คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ผู้เสพความตาย
บทที่ 6 ผู้เสพความตาย
“เป็นไงบ้างจ๊ะ เมื่อคืนนอนหลับสบายดีมั๊ย” นางวิสลี่ย์เอ่ยถามมัลฟอยบนโต๊ะอาหาร
“เอ่อ..ก็ดีครับ” มัลฟอยตอบ แต่ยังก้มหน้าก้มตากินอยู่ เขาไม่อยากเงยหน้าขึ้นมาสบตากับใครๆ เลย
“นี่เฟร็ด จอร์จ แล้วก็รอนด้วย กินข้าวเสร็จแล้วลูกช่วยออกไปซื้อของให้แม่หน่อยสิ” นางวิสลี่ย์เอ่ยกับลูกๆของเธอ
“ไม่ได้หรอกฮะแม่ ผมกับจอร์จคงต้องรีบกลับไปที่ร้าน ทิ้งมาหลายวันแล้ว” เฟร็จตอบ
“แล้วผมต้องไปกับศาสตราจารย์ลูปินด้วย เขาขอให้ผมไปเป็นเพื่อนเขาที่เมืองข้างๆ นี่ เขาบอกผมไว้เมื่อวานนี้” รอนพูดขึ้นบ้าง
“หนูไปให้ก็ได้ค่ะคุณนายวิสลี่ย์” เฮอร์ไมโอนี่บอก เพราะเธอเป็นคนที่ว่างอยู่ในตอนนี้
“ไม่ได้หรอกจ้ะ สถานการณ์ตอนนี้จะให้หนูไปคนเดียวได้ยังไงกัน มันอันตราย” นางวิสลี่ย์ค้าน
“พวกผู้เสพความตายคงไม่ออกมาเดินเพ่นพ่านตามตลาดที่คนพลุกพล่านหรอกค่ะ แล้วอีกอย่างหนูจะระวังตัว” เฮอร์ไมโอนี่เสริม
“แต่ไปคนเดียวมันก็อันตรายอยู่ดี” นางวิสลี่ย์ครุ่นคิด
“ผมจะไปด้วย” มัลฟอยพูดขึ้นมาลอยๆ
“ไม่มีทางไอ้ซีด แกนั่นแหละตัวอันตราย” รอนโวยวาย
“รอน!!” นางวิสลี่ย์เสียงเขียว แล้วหันไปพูดต่อกับมัลฟอย “เธอก็ไม่สมควรไปมัลฟอย พวกนั้นคงตามตัวเธออยู่ เธอจะเป็นอันตรายได้”
“อย่างที่ยัยเลือด..เอ่อ เกรนเจอร์พูด คนออกเยอะแยะมันคงไม่กล้า” มันฟอยเถียง
“แต่..” นางวิสลี่ย์ไม่รู้จะพูดยังไงต่อกับความดื้อของเด็กหนุ่ม “เอ่อ..ก็ได้ ระวังตัวด้วยแล้วกัน”
_______________________________ (^๐^) _________________________________
เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยมองร้านค้าต่างๆ อยากแปลกใจ ทั้งที่สมควรจะมีผู้คนพลุกพล่าน แต่เปล่าเลย มันกลับเงียบเชียบอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกคนคงกลัวกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจึงไม่มีใครกล้าออกมาเดินมากนัก ทั้งสองเดินไปตามถนนโดยไม่ได้พูดจากันเลย มีบางครั้งเฮอร์ไมโอนี่แอบเหลือบมองคนข้างๆ เธอเองยังตกใจที่เขาเสนอจะมาเป็นเพื่อนเธอ ‘นายนี่จะมีแผนอะไรของเขานะ’ เธอคิดในใจ สีหน้าของเขาเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาทั้งสิ้น ดวงตาสีซีดยังคงเฉยชาอยู่เหมือนเคย เขาดูโตขึ้นมาก ไม่สิ เธอเห็นความเปลี่ยนแปลงของเขาตั้งแต่ขึ้นปี 6 แล้ว เขาสูงขึ้น เริ่มมีกล้ามเนื้อตามวัยที่เพิ่มขึ้น ใบหน้าที่เรียบเฉยดูมีเสน่ห์น่ามอง ผมที่เคยหวีเรียบกลับปล่อยให้หล่นมาปรกหน้าตามธรรมชาติ ทำให้ใบหน้าของเขาดูดีขึ้น
“ฉันหล่อบาดใจเธอขนาดนั้นเลยหรือไง ถึงได้จ้องเอาๆ อยู่อย่างนั้นน่ะ” มัลฟอยพูดขณะที่เขาสังเกตว่าถูกเฮอร์ไมโอนี่จ้องอยู่
“จะบ้าเหรอไง อย่างนายน่ะหล่อตายล่ะ” เธอรีบเถียง แต่ยังตกใจอยู่ที่อยู่ๆ คนที่เธอแอบมองรู้ตัว
“อย่าเขินเลยเกรนเจอร์ ใครๆ ชื่นชมฉันกันทั้งนั้น ถ้าเธอจะเป็นหนึ่งในนั้นฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“อย่าสำคัญตัวผิดมัลฟอย ฉันไม่เสกให้เธอเป็นคางคกก็ดีเท่าไหร่แล้ว” เธอตอบอย่างโมโห
“เฮอะ..” เขาพ่นลมออกมา แล้วเดินต่อไป
ทั้งคู่ซื้อของกันครบแล้ว แต่เฮอร์ไมโอนี่อยากได้หนังสืออ่านเล่นสักเล่มสองเล่ม เพราะการที่อยู่ที่กริมโมเพลสเฉยๆ ทำให้เธอรู้สึกเบื่อ เธอจึงชวนมัลฟอยไปซื้อหนังสือ เธอได้หนังสือมาสองเล่ม แล้วเธอก็ออกมาหามัลฟอยที่ยืนรออยู่ข้างนอก
“เธอนี่จริงๆ เลยนะเกรนเจอร์ ชีวิตเธอนี่ขาดหนังสือไม่ได้เลยหรือไง” เขาบ่น
“เรื่องของฉัน” เธอพูดอย่างอารมณ์เสีย
“นี่ฉันพูดกับเธอดีๆ นะ ยัยเลือดสีโคลน” เขาเริ่มโมโหบ้าง
“เนี่ยนะพูดดี นายน่าไปไปเรียนมารยาทเสียใหม่นะพ่อคุณหนูเลือดบริสุทธิ์”
“หุบปากนะเกรนเจอร์ เธอไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน” เขาโมโห แล้วยกมือขึ้นมาบีบแขนเธอแน่น
แต่ก่อนที่ใครจะพูดอะไรออกมาอีก มัลฟอยก็ลากเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปในซอกแคบๆ ข้างร้าน มือข้างนึงของเขาปิดปากเธอแน่น ส่วนอีกมือโอบรอบลำตัวเธอไว้ เพราะความแคบของซอกตึกทำให้เขากับเธอยืนชิดกันมาก เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอยากตกใจ
“เงียบไว้เกรนเจอร์ นั่นมันพวกผู้เสพความตาย ถ้ามันเห็นเราเข้าล่ะก็จบเห่แน่” เขากระซิบข้างๆ หู ลมหายใจของเขาที่มาสัมผัสใบหูเธอทำให้เธอรู้สึกหน้าร้อนผ่าว เธอไม่เคยใกล้ชิดใครขนาดนี้เลย ใจเธอเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอเหลือบมองคนที่ยืนชิดกันอยู่กลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงของมัน เขาเองก็มองหน้าเธออยู่ เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ใบหน้าของเธอที่อยู่ใกล้ๆ ทำให้ใจเขาเต้นแรง ‘นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย’ เขาคิด ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยแนบชิดกับผู้หญิง ยัยแพนซี่ พาร์กินสัน ก็เคยกอดเขาบ่อยไป แน่นอนเขาไม่ได้เต็มใจแต่หล่อนเข้ามาแบบไม่ให้เขาตั้งตัว แต่ก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกแบบนี้เลย เขามองดูเธอเงียบๆ เธอดูเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เด็กหญิงหัวฟูในมือมักถือหนังสือเป็นตั้งๆ เด็กเรียนที่แสนน่าเบื่อคนนั้นกลายเป็นหญิงสาวที่ชวนมอง รูปร่างที่เริ่มมีส่วนเว้าโค้งตามวัย ใบหน้าเรียวรับกับผมหนาสีน้ำตาลที่บัดนี้มันไม่ได้ฟูฟ่องแต่กลับยาวเป็นรอนไล่ไปตามแผ่นหลัง เรียวปากสีชมพูดูเอิบอิ่มน่ามองยิ่งนัก
“มันคงไปกันแล้วล่ะ” เขาพูดขึ้นมาในที่สุด เขาปล่อยมือที่ปิดปากเธอเปลี่ยนเป็นโอบรอบลำตัวเธอไว้ทั้งสองข้าง
“ปล่อยฉันนะ มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่บ่น หลังจากมัลฟอยไม่ปล่อยเธอสักที
“ไม่ชอบหรือไงเกรนเจอร์ หรือว่าต้องเป็นพอตเตอร์กับวิสลี่ย์เท่านั้น” เขาพูดแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือจากเธอ ดวงตาของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์
“ใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น แล้วก็ปล่อยสักทีได้มั๊ย” เธอโวยวาย แล้วพยายามดิ้นรน
“ฉันมันน่ารังเกียจนักหรือไง” เขาตะโกนอย่างโมโห
“ใช่ คนอย่างเธอมันน่ารังเกียจ ฉันขยะแขยงเธอเต็มทนแล้ว เอามือสกปรกๆ ของนายออกไปซะ” เธอตะโกนตอบเช่นกัน
“ทีฉันล่ะรังเกียจ แต่กับเจ้าพวกนั่นชอบล่ะสิท่า”
“นั่นมันเรื่องของฉัน นายไม่เกี่ยว” เธอตอบอย่างไม่ลดละ
“ดี งั้นเธอจะได้รู้รสชาติของสิ่งที่เธอรังเกียจ เกรนเจอร์” เขาพูดจบก็ก้มหน้ามาจนชิดเธอ
“นี่ นะ..นายจะทำอะไร” เธอพูดอย่างหวาดกลัว
เขาไม่ตอบแต่ก้มลงประกบริมฝีปากเขากับเธอ มันรุนแรงในตอนแรก แต่จากนั้นมันค่อยๆ อ่อนโยนลง มันอ่อนโยนเสียจนเธอไม่คิดเลยว่าคนคนนี้คือมัลฟอย เธอรู้สึกใจเต้นแรง ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนอึ้งอยู่เมื่อมัลฟอยถอนริมฝีปากออก แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมา ก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น
“ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกเลยนะเดรโก อ้าว! นี่มันนังเลือดสีโคลนนี่ นายท่านจะดีใจแค่ไหนนะที่ได้ตัวลูกน้องที่ทรยศ พร้อมกับศัตรูไปให้ท่าน” หนึ่งในสองของผู้เสพความตายพูดขึ้น
มัลฟอยรีบดึงเฮอร์ไมโอนี่ออกมาจากซอกแคบแล้วชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่เจ้าของเสียง
“หุบปากของแกซะ ไม่งั้นแกอาจจะไม่มีปากไว้พูดต่อไป” มัลฟอยตะโกนอย่างโมโห ใจจริงเขารู้สึกกลัวเช่นกัน แต่ถ้าให้อยู่เฉยๆ เขากับเกรนเจอร์คงต้องตายแน่ๆ
“ยังปากดีเหมือนเดิมนะไอ้เด็กโง่ แกทำงานพลาดยังไงซะนายท่านก็ไม่เอาแกไว้ แล้วถ้าฉันลากตัวแกไปให้ท่านได้ล่ะก็ ฉันก็จะได้รับคำชมเชยจากท่านแน่ๆ” ผู้เสพความตายคนนั้นยังคงพูดต่อ
“ฝันไปเถอะ นึกหรือว่าจะจับฉันได้ง่ายๆ” มัลฟอยพูดแล้วหันหน้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ เขาพยักหน้าให้เธอ แล้ว “อิมเปดิเมนต้า” เสียงสองเสียงดังขึ้น พร้อมกับร่างผู้เสพความตายทั้งสองหยุดนิ่ง มัลฟอยดึงมือเฮอร์ไมโอนี่แล้วออกวิ่งไปจากที่นั่นอย่างเร็วที่สุด
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ช่วยเม้นหน่อยนะคะ จะได้เป็นกำลังใจ ช่วงนี้ว่างอยู่คงได้เข้ามาอัพบ่อยๆ ค่า
ความคิดเห็น