คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๓๙๕/๒๕๔๓
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๓๙๕/๒๕๔๓
เรื่อง คดีแรงงาน ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการฯ พ.ศ. ๒๕๔๒ (ข้อ ๓๔(๑)) ป.พ.พ. (ม.๕๘๓)
การที่โจทก์อนุญาตให้นักศึกษานำเอกสารที่เป็นธงคำตอบของข้อสอบคัดลอกตอบข้อสอบเอกสารดังกล่าวมิใช่เป็นตำราทั่วไป ถือได้ว่า โจทก์ประพฤติไม่ซื่อตรงการกระทำของโจทก์เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยไม่ต้องจ่าย ค่าชดเชยให้แก้โจทก์ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ข้อ ๓๔(๑) ทั้งการกระทำของโจทก์เป็นการกระทำไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้อง และ สุจริตตาม ป.พ.พ. ม.๕๘๒ ด้วย จำเลยย่อมเลิกจ้างได้ โดยไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์
ป. นันตาภิวัฒน์
จำเลยอุทธรณ์คัดค้าน คำพิพากษาศาลแรงงานกลาง(ภูเก็ต) ลงวันที่ ๑๘ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๒ ศาลฎีกา รับวันที่ ๘ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย ทำหน้าที่เป็นครูสอนวิชาการบัญชีโรงเรียนบริหารธุรกิจภาคได้ตั้งแต่วันที่๑๑ กันยายน ๒๕๔๐ ได้รับค่าจ้างอัตรสุดท้ายเดือนละ ๖,๓๖๐ บาท กำหนดจ่ายทุกสิ้นเดือนเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๒ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิดและไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้จำเลยยังค้างจ่ายค่าจ้าง ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย ๑๙,๐๘๐ บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๗,๖๓๒ บาท ค่าเสียหายเนื่องจากเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ๓๐,๐๐๐ บาท และค่าจ้าง ๑๔,๙๖๔ บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยประกอบกิจการโรงเรียนเอกชนอยู่ภายใต้ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการคุ้มครองครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ไม่อยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๒ จำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์เจตนากระทำความผิดอาญาต่อนายจ้างและจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายโดยจัดทำสำเนาบทความหมิ่นประมาทโรงเรียนจากหนังสือพิมพ์แจกจ่ายนักศึกษาและครู และ ปฏิบัติหน้าที่ไม่สุจริตโดยให้นักเรียนลอกข้อสอบ จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้ค่าสินไหมทดแทน สำหรับค่าจ้าง ค้างจ่าย จำเลยชำระให้โจทย์ครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทย์ไม่มีเจตนากระทำผิดอาญาฐานหมื่นประมาทต่อจำเลยหรอจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย การกระทำของโจทย์ก็ไม่เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเป้นกรณีร้ายแรง แต่ถือได้ว่ามีเหตุเพียงพอในการเลิกจ้าง ไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยเป็นเงิน ๑๙,๐๘๐ บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน ๗,๖๓๒ บาท แก่โจทก์ ส่วนคำขออื่นให้ยกเสีย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นสมควรวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในประการแรกว่า โจทก์ทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่เสียก่อน คดีนี้ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า โจทก์จัดการสอบวิชาระบบบัญชีภาคฤดูร้อนโดยอนุญาตให้นักศึกษานำเอกสารแผนนำเข้าไปดูและคัดลอกตอบข้อสอบได้ แต่ไม่ปรากฏว่าในการจัดสอบด้วยวิธีดังกล่าวโจทก์ได้เรียกหรือรับหรือได้ผลประโยชน์เป็นเงินทองหรือทรัพย์สินจากนักศึกษาหรือผู้อื่น เห็นว่า ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการคุ้มครองการทำงานของครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน พ.ศ.๒๕๔๒ ข้อ ๓๔ กำหนดว่า ผู้รับใบอนุญาตไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ครูซึ่งเลิกสัญญาการเป็นครูในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี่ (๑) ทุจริตต่อหน้าที่ ฯลฯ และระเบียบดังกล่าวมิได้ให้ความหมายว่า "ทุจริต" ไว้ทั้งมิใช้คำว่า "โดยทุจริต" ตามที่มีบัญญัติใช้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑(๑) จึงต้องใช้ความหมายคำว่า "ทุจริต" ตามพจนานุกรมคือความประพฤติชั่ว โกง ไม่ซื่อตรง การที่โจทก์อนุญาตให้นักศึกษานำเอกสารที่เป็นธงคำตอบของข้อสอบคัดลอกตอบข้อสอบ โดยเอกสารดังกล่าวมิใช่เป็นการตำราทั่วไป ถือได้ว่า โจทก์ประพฤติไม่ซื่อตรง การกระทำของโจทก์จึงเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการดังกล่าว ข้อ ๓๔(๑) ทั้งการกระทำของโจทก์เป็นการกระทำที่ไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๘๓ อีกด้วยจำเลยย่อมเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายสินจ้างทดแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นเมื่อวินิจฉัยเช่นนี้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นๆ ของจำเลยต่อไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับคำขอค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าด้วย นอกจากที่แก้ไขเป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง
ความคิดเห็น