ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กาลครั้งหนึ่งของนักเล่านิทาน

    ลำดับตอนที่ #4 : หมอก อสรพิษ(100%)

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 52


     

     ลมหนาวในสถานที่ที่เย็นชื้นอยู่แล้ว ไม่ได้ทำให้ผู้อยู่อาศัยภายในโพลงดินเย็นๆรู้สึกดีขึ้นเลย มันกลับกระตุ้นประสาทสัมผัสให้ไว้ต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยและนั้นก็ไม่ได้ทำให้อสรพิษตัวเขื่องเพลิดเพลินกับการพักผ่อนอันเป็นส่วนตัวของมัน 

        แล้วเสียงกระทบกันเบาๆของกิ่งไม้กับไอความร้อนน้อยนิดจากบริเวณใกล้เคียงก็ทำให้ร่างยาวใหญ่เลื้อยอย่างเชื่องช้าออกจากโพล่งดิน กระต่ายน้อยขนฟูสีน้ำตาลไหม้ปรากฏให้เห็นในรูปของคลื่นความร้อนตามที่ความสามารถของมันอำนวยมา เสียงกิ่งไม้หักดังมาทางด้านหลังทำให้หูยาวชี้ๆของมันกระดิกไปมาๆ และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลำตัวยาวยืดออกอย่างรวดเร็ว พุ่งไปยังเป้าหมายตัวกระจ้อยที่กำลังงุนงง เพราะสายตานั่นเห็นเพียงเขี้ยววาวๆก่อนตัวของมันจะหายเข้าไปยังอุโมงค์ที่มืดมิด

     

         หลังจากจัดการกับเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเสร็จเป็นรายที่เท่าใดไม่ทราบของวัน มันจึงได้พาร่างที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีนิลวาว เคลื่อนไปตามแหล่งความร้อนอื่นบริเวณใกล้เคียง 

     

        ไอความร้อนแห่งใหม่อยู่ห่างจากมันมากนักหลังจากลัดเลาะ ผ่านเนินเล็กๆและแนวพงหญ้ามันก็เจอกับเหยื่อรายใหม่ ขนาดของเหยื่อต่างกับตัวที่แล้วลิบลับ หากมันจัดการกับเหยื่อตรงหน้าได้ คงจะมีพลังงานกักไว้สำหรับการจำศีลที่ใกล้เข้ามาอย่างเหลือเฟือ 

     

          ลำตัวที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีนิลวาวเคลื่อนเข้าหาเป้าหมายอย่างเชื่องช้า แต่ยิ่งเข้าใกล้เหยื่อตัวนี้มากเท่าใดก็ยิ่งทำให้มันสับสน ความจริงที่มันรับรู้คือความร้อนในตัวเหยื่อของมันยังไหลเวียนอย่างต่อเนื่องอันเป็นถึงการมีชีวิต แต่ความรู้สึกของมันไม่ได้รับรู้ถึงการมีชีวิตของเหยื่อตรงหน้าเลย มันดูราวไร้ชีวิต ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แม้แต่ลมหายใจยังสัมผัสได้เพียงแผ่วเบา

     

         เหยื่อของมันอยู่แค่เอื้อม ห่างไปไม่ถึงครึ่งของลำตัวมัน อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นลำตัวยาวจะยืดออกและลิ้มรสอันหอมหวานของเหยื่อตรงหน้า

     

    …………………………………………………….

           เธอไม่รู้สึกอะไร...
                                                                                       ไม่รู้อะไรทั้งนั้น...

                                                                                                                                                   ..รอบตัวเธอเกิดอะไรขึ้นกันนะ

                                            ทุกอย่างว่างเปล่าไปหมดเลย ...                                              ทุกคน...

                                                                                                   ท่าน พ่อ...               
                                                       ท่านแม่...                                                ทุกคนไปอยู่ที่ไหนกันหมดหนะ...


                    .... นั่น... ตรงนั้น    
                                                                                                                                                              ...มือของท่านแม่   


                                                                 ....   อ้อมกอดของท่านพ่อ  รอเธออยู่      

                                                                                ข้างหน้านั่น         ....แค่นิดเดียว   แค่เอื้อมมือ ...ออกไปอีกหน่อย

      เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน...  อย่าเพิ่งไป...

                                                                  ท่านพ่อ ...                        ...ท่านแม่
                                                                                                                                              รอข้าด้วย...... 


      " ...พวกที่ไปล่าสัตว์ เป็นคนเจอหนะป้า …เนื้อตัวมอมแมมเชียว สงสัยอาจจะหลงป่ามาละมั้ง " เสียงใสๆเอ่ยขึ้น

        "น่าสงสารจริง ไม่รู้พ่อแม่เป็นใคร ป่านนี้คงเป็นห่วงแย่แล้ว" อีกเสียงดังตอบรับ

                                                                  อะไรหนะ  ท่านพ่อ ท่านแม่ เหรอ...             

    "นี่ป้า  แต่เค้าว่ามาว่าเด็กคนนี้นอนสลบอยู่ข้างๆ งูยักษ์ที่เพิ่งตายหละ น่ากลัวชะมัดเลย"

                                        ที่นี้ที่ไหนหนะ
        เสียงพวกนี้ ใครกัน ไม่คุ้นซักนิด ....

    "พูดเบาๆหน่อยซิ เดี๋ยวเค้าก็ตื่นขึ้นมากันพอดี นั่นไงพูดยังไม่ทันขาดคำ
    เป็นบ้างจ้ะ หนู "

                                  
         ภาพหญิงกลางคนที่กำลังถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับเด็กสาวที่หน้าตาดูตื่นๆ ฉายชัดในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ปรือขึ้นมาอย่างยากเย็น เด็กสาวค่อยๆยันกายลุกขึ้น แต่ก็พบว่าแขนทั้งสองแทบจะไม่มีแรงเหลืออยู่ ดีที่หญิงวัยกลางคนช่วยประคองเธอให้ลุกมานั่งได้ นี่เธอหลับไปนานเท่าไหร่กันนะ   แล้วเธอถูกตามมาจนหนีเข้าป่าไม่ใช้เหรอ
    !  แต่ ความฝันนั่น ท่านพ่อกับท่านแม่!!

     

    หนูจ๋า เป็นอะไรมากมั้ย เจ็บตรงไหนรึป่าว เสียงหญิงวัยกลางคนถามพลางจับที่แขนเธออย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นเธอเหม่ออยู่นาน

         ใบหวานดูซีดเซียวหันมาพร้อมน้ำตาที่ไหลไม่หยุด ทำเอาทั้งป้ากับหลานตกใจ ทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่ว่าจะทำยังไงเด็กสาวปริศนายังคงไม่หยุดร้อง แถมมีแนวโน้มว่าจะเป็นหนักกว่าเดิม สุดท้ายคุณป้าก็ปล่อยให้หลานสาวช่วยปลอบไปก่อน ส่วนตัวเองจะไปหาของกินมาไว้ เพราะนี่ก็ใกล้จะเย็นแล้ว หากเด็กสาวร้องไห้จนหยุดแล้วเกิดหิวขึ้นมา เดี่ยวจะมีอาหารไม่พอ

     

    ซีร์นา!  เด็กคนนั้นเป็นไงบ้าง เพื่อนบ้านใกล้ๆ ถามขึ้นเมื่อเห็นร่างท้วมคุ้นตาเดินผ่านมา

    ฟื้นแล้วหละ ตอนนี้ให้นีรา ช่วยดูอยู่ หญิงวัยกลางคนตอบ

     

    ค่อยยังชั่วนะ ลำบากเธอกับนีราจริงๆ  ทั้งที่สามีชั้นเป็นคนเจอเด็กคนนั้นแท้ๆ แต่ต้องให้เธอมาช่วยดูแล…”เพื่อนบ้านทำสีหน้าลำบากใจ จนซีร์นาต้องรีบพูดขึ้น

     

    ไม่เป็นไรหรอกน่า อย่าคิดมากเลย บ้านเธอมีลูกก็เยอะแล้ว เดี่ยวจะเหนื่อยเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเปล่าๆชั้นอยู่กับนีราแค่2คน มีคนมาเพิ่มก็จะได้ไม่เหงา นีราก็จะได้มีเพื่อนเล่นบ้าง อย่าเกรงใจไป

     

    ขอบคุณนะจ่ะ ได้ยินอย่างนี้ก็หมดห่วง แล้วเด็กคนนั้นชื่ออะไรหละคุณเพื่อนบ้านถามต่อ ซีร์นาส่ายหน้า

     

    ยังไม่ทันได้คุยกันเลยก็ร้องไห้ซะก่อน บางทีคงจะเจอเรื่องอะไรร้ายๆมา  เออ..งั้นชั้นจะไปตลาดก่อนนะจวนจะค่ำแล้วซีร์นารีบตัดบทเมื่อเห็นดวงอาทิตย์ใกล้จะลับเหลี่ยมเขา

     

    ตายจริง น่าสงสารจัง งั้นว่างๆชั้นจะไปเยี่ยมนะจ่ะ โชคดีจ่ะ

     

    ……………………………………………………………….

     

        เด็กสาวปริศนายังคงเป็นปริศนาต่อไป เธอไม่ยอมบอกชื่อหรือเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเธอเองให้ใครฟัง เมื่อไหร่ที่มีใครถามถึงเรื่องราวก่อนหน้าที่เธอจะมาสลบอยู่ข้างงูยักษ์ จะมีเพียงความเงียบและหน้าตาเศร้าๆของเธอเป็นคำตอบ ไม่มีอะไรนอกจากนั้นและไม่มีใครอยากถามต่อ  เหมือนจะตกลงกันไว้ว่าจะให้เด็กสาวเป็นคนเปิดปากบอกเอง แต่เมื่อไม่มีข้อมูลใดหลุดออกจากปากเด็กสาวเลย ก็ย่อมมีข้อมูลที่มาจากการคาดเดาของคนอื่นแพร่กระจายมาเป็นระยะ บ้างก็ว่าเธอเป็นร่างที่ปีศาจ ลาคินี** สิงอยู่

           **ปีศาจที่เชื่อกันว่าจะกลับมาในวันเดือนมืดของเดือนสิงหาคม แล้วเที่ยวสิงสู่ร่างคนเพื่อชักนำคนเป็นจำนวนมากมาทำพิธีบูชายัญ เพื่อเพิ่มพลังให้ตนเองตามตำนานของชนพื้นเมืองเดิม

         บ้างก็ว่าเธอเป็นปีศาจจริงๆที่กำลังออกหางูตัวใหญ่เป็นอาหารแต่พลาดท่าอะไรทำนองนั้น หรือบ้างก็แต่งเติมสีสันกันไปแล้วแต่คนๆนั้นจะคิดยังไง แต่คนที่ค่อยพูดปกป้องเธอ ว่าเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งแน่นอนก็คือ ก็คือป้าซีร์นา กับพี่นีรา เป็นเรื่องแน่นอนเพราะเธอก็เป็นคนธรรมดาจริงๆ ตลอดเวลาที่อยู่ในบ้านหลังน้อย เด็กสาวไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากคนอื่นๆ ถึงบางทีจะกินยากไปนิด หรือไม่รู้เรื่องพื้นๆบางอย่าง อย่างเช่นการถอดรองเท้าเมื่ออยู่ในบ้าน ก็เท่านั้นเอง  

          เด็กสาวเองก็พยายามปรับตัวไปเรื่อยๆ เธอพยายามจะหาอะไรทำ อย่างน้อยก็ไม่อยากทำตัวเองให้เป็นภาระของผู้มีบุญคุณกับเธอ  อีกอย่างก็เพื่อให้เธอเลิกคิดถึงพ่อกับแม่ที่ตอนนี้เธอไม่อาจจะรู้ชะตากรรมที่แน่นอนของท่าน เธอรู้เพียงว่าคำสั่งสุดท้ายของพ่อคือ อย่ากลับไป   ยังไงเธอก็ต้องเข้มเข็งไว้ เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ ถึงจะไม่มีท่านทั้งสองอยู่ก็ตาม

           เด็กสาวคิดแล้วพยายามหยุดแรงสะอื้นพลางเพิ่มแรงไปที่มือแทน 

    แต่ตอนนี้เธอก็มีทั้งป้าซีร์นา กับพี่นีรา ถึงจะไม่ใช่ป้าหรือพี่แท้ๆ แต่ทั้งสองก็เอาใจใส่เธอมาก ชอบบอกบ่อยๆว่าให้ทำตัวเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเล็กๆนี้ .

      ครอบครัวเล็กๆนี้. ดูอบอุ่นก็จริง

         แต่ก็ไม่เหมือนอย่างที่เธอเคยมี  อาจความรู้สึกที่ทำให้เธอไม่ชินกับที่ใหม่นี่ นั้นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังขาดอะไรบางอย่าง

        แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดมากเรื่องนี้ เธออยู่ได้ถึงตอนนี้ก็ดีมากแล้ว เธอหวังแต่ว่าเธอจะอยู่อย่างนี้อีกต่อไปได้นานๆ

     

       เด็กสาวสะบัดหัวแรงๆ ตอนนี้เธอต้องการทำงานตรงหน้าให้เสร็จไว้ๆมากกว่า  เธอซักผ้ามาถึงตัวสุดท้ายแล้วแค่บิดแล้วตากให้เสร็จก็จะเสร็จงานของเธอ

           คีร์นา เสร็จละยังเอ๋ย

         คิดยังไม่ทันขาดตอน เสียใสจากพี่สาวคนเดียวในตอนนี้ก็ดังทักขึ้น  คีร์นานั้นก็คือชื่อที่คนอื่นๆเรียกเธอในตอนนี้ เนื่องจากเธอไม่อยากบอกข้อมูลใดๆเกี่ยวกับตัวเอง ป้าซีร์นา เลยเรียกเธอว่าอย่างนี้ ก็เป็นชื่อที่ดีทีเดียว ถ้าเป็นไปได้ เธออยากจะใช้ชื่อตลอดไป

        ใกล้เสร็จแล้วค่ะ พี่นีรามีอะไรรึป่าว

        เธอถามพี่สาวกลับด้วยท่าทีสบายๆ ใช่ มันดูสบายมากเมื่อเทียบกับการกล่าวทักทายคนใหญ่คนโตที่เธอต้องทำบ่อยๆ ถึงภายในบ้านเธอจะสามารถทำตัวได้ตามสบาย แต่ก็ต้องดูมีมรรยาท มีอะไรต้องมิอะไรที่เป็นกฏเกนฑ์  แต่เมื่ออยู่ที่นี้มันต่างกัน เธอใช่ชีวิตอย่างคนธรรมดาไม่มีอะไรไปมากกว่านี้ มีแต่ความอบอุ่นในครอบครัวที่ไม่เหมือนเดิมสำหรับเธอ

          ไม่มีอะไรจ้า เดี่ยวพี่จะไปข้างนอกนะ แล้วจะรีบกลับมาจ่ะ

        เด็กสาวแรกรุ่นเอ๋ยกับร่างเล็กที่กำลังขะมักเขม้นกับการตากผ้าพลางยิ้มให้ เด็กสาวมองแล้วอมยิ้ม เป็นเชิงเข้าใจ แล้วร่างสูงกว่าก็เดินออกไป

          เธอชักไม่แน่ใจว่านี้เป็นโชคดีหรือไม่ อาจเป็นโชคดีในโชคร้ายงั้นหรือ? บางทีชะตากรรมอาจกำหนดให้เธอต้องพบสิ่งใหม่ ที่แลกด้วยสิ่งที่เธอมีอยู่

     

    ว้ายยยยยยยยยย!!!!!!!!!    

                                                     กริ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!

     

                       ช่วยด้วยยยยยยยยยยย!!!!!!!                         ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยย!

       

    ตุบบ!!  ตะกร้าผ้าในมือเด็กสาวตกไปกลิ้งที่พื้น  นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสั่นระริก เช่นเดียวกับมือบางเองก็       

          เสียงโวยวายดังออกมาจากด้านนอกตามด้วยระรอกฟูงคนจำนวนหนึ่งเคลื่อนไปทางต้นเสียง  

                                                          เธอเกลียด เกลียดความวุ่นวาย เกลียด…มันเหมือน เหมือนคืนนั้น...

       
    แต่เมื่อกี้พี่นีราเพิ่งจะ
    !!  
            คิดได้เท่านี้ร่างบางก็รีบสาวเท้าออกไปตามต้นเสียง ฝืนทำลืมสภาพรอบกาย แล้วแทรกตัวไปตามกลุ่มคน จนปรากฏลานโล่งๆขึ้น แปลกทั้งที่มีคนมากันพอสมควร แต่พื้นที่ตรงหน้าเธอนั้นโล่ง เพราะที่ๆเธอยืนอยู่เป็นซอกของบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง ไม่มีใครกล้าก้าวไปที่ลานโล่งนั้น คงเพราะภาพตรงหน้าเธอแน่ๆ

     

        ภาพงูสีเกล็ดน้ำตาลทองวาวตัวเขื่องอ้าปากพลางขู่เสียง ฟ่อๆทำเธอแทบลมจำ แต่ที่ทำเธอแทบจะกระโดดออกไปคือ เด็กสาวที่นั่งหน้าซีดอยู่ห่างจากลำตัวของงูยักษ์ไม่ถึงคืบ  พี่สาวของเธอเองนั่นแหละ!!!

     

         ถึงจะเพิ่งด้วยกันไปถึงเดือน แต่เธอก็ผูกพันกับพี่สาวคนนี้ไม่น้อย ขออย่าให้เจ้างูตัวนี้หิวจนไส้กิ่วเลย แต่ท่าทางจะไม่เป็นอย่างนั้น ดวงตาสีน้ำตาลของมันแวววาวพลางจ้องร่างบางตรงหน้าแล้วเคลื่อนตัวใกล้เหยื่อของมัน ชาวบ้านหลายคนที่อยู่เหตุการณ์ต่างรีบช่วยหาอาวุธที่พอจะต่อกรกับงูยักษ์ได้ แต่มันก็เป็นเพียงไม้จิ้มฟันสำหรับมัน หางที่อยู่ว่างๆของมันจึงกวัดแกว่งไปมาทำเอาคนแถวนั้นกระเด็นกระดอนไปคนละทาง

          ทางสำหรับอาหารของมันเปิดว่างรอแล้ว เด็กสาวคงแข็งเป็นหินแล้ว จะวิ่งหนีก็กลัวมันจะฉก อยู่อย่างนี้ต่อไปก็คือรอความตาย ไม่ว่าทางไหน ก็มีค่าเท่ากัน  เด็กสาวร่างเล็กที่ยืนค้างมองเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอย่างช่วยอะไรไม่ได้ 

             นีรา!!!!!!!!!! ออกมาเร็วเข้า   นีรา!!!!!!!” 

    เสียงป้าซีร์นาดังขึ้นอีกฝาก จากตรงนี้เห็นได้ชัดว่าป้ากำลังพยายามจะวิ่งไปหาหลานสาวคนเดียวของแกโดยที่มีเพื่อนบ้านช่วยกันทั้งห้ามทั้งฉุด น้ำตาไหลอาบใบหน้าอวบพลางเสียงเรียกก็ไม่ได้หยุดลงเลย

                                      .......                                          ไม่นะ นี่คนสำคัญของเราต้องหายไปอีกคนหรือไงกัน  

    ไม่ ...

                             ไม่ ....                         
                                                              อีกแล้วเหรอที่เราได้แต่อยู่มองเฉยๆ 

     

                                                                             ทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่เอาตัวรอดอีกงั้นเหรอ     

         ร่างเล็กสั่นทึ่ม มือบางๆกอดตัวเองไว้แน่น ส่วนประสาทของเธอสับสนไปหมด  ภาพตรงหน้าเลื่อนลางลงทุกขณะ  หัวของเธอปวดราวจะระเบิดออกอยู่ตลอดเวลา

                   ท่ามกลางผู้คนที่รายล้อม ร่างเล็กก้าวออกจากมุมมืดไปยังลานโล่งโดยแทบไม่มีใครห้าม  ทุกสายตาจ้องมอง เด็กสาวปริศนาที่กำลังเดินเข้าใกล้งูตัวเขื่องเรื่อยๆพร้อมกับเสียงห้ามและร้องเตือนดังมาเป็นระยะ แต่เธอไม่รับรู้ถึงสิ่งใดรอบกายเธอเลย

     

             ลิ้นสองแฉกโพล่ออกมาจากปากเจ้างูยักษ์ห่างจากเด็กสาวที่นั่งตะลึงตาข้างไม่ถึงคืบ  แต่มันต้องหดกลับพร้อมหันหัวมาทางร่างเล็กอีกทางหนึ่ง กลิ่นอายบางอย่างแผ่กระจายออกมา มันดูเย้ายั่ว

    เชิญชวนให้มันเข้าใกล้ยิ่งนัก มันผละออกจากเหยื่อตัวเดิมของมันแล้วพุ่งไปทางเหยื่อตัวใหม่ทันที

     

                                                             ไม่มีใครทันส่งเสียงร้องและไม่มีใครคาดคิด

                                                           ทุกอย่างเงียบกริบ              ราวกับห้วงเวลาหยุดนิ่ง

     

                                                 ไม่มีใครเคลื่อนไหว และ งูที่กำลังพุ่งมาก็ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ  

    ……………………………………

    ……………………….

    ……………..

    ……..

    นาน 

    นานเกินไปจนมีคนสังเกตว่างูนั้นหยุดอยู่กลางอากาศตรงหน้าเด็กสาวปริศนาจริงๆ

    คนหลายคนเริ่มขยับ  และ  ความเงียบก็ถูกทำลายลง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×