คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Moonlight 1 (100%) Rewrite
ครืน~
เสียงล้อราชรถสีทองสง่ากระทบกับพื้นพสุธาดังเลื่อนลั่นส่งเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งแดนสวรรค์ ราชรถสีทองอร่ามเทียมด้วยเหล่าอาชาสวรรค์สีขาวมุ่งตรงไปที่พระราชวังด้วยความรวดเร็วดุจสายลมพัดผ่าน ปักษาสวรรค์ที่ได้พบเห็นต่างร้องกู่ก้องราวกับคีตะบรรเลงด้วยความปิติและยินดีที่มีผู้มาเยือนดินแดนสวรรค์แห่งนี้
“เทพแห่งกาลเวลาเสด็จแล้ว”
เสียงของขุนพลประกาศดังก้องเมื่อราชรถสีทองสง่าเทียบที่ประตูวังฝ่ายในสุด เมื่อประตูราชรถเปิดขึ้นกลิ่นหอมอ่อนๆของลูกท้อก็ลอยฟุ้งไปทั่วทั้งแดนทันที ขาเรียวก้าวย่างออกมาช้าๆเมื่อมีองค์รักษ์ประจำตัวผายมือ ร่างโปร่งเกศายาวสีดำสนิท ใบหน้ารูปไข่เรียวงาม ดวงตาเฉี่ยวคมสีดำสนิทแต่มีประกายราวกับดาวในคืนเดือนมืด คิ้วโค้งสวยเหมือนคันศร จมูกโด่งเชิดดูเหมือนดื้อรั้นนิดๆรับกับริมฝีปากสีชาดรูปกระจับ ผิวพรรณไม่ได้ขาวจัด หรือ ขาวอมชมพู แต่ขาวเหลืองเหมือนน้ำผึ้งชั้นดี ร่างสูงแต่ไม่ได้ดูบึกบึนสมชายเท่าที่ควร สวมอาภรณ์จีนในสมัยราชวงศ์ถังสีขาว-ดำปักดิ้นลายมังกรสีทองทั่วทั้งชุด เครื่องประทับยศสีทองที่ประกาศถึงบรรดาศักดิ์อันสูงส่งทำให้ผู้ที่มองนั้นจำต้องก้มหน้าลงด้วยความขัดเขิน ร่างโปร่งเยื้องย่างด้วยความเชื่องช้าพร้อมกับขบวนราชองค์รักษ์ที่คอยดูแลความปลอดภัย
“ขอประทานอภัยเสด็จพ่อ...เพราะเหตุการณ์ขัดข้องนิดหน่อยจึงทำให้ลูกมาถึงพระราชวังล่าช้ากว่ากำหนด”
ร่างโปร่งก้มหัวให้เทพแห่งสวรรค์ด้วยความนอบน้อมก่อนที่จะย่างก้าวไปนั่งยังที่ประทับเยื้องจากบัลลังก์ลงมาด้านซ้ายหนึ่งขั้น
“...ไม่เป็นไร...วันนี้พ่อจะแนะนำ 4จตุรเทพ ที่จะปกป้องและคุ้มครองดินแดนระหว่างนรกและสวรรค์ ที่เรียกว่า “โลก” ”
เสียงทุ้มก้องกังวานเอื้อนเอ่ยก่อนที่อุปราชคู่ใจจะส่งสัญญาณให้ ทหารเป่าแตรสังข์
ปู๊นนนนนนนนนนน
เสียงดนตรีฉลองชัยเริ่มขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเทพทั้ง 4 เทพองค์แรกที่ สายตาของร่างโปร่งรู้สึกสะดุดตาคือ เทพที่มีลักษณะสว่างไสวกว่าเทพองค์อื่นๆ ต่อมาก็คือเทพที่ให้ความรู้สึกถึงไอเย็นๆและความอบอุ่น และรองมาคือ สายลม และความแข็งแกร่ง ที่ทำให้ร่างโปร่งของจื่อเทารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่ต้องมาเจอกับพลังแข็งแกร่งเช่นนี้ และเมื่อเทพทั้งหลายมารวมตัวกันครบแล้วราชาสวรรค์แล้วจึงทรงแนะนำจตุรเทพให้จื่อเทาฟังด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและมีพลัง
“นี่คือ พู่ ชานเลี่ย เทพแห่งไฟ” เทพแห่งสวรรค์ผายมือไปที่ชายหนุ่มผู้มากับความสว่างไสวและร้อนแรง เรือนผมสั้น สุขภาพดีสีดำขลับ ดวงตาขี้เล่น ริมฝีปากกว้างยกยิ้มราวกับว่าชีวิตนี้ไม่มีความทุกข์ รูปร่างทะมัดทะแมงเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ทรงอาภรณ์สีแดงสดเหลือบทองและดูแข็งแรงทำให้จื่อเทาปรายสายตามองอย่างหมันไส้เพราะว่าตนเองที่เป็นบุรุษเพศเหมือนกันนั้นดูตัวเล็กกว่ามาก รอยยิ้มของชานเลี่ยที่แย้มออกมานั้นทำให้นางสนมรับใช้น้อยใหญ่ต่างอ่อนระทวยเป็นแถวแถบ ด้วยความขวยเขินในเสน่ห์และความร้อนแรงอันเหลือล้นของเทพแห่งไฟ
“สวัสดีท่านอา...นี่หลานไม่ได้พบท่านมากี่ปีแล้ว...หลานจำได้ว่าเคยเห็นท่านอาครั้งสุดท้ายเมื่อราวๆ3,000 ปีก่อนใช่หรือไม่ ตอนนั้นข้าจำได้ว่าน้องจื่อเทายังไม่เกิดเลยยังเป็นแค่ลูกท้อลูกน้อยๆที่มีกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่งทั้งแดน พอข้าคิดถึงตอนนั้นแล้วก็พาลอยากจะรอดูน้องจื่อเทาตอนเกิดแต่ข้าดันติดภารกิจปราบมารเสียก่อน ช่างน่าเสียดายเสียจริงๆ”
“อ่า.....เจ้าพูดถูกชานเลี่ย...จื่อเทาพึ่งจะเกิดได้เมื่อไม่กี่ 1,000 ปีมานี้เอง ข้ายังจำได้ว่าตอนที่จื่อเทาเกิดนั้นตัวเล็กมากๆน่าจะประมาณเท่าฝ่ามือของข้า แต่กลิ่นหอมติดตัวของจื่อเทานั้นกลับฟุ้งไปทั่วทั้งแดนสวรรค์ 7 วัน 7 คืน “
เทพสวรรค์ตรัสออกมาพร้อมกับแย้มรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนออกมาบางๆ
“...อ่า..ท่านพ่อทำไมเล่าเรื่องของข้าให้พี่ชานเลี่ยฟังเล่า”
ร่างโปร่งพูดออกมาด้วยความขัดเขินประวัติการกำเนิดถูกเล่าออกมากลางสาธารณะ โดยลูกพี่ลูกน้องอย่าง ชานเลื่ย และ พระบิดา หรือ ท่านเทพสวรรค์
“จื่อเทาเอ๋ย...เจ้าจะเขินอายไปไย...พ่อเพียงแค่เล่าความเป็นมาของเจ้าให้กับชานเลี่ยญาติของเจ้า”
เทพแห่งสวรรค์ลูบหัวของจื่อเทาด้วยความเอ็นดู
“ท่านพ่อชอบแกล้งลูก”
จื่อเทาคลอเคลียผู้เป็นพ่ออย่างอ้อนๆก่อนที่จะนั่งฟังการแนะนำเทพองค์ต่อไป
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า จื่อเทาเจ้าช่างน่าเอ็นดูเหมือนกับ “ไป่หลิน” แมวของเจ้าเลย เอาล่ะจื่อเทาเทพองค์ต่อไปคือ อู๋ ซื่อซุน เทพแห่งสายลม”
จื่อเทายู่หน้าเล็กน้อยเมื่อถูกเปรียบเทียบกับไป่หลินแมวน้อยขนสีดำสนิทที่นอนขดตัวอยู่ในตระกร้าข้างๆตนเอง พร้อมกับมองไปทางผู้ที่มาใหม่
ฟิ้วววววววววว
เมื่อถูกขานชื่อ อู๋ ซื่อซุน ก็ลุกขึ้นยิ้มร่าตาหยีพร้อมกับโบกพัดขนห่านคู่ใจไปมาจนผมที่จื่อเทาจัดทรงมาต่างหลุดลุ่ยและยุ่งเหยิง สายตาขี้เล่นของซื่อซุนมองจื่อเทาอย่างขำๆ จื่อเทาปรายตามองชายหนุ่มผมสีซีดที่ทำให้ผมของตนเองยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง สีผมชองชายหนุ่มเหมือนขี้เถ้าสีอ่อนๆ ผมที่สั้นไม่มากปลิวสายไปมาเพราะลมที่อยู่รอบตัว ดวงตาขี้เล่นและเจ้าเล่ห์ จมูกโด่ง ริมฝีปากปาลเล็กสีกุหลาบที่ยิ้มเยาะ รูปร่างสูงโปร่งมีกล้ามเนื้อแบบฉบับชายที่สมส่วนดูแข็งแรง สวมอาภรณ์สีเขียวหยกเหลือบเงินปักดิ้นลายสายลมสีเงินวิจิตร มือขวาถือพัดขนห่านแบบนักปราชญ์
“สวัสดีท่านเทพสวรรค์ ข้าอู๋ ซื่อซุน ข้ามารับตำแหน่งต่อจากท่านพ่อที่ปลดเกษียณตัวเองไปจู๋จี๋กับท่านแม่รอบจักวาล”
ซื่อซุนก้มหัวทำความเคารพพร้อมกับยื่นตราเทพที่ทำจากหยกรูปสายลมและปิ่นปักผมที่ทำจากเงินประดับหยกรูปเมฆลงลายวิจิตรสีเงินอันเป็นสัญลักษณ์ว่า อู๋ ซื่อซุน คือผู้รับตำแหน่งโดยชอบธรรม
“อ่า...อู๋ ซื่อซุน พ่อของเจ้าช่างเจ้าสำราญยิ่งนักพอเจ้าเติบโตขึ้นพ่อของเจ้าก็ปลดระวางตนเองทันที ช่างเป็นเทพที่มีความสุขสบายยิ่งนัก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“หึ..”
จื่อเทาพ่นความหงุดหงิดออกมาทางลมหายใจเนื่องจากหมันไส้ อู๋ ซื่อซุน ที่ทำหน้าตายี้ยวนตนเองจนเทพสวรรค์ต้องลูบผมของโอรสชายที่นั่งหงุดหงิดเพราะผมที่ยิ่งเหยิงไม่เป็นทรง
“ท่านพ่อ...ซื่อซุนแกล้งลูก...ดูผมของลูกสิพันกันไม่เป็นทรงเลย”
จื่อเทาซบลงที่หน้าตักของเทพผู้เป็นบิดา พร้อมส่งสายตาเหนือกว่าอย่างผู้มีชัยของตนเองไปให้ซื่อซุนที่นั่งโบกพัดขนห่านของตนเองอย่างไม่หยี่หระกับคำฟ้องของจื่อเทาซักเท่าไร สายตาขี้เล่นมองจื่อเทาเหมื่อนเด็กน้อยขี้ฟ้องคนหนึ่งที่ดูน่ากลั่นแกล้ง
“พ่อว่า...ทรงผมที่ซื่อซุนทำให้ก็น่ารักดี...ว่าไหมชานเลี่ย?”
เทพสวรรค์สรวลออกมาเบาเมื่อเห็นจื่อเทางอนตุ๊บป่อง ปากเล็กๆของจื่อเทายู่อย่างเด็กน้อยที่ถูกขัดใจ
“พี่ว่าทรงผมของน้องจื่อเทาทรงนี้ก็น่ารักดี...ฮ่าฮ่าฮ่า”
“พี่ชานเลี่ย!!!!ข้าจะโกรธพี่จริงๆแล้วนะ”
จื่อเทาแหวลั่นเมื่อชานเลี่ยหัวเราะตนเอง
“จื่อเทาพี่ขอโทษ เพียงแต่เจ้าเวลาโกรธช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน พี่กับท่านอาเลยชอบที่จะเห็นใบหน้าแสนงอนของเจ้า”
“จื่อเทา เทพองค์ต่อไปที่พ่อจะแนะนำให้เจ้ารู้จักคือ..จิน จุนเหมียน เทพแห่งสายน้ำ”
ทันทีที่เทพสวรรค์พูดจบ จื่อเทารู้สึกถึงกระแสพลังที่เย็นชื่นใจ ทำให้ตนรู้สึกดี ร่างบางที่จื่อเทามองอย่างตกตะลึง ปรายตามองจื่อเทาเล็กน้อยพร้อมกับโปรยยิ้มให้อย่างเป็นมิตร จื่อเทาพินิจดูร่างที่บอบบางกว่าตนเองตรงหน้า ผมสีดำสนิทยาวลากพื้นดูชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา หน้าตาที่สะอาดหมดจด ผิวที่ขาวกระจ่างใสรางกับดวงไฟ ตัดกับอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มเหลือบทอง เครื่องประดับสีมุกของจุนเหมียนทำให้จื่อเทามองอย่างสนอกสนใจ
“สวัสดีท่านเทพสวรรค์ วันนี้ข้านำของกำนัลจากท่านแม่ที่ฝากข้ามาให้ท่าน”
จุนเหมียนคุกเข่าพร้อมกับยื่นเครื่องประดับสีนิลให้กับเทพสวรรค์
“ไม่ต้องเป็นพิธีรีตองมากหรอกจุนเหมียน ฝากบอกแม่ของเจ้าด้วยว่าข้าขอบใจมากที่ยังไม่ลืมกับ ว่างๆข้าจะชวนนางมาดื่มน้ำชาที่สวรรค์นี่เสียหน่อย ถือว่าเป็นการพับปะกับสหายรักที่ไม่เจอกันมาตานนับสามหมื่นปี”
“...เอ่อ..ต้องขอประทานอภัยแทนท่านแม่ของข้าด้วย...ตอนนี้ท่านแม่กำลังเริ่มบำเพ็ญตบะอยู่ที่ถ้ำใต้บาดาลเป็นเวลาหนึ่งพันปี ข้าเกรงว่าท่านจะรอนาน”
“ไม่เลยจุนเหมียนข้าเข้าใจแม่ของเจ้าดี นางมักจะชอบบำเพ็ญตบะอยู่เสมอ..แค่นี้ข้ารอได้อยู่แล้วเมื่อแม่ของเจ้าบำเพ็ญตบะเสร็จแล้วเจ้าจงมอบสิ่งนี้ให้แม่ของเจ้า”
เทพสวรรค์ยื่นปิ่นปักผมจากเงินที่ประดับด้วยเพชรสีน้ำเงินและสาสน์หนึ่งม้วนให้กับจุนเหมียน
“ข้าขอขอบคุณแทนท่านแม่”
จุนเหมียนก้มหัวขอบคุณเทพสวรรค์ก่อนที่จะเดินไปตรงหน้าจื่อเทามือบางลูบไล้เส้นผมที่ยุ่งเหยิงของจื่อเทาให้เข้าทรงก่อนที่จะหยิบปิ่นปักผมสีทองประดับไข่มุกมาปักผมของจื่อเทา
“ข้าเห็นทรงผมของเจ้าดูยุ่งเหยิงเลยจัดทรงให้เหมือนเดิม และอีกอย่างข้าเห็นเจ้าจ้องปิ่นปักผมของข้ามานานแล้วท่าทางเจ้าคงจะยังไม่เคยเห็นเครื่องประดับที่ทำจากไข่มุกมาก่อน ดังนั้นข้าจะให้ปิ่นนี้กับเจ้า”
จื่อเทายิ้มออกมาอย่างดีใจเมื่อได้ปิ่นปักผมแสนสวยงามมาประดับผมของตนเอง
“ขอบใจท่านมากเลยท่านจุนเหมียน...ข้าไม่เคยเห็นไข่มุกมาก่อนมันเนียนสวยมากจริงๆ”
“ไม่เป็นไร..ถือว่าเป็นของขวัญจากข้า”
จุนเหมียนยิ้มบางๆก่อนที่จะเดินไปนั่งประจำที่ของตนเอง
“...และเทพองค์สุดท้าย...ตู้ ฉิงจู เทพแห่งผืนดิน”
เทพองค์สุดท้ายทำให้จื่อเทารู้สึกขนลุกขึ้นมาหน่อยๆเพราะสัมผัสได้ถึงพลังงานอันมหาศาล ซึ่งขัดกับร่างเล็กที่ดูบอบบางน่าถะนุถนอม ดวงตากลมโตสดใสเหมือนมีพลังชีวิตเต็มเปี่ยม ริมฝีปากสีกุหลาบอ่อนๆยิ้มเล็กๆ ดูจริงใจและอ่อนโยนรับกับผมสีน้ำตาลเข้ม ร่างบางสวมอาภรณ์สีเปลือกไม้เหลือบทองปักดิ้นลายพยัคฆ์
“สวัสดีท่านอา..เด็กน้อยข้างๆท่านคงเป็นจื่อเทาใช่หรือไม่”
“...ไหวพริบของเจ้าช่างดียิ่งนัก..ใช่แล้วนี่คือ จื่อเทา ลูกพี่ลูกน้องของเจ้า จื่อเทาเพิ่งจะเกิดได้ไม่นานเลยไม่ค่อยรู้ภาษาซักเท่าไร”
“...อ๋อ..สวัสดีน้องจื่อเทา..พี่ชื่อฉิงจู...ว่างๆเรามาเล่นหมากรุกกันไหม? พี่จะได้ทำความรู้จักกับเจ้าให้มากว่านี้”
“...เอ่อ..พี่ฉิงจู...หมากรุกคืออะไรข้าไม่รู้จัก..ข้ารู้จักแต่กระบี่กระบอง ดาบ และ อาวุธต่างๆ”
จื่อเทาพูดออกมาอย่างๆงงๆกับหมากรุกที่ฉิงจูพูดออกมา กิริยานั้นเองที่ทำให้ฉิ่งจูรู้สึกเอ็นดูเทพจื่อเทามากกว่าเดิม
“ฮ่าฮ่าฮ่า..ท่านอาเหตุใดน้องข้าถึงได้ไม่รู้จักหมากรุกเล่า”
ฉิงจูพูดขำๆพร้อมกับความฉงนใจในความรู้ของจื่อเทาที่รู้ในเรื่องกระบี่กระบองมากกว่าการวางแผน
“...อ่าจื่อเทาไม่ค่อยชอบการละเล่นซะเท่าไหร่ จื่อเทาชอบฝึกกระบี่กระบองมากกว่า จื่อเทาชอบล่าสัตว์มากกว่าเขียนหนังสือเสียอีก”
เทพสวรรค์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเอ็นดูแกมหยอกล้อที่จื่อเทาไม่มีเวลาพอที่จะรู้จักการเล่นหมากรุก
“ท่านพ่อ..แต่ข้าเขียนหนังสือสวยนะถึงแม้ว่าข้าจะไม่ชอบเขียนมันก็ตาม”
จื่อเทาพูดออกมาด้วยความเขินอายที่ถูกเปิดเผยเรื่องอันน่าขบขันกลางที่ประชุมเทพ
“เป็นอย่างนี้นี่เอง...จื่อเทาถ้าเย็นนี้เจ้าว่างข้าจะมาสอนเจ้าเล่นหมากรุกก็แล้วกัน”
“จริงหรอ? เย็นนี้ข้าว่าง ข้าจะไปนะพี่ฉิงจู อย่าลืมเตรียมพุทราเชื่อมให้ข้าด้วยนะข้าชอบกินมัน”
จื่อเทาพูดออกมาด้วยความดีใจท่ามกลางสายตาที่เอ็นดูของทุกๆคน ถึงแม้ว่าจื่อเทาจะโตแต่ก็โตเพียงแต่ร่างกายเท่านั้นแต่จิตใจและความนึกคิดราวกับเด็กน้อย
ในอีกด้านที่อยู่ไม่ไกลจากพระราชวัง
ณ.ตำหนักเทพพยากรณ์
“เฮือก...กงล้อแห่งโชคชะตากำลังจะหมุนอีกครั้ง...น่าสงสารเหลือเกินเทพแห่งกาลเวลาจื่อเทา..และเจ้า..เดรัชฉาน อู๋ อี้ฟาน...”
ร่างบางผมสีน้ำตาลหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ใบหน้าหวานซีดราวกับกระดาษ เหงื่อเม็ดกลมซึมตามไรผมที่มาจากการทำนายพยากรณ์ พลางจ้องมองไปที่ลูกแก้วสีใสอีกครั้งก่อนที่จะนั่งเขียนคำพยากรณ์ลงในม้วนกระดาษตามที่ตนเองได้เห็นในนิมิต
รีไรท์ละจ้า
ความคิดเห็น