ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FicEXO-Hunhan,Kaido,Chanbaek] I Don't Wanna Be Your Lil Bro

    ลำดับตอนที่ #24 : I Don't Wanna Be Your Lil Bro - Chapter 19 (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.37K
      1
      31 ต.ค. 55

     
    [Chenmin]

    [Xiumin]
     
     
    ณ ห้างM

    ผมเดินทอดน่องในห้างอย่างเบื่อๆ เซ็งๆ ในมือถือโทรศัพท์ไว้จนเหงื่อออกชื้นไปหมด อีตาเฉินงี่เง่า! นี่ผมรอโทรศัพท์มาเกือบห้าชั่วโมงแล้วนะ ไปสิงคโปรมันก็ไม่ไกล แค่วิเดียวก็ถึงแล้วทำไมสามชั่วโมงแล้วยังไม่โทรมาอีก?! กรีดร้องงง กร๊าซซซซซ!!!

    ติ๊ดๆ

    เสียงเตือนข้อความในโทรศัพท์ของผมดังขัดความคิด(แค้น)ของผมชั่วขณะ ผมเปิดอ่านก็พบว่าเป็นข้อความจากเฉิน ไม่ได้คุยกันตั้งหลายชั่วโมงแต่ส่งมาแค่ข้อความใช่ป่ะ?! ใช่ซี้~~~ เขาจะปล่อ
    ยลอยแพผมเพราะผมยอมเขาไปแล้วนี่!
     


    'อาเปาครับ ถ้าเจอผู้หญิงวัยกลางคนใส่เสื้อเชิ้ตสีแดง กางเกงยีนส์ขาสั้นสีส้มแล้วก็รองเท้าสีเขียวสะท้อนแสงใส่วิกสีรุ้งทรงเดียวกับที่ผมเคยใส่ อาเปาก็ช่วยไปกับเธอด้วยนะครับ
    จาก จงแด'



    เยี่ยม! เนื้อหาในข้อความไม่มีคำบอกรัก ไม่มีคิดถึง ไม่มีอะไรเลยนอกจากผู้หญิง!! มันน่านักนะ!...หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมผมต้องรอโทรศัพท์ ทำไมไม่โทรไปก่อน...นั่นก็เพราะว่าผมคือซิ่วหมินยังไงล่ะ! ทำไมผมจะต้องเป็นฝ่ายโทรไปด้วย? เขานั่นแหละต้องเป็นฝ่ายโทรมา ผมไม่ง้อหรอกนะ ไปเดินดูของให้สบายใจดีกว่า เชอะ~!!

    "ขอโทษนะคะ...คุณชื่ออาเปารึเปล่า?"

    "ครับ?"

    ผมทำหน้างงตอบผู้หญิงที่เดินเข้ามาทักผิดคน เอ๊ะ!...


    'ผู้หญิงวัยกลางคนใส่เสื้อเชิ้ตสีแดง กางเกงยีนส์ขาสั้นสีส้มแล้วก็รองเท้าสีเขียวสะท้อนแสงใส่วิกสีรุ้งทรงเดียวกับที่ผมเคยใส่'

    ผมนึกถึงข้อความของเฉินแล้วมองผู้หญิงที่ยืนยิ้มให้ผมชัดๆ ...เหมือนที่เขาบอกไว้เลยแฮะ

    "คุณเฉินให้ดิฉันมารับคุณอาเปาไปด้วยกันน่ะค่ะ"

    เธออธิบายพร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ดูแล้วไม่น่าจะเป็นคนเลวร้ายอะไร....แต่เป็นเป้าสายตาคนชะมัด ใส่อะไรมาเนี่ย สีชุดอย่างกับไฟจราจร สีผมก็...นะTT

    สังเกตจากชื่อที่เขาใช้เรียกผมคงจะเป็นคนของเฉินจริงๆ แหละ เพราะในโลกนี้มีอีตาแฟนบ้านี่คนเดียวเท่านั้นแหละที่เรียกผมว่าอาเปา...คิดว่าชีคงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมไม่ได้ชื่อนั้นน่ะ

    "ไปไหน?"

    ผมถามสั้นๆ ด้วยเสียงที่ติดจะห้วนนิดนึงจนคนถูกถามหน้าเสียไปเล็กน้อย คือผมไม่ได้อะไรกับหล่อนหรอกนะ แต่แค้นอีตาแฟนงี่เง่ามากกว่า ทำไมไม่บอกรักแต่ส่งใครไม่รู้มารับแทน เฮอะ~!

    "ไปหาคุณเฉินที่สิงคโปร์..."

    "ทำไมฉันต้องไป?!"

    ผมพูดแทรกขึ้นมาอย่างอารมณ์เสีย ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายไปหาเขาด้วย?! ผมไม่ใช่ผู้ชายง่ายๆ ที่เขาจะลากไปไหนก็ไปนะ! แล้วยังไม่ได้มารับด้วยตัวเองอีก นี่มันจะมากไปแล้วนะอีตาบ้า!!

    โอเค...ผมคิดแบบนั้น แต่อีกใจก็อยากจะเหาะไปสิงคโปร์ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ มีที่ไหนเพิ่งคบกันวันเดียวก็ไม่ได้เจอหน้ากันเลย ผมก็อยากสกินชิพมั่งนะ!

    "เอ่อ...คุณเฉินบอกว่าถ้าคุณอาเปาไม่ยอมไปเขาจะนอกใจไปหานางแบบสวยๆ ค่ะ"

    ผู้หญิงที่เฉินส่งมาพูดกับผมเสียงเบาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แม้แต่หน้าผมก็ไม่กล้ามอง...ดีแล้วแหละที่ไม่มอง เพราะตอนนี้สีหน้าของผมแสดงอาการอยากฆ่าคนชัดเจนมาก! นางแบบหน้าไหนกล้ามาท้าทายอำนาจมืด?! ของของฉัน ฉันหวง!!

    "เขาให้ผมไปทำไม?!!"

    ผมถามด้วยความสงสัย แต่เพราะความแค้นเลยกลายเป็นผมกำลังตะคอกใส่ผู้หญิงอยู่ซะงั้น คนตรงหน้าตัวสั่นพลางก้มหน้านิ่ง

    "ฮือๆๆ...คุณเฉินบะ..บอก..ฮึก...ว่าจะพาไป..ฮือๆๆ..ทะ..เทศกาลขนม..ฮึก..วะ..หวานค่ะ..ฮือออๆๆๆ"

    คนตรงหน้าปล่อยโฮเสียงดังด้วยความกลัวแต่ยังไม่วายทำหน้าที่ตอบคำถาม ผมหันไปมองรอบตัวเห็นสายตามากมายมองมายังผมเหมือนว่าผมกำลังทำให้ผู้หญิงร้องไห้อยู่งั้นแหละ!(ถึงผมจะทำจริงๆ ก็เหอะ)

    "พวกหล่อนเลิกซุบซิบแล้วเดินไปตามทางของตัวเองซะ! ไม่ต้องมองฉันแบบนั้น ฉันไม่ได้ทำใครท้อง เข้าใจ๊?!!"

    ผมเดินไปพูดกับผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ยืนนินทาผมอย่างออกนอกหน้าก่อนที่จะเดินสะบัดกลับมาหาอีกคนที่ยังยืนปาดน้ำตาอยู่

    "นี่ฉันขู่ว่าจะกินตับเธอรึไงฮะ?! หยุดร้องได้แล้ว!"

    ผมปลอบ(?)คนตรงหน้าอย่างนุ่มนวล(?) ชีค่อยๆ หยุดร้องไห้อย่างเชื่อฟังแล้วตอบด้วยเสียงตะกุกตะกัก

    "ปะ..เปล่าค่ะ คะ..คุณอา...เปาเริ่ดที่สุด..คะ..ค่ะ"

    "ดีมาก! โอเค ตอนนี้ก็บอกฉันได้แล้วว่างานเทศกาลอะไร"

    ผมตบบ่าคนตรงหน้าหนักๆ แล้วถาม ปากพยายามยิ้มให้คนตรงหน้าสบายใจแต่รู้สึกเหมือนกำลังแยกเขี้ยวขู่อยู่ยังไงก็ไม่รู้สิ?

    "คุณเฉินบอกว่าต้องไปดูเองค่ะ มีเค้กก้อนใหญ่ๆ มีมัฟฟินสีสวยๆ มีวาฟเฟิลหอมๆ มี..."

    "โอเค ฉันไป!"

    ผมว่าแล้วก็ลากแขนหล่อนไปที่รถเตรียมตัวเดินทางไปสนามบินทันที กระเป๋าเสื้อผ้ากับพาสปอร์ตพร้อมกับเงินเยอะแยะวางอยู่ในรถผม...และโน้ตจากพ่อใจความถึงอีตาแฟนงี่เง่านั่นทั้งนั้น สนับสนุนกันจริง~~!! เฉินน่ะผมก็อยากเจอนะ แต่เทศกาลขนมหวานที่นางเล่ามาเมื่อกี้...

    นั่นมันดงขนมชัดๆ!!♥






    ณ สิงคโปร์

    "รีบพาฉันไปเทศกาล...เอ่อ..อะแฮ่มๆ! ฉันหมายถึงรีบพาฉันไปหาเฉินหน่อย พอดีฉันเกิดคิดถึงเขามากๆ น่ะ"

    ผมบอกคริสติน(ยัยหัวสีรุ้งชุดไฟจราจรนั่นแหละ!)อย่างกระตือรือล้น(ที่จะได้เจอดงขนม♥) ก็อีตาจงแดไม่บอกว่าคิดถึงแล้วผมจะอยากเจอเขาไปทำไมล่ะ?! เจอขนมดีกว่าเยอะเลย เฮอะ~!



    ผมเดินตามคริสตินไปที่โรงแรมแล้วก็ขึ้นรถลงเรือไปไหนก็ไม่รู้จนเวียนหัวไปหมดจนมาที่ฮอล์แห่งหนึ่งซึ่งมีเสียงกรี๊ดกร๊าดตื่นเต้นของผู้คนมากมายและเสียงเพลงที่คุ้นหูแปลกๆ คงจะกรี๊ดขนมในงานกันแน่เลย ชักอยากเห็นอยากชิมแล้วสิ♥ ...หยุด!! อย่าแม้แต่จะคิดว่าผมตะกละ!! ผมผิดหรอที่ชอบกินขนมน่ะ?! เฮอะ~!

    "คริสตินๆ ทำไมที่นี่มืดจัง?"

    ผมสะกิดคริสตินที่เดินนำทางผมแล้วถามอย่างแปลกใจ แม้จะมีเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจและเสียงกรี๊ดแต่เส้นทางกลับมืดสนิท

    "อะ..อ้อ! พอดีว่าเขากำลังจะเปิดงานน่ะค่ะ...คุณอาเปายืนรอตรงนี้สักครู่นะคะ"

    คริสตินตอบคำถามแล้วจับตัวผมให้ยืนอยู่กับที่ก่อนจะเดินไปอีกทาง ทุกคนคงสงสัยว่ามืดจนผมมองไม่เห็นทางขนาดนี้แล้วทำไมผมเดินมาได้...นั่นก็เพราะชุดไฟจราจรของคริสตินแหละครับ! ไม่ยักรู้ว่าเรืองแสงได้ด้วย ทั้งสะท้อนแสงทั้งเรืองแสงโดดเด่นเป็นที่สุด และด้วยเหตุผลนี้ทำให้ทุกคนในสนามบินและบนเครื่องมองผมเป็นตาเดียว อายชะมัด แล้วพอผมบอกให้หล่อนไปเปลี่ยนเสื้อหล่อนพูดว่าไงรู้มั้ย?

    'คุณเฉินบอกว่าดิฉันใส่แล้วสวยค่ะ'

    เยี่ยม! หล่อนถูกหลอกแล้ว คือรูปร่างหน้าตาหล่อนก็ไม่ได้แย่อะไรนะ แต่ใส่สีแบบนี้มันเด่นเกินนนนน!

    พรึ่บ!

    ผมหันไปมองทางด้านซ้ายไม่ไกลจากผมเท่าไหร่ มีไฟสปอร์ตไลท์ส่องลงมาตรงชุดมาสคอตรูปเค้กวานิลลาสีสวย

    "ว้าววววว~♥"

    ผมตาลุกวาวทันทีที่เห็นเค้กก้อนยักษ์ แม้จะไม่ใช่ขนมของจริงแต่เป็นการเปิดงานที่น่าสนใจมากเลย ผมค่อยๆ เดินเข้าไปมองน้องเค้กช้าๆ ด้วยความสนใจ แปลกมากที่เสียงกรี๊ดรอบข้างหายไปหมด ผมก้าวเข้าไปใกล้น้องเค้กแต่อยู่ๆ ไฟสปอร์ตไลท์อีกดวงก็ส่องมาที่ผม ผมได้แต่หันซ้ายหันขวาอย่างตื่นตระหนกเพราะมันเงียบกริบซะจนน่าใจหาย

    จึ๊กๆ~

    น้องเค้กที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เดินมาสะกิดผมจึ๊กๆ แล้วยืนมือมาให้เหมือนจะบอกให้ผมจับมือกับเขา ผมยื่นมือไปจับมือน้องเค้กอย่างว่าง่ายและไร้ความระแวง ...นี่พวกคุณจะให้ผมระแวงน้องเค้กวานิลลาน่ารักๆ แบบนี้ลงรึไง?!! ผมไม่ได้ใจจืดใจดำแบบพวกคุณนะ!

    น้องเค้กจูงมือผมเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ตลอดทางน้องเค้กก็พาผมไปทักทายจับมือกับน้องไอติม น้องวาฟเฟิล น้องเจลลี่ แล้วก็เพื่อนๆ ของเขามากมาย ดูเหมือนผมจะเป็นแขกที่เค้าสุ่มมาช่วยเปิดงานรึเปล่า? เป็นการเปิดงานที่แปลกดีแฮะ แถมตัวมาสคอตพวกนี้ก็น่ารักสุดๆ>< ถ้าผมไม่รู้มาก่อนว่ามีคนอยู่ในฮอล์นี้ผมคงกระโดดกอดเพื่อนๆ ของน้องเค้กไปแล้วแหละ♥

    น้องเค้กจูงมือผมมาหยุดอยู่ที่ไหนซักที่ ผมยังคงมองไม่เห็นรอบข้างแต่ก็พอจะได้ยินเสียงคุยกันของผู้คนมากมายอยู่ นี่ก็ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาหน่อยว่าผมคงไม่ได้ถูกหลอกมาขาย โฮะๆๆๆ

    พรึ่บ!!

    "!!"

    ผมตกใจที่อยู่ๆ แสงไฟก็ดับไปอีกครั้ง มือข้างที่จับมือกับน้องเค้กถูกปล่อยอย่างกระทันหัน ผมได้แต่ยืนนิ่งเพราะคิดว่ามันคงเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดงาน...แต่นี่มันเงียบนานเกินไปแล้วนะ...

    "น้องเค้ก! น้องเค้กวานิลลา! น้องวาฟเฟิล! น้องเจลลี่! ทุกคนหายไปไหนกันหมด?!!"

    ผมเรียกหาน้องเค้กเพราะความหวาดกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด ตอนนี้รอบด้านมืดและเงียบกริบเหมือนตอนแรก ต่างกันก็แค่ไม่มีน้องเค้กให้อุ่นใจอีกแล้ว

    ตุ้บ!

    "ฮึก...น้องเค้ก..."

    ผมทรุดตัวลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมา รอบตัวผมมืดและเงียบกริบ เสียงพูดคุยและแสงสว่างแทบไม่มี นี่มันเป็นการเปิดงานประเภทไหนกัน?! หรือว่าผมถูกลักพาตัวมาจริงๆ?!!!

    พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!



     
    98Degrees - My Everything♥


    "กรี๊ดดดดดด!!!"

    แสงไฟสปอร์ตไลท์สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงกรี๊ดให้กับ...จงแด?

    เขายืนอยู่สุดทางเดินพร้อมรอยยิ้มและไมค์ที่ยกขึ้นจรดริมฝีปากเรียวเตรียมขับร้องเพลงตามท่วงทำนองที่ดังชัดขึ้นเรื่อยๆ

    "The loneliness of nights alone, the search for strength to carry on
    My every hope has seemed to die, my eyes has no more tears to cry

    Then like the sun shining up above. You surrounded me with your endless love
    Cuz all the things I couldn't see are now so clear to me~"
    (ความเหงาของค่ำคืนที่แสนเดียวดาย รวบรวมพลังเพื่อเดินหน้าต่อ
    ทุกความหวังเหมือนมลายหายไป ดวงตาไม่มีแม้แต่น้ำตาจะให้ไหล

    แล้วก็เหมือนกับตะวันที่กำลังทอแสง คุณโอบล้อมฉันด้วยความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุดของคุณ
    เพราะทุกสิ่งที่ผมเคยมองไม่เห็น ตอนนี้ผมมองเห็นมันชัดเจนแล้ว~)

    ร่างโปร่งเดินมาช้าๆ สายตาคมจดจ้องมาที่ผมตลอดเวลา เสียงนุ่มน่าฟังชวนให้ทั้งฮอล์เงียบคล้อยตาม แสงจากป้ายไฟและแท่งไฟโยกช้าๆ ตามจังหวะเพลง แสงจากแท่งไฟที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสว่างทั่วฮอล์และป้ายไฟชื่อเฉินกับคยูฮยอนและอึนฮยอกทำให้ผมเริ่มรู้ตัวว่ากำลังอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต แต่นั่นก็ไม่ได้ดึงความสนใจจากผมไปเลย ผมยืนตัวแข็งทื่อมองร่างโปร่งที่ก้าวเข้ามาหาเรื่อยๆ

    "You are my everything
    Nothing your love won't bring
    My life is your alone
    The only love I've ever known
    Your spirit pulls me through
    when nothing else will do
    Every night I pray, on bended knee
    That you will always be...my everything~"
    (คุณคือทุกๆ อย่างของผม
    ไม่มีอะไรที่รักของคุณไม่อาจนำพา
    ชีวิตผมเป็นของคุณนะ
    รักแรกและรักเดียวของผม
    กำลังใจของคุณคือแรงผลักดันของผม
    ซึ่งไม่มีสิ่งใดสามารถทำแบบคุณได้
    ผมคุกเข่าภาวะนาทุกคืน
    เพื่อให้คุณเป็น...ทุกๆ อย่างของผม~)

    จงแดหยุดอยู่ตรงหน้าผมพลางส่งยิ้มให้ มือหนายื่นมากุมมือผมเอาไว้แล้วขับขานเนื้อเพลงที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย

    "Now all my hopes and all my dreams are suddenly reallity
    You've opened up my heart to feel a kind of love that's thruly feel

    A guiding light that'll never fade
    There's not a thing in life that I would ever trade for the love you give it won't let go
    I hope you'll always know~"
    (ตอนนี้ึความฝันและความหวังของผมได้กลายเป็นจริงแล้ว
    คุณเปิดใจให้ผมรู้สึกถึงรักแท้ของคุณ

    แสงนำทางที่ไม่มีวันจางหาย
    ไม่มีสิ่งใดในชีวิตที่ผมจะยอมแลกกับความรักของคุณที่มอบให้ผม
    ผมหวังว่าคุณจะรับรู้ถึงมันตลอดนะ~)

    ร่างสูงค่อยๆ นั่งคุกเข่าลงกับพื้น ฝ่ามืออุ่นกุมมือผมแน่นแล้วพรมจูบแผ่วเบาอย่างนุ่มนวล ใบหน้าคมเงยขึ้นมาสบตาผมแล้วจรดริมไมค์ลงบนริมฝีปากอีกครั้ง เสียงทำนองแผ่วลงจนเงียบไปก่อนที่ร่างสูงจะร้องเพลงช้าๆ พลางสบตาผมอย่างสื่อความหมาย


    "You are my everything
    Nothing your love won't bring
    My life is your alone
    The only love I've ever known
    Your spirit pulls me through
    when nothing else will do
    Every night I pray, on bended knee
    That you will always be...~"
    (คุณคือทุกๆ อย่างของผม
    ไม่มีอะไรที่รักของคุณไม่อาจนำพา
    ชีวิตผมเป็นของคุณนะ
    รักแรกและรักเดียวของผม
    กำลังใจของคุณคือแรงผลักดันของผม
    ซึ่งไม่มีสิ่งใดสามารถทำแบบคุณได้
    ผมคุกเข่าภาวะนาทุกคืน
    เพื่อให้คุณเป็น...~)

    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ...ร่างโปร่งยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วใช้แขนแกร่งรั้งเอวผมให้เข้าไปใกล้จนร่างกายแนบชิดกัน ริมฝีปากเรียวจรดลงบนปากผมมอบจูบหอมหวานที่ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าผมคิดถึงสัมผัสของเขาแค่ไหน

    เนิ่นนานที่เรายืนจูบกันอยู่อย่างนี้ จูบครั้งแล้วครั้งเล่าที่ดูเหมือนยังไม่เพียงพอสำหรับเราทั้งคู่ ความคิดถึงและโหยหากันและกันกำลังถูกเติมเต็มด้วยสัมผัสละมุนจากเขา เราริมฝีปากถอนออกจากกันอย่างอ้อยอิ่งเมื่อผมเริ่มหมดลม

    "
    Every night I pray down on bended knee
    That you will always be my everything...
    Oh my everything~"

    (ผมคุกเข่าภาวะนาทุกคืน
    เพื่อให้คุณเป็นทุกอย่างของผม...
    โอ้ ทุกอย่างของผม~)


    เขาร้องเพลงต่อจนจบแล้วโน้มตัวเข้ามาพูดที่ข้างหูผม...

    "Marry me baby♥"
    (แต่งงานกันนะครับที่รัก♥)



     
    Super Junior - Merry U
     

    สิ้นคำพูดเขาก็สวมกอดผมแน่น เสียงเพลงแมรี่ยูดังขึ้นพร้อมกับเหล่าขนมมาสคอตที่วิ่งออกมากระโดดโลดเต้นไปมาอย่างน่ารัก น้องเค้กกับน้องวาฟเฟิลเดินร้องเพลงมาทางพวกเราพร้อมกับเสียงกรี๊ดของเหล่าแฟนคลับที่ดังลั่นฮอล์ ผมแอบตกใจที่น้องวาฟเฟิลกับน้องเค้กคือคู่หูดูโอ้คยูฮยอก เมื่อกี้ที่จับมือผมอยู่นานสองนานคือแด๊นซิ่งแมชชีนของเกาหลี อึนฮยอกนี่เอง (รู้งี้จับนานหน่อยก็ดี=..=) เย้ย!! นั่นไม่ใช่ความคิดผมนะ! ผมอยากกอดน้องเค้กต่างหาก! น้องเค้กแลดูนุ่มนิ่มน่ากอดที่สุด♥

    ขวับ!

    "เลิกมองคนอื่นได้แล้วนะครับ ผมยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคนน้า"

    จงแดประคองใบหน้าผมให้หันไปมองแค่เขาแล้วส่งสายตาและน้ำเสียงอ้อนๆ มาให้ ผมยู่หน้าใส่เขาอย่างหมั่นไส้แต่เขากลับหัวเราะร่าพลางเอาจมูกมาถูจมูกผมเล่น เพราะความใกล้ชิดทำให้ผมรู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเอง ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเราทั้งคู่ ความรู้สึกอิ่มเอมเหมือนหัวใจพองโตทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้

    ...แต่มันยังสุขไม่พอเพราะผมยังไม่ได้กอดน้องเค้กเลยTT

    "จงแดดดดด~ เค้าอยากกอดน้องเค้กอ่าT^T"

    ผมเกาะแขนเขาแล้วเอาหน้าถูกับต้นแขนอย่างอ้อนๆ ไม่สนแฟนคลับที่แซวกันอย่างต่อเนื่อง(แอบแปลกใจที่ไม่มีรองเท้าหรือขวดน้ำปามาใส่เลยแฮะ? จะมีก็แต่เสียงแซวเสียงกรี๊ดให้พวกเรามากกว่า ดูเหมือนพวกแฟนๆ คงเข้าใจเราแล้วสินะเนี่ย?)

    จงแดเดินไปหาอึนฮยอกที่กำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนานกับแฟนๆ ของเขาอยู่ แฟนที่น่ารักของผมพูดอะไรก็ไม่รู้จนอึนฮยอกทำหน้างงๆ แล้วก็ขำออกมาจนเหงือกลอยเด่นมาแต่ไกลพลางถอดชุดเค้กวานิลลาให้สุดที่รักของผมใส่ เขาสวมมันแล้ววิ่งมาหยุดตรงหน้าผม วงแขนกว้างอ้ารอรับอ้อมกอดของผมพร้อมกับรอยยิ้มหวานของเขา

    "รักจงแดที่สุดดดดด~~!♥"

    ผมพูดแล้วกระโดดกอดน้องเค้กนุ่มนิ่มแน่น น้องเค้กตัวนี้น่ากอดกว่าเค้กอึนฮยอกเยอะเลย(แฟนคลับได้โปรดละเว้นผมเถอะ ไหว้ล่ะ_/\_) จงแดของผมนุ่มนิ่ม อ่อนโยน ขี้เอาใจ น่ารักที่สุด



    อย่างนี้จะไม่ให้ผมยอมแต่งได้ไง♥










    นา วา คยอล ฮน เฮ จุล เร? ...I do~♥

    (คุณจะแต่งงานกับผมมั้ย? ...I do~♥)






     
    [Hunhan]
     
    [Sehun]

    "อาลู่..."

    ผมนั่งกุมมือเรียวเล็กของอาลู่แล้วค่อยๆ ดึงมือนุ่มขึ้นมาวางแนบแก้ม หลายวันแล้วที่อาลู่นอนหมดสติอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ผมแทบจะไม่ได้ลุกไปไหนเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กตื่นมาจะไม่เจอใคร ผมนั่งมองใบหน้าหวานด้วยความรู้สึกผิด น้ำตาที่แห้งเหือดไปเริ่มคลอที่เบ้าอีกครั้ง...ทุกอย่างเป็นความผิดของผม ผมทำให้อาลู่ต้องมาเป็นแบบนี้

    "ฮึก..อาลู่...ฉันขอโทษ.."

    ผมพูดกับร่างที่ไร้สติ คำขอโทษที่พร่ำบอกทุกวันหวังให้แทรกซึมเข้าไปในจิตใจของเขาแล้วทำให้เขาตื่นขึ้นมาให้อภัยผมซักที ...ถ้าวันนั้นผมไม่งอนเรื่องรุ่นพี่คนนั้น ถ้าวันนั้นผมรอกลับพร้อมอาลู่ ถ้าวันนั้นผมห้ามแบคฮยอน...

    "โธ่เว้ย!!!!!!"

    ปัง!!!

    ผมปล่อยมืออาลู่แล้วทุบโต๊ะข้างเตียงอย่างแรง ทำไมผมมันงี่เง่าแบบนี้นะ? ถ้าวันนั้นผมรอกลับพร้อมอาลู่ ผมสามารถปกป้องเขาได้ ผม...

    "อาลู่!!"

    ผมเรียกชื่อร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงเสียงดัง มือกดปุ่มเรียกหมอรัวๆ แล้วรีบเข้าไปดูคนรักที่นอนกระพริบตาถี่ๆ เหมือนกำลังปรับสายตาอยู่

    "คุณ..."


    "..."

    "...คือใครครับ?"

    อาลู่มองมาทางผมแล้วพูดช้าๆ เหมือนสมองกำลังประมวลผลอยู่ก่อนจะถามคำถามที่ทำให้ผมนิ่งไปชั่วขณะ

    "!!"

    ก๊อกๆๆ ปัง!

    "ผมขอเช็คอาการคนไข้สักครู่ กรุณาออกไปรอข้างนอกนะครับ"

    หมอและพยาบาลเดินเข้ามาดูอาการคนไข้อย่างเร่งรีบ ผมได้แต่เดินตัวแข็งทื่อออกจากห้องตามแรงผลักของพยาบาลคนหนึ่ง

    ปัง!

    เสียงประตูปิดหลังจากที่ผมออกมาจากห้องเรียกสติผมจากความงุนงงเมื่อครู่ อาลู่ถามผมว่า...ผมคือใคร? ทันใดนั้นคำพูดของหมอเมื่อหลายวันก่อนก็ดังขึ้นในโสตประสาท

    'คนไข้มีบาดแผลตามร่างกายนิดหน่อย แต่การกระทบกระเทือนที่ศีรษะอาจส่งผลกระทบต่อสมองทำให้ความทรงจำทั้งหมด หรือความทรงจำบางส่วนของคนไข้หายไป...'

    "..."

    ผมยืนเงียบอยู่หน้าห้องที่เดิมที่พยาบาลดันให้ผมออกมา ไม่มีแม้แต่เสียงคำพูดซักประโยค ในใจภาวนาให้สิ่งที่หมอเคยบอกไม่เกิดขึ้น อาลู่จะต้องจำผมได้ แม้จะเพิ่งคบกันได้ไม่นานแต่เรารักกันนะ...เรารักกัน...






    "ดูเหมือนว่าความทรงจำของคนไข้ปกติดีนะครับ เขายังจำพ่อแม่และประวัติส่วนตัวของเขาได้ แต่ยังไงผมก็จะต้องตรวจร่างกายและสมองของเขาอีกรอบนะครับ"

    หมอพูดแล้วเดินไปพร้อมกับนางพยาบาล ผมจับลูกบิดประตูแล้วค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปหาคนรักที่หมดสติมาหลายวัน ได้ยินหมอบอกว่าอาลู่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะครับ เมื่อกี้อาลู่ก็ดันแกล้งซะตกอกตกใจหมด เฮ้ออออ

    "อาลู่...ฉันขอโทษ...ฉันไม่งอนนายแล้วนะ จะรุ่นพี่แจจุงหรือพี่คนไหนฉันก็จะไม่หึงแล้ว..ขอโทษนะอาลู่"

    ผมพูดแล้วเดินเข้าไปหาร่างเล็กช้าๆ พลางเอ่ยขอโทษ แต่ก่อนที่จะได้สวมกอดร่างบางผมก็ต้องสะดุดกึกอยู่ข้างเตียงเพราะร่างที่นั่งอยู่บนเตียงเอ่ยบางอย่างออกมาพร้อมน้ำตา

    "อาลู่หรอ?...ชอบชื่อนี้จัง ฟังแล้วมีความสุข..."

    อาลู่พูดด้วยเสียงแผ่วเบา ดวงตากลมโตเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาใสไหลอาบแก้มเนียนจนเริ่มเปียกชุ่ม ผมกำลังจะยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้คนตัวเล็กแต่ร่างบางกลับปัดมือผมออกแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมอง

    "คุณคือใครกัน? ทำไมผมรู้สึกว่าต้องการสัมผัสของคุณ...แต่อีกใจก็บอกว่าให้ถอยห่างจากคุณ?"

    "..."

    "ทำไมเวลาที่ผมมองคุณแล้วน้ำตาไหลแบบนี้ล่ะ? ผมรู้สึกเจ็บตรงนี้มากๆ เวลาที่เห็นหน้าคุณ...คุณ...คือใครกันครับ?"

    อาลู่พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา มือเล็กกุมตรงหน้าอกข้างซ้ายบอกว่าเขาเจ็บตรงนั้นเวลาที่เห็นหน้าผม ผมจ้องใบหน้าหวานแล้วถามด้วยเสียงเครียด

    "อาลู่ นายจำฉันได้มั้ย? ฉันเซฮุน แฟนของนายไง"

    ผมถามคนตัวเล็ก ในใจภาวนาขอให้อาลู่ตอบว่าจำได้...แต่มันไม่เป็นแบบนั้น

    "แฟน? ผมไม่เคยมีแฟน...แม่..แม่ของผมอยู่ไหนครับ?"

    เผาะ...

    น้ำตาของผมไหลลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ใบหน้าหวานแสดงสีหน้าไม่เข้าใจและทำเหมือนผมเป็นคนแปลกหน้า เสียงเรียกหาผู้เป็นแม่ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรไปบอกแม่เขาก่อน...อาลู่จำแม่ได้...แต่เขาจำผมไม่ได้...






    ณ ร้าน Lulu's Sweetie

    กริ๊ง! ปัง!

    ผมกระชากเปิดประตูร้านหลังจากปลดล็อคด้วยกุญแจสำรองที่อาลู่เคยให้ไว้ มือถือแก้วชานมไข่มุกที่ซื้อมาจากร้านประจำที่ผมกับอาลู่เคยไปด้วยกันบ่อยๆ เดินผ่านความมืดของยามค่ำคืนเข้าไปในครัวแล้วเปิดไฟครัวจนสว่าง ผมวางแก้วชานมไข่มุกลงบนโต๊ะก่อนจะหาชามสแตนเลสที่อาลู่เอาไว้ผสมส่วนผสมทำเค้กชานมให้ผม

    ผมเทชานมทั้งแก้วลงในชามก่อนจะเดินเปิดตู้ค้นหาถุงแป้งเค้กที่เคยเห็นอาลู่ใช้อย่างบ้าคลั่ง

    เพล้ง!! ตุ้บ! เคร้ง!

    เสียงของหล่นกระทบพื้นไม่ได้ดึงความสนใจของผมไปแม้แต่น้อย มือยังควานหาแป้งเค้กที่ไม่รู้ว่าเก็บไว้ที่ไหน มือปัดโดนส่วนผสมโน่นนี่จนของหล่นกระจายเต็มพื้นไปหมด น้ำตายังคงไหลเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องไม่หยุดเพราะทนรับสิ่งที่รับฟังมาไม่ไหว

    เจอแล้ว! ผมเทแป้งลงในชามที่ผมเทชานมไข่มุกทิ้งไว้ ...ผมไม่รู้ว่าเค้กที่อาลู่ทำให้ผมกินทุกวันมันทำยังไง...แต่ถ้าผมทำเค้กชานมให้อาลู่...เขาจะต้องจำผมได้แน่!


    ผมคนแป้งกับชานมไข่มุกเร็วๆ ด้วยความโมโหตัวเองและใส่ความเสียใจทั้งหมดลงไป น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหยดลงไปรวมกับส่วนผสมที่รวมกันเป็นก้อนสีขุ่นเละๆ ดูไม่เข้าเค้าความเป็นเค้กเลยสักนิด

    ครืดๆๆ เคร้ง!!
     
    "โว้ยยยยย!!!!!!!!"

    ผมปัดชามส่วนผสมตกโต๊ะจนมันหกกระจายไปทั่วพื้นแล้วทรุดตัวนั่งลงบนพื้นที่เย็นเฉียบช้าๆ ความเย็นจากพื้นเหมือนจะแล่นขึ้นไปที่หัวใจจนผมรู้สึกชาๆ หนึบๆ ตรงนั้น ความรู้สึกอึดอัดเหมือนกำลังถูกของหนักกดทับที่อกจนหายใจไม่ออก มือล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบปากกาที่อาลู่ให้เป็นของขวัญออกมาก่อนจะเขียน 'ลู่หาน' ลงไปบนฝ่ามือ

    เพราะฝ่ามือที่ชื้นเหงื่อทำให้ปากกาเขียนไม่ติด ผมตวัดปากกาเป็นชื่อเดิมหลายๆ ครั้งบนมือตัวเองจนเป็นแผล เลือดซิบๆ ออกมาเป็นรอยคล้ายชื่อที่ผมตั้งใจเขียน ทั้งมือเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะรอยปากกาที่ตวัดผ่าน แม้จะเขียนไม่ติดแต่มันก็สร้างรอยเจ็บปวดไว้มากมาย...

    ผมปล่อยมือลงกระทบพื้นตามแรงโน้มถ่วงอย่างหมดแรง น้ำตาที่ไม่เหือดแห้งไหลไม่หยุด น้ำตาแห่งความเสียใจและความรู้สึกผิดกับสิ่งที่ผมได้ทำไว้ เสียงทุ้มเข้มของคุณหมอเจ้าของไข้ของอาลู่วนเวียนสลับกับคำพูดของอาลู่ที่ฟังดูธรรมดา...แต่มันกรีดหัวใจผมจนยับเยิน...

    'ผมได้ตรวจสแกนศรีษะของคนไข้แล้วพบว่าสมองและความทรงจำทุกอย่างของคุณลู่หานปกติดีครับ แต่บางสิ่งที่คนไข้จำไม่ได้นั้นอาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของเขาสั่งให้ลืมสิ่งนั้น มันอาจเป็นสิ่งที่ไม่มีความหมายที่เขาจะจำ...หรืออาจเป็นสิ่งที่กระทบจิตใจของเขารุนแรงจนเขาไม่อยากจะจดจำมันก็เป็นได้...'







    '
    ผมรู้สึกเจ็บตรงนี้มากๆ เวลาที่เห็นหน้าคุณ...

    คุณ...คือใครกันครับ?
    '








     
    [Chanbaek]
     
    [Chanyeol]
     
    วันนี้เป็นอีกวันที่ผมมาช่วยแบคฮยอนที่ร้านหลังจากที่เราคืนดีกันแล้ว แต่แบคไม่คุยกับผมเลย ถามคำตอบคำตลอด ไหนบอกเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วไง? ผมรู้ว่าผมผิดที่ไปทำร้ายจิตใจเขาในวันนั้น แต่ผมเมามากทำให้ผมทำแบบนั้นกับเขา แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่รับผิดชอบเขานี่นา ผมยังอยากดูแลเขาต่อไป แต่เจ้าตัวดันไม่ยอมให้ผมดูแลเลยน่ะสิ

    ผมยืนมองร่างเล็กที่กำลังเก็บโต๊ะจากในเคาน์เตอร์ ท่าทางคล่องแคล่วและรอยยิ้มหวานที่มอบให้ลูกค้าดูน่ารักน่าเอ็นดูสำหรับลูกค้าหลายคน ผมยิ้มกับตัวเองบางๆ ทั้งที่ใจรู้สึกเจ็บปวดที่รอยยิ้มหวานนั่นไม่ได้ยิ้มให้ผมอีกเลยหลังจากวันนั้น

    "แบค..."

    ผมคว้าข้อมือบางไว้ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินเอาจานไปเก็บในครัว ถาดในมือเล็กถูกผมแย่งแล้วเอาวางไว้ที่เคาน์เตอร์ ร่างบางชักสีหน้าใส่แล้วสะบัดข้อมือออกอย่างแรง

    "ปล่อย"


    ประโยคสั้นๆ ที่ไม่ได้ตวาดแต่ฟังดูแล้วเยือกเย็นจับใจ แบคฮยอนมองผมด้วยสายตานิ่งเฉยแต่แฝงความเจ็บปวดที่ปิดไม่มิด

    "ขอ..."

    กริ๊ง~

    ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดขอโทษก็มีลูกค้าสาวกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน แบคฮยอนส่งสายตาบอกให้ผมออกไปรับลูกค้าก่อนจะรีบหยิบถาดแล้วเดินเข้าครัวไป...โดยที่ดวงตาเรียวมีน้ำตาคลออยู่และพร้อมจะไหลลงมาทุกเมื่อ ผมได้แต่มองตามไปอย่างห่วงๆ แต่กลับตามไปไม่ได้เพราะต้องออกไปรับลูกค้า

    "สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ:)"

    ผมทักทายลูกค้าพร้อมรอยยิ้ม พวกเธอหันไปกระซิบกระซาบกันเสียงดังเรื่องเจ้าของฉายาตัวพ่ออย่างผมที่มาเป็นพนักงานร้านเค้ก ผู้หญิงคนหนึ่งก้าวออกมายืนข้างหน้าผมแล้วพูดตะกุกตะกักด้วยความเขินอายที่ผมเห็นมันจนชินจากคนอื่น

    "เอ่อ...ขะ..ขะเบอร์โทรของคุณชานยอล...ได้มั้ยคะ?"

    ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยกับคำถามที่ได้ยินบ่อย ถ้าเป็นทุกทีผมคงให้ไปโดยไม่ต้องขอ เพราะสาวๆ กลุ่มนี้หุ่นดีทุกคน...แต่ตอนนี้ถ้าให้เลือกระหว่างความสุขชั่วคราวจากผู้หญิงพวกนี้กับความสุขความอิ่มเอมใจจากแบคฮยอน...ผมตอบแบบไม่ต้องคิดเลยครับว่าผมเลือกแบคฮยอน!

    "ขอโทษนะครับ ผมมีแฟ..."

    "นี่ครับเบอร์โทรชานยอล:)"

    "แบค?!!!"

    ผมเรียกชื่อร่างเล็กที่เดินเข้ามายื่นกระดาษที่จดเบอร์โทรของผมให้ผู้หญิงคนนั้นด้วยรอยยิ้มน่ารักของเขา ท่าทางเหมือนเต็มใจของคนตัวเล็กทำให้ผมใจหายไม่น้อย

    "พวกคุณจะโทรนัดเขาเมื่อไหร่ที่ไหนก็ได้เสมอนะครับ เรื่องบนเตียงน่ะเขาไม่เกี่ยงอยู่แล้วครับ;)"

    แบคฮยอนพูดแล้วขยิบตาให้ผู้หญิงพวกนั้น ความรู้สึกดีที่เคยถูกคนตัวเล็กหวงเคยถูกหึงไม่มีอีกแล้ว ความน้อยใจที่เขาไม่แคร์ไม่สนใจที่ผมจะมีใครมันกัดกินใจผมเป็นแผลลึก

    "ขอเบอร์ผมคืนด้วยครับ"

    ผมพูดเสียงเรียบพลางยื่นมือไปขอกระดาษคืนจากลูกค้าแต่แบคฮยอนกลับจิ๊ปากเสียงดังเหมือนคนถูกขัดใจแล้วเอื้อมมือไปคว้ามือผู้หญิงคนนั้นมาวางบนมือผม

    "มุขเก่าแล้วน่าชานยอล~ อยากจับมือสาวมันก็ต้องแมนๆ หน่อยสิ!"

    ว่าแล้วคนตัวเล็กก็จับให้มือผมกับมือลูกค้าคนนั้นให้กุมประสานกัน

    "พอได้แล้วแบค! นายเป็นอะไรของนายฮะ?!...ขอเบอร์ผมคืนด้วยครับ ผมมีแฟนแล้วและไม่คิดจะคุยกับใครอีกนอกจากเขา ผมขอโทษกับความผิดพลาดครั้งนี้ด้วยนะครับ ผมขอรับผิดชอบด้วยการจ่ายค่าเค้กของพวกคุณทุกคน แล้วเดี๋ยวผมจะให้พนักงานอีกคนมาดูแลนะครับ"

    ผมพูดกับแบคฮยอนเสียงดังเพื่อหยุดการกระทำของเขาแล้วหันกลับไปขอโทษลูกค้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนจะลากแขนคนตัวเล็กเข้าไปในครัวเพื่อเคลียเรื่องทั้งหมดอย่างจริงจังซักที

    พี่วิคตอเรียที่มาช่วยงานชั่วคราวเพราะลู่หานประสบอุบัติเหตุเห็นพวกผมเดินเข้ามาในครัวก็เดินออกไปดูหน้าร้านให้แทน ผมโค้งขอบคุณพี่วิคตอเรียเล็กๆ ก่อนจะสวมกอดร่างเล็กจากด้านหลัง ผมสูดความหอมจากแก้มนิ่มฟอดใหญ่แล้วกระซิบข้างหูคนในอ้อมกอด

    "เป็นไรครับ?"

    "..."

    ร่างเล็กยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่มีเสียงต่อว่าที่ผมฉวยโอกาส ไม่มีท่าทีผลักไสอ้อมกอดของผมแต่ก็ไม่ได้ตอบรับเพียงแค่ยืนนิ่งเหมือนไม่ใส่ใจผม

    ผมถอนอ้อมกอดออกจากร่างเล็กแล้วพลิกให้เขาหันมาประชันหน้ากับผม มือหนากุมใบหน้าสวยแผ่วเบาพลางใช้นิ้วหัวแม่มือลูบแก้มเนียนอย่างอ่อนโยน

    "เพราะเรื่องวันนั้นใช่มั้ย? ...ขอโทษนะ วันนั้นฉันเสียใจที่ฉันให้เบอร์กับคนอื่นเลยดื่มเหล้าหนัก ไม่ได้เจอนายมาหลายวันฉันคิดถึง พอนายเข้ามาฉันเลย...ขอโทษนะแบค"

    "..."

    ร่างบางยังคงยืนนิ่ง ดวงตาเรียวกระตุกวูบและดูระยิบระยับเพราะหยาดน้ำตาที่ก่อตัวอยู่ในดวงตาคู่สวยนั่น

    "หึงฉันสิ...หวงฉัน ตบตีฉัน ต่อว่าฉันหรือทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ฉันรู้ว่านายรักฉัน...อย่าเย็นชากับฉันอีกเลยนะ"

    ผมพูดกับคนตัวเล็กอย่างอ้อนวอน ผมกำลังอ้อนวอนขอความรักจากเขา ปาร์ค ชานยอลที่ไม่เคยตามตื้อใครแต่กลับคิดว่าตัวเองคงอยู่ไม่ได้ถ้าขาดคนตัวเล็กคนนี้ไป

    "แบค..ฉันรักนายนะ.."

    ผมพูดแล้วโน้มตัวลงไปประทับจูบบนริมฝีปากบาง ลิ้นร้อนแตะลงบนกลีบปากนุ่มเพื่อให้ร่างเล็กเปิดปากรับสัมผัสของผมหากแต่ร่างบางกลับยืนนิ่งเหมือนจะให้ผมทำอะไรก็ได้ แม้เขาจะไม่ขัดขืน...แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะตอบสนอง

    ผมหลับตาลงแล้วค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมา สองเท้าก้าวถอยหลังเว้นระยะห่างระหว่างเราเอาไว้ก่อนที่ผมจะก้มหน้าลงแล้วพูดอย่างคนหมดแรง

    "ถ้านายไม่ต้องการฉันก็บอกสิ อย่าทำกับฉันแบบนี้.."

    ผมพูดเสียงแผ่วอย่างท้อใจ ความรู้สึกเจ็บปวดและน้อยใจทำให้ผมไม่มีแรงจะดื้อรั้นเดินหน้าต่อไปอีกแล้ว

    "..."

    "ขอโทษที่กวนนายมาตลอดนะแบค ตลอดช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมาฉันมีความสุขจริงๆ นายน่ะให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนแม่ฉันเลยนะ"

    ในเมื่อเขาไม่ต้องการผม...ผมก็จะเป็นคนจากไปเอง

    "..."

    "...ลาก่อนนะแบค...ดูแลตัวเองดีๆ นะ..."

    ผมหมุนตัวแล้วก้าวขาเดินออกจากห้องครัว

    หมับ!

    "อย่าไป..."

    เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาพร้อมสัมผัสอุ่นที่รั้งมือผมเอาไว้ ผมยืนเงียบรอว่าคนตัวเล็กจะพูดอะไรกันแน่

    "..."

    "อย่าไปเลย...อยู่กับฉันนะ..ฮึก...อย่าทิ้งฉันปะ..ไป..นะ..ฮึก"

    ผมหันไปมองใบหน้าสวยหวานที่เต็มไปด้วยรอยน้ำตาของแบคฮยอน คนตัวเล็กก้มหน้าแล้วร้องไห้ทั้งที่มือยังไม่ปล่อยจากมือผม ผมกระชากร่างเล็กเข้ามากอดแล้วกดศีรษะบางให้ซุกอยู่ตรงอก อ้อมแขนเล็กโอบเอวผมแน่นแล้วซุกตัวเข้ามาใกล้จนเราได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน

    "ฉันรักนายนะแบค...ฉันรักนาย..อย่าร้องไห้เลยนะ..ฉันชอบมองรอยยิ้มของนาย..."

    ผมลูบลงบนกลุ่มผมนุ่มพลางพูดอย่างอ่อนโยนเหมือนเป็นการปลอบประโลมร่างเล็กที่ร้องไห้จนตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอด

    "ฮือๆๆ ฉันก็รักนาย..ฮึก..ชานยอล..ฉันชอบยิ้ม..หะ..ให้นายนะ..ฮึก.."

    ร่างเล็กเลยหน้าขึ้นมามองผมด้วยดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาถ้อยคำน่ารักของเขาทำให้ผมยิ้มกว้าง หัวใจที่เคยเป็นแผลเหมือนกำลังถูกเยียวยา ความรู้สึกพองโตที่ให้ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

    "ขอโทษนะแบค..คืนนั้นฉันเมาจริงๆ ..ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปล้ำนายนะ..."

    "หา?? นายปล้ำฉัน?!!"

    ร่างเล็กดันตัวออกจากอ้อมกอดผมแล้วถามแทรกอย่างไม่เข้าใจ

    "อือ..ฉันขอโทษนะ ฉันพร้อมจะรับผิดชอบนายทั้งชีวิตนะแบค ที่ฉันทำไป..."

    "เดี๋ยวๆๆ นายพูดเรื่องอะไรอยู่น่ะนายชานยอลหูกาง??"

    แบคฮยอนพูดแทรกแล้วเอามือมาปิดปากผมไม่ให้พูดต่อ

    "นายปล้ำฉันหรอ?"

    ร่างเล็กถามพลางทำหน้านึกย้อนหลังว่าตัวเองเจอกับอะไรมาบ้างแต่ใบหนน้าสวยยังแสดงความไม่เข้าใจออกมาอย่างกระจ่างชัด

    "อื้อๆๆ"

    ผมพยักหน้าพลางตอบเสียงอู้อี้อยู่ในฝ่ามือเรียวสวยของคนตัวเล็กที่ปิดปากผมอยู่

    "เมื่อไหร่กัน?! ฉันไม่เคยเสียตัวให้ใครนะ!"

    ร่างเล็กถามเสียงดังอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง จริงๆ ต้องเป็นผมนะที่จำไม่ได้เพราะวันนั้นผมเมาจริงๆ จำอะไรแทบไม่ได้แต่แค่จำได้ลางๆ ว่าวันนั้นผมกับแบคฮยอนมีความสุขด้วยกัน คนตัวเล็กดึงมือตัวเองออกแล้วปล่อยให้ผมได้พูด

    "ก็วันนั้นฉันดื่มจนเมา ฉันคิดถึงนาย...แล้วพอนายเดินเข้ามาฉันด็เลยเผลอใจนิดหน่อย...ขอโทษนะแบค"

    ผมยังเอ่ยคำขอโทษไม่หยุดอย่างรู้สึกผิด ครั้งแรกของเขากับการกระทำโง่ๆ ของผมมันไม่คู่ควรกันจริงๆ ผมได้พรากสิ่งที่สำคัญของเขาไปโดยที่เขาไม่เต็มใจซะแล้ว

    "ปล้ำบ้าปล้ำบออะไรล่ะ?! ถ้านายจะปล้ำนายคงปล้ำพี่ซูโฮโน่นนนนนนนน!!ตอนที่ฉันไปเจอ...นายก็นอนกอดกับพี่ซูโฮอยู่ก่อนแล้ว...ฮึก..."

    ร่างเล็กทำเป็นเล่นก่อนจะเริ่มร้องไห้อีกครั้งทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้

    "ซูโฮ?? ฉันจำได้ว่านายเข้ามาหาฉัน เพราะฉันคิดถึงนายเลยเผลอใจไป...แต่คนๆ นั้นกลับเป็นซูโฮ นี่ฉันคิดมาตลอดว่านายโกรธที่ฉันปล้ำนายนะ"

    ผมตอบบอกคนตัวเล็กไปตามความจริง ร่างบางซุกตัวกอดผมแน่นแล้วเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงกว่าเดิม

    "เรื่องของอดีตปล่อยมันไปซะ...เรามาเริ่มใหม่กันนะชานยอล"

    "อื้อ! โอกาสของนายฉันจะคว้าและรักษามันไว้ชั่วชีวิตเลย♥"

    ผมกอดร่างเล็กแน่นด้วยความคิดถึง หัวใจของเรายังคงเต้นแรงเป็นจังหวะเดียวกันเหมือนครั้งแรกที่เราเจอกัน...

    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก~♥









     
    [Taoho]
     
    [Suho]
     
    ผมนอนมองเทาที่เกลี่ยผมผมอย่างแผ่วเบาเหมือนที่ทำให้ผมก่อนนอนทุกคืน...แล้วเขาก็จะไปนอนที่โซฟา...

    เขาให้ผมนอนบนเตียงของเขาแต่ตัวเขากลับไปนอนบนโซฟาที่นอนไม่สบายตัวทั้งที่บ้านหลังใหญ่โตของเขามีห้องนอนมากมาย...เพียงเพราะเขาไม่อยากทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว

    "ฝันดีครับ"

    เทาพูดแล้วโน้มตัวลงมาจุมพิตที่หน้าผากผม ผมหลับตารับสัมผัสอบอุ่นจากริมฝีปากเรียว ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจที่เหมือนกำลังพองโต หลายวันที่เทาดูแลผมมาตลอดทำให้ผมคิดได้...ว่าผมควรจะบอกเทาไปสักทีว่าผมก็คิดกับเขาเกินกว่าพี่น้องเหมือนกัน

    ความรู้สึกที่มีต่อชานยอลมันเหมือนเริ่มเลือนลางจนหายไปแล้ว ไม่ว่าผมจะทำอะไรก็จะมีเทาคอยอยู่เคียงข้าง...และผมก็มักจะคิดถึงแต่เขาเสมอ

    "เทา.."

    ผมคว้ามือหนาไว้ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับไปที่โซฟา เหมือนที่เขาพยายามหันหลังให้ผมตลอด ทุกๆ ครั้งที่ผมมองแผ่นหลังกว้างห่างไกลออกไปมันทำให้ผมรู้สึกหวิวๆ ในใจอย่างประหลาด

    "นอนที่นี่นะ"

    ผมนอนมองคนที่ยืนอยู่ด้วยสายตาเว้าวอน ผมรู้ว่าตัวเองหลงรักน้องชายคนนี้และอยากอยู่ใกล้เขาตลอดเวลา ความรู้สึกอยากได้รับการปกป้องจากเขามันเด่นชัดจนรู้สึกว่าเก็บมันต่อไปไม่ไหว

    เทาทำท่าจะนั่งลงมาบนเตียงแต่เขาก็ขืนตัวเองไว้แล้วเสหน้าไปอีกทาง

    "ไม่เป็นไรครับ เกะกะพี่เปล่าๆ เดี๋ยวพี่จะนอนไม่สบายตัว"

    เทาว่าแล้วทำท่าจะเดินไปที่โซฟา แต่ผมบีบมือหนาแน่นแล้วมองเข้าไปในตาของเขาส่งความรู้สึกและความต้องการผ่านสายตาออดอ้อน เทาหลับตาลงซักพักแล้วลืมตาขึ้นมาสบตาผมพลางพยักหน้าเล็กๆ เป็นการตกลงก่อนจะสอดกายเข้ามาในผ้าห่ม ผมขยับตัวออกมาให้เขาได้นอนแล้วใช้มือข้างหนึ่งดึงผ้าห่มห่มร่างเราสองคนไว้ ความอบอุ่นกระจายไปทั่วอย่างที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

    "อุ่นเนอะ"

    ผมพูดแล้วซุกตัวเข้าใกล้ร่างสูง มือบางวางไว้บนอกแกร่งแล้วซบหน้าลงไปทำให้ได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่เต้นแรงมากๆ ...เหมือนหัวใจผมเลย จริงอยู่ที่ผมเคยร่วมเตียงกับชานยอลมาแล้ว แต่กับเทาครั้งนี้มันต่างกันโดยสิ้นเชิง ความรู้สึกอบอุ่นและเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักของเราสองคน...ผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็กที่เพิ่งมีความรักครั้งแรกอย่างนั้นแหละ

    เทาสอดแขนแกร่งไว้ใต้หัวผมให้ผมได้หนุนนอนแล้วใช้มืออีกข้างรวบเอวผมเข้าไปกอดแน่น

    "ขอโทษครับ ผมห้ามใจตัวเองแล้ว..แต่มันทำไม่ได้จริงๆ ..."

    ร่างสูงพูดด้วยเสียงสั่นๆ เหมือนกำลังร้องไห้ อ้อมแขนแกร่งที่โอบกอดผมสั่นเทาจนผมรูั้สึกได้

    "คืนเดียว...ขอแค่คืนนี้คืนเดียวนะครับ หลังจากนี้...ผมคงจะตัดใจจากพี่ได้..."

    "อย่า...อย่าปล่อยมือพี่..อย่าปล่อยมือฉันนะ"

    ผมกอดเอวหนาแล้วพูดแทรกน้ำเสียงสั่นเทาของเขา คำว่าจะตัดใจจากผมมันกระตุกใจผมวูบใหญ่

    "ขอเวลาพี่อีกหน่อยนะเทา...อีกไม่นาน...ขอเวลาอีกนิด..แล้วพี่จะพูดว่าพี่รักนายได้เต็มปากซักที"

    "พี่ไม่ต้องมาสงสารผม!"

    เทาพูดเสียงแข็งแล้วดันตัวผมออกจากอ้อมกอดอุ่น ผมกอดรั้งเขาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะลุกหนี

    "สัมผัสหัวใจของพี่...รู้สึกมั้ยว่ามันเต้นแรง..ตอนนี้...ตอนที่พี่อยู่ในอ้อมกอดของเทานะ..."

    ผมดึงมือหนาขึ้นมาวางที่อกข้างซ้ายให้เขาได้รับรู้...ว่าความรู้สึกของผมคือเรื่องจริง...

    ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...

    ขวับ!

    ร่างสูงดึงผมเข้าไปกอดแน่นเช่นเดียวกับผมที่โอบเอวหนาซุกตัวเข้ากับอกอุ่น

    "รอพี่อีกนิดนะ"

    ผมพูดเสียงหนักแน่น...

    ผมยังรักชานยอลครับ...แต่ความรู้สึกนั้นราวกับจางหายลงเรื่อยๆ เมื่อผมอยู่ใกล้เทา

    "ครับ...ผมจะรอ.."

    เทาพูดพลางลูบบนกลุ่มผมนุ่มเบาๆ

    "..."

    "..."

    "
    จุนมยอน..."

    ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ ในความเงียบ

    "คิม จุนมยอนคือชื่อของพี่.."

    "ครับ?"

    เทาพูดเสียงสูงด้วยความแปลกใจหากแต่อ้อมกอดอุ่นยังไม่คลาย..

    "พี่ชื่อคิม จุนมยอน..ซูโฮคือชื่อที่พี่ใช้อำพรางชื่อเดิมหลังจากหนีออกจากบ้าน พี่มีน้องชายอยู่คนนึง...เขาชื่อจงแด แต่นายคงจะรู้จักเขาในฐานะนักร้องดังที่ชื่อเฉิน ไม่ก็สุดยอดอัจฉริยะของเกาหลี...เพราะความที่เขาเป็นอัจฉริยะทำให้ทุกคนสนใจแต่เขา พี่ไม่ได้เกลียดจงแดแต่พี่น้อยใจที่ทุกคนมองข้ามพี่กันหมด...พี่มันขี้อิจฉาใช่มั้ยล่ะ? หึ"

    ผมแค่นหัวเราะสมเพชที่ตัวเองเป็นคนแบบนนี้ แต่เทากลับกระชับอ้อมกอดแล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยน

    "ผมจะดูแลใส่ใจพี่เอง อย่าน้อยใจนะครับ...ถึงจะไม่มีใครใส่ใจพี่...แต่ผมจะเป็นคนที่ไม่มีวันทิ้งพี่ไว้เด็ดขาด"

    "อื้อ..ดูแลพี่ด้วยนะ พี่อยากให้เทาดูแล"

    ผมพูดพลางซุกตัวเข้าหาร่างแกร่งก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองต่อ

    "ชื่อซูโฮน่ะมีแค่ชานยอลเท่านั้นที่รู้จัก...หลังจากหนีออกมาพี่ก็ไม่เคยบอกชื่อตัวเองกับใคร...จนได้มาเจอชานยอล...พี่ตกหลุมรักเขาเพียงแค่แรกพบ..และเต็มใจมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาตั้งแต่แรกพบเช่นกัน...แม้จะรู้ว่าพี่ไม่มีทางเป็นตัวจริงของเขาได้...แต่พี่ก็ยอมเขาทุกอย่าง...ยอมเป็นคนในเงาในชื่อของซูโฮเพียงเพราะไม่อยากเปิดเผยอดีตของตัวเอง...และเขาก็ไม่เคยสนใจที่จะถามถึงอดีตของพี่เลย...ความสัมพันธ์ของพวกเรามันเริ่มที่บนเตียงและจนที่บนเตียงเสมอ พี่...."

    ขวับ!

    "อย่าคิดถึงเขาอีกเลยนะครับ...อย่าคิดถึงใครตอนที่อยู่กับผม...นะครับ"

    เทาพูดด้วยเสียงอ้อนวอน อ้อมกอดอุ่นกอดรัดผมแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ผมพยักหน้าอยู่ในอ้อมกอดเขา...ความต้องการของเขายังเหมือนเดิม...

    ..อย่าคิดถึงใครตอนที่อยู่กับเขา..

    "อื้อ ไม่พูดแล้ว...อดีตพี่เคยรักเขา...แต่ปัจจุบันพี่กำลังพยายามเพื่อเทานะ"

    ผมพูดแล้วเอาแก้มแนบกับอกแกร่งเหมือนกำลังออดอ้อน

    "นอนได้แล้วนะครับ แล้ววันหลังเราไปบ้านของพี่กัน..ผมอยากให้พี่ปรับความเข้าใจกับพ่อแม่นะครับ...ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่ห่วงลูกหรอก ผมว่าป่านนี้พวกท่านคงห่วงว่าพี่จะเป็นยังไง จะกินอยู่ที่ไหน..พวกท่านคงห่วงพี่มากแน่ๆ เลย"

    "ได้สิ...พี่จะได้แนะนำว่าที่ลูกเขยให้พ่อแม่พี่รู้จักด้วยไง:)"

    ผมเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะตอบด้วยโทนเสียงที่เปลี่ยนไปจากตอนแรก ความจริงผมแอบไปดูที่บ้านบ่อยๆ อยู่แล้วแหละ...แต่แค่คิดว่าผมยังเป็นห่วงที่บ้านมากขนาดนี้...แล้วไม่รู้ว่าพ่อแม่ผมจะห่วงผมแค่ไหนกัน...ขอโทษนะครับ...พ่อ..แม่..

    "ครับ? ผมไปได้หรอ?"

    เทาถามอย่างสงสัย

    "ทำไมจะไม่ได้? พี่จริงจังนะ...หรือเทาแค่เล่นๆ กับพี่?"

    ผมถามเขากลับด้วยเสียงงอนๆ จะให้ผมหน้าแตกที่ทึกทักไปเองว่าเขาอยากเป็นลูกเขยบ้านผมรึยังไงกัน?! แต่คำตอบของเขาก็ทำให้ผมยิ้มออก

    "ผมไม่มีทางเปลี่ยนใจจากพี่แน่นอน"

    เทาถอนกอดแล้วจ้องเข้ามาในตาของผม น้ำเสียงจริงจังทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเขา ความหนักแน่นของเทาเริ่มทำให้หัวใจผมปั่นป่วน เลือดถูกสูบฉีดไปทั่วร่างเพราะหัวใจที่เต้นเร็วผิดปกติ ความรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าทำให้ผมรู้ว่าตัวเองหน้าแดงจนต้องก้มหน้าหลบสายตาคมแต่มือหนากลับเชยคางผมให้เงยหน้าขึ้นไปมองเขาอีกครั้งก่อนจะยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน

    "ผมรักพี่นะ..."

    ริมฝีปากเรียวหยักยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเลื่อนลงมากดจูบลงบนปากผม ผมหลับตารับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ ความรู้สึกที่นุ่มนวลทำให้ผมล่องลอยและอิ่มเอม

    คำคืนที่ไร้คำว่าราตรีสวัสดิ์แต่กลับรู้สึกเหมือนนอนฝันหวานจากรอยจูบละมุนและอ้อมกอดอุ่นของร่างสูง...

    หวังว่าทุกคืนจะเป็นฝันดีของผมนะ♥ 
     

     
    ---------------------------------------------------------------------
     
     
    สรุปหมินเห็นแก่กินหรือยังไงเนี่ย5555555

    ฮุนฮานอะไรกันอีกกกก?? ไรเตอร์อยากให้ฮุนฮานหวานๆ♥ อาลู่ทำไมจำเน่ไม่ได้อ่าTT

    ชานแบคดีกันแล้วววว เตรียมตัวรอโมเม้นน่่ารักๆ ของชานแบคได้เลยนะคะ><

    เทาโฮแฮปปี้แล้ว(รึเปล่า?) ขอให้ลงเอยกันซักทีนะคู่นี้ ดราม่ามานานเกิ๊นนนน(วบพส.)

    ปล้ำลู่. ใครเม้นแล้วจะมาดิทเม้นเดิมทีหลังบอกด้วยนะคะ บางทีไรเตอร์ไม่ได้กลับไปเช็คเม้นเก่า

    ปล้ำลู่รอบสอง. ไรเตอร์ยังตอบเม้นในหน้าฟิคนะคะ(บอกไว้เผื่อใครไม่รู้) ไปเวิ่นกันได้เน้อ

    ปล้ำลู่รอบสาม(ฟินนน♥). 
    ขอบคุณน้องปิ๋ม (Pum_Pim) ที่มาช่วยกันมั่วพล็อตน้า♥ 






     

    B B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×