ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบท เงื่อนงำและตำนาน
THE CURSE OF SENDUINEUS SWORD
คำสาบดาบสีเลือด (เปิดเรื่อง)
        เมื่อมีอดีต ย่อมมีตำนาน เมื่อมีนิทาน ย่อมมีเรื่องราว
        บนทุ่งหญ้าเขียวขจี ราตรีที่มืดมิด ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ปรากฏร่างสองร่างห้ำหั่นกัน
    เคร้ง!! ดาบ อาวุธคู่กายของทั้งสอง มันถูกกวัดแกว่งด้วยความแรงจนเกิดประกายไฟ
    “เจ้าง่าว ดาบน่ะ ต้องตวัดด้วยความรู้สึก ไม่ใช่แค่แรง” เสียงที่ทรงพลัง เปล่งออกมาจากปากของชายวัยกลางคน เขาพูดกับเด็กหนุ่มที่ดูท่าทางเงอะงะ
    “อ๊ะ....!!ท่านลุง ผม..ผมขอโทษ” เด็กหนุ่ม โค้งคำนับผู้เป็นอาจารย์หลายครา ขณะที่ก้าวเท้าไปหยิบดาบของตน
    “ลองอีกทีสิ...”ชายวัยทองกล่าวอีกครั้ง ขณะยื่นดาบให้เด็กหนุ่ม  ทั้งสองคนยังซุ่มซ้อมดาบในยามเช้ามืด
    เวลาเลยล่วง จากช่วงยามวิกลวิกาล เคลื่อนเข้าสู้เวลาสาย แสงอรุณสาดส่องไปทั่วหุบเขา ทำให้สังเกตเห็นกระท่อมหลังเล็กๆบนเนิน
    และที่กระท่อมแห่งนั้น ปรากฏร่างบุรุษสองนาย สนทนากันอยู่นานสองนาน
    “ท่านลุง ทำไมถึงต้องสอนดาบให้ผมเหรอ” เด็กหนุ่มทามลุงผู้เป็นอาจารย์
    “ก็...ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นแบบพ่อเจ้า” “พ่อผม...ท่านทำไมเหรอ ท่านลุงบอกว่าพ่อข้าออกตามหาท่านแม่ไม่ใช่เหรอ”เด็กหนุ่มถามด้วยความฉงนใจ “เอ่อ...อ่า....ช่างมันเถอะช่างมัน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” เขาอึดอัดที่จะพูดจึงกลบเกลื่อนด้วยเสียงหัวเราะพลางตวัดดาบใส่เด็กหนุ่มที่การ์ดรับ ทำให้เด็กหนุ่มแทบกระเด็น
    ตะวันยามเย็นสาดแสงฉาบฟากฟ้า ย้อมให้กลายเป็นสีเลือด สองบุรุษที่เคยห้ำหั่นกัน บัดนี้ดูสงบนิ่งราวร่างไร้วิญญาณ(เหมือนตายน่ะ) หากแต่ทั้งสองกำลังทำสมาธิ
    “อาจารย์ เมื่อครู่นี้ท่านจะพูดอะไรเหรอ”เด็กหนุ่มถาม ด้วยทีท่าสงสัย เขาเหล่ตาดูอาจารย์ของเขาที่กำลังเกาฝ่าเท้า.....
    “เจ้าไม่อยากรู้หรอก เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะข้าไม่อยากเล่าไง” ผู้เป็นอาจารย์หรี่ตาดูศิษย์ของตน
    เด็กหนุ่มเอียงศีรษะนิดหน่อย ทำทีท่าว่าเขาไม่เข้าใจ
    “เอาล่ะๆ พ่อเจ้าโดนคำสาปน่ะ ข้าบอกได้แค่นี้ พ่อเจ้าโดนคำสาป”
    “เอ๋...คำสาป”เด็กหนุ่มหน้าตาใสซื่อ งุนงงกับคำพูดของอาจารย์เขา
    “เอ้อ....ซักครู่...”ลุงของเด็กหนุ่มลุกออกไปนอกห้องแล้วกลับเข้ามาพร้อมดาบเล่มหนึ่ง
    “เอาล่ะ....ความจริงแล้ว พ่อเจ้าเป็นทหารที่ไปร่วมรบในสงครามล่าอณานิคมของมหานครพรอนเทร่ากับนครโมรอค กระนี้ ระหว่างทางกลับเจอพายุทรายพัดหายไปทั้งกองทัพ ผู้คนจึงเรียกทะเลทรายนั้นว่าคำสาป....แต่คำสาปไม่ได้มีเท่านี้ สุลต่านแห่งโมรอคยังเล่าว่า พายุทรายคือประตูมิติที่จะพาผู้คนไปยังนครปิศาจ หากผู้ไดโดนนำตัวไปแล้ว จะถูกประทับตรา แล้วจะล่าโดยปิศาจที่หิวโหย” อาจารย์เล่าเรื่องราวอย่างละเอียดราวเคยร่วมศึกครานั้น
    “เอื้อก....!!”เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายคำโต ก่อนที่จะถามอาจารย์ของตน “แล้ว....ท่านพ่อล่ะ”
    “เฮ้อ.......”ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ แล้วพูดว่า “ไม่มีใครหรอกที่รอดมาได้ แต่ถ้ามี ก็คงหาตัวเขาได้ยาก”อาจารย์กล่าวอีกครา แต่ครานี้ดูท่าเขาจะปิดเรื่องราวบางอย่าง
    ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีก่อนที่จะพูดว่า “ดาบนั่น.....ของพ่อเจ้า ฝากไว้ให้เจ้า” เขายื่นดาบให้เด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มชักดาบออกมา มีคำสลักลงบนใบดาบ “แด่ลูกชายข้า จิวด์” เด็กหนุ่มอ่านคำที่สลักบนนั้น
    “เอาล่ะเอาล่ะ เลยเวลานอนมามากแล้ว ไปเข้านอนซะนะ”
ราตรีที่มืดมิด เฉกเช่นชะตากรรมของเด็กหนุ่มที่ดูมืดมน อนาคตเขาจะเป็นเช่นไรต่อไปหนอ
    แสงไฟได้มืดลงอีกครา แต่ครานี้ยังเหลือเพียงแสงไฟดวงเล็กๆ ที่ๆแสงไฟคงสว่างอยู่นั้นเป็นเพียงห้องเล็กๆ ภายในมีโต๊ะไม้เล็กๆ และเตียงหนึ่งหลังเท่านั้น
    “เฮ้อ..... ความหมายคืออะไรน้า...”เด็กหนุ่มรำพันกับตัวเอง ขณะที่เขาอเนกายลงบนที่นอน ในมือยังคงกุมดาบเล่มเดิมที่อาจารย์ให้มา
    เขาพลิกตัวเล็กน้อย แต่แล้วดาบเล่มนั้นก็ได้หลุดจากมือของเขา ด้ามของดาบกระแทกลงบนพื้น ปรากฏแผ่นกระดาษโน้ตเล็ก มีข้อความว่า ‘มีต้นตอ ย่อมมียอด แม้สายน้ำ ยังมีต้นน้ำและสุดสายปลายน้ำ ทุกสิ่งมีราวเรื่อง หากสาวสืบมัน ไม่นานคงเจอจุดสิ้นสุด’เด็กหนุ่มอ่านกระดาษแผ่นนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ เขากำกระดาษแผ่นนั้นไว้แน่น
    -อาจารย์ แม้ท่านจะปกปิดข้าเพียงได ย่อมมีวันที่มันต้องสิ้นสุด ผมเข้าใจปริศนา
************
    เมื่อค่ำคืนยามราตรีพ้นผ่าน เด็กหนุ่มสืบเท้าก้าวออกจากกระท่อมหลังเล็กๆที่ชายป่า -ท่านลุง ข้าขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ยังไงข้าก็จะต้องรู้ให้ได้ แม้มีเงื่อนงำเพียงน้อยนิด- เด็กหนุ่มนึกในใจ
    ในขณะที่เขาเดินห่างไปเกือบลับสายตา ลุงผู้เป็นอาจารย์ไม่อาจไปส่งเขาได้
    “เฮ้อ....ไปซะแล้ว ยังไม่ได้ลาเลย รักษาตัวแล้วกันนะ ชะตากรรมรอเจ้าอยู่....จิวด์” ชายหนุ่มวัยทองถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆขณะที่สายตายังคงมองที่เด็กหนุ่มจนลับไปกับเส้นขอบฟ้า.....
คำสาบดาบสีเลือด (เปิดเรื่อง)
        เมื่อมีอดีต ย่อมมีตำนาน เมื่อมีนิทาน ย่อมมีเรื่องราว
        บนทุ่งหญ้าเขียวขจี ราตรีที่มืดมิด ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ปรากฏร่างสองร่างห้ำหั่นกัน
    เคร้ง!! ดาบ อาวุธคู่กายของทั้งสอง มันถูกกวัดแกว่งด้วยความแรงจนเกิดประกายไฟ
    “เจ้าง่าว ดาบน่ะ ต้องตวัดด้วยความรู้สึก ไม่ใช่แค่แรง” เสียงที่ทรงพลัง เปล่งออกมาจากปากของชายวัยกลางคน เขาพูดกับเด็กหนุ่มที่ดูท่าทางเงอะงะ
    “อ๊ะ....!!ท่านลุง ผม..ผมขอโทษ” เด็กหนุ่ม โค้งคำนับผู้เป็นอาจารย์หลายครา ขณะที่ก้าวเท้าไปหยิบดาบของตน
    “ลองอีกทีสิ...”ชายวัยทองกล่าวอีกครั้ง ขณะยื่นดาบให้เด็กหนุ่ม  ทั้งสองคนยังซุ่มซ้อมดาบในยามเช้ามืด
    เวลาเลยล่วง จากช่วงยามวิกลวิกาล เคลื่อนเข้าสู้เวลาสาย แสงอรุณสาดส่องไปทั่วหุบเขา ทำให้สังเกตเห็นกระท่อมหลังเล็กๆบนเนิน
    และที่กระท่อมแห่งนั้น ปรากฏร่างบุรุษสองนาย สนทนากันอยู่นานสองนาน
    “ท่านลุง ทำไมถึงต้องสอนดาบให้ผมเหรอ” เด็กหนุ่มทามลุงผู้เป็นอาจารย์
    “ก็...ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นแบบพ่อเจ้า” “พ่อผม...ท่านทำไมเหรอ ท่านลุงบอกว่าพ่อข้าออกตามหาท่านแม่ไม่ใช่เหรอ”เด็กหนุ่มถามด้วยความฉงนใจ “เอ่อ...อ่า....ช่างมันเถอะช่างมัน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” เขาอึดอัดที่จะพูดจึงกลบเกลื่อนด้วยเสียงหัวเราะพลางตวัดดาบใส่เด็กหนุ่มที่การ์ดรับ ทำให้เด็กหนุ่มแทบกระเด็น
    ตะวันยามเย็นสาดแสงฉาบฟากฟ้า ย้อมให้กลายเป็นสีเลือด สองบุรุษที่เคยห้ำหั่นกัน บัดนี้ดูสงบนิ่งราวร่างไร้วิญญาณ(เหมือนตายน่ะ) หากแต่ทั้งสองกำลังทำสมาธิ
    “อาจารย์ เมื่อครู่นี้ท่านจะพูดอะไรเหรอ”เด็กหนุ่มถาม ด้วยทีท่าสงสัย เขาเหล่ตาดูอาจารย์ของเขาที่กำลังเกาฝ่าเท้า.....
    “เจ้าไม่อยากรู้หรอก เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะข้าไม่อยากเล่าไง” ผู้เป็นอาจารย์หรี่ตาดูศิษย์ของตน
    เด็กหนุ่มเอียงศีรษะนิดหน่อย ทำทีท่าว่าเขาไม่เข้าใจ
    “เอาล่ะๆ พ่อเจ้าโดนคำสาปน่ะ ข้าบอกได้แค่นี้ พ่อเจ้าโดนคำสาป”
    “เอ๋...คำสาป”เด็กหนุ่มหน้าตาใสซื่อ งุนงงกับคำพูดของอาจารย์เขา
    “เอ้อ....ซักครู่...”ลุงของเด็กหนุ่มลุกออกไปนอกห้องแล้วกลับเข้ามาพร้อมดาบเล่มหนึ่ง
    “เอาล่ะ....ความจริงแล้ว พ่อเจ้าเป็นทหารที่ไปร่วมรบในสงครามล่าอณานิคมของมหานครพรอนเทร่ากับนครโมรอค กระนี้ ระหว่างทางกลับเจอพายุทรายพัดหายไปทั้งกองทัพ ผู้คนจึงเรียกทะเลทรายนั้นว่าคำสาป....แต่คำสาปไม่ได้มีเท่านี้ สุลต่านแห่งโมรอคยังเล่าว่า พายุทรายคือประตูมิติที่จะพาผู้คนไปยังนครปิศาจ หากผู้ไดโดนนำตัวไปแล้ว จะถูกประทับตรา แล้วจะล่าโดยปิศาจที่หิวโหย” อาจารย์เล่าเรื่องราวอย่างละเอียดราวเคยร่วมศึกครานั้น
    “เอื้อก....!!”เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายคำโต ก่อนที่จะถามอาจารย์ของตน “แล้ว....ท่านพ่อล่ะ”
    “เฮ้อ.......”ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ แล้วพูดว่า “ไม่มีใครหรอกที่รอดมาได้ แต่ถ้ามี ก็คงหาตัวเขาได้ยาก”อาจารย์กล่าวอีกครา แต่ครานี้ดูท่าเขาจะปิดเรื่องราวบางอย่าง
    ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีก่อนที่จะพูดว่า “ดาบนั่น.....ของพ่อเจ้า ฝากไว้ให้เจ้า” เขายื่นดาบให้เด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มชักดาบออกมา มีคำสลักลงบนใบดาบ “แด่ลูกชายข้า จิวด์” เด็กหนุ่มอ่านคำที่สลักบนนั้น
    “เอาล่ะเอาล่ะ เลยเวลานอนมามากแล้ว ไปเข้านอนซะนะ”
ราตรีที่มืดมิด เฉกเช่นชะตากรรมของเด็กหนุ่มที่ดูมืดมน อนาคตเขาจะเป็นเช่นไรต่อไปหนอ
    แสงไฟได้มืดลงอีกครา แต่ครานี้ยังเหลือเพียงแสงไฟดวงเล็กๆ ที่ๆแสงไฟคงสว่างอยู่นั้นเป็นเพียงห้องเล็กๆ ภายในมีโต๊ะไม้เล็กๆ และเตียงหนึ่งหลังเท่านั้น
    “เฮ้อ..... ความหมายคืออะไรน้า...”เด็กหนุ่มรำพันกับตัวเอง ขณะที่เขาอเนกายลงบนที่นอน ในมือยังคงกุมดาบเล่มเดิมที่อาจารย์ให้มา
    เขาพลิกตัวเล็กน้อย แต่แล้วดาบเล่มนั้นก็ได้หลุดจากมือของเขา ด้ามของดาบกระแทกลงบนพื้น ปรากฏแผ่นกระดาษโน้ตเล็ก มีข้อความว่า ‘มีต้นตอ ย่อมมียอด แม้สายน้ำ ยังมีต้นน้ำและสุดสายปลายน้ำ ทุกสิ่งมีราวเรื่อง หากสาวสืบมัน ไม่นานคงเจอจุดสิ้นสุด’เด็กหนุ่มอ่านกระดาษแผ่นนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ เขากำกระดาษแผ่นนั้นไว้แน่น
    -อาจารย์ แม้ท่านจะปกปิดข้าเพียงได ย่อมมีวันที่มันต้องสิ้นสุด ผมเข้าใจปริศนา
************
    เมื่อค่ำคืนยามราตรีพ้นผ่าน เด็กหนุ่มสืบเท้าก้าวออกจากกระท่อมหลังเล็กๆที่ชายป่า -ท่านลุง ข้าขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ยังไงข้าก็จะต้องรู้ให้ได้ แม้มีเงื่อนงำเพียงน้อยนิด- เด็กหนุ่มนึกในใจ
    ในขณะที่เขาเดินห่างไปเกือบลับสายตา ลุงผู้เป็นอาจารย์ไม่อาจไปส่งเขาได้
    “เฮ้อ....ไปซะแล้ว ยังไม่ได้ลาเลย รักษาตัวแล้วกันนะ ชะตากรรมรอเจ้าอยู่....จิวด์” ชายหนุ่มวัยทองถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆขณะที่สายตายังคงมองที่เด็กหนุ่มจนลับไปกับเส้นขอบฟ้า.....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น