ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กาลครั้งหนึ่งของนักเล่านิทาน

    ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มของนิทานแห่งเอลาเซียร์(100%+แก้อักษรเล็กน้อยค่ะ)

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 51


       

      ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาด...ยังมีร่างเล็กของเด็กสาวยืนเด่นอยู่กลางถนนสายเล็กๆในหมู่บ้านแถบชนบท ร่างเล็กยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง...เรือนผมสีนิลกาลยาวเปียกปอนพอๆกับเสื้อเนื้อบางสกปรกที่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดฝน ใบหน้านวลที่ชาจนแทบด้านเพราะความเย็นเยียบของน้ำฝนที่กัดกินลงไปในเนื้อหนังแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆผ่านใบหน้านั้นแม้แต่น้อย ดวงตาเล็กๆนั่นหลุบต่ำลงเพราะเม็ดฝนที่แกะอยู่ตามใบหน้าไหลลงมาเข้าตาอย่างไม่ขาดสายแต่เด็กน้อยก็ยังคงยืน..อยู่ตรงนั้น....

        มือบางที่แทบจะไร้ความรู้สึกเพราะความหนาวที่เริ่มแผ่ซ่านยังคงกำบางสิ่งบางอย่างเอาไว้  แต่ตอนนี้เธอแทบไม่รู้สึกถึงผิวที่ขรุขระของมันอย่างที่ควรจะเป็น ร่างเล็กเริ่มจะโอนเอนเพราะความอ่อนเพลียประกอบกับความหนาวที่เข้าจู่โจม  นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนนั่นว่างเปล่ามีเพียงความอ้างว้างในม่านน้ำใสที่คลออยู่ในดวงตา
     

     

    ........ทำไม..........

     

    ...ทำไมโลกถึงช่างโหดร้ายนัก......

    .....ทำไมข้าต้องอยู่เพียงลำพัง......

    ไร้คนสนใจ.....ไม่มีใครเหลียวแล

    .....ชะตากรรมหรือไงกัน

    ............อยุติธรรมสิ้นดี.......



           สายฝนยังคงกระนั่มตกลงมาราวกับสายธาร เหมือนจะตอกย้ำความโดดเดียวของเด็กสาว ถึงแม้จะมีบ้านเรือนเรียงรายอยู่ตามสองฝากฝั่งของถนน แต่ก็หามีเจ้าบ้านคนใดใส่ใจกับร่างเล็กๆที่อยู่กลางสายฝน ผู้คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังหาที่หลบฝนเดินเลยผ่านเธอไปอย่างไม่แยเส แต่เด็กน้อยอายุประมาณหกขวบในกลุ่มนั้นมองมาที่เธออย่างอยากรู้อยากเห็น เมื่อหญิงสาวคนเป็นแม่เห็นก็อุ้มเด็กน้อยขึ้นบ่าไปพร้อมมองมาที่เธอด้วยสายตารังเกียจ ปากก็พร่ำบอกลูกสาวว่าอย่าไปยุ้งกับเธอไปอันขาด คนที่อยู่ในกลุ่มนั้นก็เช่นกันต่างพากันเดินเลี่ยงออกห่างจากเธอให้มากที่สุดแน่นอนรวมทั้งสายตารังเกียจเดียดฉันท์นั้นด้วย  การกระทำทั้งหมดอยู่ในสายตาคนในบ้านละแวกนั้นแต่ก็หามีใครที่สงสารเธอหรือคิดให้ที่หลบฝนกับเธอแม้แต่คนเดียว.........................................................................

     

       เด็กสาวมองกลุ่มคนที่เร่งฝีเท้าจากไปด้วยสายตาว่างเปล่าเหมือนเดิม แต่น้ำตาที่กักไว้นานก็ร่วงกรวยกราวลงมาไม่แพ้ห่าฝน ขาเรียวบางยันกายไว้ไม่แทบอยู่ เด็กสาวจึงทรุดตัวลงนั่งบนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน เธอไม่ได้รู้สึกปวดใจเพราะสายตาเหล่านั้น แต่ภาพของแม่ที่ต้องการป้องกันลูกน้อยต่างหากที่ทำให้หัวใจเธอแทบสลาย

    .........ทำไม.......

     

    .......เธอถึงไม่มีใครคอยปกป้องบ้าง.......

     

       น้ำตายังคงไหลรินเช่นเดียวกับหยาดน้ำก็ยังโปรยลงมา น่าแปลกที่ดวงตานั้นยังไร้ความรู้สึก น้ำตาที่ไหลคงมาจากส่วนลึกในใจแต่ภายนอกของเธอนั้นช่างเฉยชายิ่งนัก เธอที่ขาดทั้งพ่อทั้งแม่ ทำไมถึงยังไม่ชินกับภาพแบบนี้ซักที

     

       เสียงในใจยังคงเรียกหาแต่ความเป็นจริงนั้นยังตอกย้ำเธอ

     

      มือบางที่กำไว้นานคลายออก สร้อยเส้นบางคล้องด้วยจี้พลอยสีใสปรากฏชัดแก่สายตาของผู้จ้องมอง มันยังคงตอกย้ำความโดดเดียวของเธออยู่.....

     

        ไม่เพียงตอกย้ำแต่ยังซ้ำเติมในสิ่งผู้คนต้องทำท่ารังเกียจเธอ......

     

    ความผิดของใครกัน.....

     

    ของเธอ......

     

    ของบุพการี...ผู้เลี้ยงดูเธอมา....

     

    ....และทิ้งภาระแห่งความรังเกียจไว้ให้....

     

    ......ถ้าเป็นแบบนี้...ควรจะให้เธอเกิดมาทำไม....

     

    หรือเท่านี่เธออาจโชคดีแล้วก็ได้......

     

    เธอยังโชคดีที่เหลือชีวิตเอาไว้.....

     

         ดีแล้วที่มีเพียงสายตารังเกียจ ไม่มีโซ่ตรวน ไม่มีกองไฟสูงท่วมหัว หรือเชือกที่มัดเป็นบ่วงแล้วแขวนไว้บนขื่อ 
    เธอเองก็เริ่มชินกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว มันผ่านมานานเกือบปีแล้ว สมควรที่จะเริ่มชิน
     

        สายฝนซาลงแล้วเช่นเดียวกับกับหยาดน้ำบนใบหน้าของเด็กสาว  เธอยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อ ถึงจะอยู่อย่างไร้ค่า ไร้คนสนใจก็ตาม แต่ตราบใดที่มีชีวิตอยู่ เธอก็ยังมีทางเลือกที่ดำเนินชีวิต ถึงมันจะมีไม่มากนัก แต่เธอ...ยังต้องอยู่.........เพื่อเป้าหมาย..ของเธอ....
     
    .....อย่างน้อยก็ให้ผู้อื่น.....รับรู้ถึงตัวตน....ของเธอ.....

    ในเมื่อมันแลกมาด้วยหลายชีวิต.....เธอก็ต้องใช้มันอย่างคุ้มค่า

        เด็กสาวยันกายจะลุกขึ้นมาจากพื้น แต่ขาที่เปรอะไปด้วยคราบโคลนเหมือนถูกสูบแรงออกไป  ขาที่กำลังจะยืนขึ้นจึงทรุดลงไปเกือบกองกับพื้นถ้าไม่ใช่มีบางอย่างมาช่วยฉุดแขนของเธอเอาไว้ เด็กสาวหันไปมองตามทิศทางของแรงที่ช่วยดึงเธอให้ยืนขึ้น

        สิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอได้แต่ส่งสายตาเป็นคำถามไปให้ผู้ช่วยเหลือ เขาคือชายรูปร่างสูงโปร่ง ผ้าคลุมผืนใหญ่ที่เค้าใช่ยังเปียกชื้น คงเพราะเค้าไม่มีที่หลบฝนเหมือนอย่างเธอ ดวงตาสีถ่านผายหลังแว่นบางฉายแววอ่อนโยนมายังเธอเช่นเดียวกับเส้นผมที่ยาวเลยออกมาจากฮูดที่เค้าสวม  เค้าขยับยิ้มให้ก่อนเอ่ยขึ้นกับเธอที่ยังมีแต่สายตาคำถามปนหวาดระแวง แต่ความอ่อนโยนจากดวงตานั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่เสียมากกว่า ยังมีอีกรึ...ความอบอุ่นบนโลกนี้....

    "ไง เด็กน้อย มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ เปียกไปหมดแล้วนะเรา
    "

     

          เธอไม่อยากตอบเค้าหรืออีกอย่างเธอคงไม่รู้จะตอบอะไรไปดี ในเมื่อเธอก็ไม่เคยรู้จักกับชายท่าทางอารมณ์ดีตรงหน้า หรือชายคนนี้จะเป็น....คนของทางการ!!!!
          คิดได้แค่นั้นเธอจึงเริ่มสำรวจชายตรงหน้าอย่างละเอียด เค้ายังคงส่งยิ้มละไมมาให้อย่างไม่เมื่อยปาก ผ้าคลุมผืนใหญ่สีขุ่นดูมอมแมม มีรอยขาดบ้างตามชายผ้า ที่รองเท้าที่ใกล้จะขาดก็มีก้อนโคลนแกะอยู่เต็ม  มือที่ช่วยจับแขนของเธอก็สากเหมือนคนทำงานหนัก

        ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนของทางการ........เธอค่อยโล่งใจ แต่ก็ไม่ไว้ใจชายตรงหน้าอยู่ดี...

               ......เหมือนนักพเนจรไม่ก็นายพรานหรือคนที่ทำงานหนักตามสวนไร่

       ท่าทางคงจะไม่เคยมาที่นี้.....ถึงได้มาช่วยเธอ.....

    "....ขอบคุณค่ะ..." 
              เธอกล่าวเสียงเนิบๆไปตามมารยาทที่ควรทำ แล้วออกแรงที่แขนให้เขาปล่อยมันเป็นอิสระ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป เธอกะว่าไปหาที่หลบนอนซักคืนแล้วจะออกจากที่นี้ไปตลอดกาล แต่ชายหนุ่มที่เธอนึกว่าเขาจะไปทำธุระอะไรของเขาต่อก็ช่าง กลับเดินตามเธอมาเงียบๆ  
           บางทีเค้าคงบังเอิญมาทางเดียวกับเธอมากกว่า แต่เธอไม่คิดอย่างนั้นแน่ เพราะฝีเท้าของเค้าเงียบเกินไป ไม่เหมือนคนธรรมดาเลย  แต่เค้าคงไม่ได้จงใจเดินเบาๆเพื่อตามเธอเหรอ แต่เค้าเดินเบาจนเป็นนิสัยมากกว่า 

                ...ชายคนนี้..........ไม่น่าไว้ใจซะแล้ว..

        เธอหยุดเดินแล้วหันไปสบกับใบหน้าที่ยังเปื้อนยิ้มอยู่เหมือนเดิม เค้ายิ้มแล้วพูดกับเธอ2-3ประโยค 

         ...ประโยคที่ทำให้เธอต้องอะไรเกี่ยวกับตัวเค้าใหม่อีกเยอะทีเดียว



       

    ........................................................................................................................

     เฮกๆๆๆ  เหนื่อยจังเลย กว่าจะพิมพ์เสร็จ
    แต่ก็ดีใจค่ะ พิมพ์เสร็จแล้ว ช่วยติชมกันด้วยนะค่ะ
    นิทานเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะอารมณ์ที่มันเหงาๆ ฉากแรกเลยมาแบบนี้เลย
    ติชมกันด้วยนะค้า~~

    เรื่องติชมนี่ ข้าน้องขอตรงๆนะเจ้าค่ะ
    ข้าน้อยเป็นคนตรง หากท่านคิดยังไงกับ นิทานเรื่องนี้
    โปรดเม้นมาตรงๆนะเจ้าค่ะ
    อย่าเม้นตามธรรมเนียมที่เค้าให้ฝากนิยายกันนะเจ้าค่ะ
    ข้าน้อยไม่ได้ไม่ชอบ เพราะรู้ว่าเป็นวิธีที่ทำให้เข้าถึงนิยายที่แต่ง
    แต่!!  ถ้าท่านแน่จริงทำไมไม่ให้คนที่เคยเข้าอ่านนิยายของท่านเป็นตัวตัดสิน
    ถ้าหากมันสนุกจริงๆเค้าจะกลับมาเอง และจำนวนคนเข้าชมจะเป็นตัวบอกเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×