ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กาลครั้งหนึ่งของนักเล่านิทาน

    ลำดับตอนที่ #3 : คืนฝนโปรย(100%)

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 52


    วันนั้น

     

                                   คืนนั้น

     

    หากข้าได้ไปกับทุกคนก็คงดี  ข้าคงไม่ต้องโดดเดียว

     

                                                                                          ต้องอยู่เพียงพังโดยไม่มีใครสนใจ

     

     

    มีเพียงสายตารังเกียจและเย็นชาที่ได้รับ

     

    .ไม่มีทั้งความอบอุ่นและเป็นมิตรจากผู้คนรอบกาย

     

    เป็นเพียงเศษสวะชิ้นหนึ่ง ที่ไม่ใครต้องการ

     

    มีเพียงแต่คนที่รังเกียจและคอยกำจัดทิ้งเท่านั้น

    ........................................................................................................................................................

         ความชื้นลอยตัวในอากาศ  ก้อนเมฆสีทมิฬรวมตัวเป็นแถบเหนือท้องฟ้าในยามเย็น นำเอาความหนาวพัดเข้าสู่นครเล็กๆ ที่ยังคงครึกครื้นและคลาคล่ำไปด้วยผู้คนแม้ในยามที่ตะวันใกล้ลับผืนทะเลของเมืองท่าแห่งนี้ก็ตาม  ภายในอาคารสูงสง่าต่างจากบ้านเรือนทั่วไป ที่หน้าต่างบานใหญ่ทำจากแก้วหลากสีประดับดาอย่างสมเกียรติบ้านของเจ้าเมืองท่าที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆไม่เป็นรองเมืองไหนยังคงมีร่างเล็กๆยืนอยู่...

     

          มือน้อยสัมผัสกับกระจกเย็นๆก่อนจะยืนดวงหน้าหวานใสเข้าไปแนบกับกระจกอีก นัยน์ตาสีน้ำตาลดูสดใสราวแก้วเนื้อดีนั้นเปล่งประกายอย่างรู้อย่างเห็นตามประสาเด็กน้อย แต่สิ่งที่ผู้เป็นคุณหนูแห่งคฤหาสน์แห่งนี้กำลังมองดูไม่ใช่วิวทิวทัศน์ของเมืองในยามเย็น แต่เป็นบางอย่างที่กำลังเคลื่อนที่เข้าใกล้ประตูรั้ว รถม้าคันหรูเทียมอาชาสีขาวสะอาด 2 ตัวแล่นเข้ามายังอาณาบริเวณ ก่อนบุคคลที่เธอเฝ้ารอจะลงมาจากรถม้า เด็กน้อยในชุดฟูฟ่องสีชมพูหวานก็วิ่งออกจากหน้าต่างด้วยอาการดีใจอย่างปิดไม่มิด ไปยังบันไดวนที่ประดับลวดลายอย่างวิจิตรประณีต 

         ยังไม่ทันที่เจ้าของคฤหาสน์จะได้ก้าวเท้าเลยเข้ามาในพื้นบ้าน ก็ถูกโถมเข้าใส่โดยร่างเล็กๆที่วิ่งเข้ามาด้วยความดีใจ ท่ามกลางเสียหัวเราะและความยินดีของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์  รวมถึงหญิงสาววัยกลางคนที่เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนทั้งสามจะสวมกอดกัน... 

                                                 "  ท่า น..อ..  .กลั บ...  "

                                                                                                                    ".  ..ยิน  ดี...ก...เจ้ าค่ะ ...น  .."

    "
      ที่  รั ก....หน .... ค่ะ "

                                                                    "  สุข..  ส.....เกิ  ด.....ล...  ..รัก  "

                                                                                                                                                              "   นายท่าน....พัก..ก....เจ้าค่ะ  "

               ... บรรดาผู้รับใช้ในคฤหาสน์ต่างยินดีที่นายของตนกลับมาเยือนคฤหาสน์แห่งนี้ ในวันครบรอบวันเกิดของเด็กสาวผู้เป็นนายน้อย ...

                                                                                        ..............................................................

           จี้พลอยสีใสถูกบรรจงสวมทับบนผ้าแพรสีชมพูหวานด้วยมือเรียวยาวของหญิงสาวที่ดวงหน้าประดับด้วยรอมยิ้มอันอบอุ่น ก่อนเด็กสาวจะกล่าวของคุณพร้อมสวมกอดผู้เป็นมารดา และเรือนผลสีนิลก็ถูกสัมผัสด้วยความเอ็นดูจากมือคู่เดียวกันนั้น พร้อมทั้งอ้อมกอดของผู้เป็นบิดาจะยกตัวของเด็กน้อยขึ้นสูง ด้วยเสียงหัวเราะ

                ความสุขราวกับมีตัวตน...ล่องลอย ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ อบอวนไปด้วยความรัก 

                                                                                ...ความเอ็นดูจากผู้คนรายล้อม  รอยยิ้ม  และมืออันอบอุ่น...

                                                  ...เสียงหัวเราะ   ความยินดี...             
              

                             ...ถึงกระนั้น ไอเย็นชื้น ยังคงพัดโชยมาจากหน้าต่างที่เป็นไว้รับลม...


                                                             ..........................................

     

     

          ไอหมอกและความมืดมิดเข้าปกคลุมเมืองพร้อมกับความเงียบอันแสนวังเวงในยามที่พระจันทร์นั้นถูกบดบังภายใต้เงาเมฆ

          ทว่าภายใต้คฤหาสน์ที่ถูกสร้างอย่างวิจิตร ณ ใจกลางตัวเมืองนั้นยังคงวุ่นวาย เต็มไปด้วยเสียงปรึกษาหารือและแสดงความคิดเห็น  ผู้คนมากมายในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างเป็นสถานที่ลับกำลังถกเถียงประเด็นต่างๆกันอย่างเคร่งเครียด พลันเสียงก็เงียบลงเมื่อผู้นำในที่ประชุมยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาแจ้งเรื่องบางอย่าง เสียงอันนิ่งสงบแฝงด้วยอำนาจนั่นตรึงทุกสรรพสิ่งในห้องให้อยู่ฟัง  และเมื่อเนื้อความที่ยาวพอสมควรถูกกล่าวด้วยเสียงอันทรงพลังเงียบลงไป ห้องประชุมก็ยังคงเงียบอยู่เช่นเดิม หากแต่มันแฝงความกดดันที่เพิ่มขึ้นมากเป็นทวีคูณ

     

    “…………………คน ทรยศ………………….

     

            แล้วเสียงบางอย่างก็ได้ทำลายความเงียบลงโดยสิ้นเชิง ไม่มีผู้ใดที่ไม่ได้ยิน เสียงที่ตื่นตระหนกประกาศชัดว่า มีทหารบุกเข้ามาเพื่อทำลายแหล่งส่องสุมกำลังพลที่คิดเป็นอริต่อราชบัลลังค์

              พลันความโกลาหนก็เกิดขึ้นอย่างมิอาจควบคุม เสียงหวีดร้องด้วยความกลัว เสียงเอะอะโวยวายดังสับสนปนเปกันจนแยกไม่ออก แม้กระทั้งเสียงออกคำสั่งการของเจ้าคฤหาสน์เองก็ไม่อาจจะได้ยินได้ทั่วถึง บางคนที่ไม่รู้ทางหนีทีไล่ก็จนตรอกที่หน้าประตูคฤหาสน์ด้วยคมอาวุธของทหารที่ล้อมวงเข้ามากันบริเวณประตู  เสียงดังระงมไปทั่วทั้งตัวอาคารปลุกเด็กสาวให้ลุกขึ้นจากเตียงนุ่มรวมทั้งเหล่าผู้คนที่อาศัยในคฤหาสน์ และบ้านเรือนรอบๆ  เช่นเดียวกับแสงสว่างก็ถูกจุดขึ้น  ทีละดวงๆ จนล้อมรอบ      

    เสียงเอะอะ  เสียงกรีดร้อง กลิ่นคาวเลือด 

     

                                                                                    เสียงร้องร่ำ  เสียงอ้อนวอน ความหวาดกลัว

     

                   เสียงคมอาวุธปะทะกัน ความเจ็ดปวด และการสูญเสีย

     

                                                                                                                            เปลวเพลิงโหมกระนั่ม  กลิ่นควันลอยคละคุ้ง  

     

                 บ่อเกิดความรัก ความผูกผัน ความเกลียดชัง ความแค้นให้ทวียิ่งขึ้นหรือมอดดับลง

     

                                                ยามที่หยาดน้ำตา และสายฝน  จะรวมกัน

     

     

          ไอ้อุ่นกระจายไปในความชื้นของอากาศยามที่สายฝนร่วงโรย

                                                                                                                           คลุกรุนไปด้วยคาวเลือดและเสียงโหยหวน

     

        อ้อมกอดที่อบอุ่นของผู้เป็นบิดาช่วยพาตัวเด็กสาวออกมาจากกองเพลิง  ก่อนที่ไอเย็นจะเข้ามาแทนที่และสัมผัสสุดท้ายที่ศีษระ ก่อนบุพการีของเธอจะจากไปพร้อมกับ คำสั่งลา

     

    จงอยู่ต่อไปนะ

                                                  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพ่อกับแม่จะอยู่กับลูกเสมอ

                                                                                                                                                หนีไปให้ไกลที่สุดอย่ากลับมาที่นี่อีก

     

                                                              พ่ อ  รั ก ลู 

     

       ล้               ฝ น   ก็ โ    ร ย  ป ร       

    .....................................................................................

    ขอโทษทุกคนด้วยนะเจ้าค่ะ 
    ที่ไม่ได้อัพนานทีเดียว
    ละก็ขออภัยอย่างยิ่งเจ้าค่ะที่ไม่ได้อัพตอนนี้เพิ่ม
    พอจะอัพแล้วรู้สึกว่ามันชักจะเยอะเกินไปแล้ว
    ก็เลยขอตัดตอนไปเลยนะค่ะ ถ้าต่อละก็จะยาวมากเกินไปละค่ะ
    ขออภัยนะเจ้าค่ะ
    หรือว่ามันสั้นไปค่ะ แล้วตอนต่อไปจะตามมาค่ะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×