ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic reborn/khr] destiny พรหมลิขิตแห่งรัก

    ลำดับตอนที่ #8 : destiny::1

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 55


    destiny::1


            หลังจากผ่านการประชุมมาหนึ่งอาทิตย์บรรยากาศในที่ทำการดูปั่นป่วนไปหมดเนื่องจากได้
    รับการรายงานจากวองโกเล่ว่าจะเดินทางมาหารือเรื่องแผนการกับทางจีเวลแฟมิลี่ในอีกไม่กี่วันที่จะถึงซึ่งตอนนี้มันก็มาถึงวันนั้นแล้วด้วย
    …..


    “นี่! เตรียมอาหารเสร็จหรือยัง”เสียงพ่อครัวดังโหวกเหวกมาจากในครัวเรียกความสนใจจากโมน่าซึ่งกำลังเดินผ่านให้หันมามอง

    “แล้วอย่าลืมเตรียมอาหารว่างเพิ่มด้วยนะ”แม่ครัวอีกคนหันมาสั่งลูกมือที่กำลังหั่นส้มเพื่อนำไปตกแต่งเค้กผลไม้ ลูกมือหันมาก้มหัวรับคำสั่งเล็กน้อยก่อนจะหันไปหั่นส้มต่อ

    โมน่าขมวดคิ้วเล็กน้อยกับภาพตรงหน้าไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยชินกับบรรยากาศอันวุ่นวายแบบนี้แต่เธอกำลังรู้สึกรำคาญกับหลายๆสิ่งรอบๆตัวที่ดูวุ่นวายไปหมดเริ่มตั้งแต่คนสวนหน้าปราสาทที่วิ่งกันวุ่นเพื่อตกแต่งสวน แม่บ้านที่วิ่งเข้าวิ่งออกห้องแต่ละห้องเพื่อทำความสะอาด ไหนจะพ่อครัวแม่ครัวตรงหน้านี้อีก

    “ไม่ทราบว่าคุณเดลเลียต้องการอะไรเพิ่มหรือปล่าวคะ?”แม่บ้านตัวเล็กคนหนึ่งถามโมน่าที่ยืนเหม่อไปทางห้องครัว

    “ปล่าวหรอกไปทำงานต่อเถอะ”โมน่าหันไปบอกแม่บ้านก่อนจะเดินออกไป

    “คุณเดลเลียนี่ยังเย็นชาไม่เปลี่ยนเลยนะ”พ่อครัวคนหนึ่งพูดพลางมองไปที่โมน่าซึ่งเดินออกไปที่มือของเขาตอนนี้ถือเค้กผลไม้ชิ้นใหญ่ที่พึ่งตกแต่งเสร็จ

    “คุณเดลเลียก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วน่ะนะ”แม่บ้านพูดสิ่งยิ้มอ่อนๆให้พ่อครัวก่อนจะพึมพัมประโยคที่มีแค่ตัวเองที่ได้ยินออกมาเบาๆ “แข็งกระด้าง นิ่งและเย็นชา นี่แหละคุณเดลเลีย”

                   

    โมน่าเดินหนีความวุ่นวายออกไปที่สวนหลังปราสาทซึ่งปราศจากผู้คนก่อนจะนั่งลงที่ม้านั่งใกล้บ่อน้ำ ความสงบของธรรมชาติทำให้ใจของเธอรู้สึกสงบขึ้นมาทันที โมน่าไม่ชอบความวุ่นวายเธอชอบอยู่อย่างสงบๆคนเดียวในโลกส่วนตัวบางคนอาจจะเห็นเธอในมาดสาวนิ่งเย็นชาแต่ความจริงแล้วเธอเพียงแค่ทำไปอย่างงั้นเพื่อปกปิดบางอย่างในใจของเธอ

    “อยู่นี่เองโมน่าหาตั้งนาน!!”เสียงใสๆดังขึ้นข้างหลังโมน่า “มาทำอะไรตรงนี้หรอ~”เจ้าของเสียงยังคงถามไปเรื่อยๆโดยที่เจ้าของคำถามยังเงียบอยู่

    “ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ริน”เสียงเรียบเอ่ยตอบเพื่อนสาว

    “ผิดแล้วเธอกำลังนั่งเหม่ออยู่ต่างหาก”รินพูดพลางลุกขึ้นประจันหน้ากับโมน่าก่อนจะกอดอกแสดงสีหน้ามั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป

    “ก็จริงของเธอ”โมน่าตอบพลางยิ้มอ่อนๆกับพฤติกรรมของเพื่อนตรงหน้าที่มักจะแสดงความเป็นเด็กออกมาให้เธอเห็นประจำ

    “อะไรอ่ะไม่รับมุกกันเลย -^- ”รินทำหน้างอเหมือนเด็กพลางนั่งลงที่พื้นข้างบ่อน้ำแล้วหยิบก้อนหินแถวนั้นปาลงในบ่อน้ำอย่างอารมณ์เสีย

    “แล้วมีเรื่อด่วนอะไรอย่างงั้นหรอ”

    “อ้อ มีสิคือว่าตอนนี้นะรู้สึกว่าวองโกเล่อะไรนั่นน่ะเดินทางมาถึงแล้ว”

    “อ๋อ มาถึงแล้วหรอ…..ตัวการของความวุ่นวายวันนี้”โมน่าตั้งใจลดเสียงประโยคสุดท้ายให้ได้ยินแต่ตัวเอง

    “ใช่แล้วล่ะรุ่นที่เก้าเลยให้ฉันมาตามเธอไง”รินลุกขึ้นปัดกระโปรงที่ติดทรายออกอย่างเบามือ

    “งั้นเดี๋ยวฉันจะรีบตามไป เธอไปก่อนเลย”

    “แน่ใจนะว่าจะรีบตามไป”รินพูดพร้อมกับส่งสายตาจับผิดมาที่โมน่า

    “ฉันพูดแล้วไม่คืนคำ”คำตอบของโมน่าทำให้เด็กสาวตรงหน้ายิ้มอย่างพอใจก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณสวนจนลับสายตา โมน่าถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นหยิบกล่องไวโอลินของตนเองเดินออกไปแต่ระหว่างทางนั่นเองที่เธอจับความรู้สึกอะไรบางอย่างได้

    “คุณคนที่อยู่ตรงนั้นน่ะเลิกซ่อนตัวซักทีได้ไหมคะ”เมื่อโมน่าเอ่ยจบด้านหลังของเธอก็ปรากฏชายหนุ่มทรงผมแปลกตาคนหนึ่ง

    “หึหึหึ รู้ตัวตอนไหนกันครับผมว่าผมกลบจิตสังหารตัวเองได้ยอดเยี่ยมแล้วนะ”

    “นั่นเรียกว่ากลบแล้วงั้นหรอคะ”หญิงสาวตรงหน้าตอกกลับด้วยใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ “ถ้าให้ฉันสันนิษฐานคุณคงอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อสิบนาทีก่อนแล้วสินะคะ ฉันรู้สึกได้นะคะคุณโรคุโด มุคุโร่ ผู้พิทักษ์สายหมอกของวองโกเล่”การสันนิษฐานของคนตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มชะงักไปซักพักหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

    “งั้นถ้าให้ผมสันนิษฐานคุณก็คือ เดลเลีย เดสดิโมน่า หัวหน้าหน่วยและผู้พิทักษ์สายหมอกของจีเวลแฟมิลี่สินะครับ”โมน่าขมวดคิ้วอย่างสงสัยกับข้อสันนิษฐานตรงหน้า จีเวลแฟมิลี่เป็นแฟมิลี่ที่ปกปิดข้อมูลได้อย่างแนบเนียนไม่น่าจะมีคนอื่นรู้กระทั่งชื่อผู้พิทักษ์

    “ไม่ได้มีแต่ฝ่ายคุณเท่านั้นหรอกครับที่รู้ข้อมูลของอีกฝ่าย J ”ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มอย่างจงใจกวนประสาทฝ่ายหญิงออกมา

    “งั้นหรอคะ - - ”โมน่าตอบหน้าตายก่อนจะหันหลังเดินกลับอย่างสงบแต่ในใจแทบอยากจะกระโดดเข้าไปข่วนหน้าสักร้อยรอบกับท่าทางกวนประสาท

    มุคุโร่มองแผ่นหลังของหญิงสาวตรงหน้าอย่างชอบใจ เขาไม่ค่อยจะเห็นผู้หญิงคนไหนที่มีปฏิกิริยากับเขาได้นิ่งและเย็นชาขนาดนี้ส่วนใหญ่หากเขายิ้มแบบนี้ทีไรผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะหน้าแดงและอายม้วนกันไปหมดแต่สำหรับผู้หญิงตรงหน้าเขานี้นอกจากจะไม่เขินอายแล้วยังเย็นชาใส่อีกต่างหาก

    “เดี๋ยวก่อนสิครับ”มุคุโร่ตั้งใจจะคว้ามือของโมน่าไว้เพียงแต่ว่าคู่กรณีดันความรู้สึกไวหันมาประชันหน้าก่อนที่จะได้คว้ามือ แววตาสีสีโลหิตมองมาทางเขาอย่างเอาเรื่อง

    “ไม่ยักรู้ว่าวองโกเล่มีพวกโรคจิตชอบฉวยโอกาส”โมน่าตอบเสียงเรียบใบหน้ายังคงนิ่งเหมือนเคย

    “ถ้ามันทำให้คุณหันมาสนใจผมได้ผมก็จะยอมเป็นด้วยความเต็มใจครับคุณผู้หญิง J ”คำตอบที่ได้มาทำให้ระดับความอดทนของโมน่าตอนนี้ใกล้ถึงจุดประทุมากขึ้นทุกที

    “งั้นก็รอชาติหน้าตอนบ่ายๆก่อนแล้วกันค่ะ”โมน่าตอบพลางเดินต่อไปอย่างหงุดหงิดแต่ก็ยังคงสีหน้าสุดเย็นชาไว้ซึ่งตอนนี้ถ้าสังเกตดีๆใบหน้าของเธอเริ่มจะไม่ค่อยเย็นชาเท่าไรแล้วเนื่องจากตอนนี้มีสีหน้าที่แสดงถึงความเก็บกดอะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นมาแทน

    “คุณกำลังชวนผมทะเลาะรู้ตัวหรือปล่าว”

    “ฉันว่าคุณนั่นแหละที่กำลังชวนฉันทะเลาะ”สงครามน้ำลายยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

    “ไม่เอาน่าโมน่าตอนนี้เราถือว่าเป็นคนรู้จักกันแล้วนะครับ”สรรพนามของชายหนุ่มที่กำลังเดินตามเธอข้างหลังทำให้โมน่าต้องหยุดชะงักพร้อมกับหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของคำพูด

    “โมน่า?”เธอพูดย้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิด

    “ครับโมน่า J ”เมื่อได้ฟังคำยืนยันแล้วสาวตรงหน้าถึงกับเปลี่ยนสีหน้าจากเย็นชาเป็นโกรธขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

    “เราสนิทกันถึงขนาดเรียกชื่อเล่นกันได้แล้วหรอคะ”โมน่าพูดอย่างข่มอารมณ์ความโกรธตัวเองแบบสุดๆเพราะนอกจากเพื่อนหรือคนในครอบครัวแล้วไม่มีใครเรียกเธอแบบนี้

    “ครับเราสนิทกันถึงขนาดนั้นแล้ว J ”ตัวการยังคงยิ้มอยู่

    “อย่าเรียกว่าสนิทกันกันเลยค่ะสถานะคุณกับฉันตอนนี้เราเป็นแค่ มนุษย์ร่วมโลก แค่นั้นเอง ^^ ”โมน่ายิ้มหวานให้ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างแดกดัน

    “ดีใจจังที่คุณทำสีหน้าแบบอื่นนอกจากเย็นชาให้ผมแบบนี้”เมื่อมุคุโร่พูดจบโมน่าถึงกับชะงักที่ตัวเองเผลอแสดงนอกบุคลิกของตนเอง โมน่าส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะปรับโหมดมาเย็นชาเหมือนเดิม

    “ฉันก็ไม่ได้ยิ้มแบบนี้ให้คุณคนเดียวซักหน่อยนี่คะอย่าสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยเลย”พูดจบก็สาวเท้าอย่างรวดเร็วเดินออกไป

    ติ๊ดๆๆ~!!!

    โมน่าหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาก่อนกดรับสายเพื่อนสาวที่โทรมาขัดจังหวะหนีพอดี

    ฮัลโหลโมน่า~

    “มีอะไรหรอยูเมะฉันกำลังรีบไปที่ประชุม”

    เธอไม่ต้องมาแล้วก็ได้นะคำตอบจากเสียงปลายสายทำให้น่ารู้สึกแว่วๆว่ากำลังมีภัยเกิดขึ้นกับตนเองแน่นอน

    “ทำไมล่ะ?

    คืองี้รุ่นที่เก้าสั่งว่าให้ผู้พิทักษ์แต่ละคนเดินไปส่งหน้าห้องพักของพวกวองโกเล่น่ะสิ

    “อะไรนะไม่ตลกเลยนะ!!!”โมน่าตะโกนออกมาอย่างลืมตัว

    เอ่อโมน่าเป็นอะไรหรือปล่าวไม่สบายหรอ’               

    “อ๊ะ ปล่าวๆฉันสบายดีล่ะมั้ง ”โมน่าลดเสียงคำสุดท้ายให้เบาลง

    งั้นก็ดีแล้วล่ะนะรุ่นที่เก้าสั่งมาว่าใครไม่ทำตามจะเจอบทลงโทษไอ้นั่นน่ะ

    “อะไรนะต้องเจอไอ้นั่นเลยหรอ!!

    อืม ใช่แค่คิดก็สยองแล้วล่ะเสียงปลายสายสั่นเล็กน้อย

    “ก็ได้ๆ ฉันจะรีบทำตามคำสั่ง”พูดจบโมน่าก็กดตัดสายทิ้งแล้วหันไปมองชายหนุ่มที่ยิ้มให้เธออย่างดูเหมือนจะรู้เรื่องทุกอย่างเป็นอย่างดี

    “เชิญค่ะ”โมน่าพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

    “ขอบคุณครับคุณผู้หญิง J

     

    Talk to writer    

    คู่แรกเสร็จแล้ว >.<

    คู่นี้เป็นคู่ที่ดูแล้วน่าจะชนะผลโหวตอย่างขาดลอย

    คู่นี้ไรท์ยอมรับว่าเขียนมันมากเนื่องจากเป็นคู่แรกที่คิดคอนเซปออก

    สาวเย็นชากับหนุ่มเจ้าเล่ห์แค่เห็นพล็อตก็ไหลเข้ามาในหัวเรื่อยๆแล้ว

    สุดท้ายนี้อย่าลืมเม้นและโหวตกันหน่อยนะจ๊ะ ^^

    + ❥ Free theme mouse.naru
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×