คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 5
CHAPTER 5
ดวงตาเรียวรีกระพริบถี่ๆสองถึงสามที สติของร่างบางเรียกได้ว่ายังไม่กลับเข้ามาดีนัก แขนขาเล็กแทบจะไม่รู้สึก ร่างกายอ่อนปวกเปียกหลอมละลายอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวสูง รสสัมผัสยังคงตราตรึงอยู่บนริมฝีปากเล็ก มือที่โอบอยู่รอบคอร่างสูงสั่นระริก พวงแก้มใสน่าทะนุถนอมขึ้นสีแดงระเรื่อ นัยน์ตาคมของเต๋ามองคนตัวเล็กอย่างกรุ้มกริ่ม ปนรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ งื้ออ ต๋าวว ยิ้มอะไรอ่ะ “
“ ก็คชานั่นแหละ “
“ เห ? อะไรหรอ? “ ริมฝีปากน่าสัมผัสอ้าขึ้นน้อยๆ ใบหน้าเล็กเอียงไปทางซ้ายอย่างน่ารัก
“ น่ารัก “ คำเดียวสั้นๆจากเต๋าทำให้คชาเขินแทบม้วน ปลายนิ้วเย็นเฉียบเอื้อมมาสัมผัสข้างแก้มใสอย่างแผ่วเบา หัวใจที่สั่นไหวราวกับมีพายุพัดโหมอยู่ทำให้คชาได้แต่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีช๊อกโกแลตอำพันไม่อาจจะเอื้อนเอ่ยคำพูดใดออกไปได้ “ น่ารักไปหมด ตรงนี้ ตรงนี้ “ เต๋าเลื่อนมือไปยัง แก้มใส เปลือกตาสีมุกพราว และ มาหยุดที่ริมฝีปาก พวงแก้มเนียนใสขึ้นริ้วสีแดงจัดราวกับมะเขือเทศสดใหม่ ลมหายใจของคชาถูกช่วงชิงไปในทันทีเมื่อร่างสูงโน้มหน้าเข้ามาชิด “ ตรงนี้ก็ด้วย “ ริมฝีปากของร่างสูงขยับเสียดสีกับกลีบริมฝีปากเล็ก และเข้าครอบครองริมฝีปากสีเชอรี่สดในที่สุด เต๋าไล้ริมฝีปากของคชาช้าๆราวกับกำลังชิมความอร่อยความหอมหวานของฟองนมบนกาแฟลาเต้อุ่นๆ ร่างบางที่ไม่ประสีประสาในเรื่องนี้สักนิดหลอมละลายช้าๆ ลิ้นร้อนตวัดหยอกล้อกับลิ้นเล็กราวกับพญาอินทรีย์ไล่จับลูกไก่ตัวเล็ก รสชาติหอมหวานของคชากำลังทำเต๋าเสพติดขึ้นในทุกวินาทีสัมผัส เป็นเวลากี่นาทีก็ไม่อาจรู้ได้ที่คนตัวเล็กโดนช่วงชิงความหวานไปและก็คงจะโดนละเมียดชิมไปไม่รู้จบ ถ้าไม่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นซะก่อน
“ คชาอยู่ไหน คชา ! “ เสียงของเค้นท์ติดจะร้อนใจเมื่อตื่นมาไม่พบพี่ชายตัวเล็กอยู่ข้างๆ ทำให้คนตัวเล็กที่เพลิดเพลินไปกับรสชาติแปลกใหม่ยกมือขึ้นดันอกแกร่งออก และเต๋าก็ยอมละแต่โดยดีถึงแม้ว่าจะเสียดายริมฝีปากตรงหน้าซะเหลือเกิน
“ อยะอยู่นี่ เค้นท์คชาอยูข้างนอกนี่ “
“ ออกมาได้ยังไง อ้อ ไอ้เต๋านี่เอง “ หัวฟูๆของเค้นท์ที่ไม่ได้หวีเพราะเพิ่งตื่นนอนโผล่ออกมาให้เห็น ขายาวของคนเป็นน้องก้าวมาหาคชาด้วยความเป็นห่วง “ ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่? “
“ สักพักเอง ออกมาดูพระอาทิตย์ขึ้นน่ะ “
“ พระอาทิตย์ขึ้น? แล้วทำไมหน้าแดงเป็นเด็กอ่าข่าแบบนั้นวะชา “
มือเล็กยกขึ้นจับแก้มตัวเองอย่างรวดเร็ว เต๋าที่อยู่ข้างๆอมยิ้มเล็กน้อย “ หนะหนาวน่ะ “
“ หนาวหรอ? เข้าห้องมั้ย ไอ้เต๋าช่วยพาคชาเข้าหน่อยดิ “
“ มะไม่ต้องก็ได้เค้นท์ไม่หนาวมากขนาดนั้นหรอก ชาอยากดูวิวอ่ะ “ ร่างเล็กจับชายเสื้อของน้องชายค้านไว้
“เฮ้อ ถ้าป่วยอย่ามาร้องไห้ให้เห็นละกัน “ เค้นท์ถอนหายใจพลางหมุนตัวเดินเข้าห้องไปทิ้งให้พี่ชายสุดดื้อนั่งชมวิวอยู่ข้างนอกอย่างที่ตั้งใจ
ปึง
เต๋ากับคชาที่นั่งอยู่ด้านนอกปรายตามองประตูห้องของเค้นท์ที่ปิดลงแรงๆอย่างจงใจ แต่ก็เป็นปกติที่เค้นท์จะทำอะไรกระโชกโฮกฮากตามนิสัยทำให้ทั้งสองคนด้านนอกไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
“ ต่อมั้ย? “ เป็นเสียงทุ้มของร่างสูงนั่นเองที่เอ่ยถามด้วยเสียงยั่วเย้า
“ ต๋าววววววววว พอเลยนะ “ เต๋าหัวเราะทิ้งท้ายประโยคของร่างบาง หัวทุยๆพิงลงบนหัวไหล่แกร่งของเต๋า
“ เขินหรอไง “
“ ใครจะไม่เขินเล่า บ้าเอ้ยยย “ เสียงหัวเราะทุ้มๆที่เต็มไปด้วยความสุขดังขึ้นก้องคลอกับเสียงเล็กที่บ่นงุ้งงิ้งท่ามกลางภาพวิวความสวยงามของธรรมชาติที่ไม่สามารถหาได้ที่ไหนอีก...
“ เฮ้ย กูได้ยินเสียงน้ำตกแล้วเว้ย “ เสียงร่าเริงของบุคคลที่ได้ฉายาว่าหมีดังขึ้นโลดด้วยความดีใจ
“ เจมส์เงียบๆน่า ฉันก็ได้ยินเหมือนกันแหละ “ ตามมาด้วยเสียงของต้นที่ดุๆนิดๆตามเคย
“ หนักรึเปล่าเต๋า? “ ตามมาด้วยเสียงหวานใสของคชาที่ตอนนี้อยู่บนแผ่นหลังกว้างของเต๋า
“ คชาเบาจะตาย “
“ โกหกรึเปล่า เราหนักใช่มั้ย บอกมาเลยนะ “ มือเล็กที่โอบรอบคอของเจ้าขอวงสียงเสียงทุ้มผู้พูดประโยคก่อนหน้ารัดเข้าแน่นเป็นการแกล้ง เสียงหัวเราะสดใสของคชาดังขึ้นเบาๆเมื่อได้ยินเสียงไอค่อกแค่กของเต๋า
“ ชาเดี๋ยวเต๋าหายใจไม่ออกจะทำยังไง “
“ เต๋าก็ตายไงล่า “ ร่างเล็กหัวเราะคิกคัก จนเค้นท์ที่เดินรั้งท้ายอยู่ข้างหลังต้องหันมามองเต็มๆตาว่านี่เป็นเสียงของคชาจริงรึเปล่า
กลุ่มของเศรษฐพงษ์ที่ขณะนี้อยู่ที่ทางขึ้นน้ำตกแม่กำปอง น้ำตกที่เป็นที่ท่องเที่ยวสำคัญของหมู่บ้าน เป็นเวลาสายๆที่ทั้งหกคนตกลงใจกันว่าจะมาเที่ยวที่น้ำตกแห่งนี้ แม้จะไม่สามารถลงเล่นได้เพราะอากาศที่ค่อนข้างเย็นของที่นี่ ทั้งหกคนก็ยังคงอยากมาสัมผัสธรรมชาติทีไม่สามารถเห็นได้ที่กรุงเทพอย่างที่น้ำตกแม่กำปองแห่งนี้ โดยเต๋าเป็นผู้อาสาพาคชาขึ้นหลังและคชาก็เต็มใจอย่างยิ่งที่จะอยู่บนแผ่นหลังกว้างๆนี้ ส่วนเค้นท์เป็นผู้ถือรถวีลแชร์ขึ้นมาให้เนื่องจากว่าไม่สามารถเข็นได้ ต้นเป็นคนอุ้มไฉไลขึ้นมาด้วยเพราะเจ้าตัวก็ชอบแมวสีขาวตัวอ้วนนี้ไม่ใช่น้อย เฟรมที่รับหน้าที่เป็นตากล้องของงานก็รัวถ่ายรูปเก็บภาพความสวยงามและความทรงจำที่หาได้ยากนี้ไว้ และคนสุดท้ายเจมส์ที่รับหน้าทีถือเสบียงและเสื่อขึ้นมา
เสียงของธารน้ำตกใกล้เข้ามาเรื่อยๆกระทบโสตประสาทของทุกๆคนในที่นี้ รอยยิ้มของทุกคนปรากฏขึ้นในทันทีที่ที่หมายปรากฏขึ้นตรงหน้า ชั้นน้ำใสหลายชั้นที่มีสายน้ำธรรมชาตืใช้เป็นทางผ่านเพื่อลงสู่สายน้ำใสและธรรมชาติที่รายล้อมทำให้ทุกคนแทบจะอยากอยู่ตรงนี้ไปแสนนาน เจมส์สะบัดเสื่อออกวางทาบลงไปกับพื้นหิน ข้าวเหนียว ลาบ ส้มตำ ไก่ย่างถูกจัดเตรียมลงจานกระดาษอย่างดี ผู้ร่วมทริปทั้ง 6 นั่งล้อมวงอาหารโปรดของทุกคนและรับประทานด้วยความหิวเนื่องจากเวลานี้เป็นเวลาเกือบจะบ่ายแล้วและข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้องของใครเลยสักคน ไม่ถึง 20 นาทีอาหารทั้งหมดก็หายเข้าท้องของ 6หนุ่มเรียบร้อย ต่างคนก็ต่างทำกิจกรรมของตนเองแยกย้ายกัน ต้นและเจมส์นั่งอยู่บนเสื่อเริ่มที่จะร้องเพลง เค้นท์นั่งอยู่ข้างหลังเป็นผู้รับฟัง
“ น้ำตกอยู่ใกล้แค่เอื้อมเองเนอะเต๋า “ สายตาของคนตัวเล็กทอดยาวไปยังธารน้ำใสที่อยู่ใกล้ๆ
“ อื้ม แต่เล่นไม่ได้นะชา น้ำมันเย็นมากๆเลย “
“ ชารู้ แต่ก็ยังอยากเล่นอ่ะ “
“ ถ้าชาอยากเล่นไว้เดี๋ยวเต๋าพาไปเล่นนะ โอเคมั้ย? “
“ โอเคค สัญญานะต๋าวววว “
“ สัญญาครับ “ นิ้วก้อยเล็กๆถูกยื่นให้ร่าวสูงและเต๋าก็เกี่ยวก้อยแต่โดยดี มือหน้าอีกข้างวางปุบนหัวเห็ดของคชาพลางขยี้เบาๆ “ กินก็เลอะ ”
“ งื้ออ ก็ไม่รู้ว่าเลอะอะ เต๋าหยิบทิชชู่ให้หน่อยนะ “ เต๋าพยักหน้าหงึกๆ ร่างสูงเดินไปยังเสื่อเพื่อหยิบทิชชู่ที่อยู่ไกลออกไปเล็กน้อยเพื่อจะเอามาให้คนตัวเล็ก
เฟรมหยิบกีต้าร์ตัวเก่งขึ้นมาไล่เสียงอย่างชำนาญ ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงที่ใครๆก็คุ้นหู เสียงร้องมีพลังของต้นก็ดังขึ้น ทำให้บรรยากาศรอบข้างดูมีความสุขตามไปด้วย เจมส์หยิบกล้องตัวใหญ่ของมาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศสวยงามที่กลางกรุงเทพไม่มี มินิคอนเสิร์ตย่อมๆเกิดขึ้นกลางน้ำตกในอำเภอแม่กำปอง ทุกคนผลัดกันส่งเสียงร้องอย่างสนุกสนาน คชาอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเต๋าได้ร้อง อาจจะมีเพี้ยนบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีใครทักท้วงอะไร ส่วนตัวคชานั้นชอบเสียงเฟรมเป็นพิเศษ เสียงหยอกเย้าดังไปทั่วบริเวณ
“คชาร้องบ้างสิ”เฟรมพูดขึ้น คชาได้แต่ส่ายหัวพรืด
“ผม..ผม..ร้องเพลงไม่เป็น..”
เค้นท์หัวเราะ “ ไม่จริงหรอก คชาน่ะร้องเพลงเพราะมากเลยนะ ”
“ไม่จริงหรอก เค้นท์โกหก” คชารีบพูดแก้ตัวจนลิ้นพัน
“ไม่เห็นเป็นไรเลยคชา ดูอย่างไอ้เต๋าดิ เพี้ยนฉิบหายยังกระแดะร้องเลย” ต้นจิกกัดจนทุกคนหัวเราะลั่น
เต๋าชี้หน้าเพื่อนตัวเองอย่างคาดโทษ “ สัด..กูร้องตามฟีลลิ่งเว้ย ”
“ก็ ..ก็ได้.. ผมร้องไม่ดีห้ามล้อนะ ”
เค้นท์เปิดหนังสือเพลงของเฟรมไปมา “เพลงไร”
“เพลงเดิม”
เค้นท์พยักหน้าหงึกหงัก ผลิกหน้ากระดาษไปมาก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าใดสักหน้าของหนังสือเพลงเล่มโต เฟรมชะเง้อหน้าออกมามองก่อนจะลองเกากีต้าร์เป็นจังหวะ ในใจของคชาลุ้นระทึก คชาไม่ได้ร้องเพลงมานานแล้ว เมื่อก่อนคชาชอบร้องเพลงอยู่เหมือนกัน แต่เหตุที่ทำให้เลิกร้องไปก็คงเป็นเพราะ..อะไรที่ทุกคนก็คงจะรู้ดี เฟรมนับจังหวะก่อนนิ้วยาวๆนั่นจะเริ่มเกลากีต้าร์ จังหวะเพลงคุ้นเคยทำให้ทุกคนพอจะเดาได้ว่าเป็นเพลงอะไร
“ คืนนี้จันทร์นวลผ่อง มองแล้วคิดถึงแต่เธอ
ตัวฉันยืนมองเหม่อ ถามว่าเธออยู่ที่ใด
วอนสายลมแผ่วๆ ให้ช่วยพัดพาใจไป
บอกกับเธอ ว่าคิดถึง
จันทร์เจ้ารู้หรือเปล่า ว่าฉันเหงาเกินกว่าใคร
วันที่เธอลาไกล บอกไปแล้วจะกลับมา
คืนนี้ฉันรอเธออยู่ อยากบอกให้รู้คำเดียวว่า
จะรอจนกว่า ค่ำคืนนี้ไม่มีจันทร์
รัก รักเธอหมดใจรู้หรือเปล่า
อยากมีเพียงสองเรา อยู่กับจันทร์เหมือนเคย
อยากฟังซ้ำ..คำที่เธอเอื้อนเอ่ย
บอกว่ารักเหมือนเคย อยู่ในอ้อมแขน
จันทร์เจ้ารู้หรือเปล่า ว่าฉันเหงาเกินกว่าใคร
วันที่เธอลาไกล บอกไปแล้วจะกลับมา
คืนนี้ฉันรอเธออยู่ อยากบอกให้รู้คำเดียวว่า
จะรอจนกว่า ค่ำคืนนี้ไม่มีจันทร์
รัก รักเธอหมดใจรู้หรือเปล่า
อยากมีเพียงสองเรา อยู่กับจันทร์เหมือนเคย
อยากฟังซ้ำ..คำที่เธอเอื้อนเอ่ย
บอกว่ารักเหมือนเคย อยู่ในอ้อมแขน
รัก รักเธอหมดใจรู้หรือเปล่า
อยากมีเพียงสองเรา อยู่กับจันทร์เหมือนเคย
อยากฟังซ้ำ คำที่เธอเอื้อนเอ่ย
บอกว่ารักเหมือนเคย อยู่ในอ้อมแขน
ฉัน ”
เสียงโน้ตตัวสุดท้ายจบลง แก้มใสขึ้นสีน้อยๆด้วยความเขินอาย ดวงตาเรียวเล็กหลุบต้ำลงมองไฉไลที่อยู่บนตักเพราะไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นสบตาใคร โดยเฉพาะคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เสียงคุยของเฟรมดังขึ้นทำลายความเงียบตามด้วยเสียงเริ่มกีต้าร์เพลงใหม่ ต้นครองหน้าที่นักร้องนำเช่นเคย
“..ชอบ..” เต๋าพูดขึ้นเบาๆ นั่นยิ่งทำให้คชาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
“..อื้อ..”
เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นแข่งกับเสียงร้องโวยวายของคนที่ถูกถ่าย ต้นกับเจมส์วิ่งไล่กวดกันอยู่ไม่ไกลนัก ตอนนี้เค้นท์เฝ้าพระอินทร์ไปเสียเรียบร้อย ส่วนเฟรมก็ยังคงเมามันในอารมณ์ศิลปินอยู่ไม่เลิกเสียที คชามองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ ต้นทิ้งตัวลงไปนังพิงเฟรมพร้อมกับเหนื่อยหอบ เจมส์หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน ก่อนจะหันมาหาคชา
“คชา ยิ้มหน่อย”
คชาเบิกตากว้างพร้อมกับส่ายหน้ารัวๆ “ ไม่เอานะเจมส์ ”
เจมส์เดินเข้ามาใกล้ หมายจะถ่ายรูปคชาให้ได้ “ นิดนึงน่า เร็ว เก็บเป็นความทรงจำ ”
“ อือออ” คชายกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบก่อนที่จะไปเบียดทับกับแมวตัวอ้วน
ไฉไลตัวอ้วนกระโจนออกจากเก้าอี้วีแชร์พร้อมกับแผดร้องลั่น“เหมี๊ยวว!!!”
คชาสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ มือบางเอื้อมหมายจะคว้าแมวตัวอ้วนเข้ามาจนลืมสถานะของตัวเอง เก้าอี้วีแชร์พลิกคว่ำเนื่องจากแรงของคชาที่เด้งตัวไปข้างหน้า ถึงแม้มือจะกำตัวสัตว์เลี้ยงได้แล้ว แต่ตอนนี้ตัวทั้งตัวของคชากำลังโถมเข้าใส่ผืนน้ำเชี่ยวข้างล่างอย่างห้ามไม่อยู่ ราวกับภาพสโลโมชั่น ทุกชีวิตได้แต่มองด้วยอาการช็อค
ตู้ม
“อ๊า!!!”
ก่อนเสียงหวานจะแผดลั่นเรียกสติทุกคนให้กลับคืนมา ไม่คิดชีวิต เต๋าถอดเสื้อเชิร์ตสีฟ้าครามของตัวเองออกกระโดดสู่เบื้องล่างในทันที สองมีกวักน้ำเข้าหาตัวเพื่อว่ายออกไปข้างหน้า สายตาคมเห็นร่างเล็กชูมืออยู่ไหวๆ ความกลัวแล่นเข้าหาหนุ่มแวมไพร์ตัวขาวในทันที ขนาดเค้ายังหนาวซะขนาดนี้แล้วคชาล่ะจะหนาวขนาดไหน เต๋าที่เล่นกีฬาสารพัดกับชาที่แน่นอนว่าไม่ได้เล่นอะไรสักกะนิด ขาที่ขยับไม่ค่อยได้ของคชาเป็นตัวถ่วงน้ำหนักชั้นดี ในสภาวะที่ไม่สามารถหาอะไรเกาะได้ก็ทำให้คนตัวเล็กค่อยๆจมลงช้าๆแต่มือยังไม่วายกำแมวอ้วนไว้ ด้วยความตกใจกลัว เล็บยาวๆของเจ้าไฉไลข่วยมือบางจนเป็นแผล เค้นท์ที่เพิ่งสะดุ้งตื่นตอนพี่ชายตัวเล็กร้องกระโดดตามมาติดๆว่ายน้ำหาคนตัวเล็กในทันที ไม่ถึงห้านาที มือขาวๆก็อุ้มคนตัวเล็กขึ้นฝั่งนอนราบลงกับเสื่อทันที ทุกคนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยใจลุ้นระทึก แมวตัวอ้วนที่เต๋าลากขึ้นฝั่งมาด้วยรีบวิ่งไปพันแข้งขาของต้น
" คชา..คชา.. " มือหนาแตะเบาๆข้างแก้มใส ราวจะปลุก ตอนนี้เขาใจไม่ดีเลย ทำไมคนตัวเล็กถึงไม่ตอบสนองเขาแบบนี้ เต๋าใช้มือทั้งสองประสานกันที่หน้าอกของคชาก่อนจะออกแรงปั๊มเป็นจังหวะ เจมส์ที่ตอนนี้ใจไม่ดีกว่าใครเพราะความผิดส่วนหนึ่งที่คชาร่วงลงไปก็เป็นเพราะเขา
" ไม่เอา ไม่เอา.. คชา ตื่นสิ.. ชา.. " คนตัวเล็กยังคงนิ่ง เห็นร่างบางหน้าซีดลงเรื่อยๆ เขาก็เจ็บร้าวไปทั้งอก เต๋าตัดสินใจ ใช้วิธีที่ไม่อยากใช้มากที่สุด เพราะว่าถ้ามันไม่ได้ผล.. คนตรงหน้าอาจจะจากเขาไปจริงๆก็ได้ เต๋าหยิบเสื้อสีฟ้าครามของตนใช้รองท้ายทอยอีกคนไว้ มือขาวเชยคางคชาขึ้นเพื่อให้หายใจง่าย มือซ้ายบีบจมูกร่างบางจนแน่น สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะทาบทับริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากสีซีดเพื่อที่จะเป่าลมเข้าปอดอีกคน เต๋านับจังหวะอยู่ในใจด้วยความระทึก เต๋าเงยหน้าขึ้นมาเป่าซ้ำอีกเป็นรอบที่สอง ร่างบางยังคงนิ่ง ไม่รู้ว่าเป็นน้ำที่หยดลงมาจากไรผมหรือน้ำตาของเขากันแน่ ที่มันกำลังบดบังสายตาเขาอยู่ เต๋ากลั้นหายใจแน่นก่อนจะเป่าลมเฮือกใหญ่เข้าไปครั้งสุดท้าย คนตัวเล็กเกร็งแน่นก่อนจะสำลักน้ำในปอดให้ออกมาข้างนอก ราวกับภูเขาที่โดนยกออกจากอก เต๋ารีบคว้าตัวอีกคนเข้ามากอดแน่นราวกับกลัวร่างบางนี้จะหายไป " ไม่เอาอีกแล้ว แบบเมื่อกี้ไม่เอาอีกแล้วนะ คชา.. อย่าหายไปนะ "
ร่างบางเกร็งตัวสำลักเอาน้ำในปอดออกมาจนหมด ตอนนี้ทั้งหูและศีรษะตื้อไปหมด ราวกับนาทีชีวิต คชาเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ไม่ถูก ก่อนจะตั้งสติได้เมื่อรู้สึกถึงแรงมหาศาลที่กำลังบีบรัดตัวเขาอยู่ คำขอร้องแผ่วเบาที่กระซิบอยู่ข้างหูทำให้หัวใจของคชพองโตขึ้นอย่างช้าๆ “คชา..ไม่..ไม่เป็นไร..”
เค้นท์มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่ยังคงอธิบายไม่ได้ มันทั้งกลัวทั้งโมโหในเวลาเดียวกัน กลัว..กลัวว่าพี่ชายที่เขาแสนรักจะหายไป โมโห..โมโหตัวเองที่ไม่ใช่คนนั้นที่กระโจนลงไปช่วยชีวิตคชา ทั้งๆที่เขาเป็นน้องชายของคชาแท้ๆ อารมณ์มากมายมันตีกันจนมั่วไปหมด ทำได้เพียงแค่พูดขึ้นมาเท่านั้น
“กลับ ไม่ต้องชมวิวอะไรทั้งนั้น กลับไปเก็บของ กลับกรุงเทพ”
TALK
จัดไปหนึ่งตอนค่ะ เรื่มรู้สึกว่ามีคนติดตามเรื่องนี้เยอะขึ้นไม่ว่าจะจากคนทวงหรือจากคอมเม้นท์ก็ตามม >< ขอบคุณมากค่ะ สำหรับใครไม่ได้อ่านพี่ว๊ากก็ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า มิลลิกรัมจะอัพฟิคเร็วขึ้นนะคะเนื่องจากเรามีโปรเจ็กต์ที่ต้องทำกัน แฮร่ -3- ฝากคอมเม้นท์ด้วยนะค่า เรื่องนี่ใส่ความตั้งใจเข้าไปเต็มหลอดทุกตอนเลยล่ะค่ะ ^3^ - มิล
Ps. ใครอ่านแล้วอันนี้แก้ใหม่แล้วนะคะ -..-
อยากโผล่มาทอร์คอะ อิ้อิ้ ขอบคุณสำหรับคำติชมจากทุกๆคนนะคะ ตอนนี้เราจะเริ่มมองฟิคของตัวให้มากขึ้นแล้วค่ะ ขอบคุณที่ยังติดตาม และกรุณาติดตามต่อๆไปด้วยนะคะ อารมณ์ฟิคเรื่องนี้ค่อนข้างยาก(โคตร) แต่จะพยายามทำให้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมาเนอะ ขอบคุณค่า – ข้าวหมาก
ความคิดเห็น