีปากเย็นเฉียบประทับริมฝีปากของผม
ผมมักจะลืมตัวในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น ยามที่เขาจูบผม
"ไปดูหนังกัน" ผมชวนเขาเชิงชวนเข้าบ้าน ชานนลุกขึ้นปลดเข็มขัดเเล้วเปิดประตูรถออกไป
เมื่อเข้าไปในบ้าน ชานนนั่งลงอย่างสบายๆบนโซฟาในบ้านผมขณะที่ผมเปิดหนัง
ผมเดินเข้าไปนั่งบนขอบโซฟา ชานนดึงตัวผมเข้าไปกอดเเน่ รั้งร่างผมไปเเนบอกเย็นเฉียบ
"หนาวอ่ะ" ผมทำเเก้มป่อง เขาหัวเราะก่อนจะดึงผ้าห่มมาพันตัวผมไว้ ก่อนจะกอดผมเเนบเเน่นอีกครั้ง
"รู้อะไรมั้ย เราไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนักกับโรมิโอ" เขาออกความคิดเห็นตอนหนังเริ่มฉาย
"โรมิโอเสียหายตรงไหน" เขาก็รู้ๆอยู่ว่าโรมิโอน่ะ เทียบเขาไม่ติดเลย เรื่องหน้าตา
"ไม่รู้ดิ เเรกๆก็หลงรักโรซาลีน เเป๊บๆก็มาเเต่งงานกับจูเลียต เเล้วก็ฆ่าญาติของจูเลียตตาย ทำความผิดซ้อนความผิด คนอะไร ชอบทำลายความสุขตัวเอง" เขาบ่น
"เราดูคนเดียวก็ได้นะ ถ้านายไม่ชอบ" ผมพูด
"นายจะร้องไห้กับเนื้อเรื่องรึเปล่า" เขาไม่สนใจคำพูดผม
"ก็อาจร้อง ถ้าเราสนใจมากเกินไป" ผมยิ้ม
ผมนั่งมองหน้าจออย่างใจจดใจจ่อ จดคำพูดลงในกระดาษเพื่อเป็นรายงาน เเล้วผมก็ร้องไห้กับฉากที่จูเลียตตื่นมาเจอโรมิโอนอนตายอยู่ข้างๆ
"นายต้องยอมรับ เราอิจฉาโรมิโอ" เขาถอนหายใจ
"อ๋อ จูเลียต ใช่ เธอสวยเหลือเกิน" ผมกล่าวอย่างรู้ทัน เห็นสาวสวยๆไม่ได้เลยนะ
"ไม่ได้อิจฉาเพราะผู้หญิง เเต่อิจฉาที่เขาตายง่ายดายเหลือเกิน " เขาถอนหายใจอีกครั้ง
"ทำไม" ผมถาม
"มนุษย์ที่ตายเเทนคนรักได้ ถือเป็นเรื่องที่วิเศษมากนะ สำหรับเรา อย่างตอนที่ นายโดนไอ้เเวมไพร์ซาดิสม์ไล่ฆ่า เราคิดอยู่ว่าถ้านายตายไป เราจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้รึเปล่า เราจะทำยังไง ถ้าเราต้องการตาย มันยากเหลือเกิน เรารู้ว่านายน์กับเเวนต้องไม่ยอมฆ่าเราเเน่ เราก็เลย กะว่าจะเดินทางไปอิตาลี ไปยั่วยุพวกโวลตูรี" เขาบ่น
ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเขาคิดเรื่องนั้นจริงๆจังๆ
"อะไรคือโวลตูรี" ผมคาดคั้น
"โวลตูรีเป็นครอบครัว ที่ทรงอำนาจในหมู่เเวมไพร์ ครองประเทศอิตาลี ไม่มีใครอยากทำให้โวลตูรีขุ่นเคือง นอกจากอยากตาย" เขาจ้องไปข้างหน้า ไร้อารมณ์ปราศรัย
"นายเลิกพูดเรื่องนี้เถอะนะ มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น สัญญาสิ" ผมพูด เขาหันมายิ้มให้ผม
"เเล้วจะให้เราทำยังไง ถ้าไม่มีนาย" เขาถามผม
"ทำเหมือนที่นายทำก่อนพบเรา ทำเหมือนตอนที่ไม่มีเรามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนาย" ผมบอก
"นายพูดง่ายเหลือเกิน" เขายิ้มก่อนจะผละออกจากผม เขาพยายามนั่งห่างจากผมเอาไว้
"พ่อเรา?" ผมเดา
ชานนยิ้ม ไม่กี่อึดใจ เสียงรถตำรวจของพ่อก็เเล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
พ่อเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ในมือถือถาดพิซซ่า
"เฮ้ เด็กๆ" พ่อยิ้มให้เรา
"เอ้า มาทานพิซซ่าได้เเล้ว พิช วันนี้ลูกไม่ต้องทำอาหารนะ มาทานพิซซ่าสิคัลเลน" พ่อหันไปทางชานน
"นน" ผมเตือนพ่อ
"เอ้อ โทษที" พ่อบอกอย่างไม่เเยเเส
"รังเกรียดมั้ยครับ ถ้าผมจะยืมตัวพิชในคืนนี้" ชานนลุกขึ้นมาจากโซฟาเเล้วโอบไหล่ผม
ผมมองหน้าพ่ออย่างมีความหวัง อย่าอณุญาตินะพ่อนะ ขอร้องงงงงงงงงงงง
"เอ้อ ดีเลยยย วันนี้มาริเนอร์ลงเเข่งกับซ็อกส์" พ่อพูดถึงเกมส์เบสบอลของโปรดพ่อ
ความหวังของผมดับวูบ ทำไมนะพ่อ ฮึ้ยยยยย!!!!!
"เอ้า พิช ของขวัญลูก ถ่ายเเล้วล้างมาติดสมุดไปให้เเม่ด้วย" เขาโยนกล้องให้ผม
ผมไม่ใช่คนมือไว ผมใช้นิ้วตวัดรับมันไม่ทันเลยด้วยซ้ำ
ชานนยื่นมือมาคว้ามันไว้ก่อนที่มันจะตกลงกระทบกับพื้นห้องครัว
"มือไวดีนี่ คัลเลน" พ่อกล่าวชม
"ถ่ายไว้เยอะๆนะพิช พ่อว่าบ้านคัลเลน น่าจะมีอะไรสนุกๆ" พ่อเดินผละออกจากเราสองคนเเล้วตรงไปเปิดดูเบสบอล
ผมหันไปหาชานน กดชัตเตอร์ถ่ายรูปเขา
"โอเค รูปเเรก" ผมบอก ชานนโอบผมไปที่ประตู
"ขอให้สนุกนะลูก" พ่อบอก
"ครับพ่อ" ผมเดินออกไปนอกบ้าน เดินตรงไปที่รถของผม
"เอ้อ นายคงไม่ได้เสียตังค์ซื้อของขวัญให้เรานะ" ผมถามหลังจากที่เราขึ้นมาบนรถเเล้ว
"ไม่เเม้เเต่หนึ่งดอลล่า" เขาบอก
เราสองคนนั่งเงียบไปตลอดทาง ไม่นานก็เข้ามาถึงบ้านเขา
เเสงเจิดจ้าส่องมาทุกช่องของหน้าต่าง โคมสีสวยเเขวนเรียงราย อ่างใหญ่ใส่ดอกไม้ ดอกลิลี่สีขาว วางเรียงตามขั้นบันได
ผมเเทบจะครางออกมา
"พิช คืนนี้เป็นงานเลี้ยง ได้โปรด คืนนี้อย่าดื้อ อย่าเเผลงฤทธิ์" เขาเตือนผมก่อนเข้าบ้าน
"อื้อ" ผมพยักหน้า
"เอ้อ เราถามไรหน่อยดิ" ผมรั้งเขาไว้
"หือ"
"ถ้าเราล้างรูป ภาพนายจะติดรึเปล่า" ผมชูกล้องในมือ
"ไม่รู้ดิ" เขาหัวเราะเเล้วพผมเข้าบ้าน
ทุกคนรอผมอยู่ในห้องสีขาวกว้างใหญ่ ส่งเสียงอวยพรผมจนผมเขิน
เพชรตกเเต่งห้องด้วยเทียนหอมสีส้มเจิดจ้า กลีบกุหลาบโรยเต็มห้อง ผ้าปูโต๊ะสีขาวมีเค้กช๊อกโกเเลตวางอยู่ กล่องของขวัญพูนสูง
มัน....เวอร์ไปป่ะเนี่ย -0-
คาร์ไลน์เดินเข้ามาโอบผม
"ต้องขอโทษด้วยนะพิช เราห้ามเเล้ว เเต่คุมเพชรไม่อยู่" เขาหันไปยิ้มใส่ตัวการ
อ๋องกับนายน์ยืนอยู่ข้างหลัง อ๋องไม่ยิ้ม ยืนกอดอกนิ่ง ส่วนนายน์ ยิ้มจนเเก้มปริ
"ไง หนุ่มน้อยขี้อาย" นายน์หัวเราะเบาๆ แซวผมจโดนอ๋องมองค้อน
"ไง อ๋อง นายน์" ผมทักกลับ อ๋องเมินหน้าผมเช่นเคย
"ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะพิช" เเวนกล่าว ผมยิ้มให้เขา
"ขอตัวไปข้างนอกเดี๋ยว อ๊ะๆ ไอ้เพชร อย่าเพิ่งเล่นสนุกอะไร ตอนที่กูไม่อยู่นะ" นายน์พูดกับเพชรเเล้วเดินออกไปข้างนอก
"ได้เวลาเปิดของขวัญเเล้ว" เพชรหยิบกล้องมาจากมือผมส่งไปให้ชานนถือ ก่อนจะดันผมไปอยู่หน้าโต๊ะกล่องของขวัญ
"กล่องเเรก จากพี่นายน์ พี่เเวน" เพชรยื่นให้ผม ผมฉีกกระดาษออกเบาๆ ข้างในเป็นกล่อเปล่า
"อ๋อ กล่องเปล่า ขอบใจ" ผมยิ้ม อ๋องยิ้มออกมานิดหน่อย เเวนหัวเราะ
"สเตดิโอติดรถของนายไง นายน์กำลังติดตั้งมันอยู่ นายจะได้ส่งมันคืนไม่ได้" เเวนอธิบาย
"ขอบคุณนะ เเวน" ผมหันไปขอบคุณ
"ขอบใจนะ นายน์!!!!!" ผมตะโกนบอก นายน์หัวเราะออกมาจากข้างนอก
"มันเป็นสร้อยคอ เพชรเขาช่วยเลือก" อ๋องยืนกอดอก ส่งกล่องให้ผมอย่างเก้ๆกังๆ
นายน์เดินเข้ามาหาพวกเราเเล้ว เขายื่นมือไปดึงข้อมืออ๋องให้ส่งของขวัญให้ผมใกล้ขึ้น ผมรับมา
ผมค่อยๆสอดนิ้วเข้าในกล่องกระดาษเเบนเล็ก ออกเเรงดันกล่องออก
"อ๊ะ!!" ผมร้องเมื่อกระดาษบาดนิ้ว ดึงปลายนิ้วออกมาสำรวจบาดเเผล เลือดเเดงฉานหยดลงกับพื้น
ทุกคนหันขวับมามองผม ชานนหันมาดันผมให้เเอบอยู่ข้างหลังเขา
เเวนวิ่งเข้ามา ชานนผลักเเวนจนเขาปลิวกระเเทกกับโต๊ะไม้จนหักลงกับพื้น เเวนวิ่งเข้ามาอีก ชานนผลักผมลงกับพื้น
ผมล้มหงายหลังลง อ่างคริสตัลใบใหญ่ตกลงมากระเเทกจะเเตกเป็นเสี่ยงๆ เศษกระจกเเทงเข้ามาที่เเขนผม
เลือดผมไหลออกมากกว่าเดิม เเน่นอน เเวน คลั่งกว่าเดิมหลายเท่า
นายน์ คว้าตัวเเวนจากข้างหลง เเขนเเกร่งสองข้างล๊อกเเขนเเวนเอาไว้เเน่ เเวนดิ้นสะบัดสุดตัว เพื่อให้หลุดจากพันธนาการ
เลือดผมสาดกระจายออกมาเยอะกว่าเดิม
"พี่นน เลือด...." เพชรหายใจระรัว เเวมไพร์หิวกระหาย 6 ตนจ้องมาที่ผม
"เอาเขาออกไป ออกไปกันให้หมดนั่นเเหละ" คาร์ไลล์รีบตัดบท ดันเพชรกับชานนออกห่าง
ชานนสั่น เขามองเลือดที่กระเซ็นตรงพื้นอย่างกระหาย ประกายตาพวกเขาลุกโชน..............
คืนนี้ ช่างเลวร้ายเสียจริง
....................................................................................................................................................................
ขอคอมเม้นหน่อยคร๊าบบบบบบบบบบบบบ ^^
เหตุผลที่ผมมั่นใจได้ขนาดนั้น ข้อเเรก ผมยืนเหม่อค้างกลางลำเเสงอาทิตย์เจิดจ้า ท้องฟ้าสีคราม ดวงอาทิตย์สดใสที่ไม่เคยส่องเเสงในเมืองฝนโปรยปราย บ้านใหม่ของผมในฟอร์คส์ มลรัฐวอชิงตัน
เเละข้อสอง ผมมองเห็นคุณตาของผม คุณตาผมตายไปเเล้วเมื่อหกปีก่อน นั่นเป็นหลักฐานยืนยันความฝันค่อนข้างชัดเจน
คุณตาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ใบหน้าของเขาเหมือนที่ผมจำได้ ผิวนุ่มเหี่ยวย่น ตอบลงเป็นรอยยับย่นทั้งหน้า เเก้มย่นเเห้งเหมือนผลเเอพริค็อตเเห้ง เเต่ก็มีผมขาวหนานุ่ม
ริมฝีปากของคุณตาห่อเล็กยับย่น สยายเป็นรอยยิ้มประหลาดใจ
ผมจะอ้าปากถาม มีคำถามมากมาย ทำไมคุณตาโผล่เข้ามาในความฝันของผม
คุณตาพบคุณยายเเล้วหรือยัง เเต่เขาอ้าปากจะพูดเช่นเดียวกันกับผม ผมนิ่งค้าง ให้เขาพูดก่อน คุณตานิ่งค้างเช่นกัน
"พิช?"
ไม่ใช่เสียงคุณตาเรียกผม เราสองคนหันไปหาผู้มาเยือนใหม่อีกคนที่มาร่วมสมทบ ผมไม่ต้องมองก็รู้ว่าใคร เสียงที่ผมจดจำได้ เสียงที่พร้อมจะสนองรับ ไม่ว่ายามหลับหรือตื่น พนันได้เลย เสียงที่ผมพร้อมจะบุกน้ำ ลุยไฟ ไปกับเขา
ชานน
ผมเกือบจะเเน่ใจว่าผมฝันไป ผมตระหนกเมื่อเห็นชานนเดินออกมาหาเราตรงกลางเเสงเเดดเจิดจ้า
ผมตระหนกเพราะคุณตาไม่เคยรู้ว่าผมคบกับเเวมไพร์ ไม่มีใครรู้ว่าทำไมผิวของเขาถึงส่องประกายระยิบระยับเวลาโดนเเสงเเดด
คุณตาครับ คุณตาสังเกตรึเปล่าว่าพ่อเเวมไพร์ของผมเปล่งประกายพรายพร่าง ไม่มีอะไรต้องกังวลครับ เขาเป็นเเบบนี้เสมอเวลาโดนเเสงเเดด
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ผมหันไปมองคุณตาอย่างหวาดผวา คุณตาเบือนหน้ามาจ้องผม สายตาหวาดผวาเช่นเดียวกัน ชานนยังคงยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มสุดเเสนจะอ่อนหวาน จนหัวใจผมพองโต
เขาเอื้อมมือมาโอบไหล่ผม มองหันไปมองคุณตา
สีหน้าของคุณตาทำให้ผมตกใจ เขาจ้องหน้าผม เเบบงงๆ
เเล้วเขาก็ยืนในท่าพิลึก เเขนข้างนึงยื่นออกไปห่างจากตัว ข้อมือโอบค้างกลางอากาศ เหมือนเขากำลังโอบร่างใครสักคนที่ผมมองไม่เห็น โอบร่างโปร่งใส
ขณะนั้นเอง ผมเพิ่งเข้าใจทุกอย่าง ผมเห็นกรอบสีทองรายรอบรูปร่างของคุณตา ผมยกมืออีกข้างที่ไม่ได้โอบชานนไปเเตะตัวคุณตา เขาเลียนท่าผมเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน เมื่อปลายนิ้วเราสัมผัสกัน ไม่มีอะไรเลยนอกจากเนื้อกระจกเย็นเฉียบ
ผมสะดุ้งสุดตัว นั่นไม่ใช่คุณตา
นั่นเป็น ผมเอง ตัวผมในกระจก ตัวผมในร่างคนเเก่ ดูเหี่ยวย่นไปหมดทั้งตัว
ชานนยืนอยู่เคียงข้างผม ไม่มีภาพสะท้อนจากกระจกให้เห็น หล่อเหลา งดงาม สิบเจ็ดปีชั่วนิรันดร์
เขาเเตะริมฝีปากเย็นเฉียบที่เเก้มเหี่ยวย่นของผม
"สุขสันต์วันเกิด"
ผมสะดุ้งตื่น ดวงตาเบิกโพลง หอบหายใจถี่ ฟ้าภายนอกมีสีเทาหม่น ต่างจากในความฝันมาก
ผมสูดลมหายใจลึก พยายามบอกตัวเอง มันเป็นเเค่ความฝันน่ะ
ปฏิทินเล็กที่หน้าต่างโชว์ให้เห็นว่า นี่เป็นวันเกิดของผม!!
ผมอายุครบสิบเเปดปีเป็นทางการเเล้ว
ผมเกรียดกลัววันนี้มานานหลายเดือน
ได้มาถึงเเล้วสินะ เลวร้ายกว่าที่ผมคาดเอาไว้ ผมรับรู้ได้ ผมเเก่เเล้ว เเก่ตัวไปกว่าเดิมทุกวัน
ส่วนชานนจะไปเเก่ไปกว่านี้อีกเเล้ว
ในขณะที่ผมเเปรงฟัน ผมโล่งอกที่ใบหน้าไม่ได้ดูเปลี่ยนเเปลงไป ผมเขม้นจ้องมองริ้วรอยบนใบหน้า ไม่มี....
เป็นเเค่ฝันไป ผมเตือนตัวเองซ้ำอีกครั้ง
ผมไม่กินอาหารเช้า รีบออกจากบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
ผมรวบรวมสติในขณะขับรถไปโรงเรียน ภาพคุณตา ผมพยายามไม่คิดว่านั่นเป็นใบหน้าของผม
ผมพารถเข้าไปจอดในลานรถที่คุ้นเคยของโรงเรียนในฟอร์คส์ มองเห็นชานนยืนพิงรถวอลโว่สีดำมันปลาบ เหมือนรูปสลักหินอ่อน เหมือนเทพบุตลงมาจุดติ เขาเเต่งตัวไม่เวอร์เหมือนครั้งไหนๆ เสื้อเชิ๊ตหรูหราสีเทาเขียว กางเกงสีดำขลับ เเว่นตาสีดำ ใส่เเล้วยิ่งดูหล่อขึ้นไปอีก เขายืนรอผม เหมือนทุกๆวัน
ความหดหู่ในใจผมหายวูบ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างปลื้มปิติ เมื่อเจอหน้าเขา
เพชร น้องชายของเขา ยืนเคียงข้าง รอผมเช่นกัน
เเน่นอนที่สุด เพชรกับชานนไม่ได้เป็นสายเลือดเดียวกัน เเต่พวกเขามีบางอย่างที่เหมือนกัน ดวงตาสีเลือดนก สีผิวขาวซีดเป็นกระดาษ เเละหน้าตาที่หล่อเหลาดุจเทวดามาบังเกิด ขอบตามีเงามืดคล้ายรอยช้ำ เท่ประหลาดบาดตา
ภาพของเพชรที่ยืนรอผม ดวงตาสีเเดงสุกปลั่งด้วยความตื่นเต้น ถือกล่องสีเหลี่ยมใบใหญ่สีเงินผูกริบบิ้นสีทองอร่าม
ผมทำหน้านิ่ว อุตส่าห์บอกไปเเล้วนะ ว่าไม่ต้องการของขวัญ ผมไม่ต้องการอะไรเลย
ผมเหวี่ยงประตูรถฮอนด้าสีขาวปิดดังครม เเล้วเดินไปหาทั้งสองคนนั้น เพชรกระโดดพริ้วมาหาผม
"สุขสันต์วันเกิดพี่พิช!" เพชรกระโดดกอดผมเต็มเเรง
"ชู่ว์!!!!!" ผมส่งเสียงปราม มองซ้ายขวาเพื่อสังเกตว่ามีใครได้ยินเขามั่ง
"อยากเปิดของขวัญตอนนี้เลยรึเปล่า" เพชรชูกล่องของขวัญให้ผม ในขณะที่เราเดินเข้าไปหาชานน
"พี่ไม่เอาของขวัญ ไม่ต้องการ" ผมพึมพัมประท้วง
"เอาเถอะ ทีหลังก็ได้ เเล้วพี่พิชชอบสมุดติดรูปที่เเม่พี่พิชส่งมาให้รึเปล่า เเล้วกล้องจากพ่อพี่ล่ะ" ผมถอนหายใจ เเน่อยู่เเล้ว เพชรเขารู้ทุกอย่างว่าจะเกิดอะไรขึ้น ใครให้ของขวัญผม รึอวยพรผม รู้ไปหมด
"ยังไม่ได้รับเลย สงสัยพ่อพี่คงจะให้พี่ทีหลัง" ผมตอบ
"มันเป็นไอเดียที่เยี่ยมมากเลย พี่พิชน่าจะถ่ายรูปที่นี่ไว้นะ มัธยมปีสุดท้ายครั้งเดียวในชีวิต" เพชรยังคงตื่นเต้น
"เเล้วนายเคยเรียนมอปลายปีสุดท้ายกี่ครั้ง" ผมย้อน
"ไม่เยอะเท่าไหร่" เพชรหัวเราะ
ผมเดินเข้าไปหาชานน เขายื่นมือออกมาหาผม ผมเดินเข้าไป ดึงมือเขาเข้ามากอด
"เราไม่ได้รับอณุญาติให้อวยพรวันเกิดนายใช่ป่ะ" เขาพูด
"ถูกต้อง" ผมยิ้มหวาน
"ก็เเค่ถามก่อนให้เเน่ใจ คนส่วนใหญ่โปรดปรานงานวันเกิดเเละของขวัญ" เขาใช้มืออีกข้างจัดทรงผมเเละขยับเเว่นสีดำของเขา
เพชรหัวเราะ เสียงเสนาะเพราะพริ้งเหมือนกระดิ่งเงิน
"เเน่อยู่เเล้ว พี่พิชจะต้องชอบ ทุกคนจะตามใจหนุ่มวันเกิด อยากได้อะไรจะไม่มีใครขัด พี่พิช จะมีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นรึไง" เพชรถามผม
"เเก่อ่ะ" ผมตอบ
"สิบเเปดไม่เเก่ พี่ไม่ควรตัดสินใจว่าตัวเองเป็นยังไงจนกว่าจะอายุ 25" เพชรกล่าว ช่างรู้ดีซะจริง
"พี่เเก่กว่านาย เเก่กว่านน" ผมบอก
"ใครว่า เราตั้ง 200 กว่าขวบเเล้วนะ" ชานนหัวเราะ
"เพชรก็ 70 กว่าๆเเล้วด้วย"
"ในเชิงเทคนิคน่ะ ชานนก็จะ 17 ปีตลอดไป ไม่ใช่รึไง" ผมถาม
"ช่างมันเหอะ" ชานนถอนหายใจยาว
หากเป็นเช่นนั้น หากผมเเน่ใจว่านั่นจะเป็นอนาคตของผม อนาคตที่จะได้อยู่ร่วมกับชานน เเละครอบครัวของเขา เเต่ชานนยื่นคำขาด เขาจะไม่ยอมเปลี่ยนผมให้เป็นเเวมไพร์เเน่นอน ผมจะไม่มีอนาคตที่เป็นเหมือนเขา อนาคตที่ยืนยาวชั่วนิรันดร์
ทางตัน.....เขากล่าวไว้
ผมไม่เข้าใจจุดประสงค์ของชานน
การเกิดเเล้วเเก่เเล้วตาย มันดีตรงไหน?
"พี่จะไปถึงบ้านเรากี่โมง" เพชรเปลี่ยนเรื่อง
"พี่ไม่ยักรู้ว่าเพชรวางเเผนจะให้พี่ไปที่บ้านคัลเลน"
"ไม่ยุติธรรมเลย พี่พิช" เพชรโวยวาย
"พี่คงไม่อยากทำลายความสุขของพวกเราหรอกนะ ใช่มั้ย?"
"วันเกิดพี่ เเต่นายสนุกเนี่ยนะ ตกลงวันเกิดใครกันเเน่" ผมโวยบ้าง
"พี่จะไปรับพิชคืนนี้ที่บ้านโอเคมั้ยเพชร" ชานนบอก
"เราต้องไปทำงานนะนน" ผมประท้วง
"ไม่จริง" เพชรเเย้ง ลอยหน้าลอยตาอย่างมีความสุข
"เพชรคุยกับเจสสิก้า สเเตนลีย์เเล้ว พี่พิชเเลกกะ เจสสิก้าเลยทำเเทน เเล้วเธอก็ฝากมาบอกด้วยว่า สุขสันต์วันเกิดดด"
"พี่...พี่ยังไปไม่ได้" ผมอึกอัก เค้นสมองหาข้ออ้าง
"พี่ยังไม่ได้ดูโรมิโอเเอนด์จูเลียต ทำรายงานวรรณคดีเลย"
"พี่พิชอ่านเเล้วไม่ใช่เหรอ" เพชรพ่นลมหายใจ
"ครูเบอร์ตี้บอกว่าต้องดูด้วยถึงจะจำได้ขึ้นใจยิ่งกว่าอ่าน" ผมมั่วตั้วพูดออกไป
ชานนกรอกตามองฟ้า
"พี่พิชเคยดูหนังเเล้ว" เพชรกล่าวหา รู้อีก -0-
"พี่ยังไม่ได้ดูยุค 60 ครูเบอร์ตี้บอกว่า ยุคนี้ทำได้สวยงามมาก" ผมบอก ลอยหน้าลอยตาบ้าง
เพชรจ้องผมด้วยดวงตาสีเเดงสด เขี้ยวเเหลมโผล่ออกมานอกปาก
"อย่า...ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เลือกเอา จะไปดีๆ หรือจะให้บังคับ" เพชรขู่ผมด้วยเสียงคำรามต่ำๆ
ผมกลัวจนตัวสั่น เกาะเเขนชานนเเน่น
"ใจเย็นเพชร ถ้าพิชเค้าอยากดูหนัง ก็ต้องให้เค้าทำเเบบนั้น วันนี้เป็นวันเกิดพิชนะ" ชานนกล่าวขัดคำขู่
"เห็นมะ นนเข้าข้างพี่" ผมสนับสนุน
"พี่จะไปรับพิชตอนทุ่มนึง เตรียมของไว้เลย" ชานนกล่าวตา
"อะ อ่าว" ผมเงยหน้ามองเขา
"ฟังดูดีขึ้นเยอะ เเล้วเจอกันคืนนี้ พี่พิช สนุกเเน่ๆ เเล้วพี่จะได้เห็น" เพชรยักคิ้ว ก่อนจะเดินหายไปในห้องโรงอาหาร
"นน ได้โปรด..." ผมวิงวอน
"ค่อยคุยกันทีหลัง เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน"
ผมกับชานนเดินเข้าห้องเรียนตามปกติ ไม่มีใครเม้าท์มอยอีกเเล้วเรื่องที่ผมกับชานนคบกัน
เจสสิก้าก็ไม่ทอดสายตาน่าสงสารมาให้ผมสำนึกผิดอีกเเล้ว
เธอดูเปลี่ยนไปมากหลังปิดภาคฤดูร้อน ผมของเธอเปลี่ยนเป็นสีบอร์นขาว ใบหน้าเธอสวยขึ้นมากกว่าเดิม
เธอยังคงติดผมเเจ เเต่ผมก็ต้องยอมรับว่า เราเป็นเเค่เพื่อนกันเท่านั้น
ผมขอร้องชานนตลอดตอนอยู่ในห้องเรียน ผมไม่ขอของขวัญจากเขา ห้ามเขาให้ผมเด็ดขาด ยังไงผมก็จะไม่เอาเลย
ชานนมีเงินมหาศาล ผมไม่อยากคิดว่ามากมายเเค่ไหน เงินดูเหมือนไม่มีความหมายต่อเขาเเละคนอื่นๆในครอบครัว
พวกเขาไม่ออกไปกินข้าวในภัตาคารหรูหรา พวกเขาไม่ซื้อของที่ไม่จำเป็นเข้าบ้าน เเทยบกับผมเเล้ว ผมเหมือนเป็นเเค่หนูตัวเล็กๆในรูของบ้านพวกเขา
ผมจะปล่อยให้เขามอบข้าวของให้ผมได้อย่างไร ในเมื่อผมไม่สามารถหาอะไรมาตอบเเทนเขาได้เลย
ชานนมานั่งกับผมในโต๊ะอาหารเวลาเที่ยง นั่งกับกลุ่มของผม เพชรเองก็ด้วย
เพื่อนๆของผมเปลี่ยนไปมาก เเม็คกับเจสสิก้า พวกเขาเพิ่งบอกเลิกกันหลังจากคบกันได้เเค่ไม่กี่สัปดาห์ โจ้กับเเซนดี้ การคบหาของเขาสองคนผ่านช่วงฤดูร้อนมาได้ ไทเลอร์ คนที่เกือบขับรถทับผม เอริค หนุ่มชาวจีน เเครอรายน์ หญิงสาวจากอเมริกา เธอเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจา
เมื่อโรงเรียนเลิก ชานนไปส่งผมที่รถเหมือนเคย เเต่คราวนี้เขาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้ผม เพชรคงจะขับรถเขากลับบ้านล่ะมั้ง
"วันนี้วันเกิดเรา เราเป็นคนขับไม่ใช่รึไง" ผมกอดอก
"เราเเสร้งว่าวันนี้ไม่ใช่วันเกิดนาย ตามที่นายขอ"
"ถ้าไม่คิดว่าวันนี้เป็นวันเกิดเรา งั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องไปงานเลี้ยงบ้านนายคืนนี้"
"เอาเถอะ" ชานนเข้าไปนั่งฝั่งผู้โดยสารเอง ผมอ้อมไปเปิดประตฝั่งคนขับเเล้วมุดตัวเขาไปนั่งบนเบาะ
"สุขสันต์วันเกิด" เขาพูด
"ชู่ว์!!!" ผมส่งเสียงปรามเบาๆ
ชานนเล่นวิทยุในรถผม ขณะที่ผมขับรถ เขาส่ายหัวไปมา
"วิทยุนายนี่ห่วยเเตกมาก"
ผมจิ๊ปาก ไม่พอใจอ่างเเรงเมื่อเขามาว่าร้ายรถผม
"อยากฟังสเตริโอสุดยอดอ่ะเหรอ ก็ไปนั่งรถนายเองดิ" ผมปวดประสาท
ชานนหัวเราะเบาๆ
ในที่สุด ผมก็ขับมาถึงหน้าบ้านตัวเองสักที
"นายควรจะอารมณ์ดีในวันเกิดนะ" เขากระซิบกับผม
"ถ้าเราไม่อยากอารมณ์ดีล่ะ" ผมถาม
"ก็คงเเย่หน่อย" เขาโน้มตัวมาหาผม ริมฝีปากเย็นเฉียบประทับริมฝีปากของผม
ผมมักจะลืมตัวในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น ยามที่เขาจูบผม
"ไปดูหนังกัน" ผมชวนเขาเชิงชวนเข้าบ้าน ชานนลุกขึ้นปลดเข็มขัดเเล้วเปิดประตูรถออกไป
เมื่อเข้าไปในบ้าน ชานนนั่งลงอย่างสบายๆบนโซฟาในบ้านผมขณะที่ผมเปิดหนัง
ผมเดินเข้าไปนั่งบนขอบโซฟา ชานนดึงตัวผมเข้าไปกอดเเน่ รั้งร่างผมไปเเนบอกเย็นเฉียบ
"หนาวอ่ะ" ผมทำเเก้มป่อง เขาหัวเราะก่อนจะดึงผ้าห่มมาพันตัวผมไว้ ก่อนจะกอดผมเเนบเเน่นอีกครั้ง
"รู้อะไรมั้ย เราไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนักกับโรมิโอ" เขาออกความคิดเห็นตอนหนังเริ่มฉาย
"โรมิโอเสียหายตรงไหน" เขาก็รู้ๆอยู่ว่าโรมิโอน่ะ เทียบเขาไม่ติดเลย เรื่องหน้าตา
"ไม่รู้ดิ เเรกๆก็หลงรักโรซาลีน เเป๊บๆก็มาเเต่งงานกับจูเลียต เเล้วก็ฆ่าญาติของจูเลียตตาย ทำความผิดซ้อนความผิด คนอะไร ชอบทำลายความสุขตัวเอง" เขาบ่น
"เราดูคนเดียวก็ได้นะ ถ้านายไม่ชอบ" ผมพูด
"นายจะร้องไห้กับเนื้อเรื่องรึเปล่า" เขาไม่สนใจคำพูดผม
"ก็อาจร้อง ถ้าเราสนใจมากเกินไป" ผมยิ้ม
ผมนั่งมองหน้าจออย่างใจจดใจจ่อ จดคำพูดลงในกระดาษเพื่อเป็นรายงาน เเล้วผมก็ร้องไห้กับฉากที่จูเลียตตื่นมาเจอโรมิโอนอนตายอยู่ข้างๆ
"นายต้องยอมรับ เราอิจฉาโรมิโอ" เขาถอนหายใจ
"อ๋อ จูเลียต ใช่ เธอสวยเหลือเกิน" ผมกล่าวอย่างรู้ทัน เห็นสาวสวยๆไม่ได้เลยนะ
"ไม่ได้อิจฉาเพราะผู้หญิง เเต่อิจฉาที่เขาตายง่ายดายเหลือเกิน " เขาถอนหายใจอีกครั้ง
"ทำไม" ผมถาม
"มนุษย์ที่ตายเเทนคนรักได้ ถือเป็นเรื่องที่วิเศษมากนะ สำหรับเรา อย่างตอนที่ นายโดนไอ้เเวมไพร์ซาดิสม์ไล่ฆ่า เราคิดอยู่ว่าถ้านายตายไป เราจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้รึเปล่า เราจะทำยังไง ถ้าเราต้องการตาย มันยากเหลือเกิน เรารู้ว่านายน์กับเเวนต้องไม่ยอมฆ่าเราเเน่ เราก็เลย กะว่าจะเดินทางไปอิตาลี ไปยั่วยุพวกโวลตูรี" เขาบ่น
ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเขาคิดเรื่องนั้นจริงๆจังๆ
"อะไรคือโวลตูรี" ผมคาดคั้น
"โวลตูรีเป็นครอบครัว ที่ทรงอำนาจในหมู่เเวมไพร์ ครองประเทศอิตาลี ไม่มีใครอยากทำให้โวลตูรีขุ่นเคือง นอกจากอยากตาย" เขาจ้องไปข้างหน้า ไร้อารมณ์ปราศรัย
"นายเลิกพูดเรื่องนี้เถอะนะ มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น สัญญาสิ" ผมพูด เขาหันมายิ้มให้ผม
"เเล้วจะให้เราทำยังไง ถ้าไม่มีนาย" เขาถามผม
"ทำเหมือนที่นายทำก่อนพบเรา ทำเหมือนตอนที่ไม่มีเรามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนาย" ผมบอก
"นายพูดง่ายเหลือเกิน" เขายิ้มก่อนจะผละออกจากผม เขาพยายามนั่งห่างจากผมเอาไว้
"พ่อเรา?" ผมเดา
ชานนยิ้ม ไม่กี่อึดใจ เสียงรถตำรวจของพ่อก็เเล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
พ่อเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ในมือถือถาดพิซซ่า
"เฮ้ เด็กๆ" พ่อยิ้มให้เรา
"เอ้า มาทานพิซซ่าได้เเล้ว พิช วันนี้ลูกไม่ต้องทำอาหารนะ มาทานพิซซ่าสิคัลเลน" พ่อหันไปทางชานน
"นน" ผมเตือนพ่อ
"เอ้อ โทษที" พ่อบอกอย่างไม่เเยเเส
"รังเกรียดมั้ยครับ ถ้าผมจะยืมตัวพิชในคืนนี้" ชานนลุกขึ้นมาจากโซฟาเเล้วโอบไหล่ผม
ผมมองหน้าพ่ออย่างมีความหวัง อย่าอณุญาตินะพ่อนะ ขอร้องงงงงงงงงงงง
"เอ้อ ดีเลยยย วันนี้มาริเนอร์ลงเเข่งกับซ็อกส์" พ่อพูดถึงเกมส์เบสบอลของโปรดพ่อ
ความหวังของผมดับวูบ ทำไมนะพ่อ ฮึ้ยยยยย!!!!!
"เอ้า พิช ของขวัญลูก ถ่ายเเล้วล้างมาติดสมุดไปให้เเม่ด้วย" เขาโยนกล้องให้ผม
ผมไม่ใช่คนมือไว ผมใช้นิ้วตวัดรับมันไม่ทันเลยด้วยซ้ำ
ชานนยื่นมือมาคว้ามันไว้ก่อนที่มันจะตกลงกระทบกับพื้นห้องครัว
"มือไวดีนี่ คัลเลน" พ่อกล่าวชม
"ถ่ายไว้เยอะๆนะพิช พ่อว่าบ้านคัลเลน น่าจะมีอะไรสนุกๆ" พ่อเดินผละออกจากเราสองคนเเล้วตรงไปเปิดดูเบสบอล
ผมหันไปหาชานน กดชัตเตอร์ถ่ายรูปเขา
"โอเค รูปเเรก" ผมบอก ชานนโอบผมไปที่ประตู
"ขอให้สนุกนะลูก" พ่อบอก
"ครับพ่อ" ผมเดินออกไปนอกบ้าน เดินตรงไปที่รถของผม
"เอ้อ นายคงไม่ได้เสียตังค์ซื้อของขวัญให้เรานะ" ผมถามหลังจากที่เราขึ้นมาบนรถเเล้ว
"ไม่เเม้เเต่หนึ่งดอลล่า" เขาบอก
เราสองคนนั่งเงียบไปตลอดทาง ไม่นานก็เข้ามาถึงบ้านเขา
เเสงเจิดจ้าส่องมาทุกช่องของหน้าต่าง โคมสีสวยเเขวนเรียงราย อ่างใหญ่ใส่ดอกไม้ ดอกลิลี่สีขาว วางเรียงตามขั้นบันได
ผมเเทบจะครางออกมา
"พิช คืนนี้เป็นงานเลี้ยง ได้โปรด คืนนี้อย่าดื้อ อย่าเเผลงฤทธิ์" เขาเตือนผมก่อนเข้าบ้าน
"อื้อ" ผมพยักหน้า
"เอ้อ เราถามไรหน่อยดิ" ผมรั้งเขาไว้
"หือ"
"ถ้าเราล้างรูป ภาพนายจะติดรึเปล่า" ผมชูกล้องในมือ
"ไม่รู้ดิ" เขาหัวเราะเเล้วพผมเข้าบ้าน
ทุกคนรอผมอยู่ในห้องสีขาวกว้างใหญ่ ส่งเสียงอวยพรผมจนผมเขิน
เพชรตกเเต่งห้องด้วยเทียนหอมสีส้มเจิดจ้า กลีบกุหลาบโรยเต็มห้อง ผ้าปูโต๊ะสีขาวมีเค้กช๊อกโกเเลตวางอยู่ กล่องของขวัญพูนสูง
มัน....เวอร์ไปป่ะเนี่ย -0-
คาร์ไลน์เดินเข้ามาโอบผม
"ต้องขอโทษด้วยนะพิช เราห้ามเเล้ว เเต่คุมเพชรไม่อยู่" เขาหันไปยิ้มใส่ตัวการ
อ๋องกับนายน์ยืนอยู่ข้างหลัง อ๋องไม่ยิ้ม ยืนกอดอกนิ่ง ส่วนนายน์ ยิ้มจนเเก้มปริ
"ไง หนุ่มน้อยขี้อาย" นายน์หัวเราะเบาๆ แซวผมจโดนอ๋องมองค้อน
"ไง อ๋อง นายน์" ผมทักกลับ อ๋องเมินหน้าผมเช่นเคย
"ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะพิช" เเวนกล่าว ผมยิ้มให้เขา
"ขอตัวไปข้างนอกเดี๋ยว อ๊ะๆ ไอ้เพชร อย่าเพิ่งเล่นสนุกอะไร ตอนที่กูไม่อยู่นะ" นายน์พูดกับเพชรเเล้วเดินออกไปข้างนอก
"ได้เวลาเปิดของขวัญเเล้ว" เพชรหยิบกล้องมาจากมือผมส่งไปให้ชานนถือ ก่อนจะดันผมไปอยู่หน้าโต๊ะกล่องของขวัญ
"กล่องเเรก จากพี่นายน์ พี่เเวน" เพชรยื่นให้ผม ผมฉีกกระดาษออกเบาๆ ข้างในเป็นกล่อเปล่า
"อ๋อ กล่องเปล่า ขอบใจ" ผมยิ้ม อ๋องยิ้มออกมานิดหน่อย เเวนหัวเราะ
"สเตดิโอติดรถของนายไง นายน์กำลังติดตั้งมันอยู่ นายจะได้ส่งมันคืนไม่ได้" เเวนอธิบาย
"ขอบคุณนะ เเวน" ผมหันไปขอบคุณ
"ขอบใจนะ นายน์!!!!!" ผมตะโกนบอก นายน์หัวเราะออกมาจากข้างนอก
"มันเป็นสร้อยคอ เพชรเขาช่วยเลือก" อ๋องยืนกอดอก ส่งกล่องให้ผมอย่างเก้ๆกังๆ
นายน์เดินเข้ามาหาพวกเราเเล้ว เขายื่นมือไปดึงข้อมืออ๋องให้ส่งของขวัญให้ผมใกล้ขึ้น ผมรับมา
ผมค่อยๆสอดนิ้วเข้าในกล่องกระดาษเเบนเล็ก ออกเเรงดันกล่องออก
"อ๊ะ!!" ผมร้องเมื่อกระดาษบาดนิ้ว ดึงปลายนิ้วออกมาสำรวจบาดเเผล เลือดเเดงฉานหยดลงกับพื้น
ทุกคนหันขวับมามองผม ชานนหันมาดันผมให้เเอบอยู่ข้างหลังเขา
เเวนวิ่งเข้ามา ชานนผลักเเวนจนเขาปลิวกระเเทกกับโต๊ะไม้จนหักลงกับพื้น เเวนวิ่งเข้ามาอีก ชานนผลักผมลงกับพื้น
ผมล้มหงายหลังลง อ่างคริสตัลใบใหญ่ตกลงมากระเเทกจะเเตกเป็นเสี่ยงๆ เศษกระจกเเทงเข้ามาที่เเขนผม
เลือดผมไหลออกมากกว่าเดิม เเน่นอน เเวน คลั่งกว่าเดิมหลายเท่า
นายน์ คว้าตัวเเวนจากข้างหลง เเขนเเกร่งสองข้างล๊อกเเขนเเวนเอาไว้เเน่ เเวนดิ้นสะบัดสุดตัว เพื่อให้หลุดจากพันธนาการ
เลือดผมสาดกระจายออกมาเยอะกว่าเดิม
"พี่นน เลือด...." เพชรหายใจระรัว เเวมไพร์หิวกระหาย 6 ตนจ้องมาที่ผม
"เอาเขาออกไป ออกไปกันให้หมดนั่นเเหละ" คาร์ไลล์รีบตัดบท ดันเพชรกับชานนออกห่าง
ชานนสั่น เขามองเลือดที่กระเซ็นตรงพื้นอย่างกระหาย ประกายตาพวกเขาลุกโชน..............
คืนนี้ ช่างเลวร้ายเสียจริง
....................................................................................................................................................................
ขอคอมเม้นหน่อยคร๊าบบบบบบบบบบบบบ ^^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น