คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
“ยัยนัท!! บัตรเครดิตแกอยู่ไหน เอามาให้ฉันสิ” เสียงหญิงวัยกลางคนที่เอ่ยขึ้น ขณะก้าวเข้ามาในบ้าน
“แม่ ! นั่นแม่จะทำอะไรอ่า อย่ายุ่งกับของของนัทนะ เอาคืนมานะแม่”
ตุ้บบ !
หลังจากที่ฉันได้ยินเสียงแม่เรียก และพูดถึงบัตรเครดิต ฉันก็รีบวิ่งตามแม่เข้ามาในห้องของฉันทันที สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือ แม่ค้นกระเป๋าตังของฉันและหยิบบัตรเครดิตออกมา ฉันเข้าไปยื้อแย่งแต่ก็ถูกแม่สะบัดจนฉันล้มก้นกระแทกพื้น
“แกอย่ามาห้ามฉันหน่า เงินฉันหมดแล้ว ขอยืมของแกก่อนแล้วกัน หาได้แล้วฉันจะใช้คืน แค่นี้อย่าทำเป็นหวงหน่อยเลย” แม่พูดใส่ฉันด้วยท่าทีที่ไม่ได้ห่วงที่ฉันล้มลงเลย แม่หยิบมันไปและเดินออกจากบ้านทันที ฉันรีบวิ่งตามแม่ไปและแย่งบัตรเครดิตที่แม่กำลังจะเก็บใส่กระเป๋าตังของตัวเองมา
“ไม่ได้หรอกนะแม่ เงินเนี่ย เป็นเงินที่นัทต้องใช้จ่ายค่าเทอม แล้วยังหามาได้เองจากการทำงานนะ ถ้าแม่เอาไปเล่นจนหมด เราจะเอาที่ไหนใช้หนี้บ้านหลังนี้ล่ะ มันจะถูกยึดนะแม่”
“โอ้ย! แกนี่ ถ้ามันจะถูกยึดก็ให้มันยึดไปเหอะ จะโทษฉันก็ไม่ได้หรอกนะ พ่อแกเองนั่นแหละ ที่ทิ้งหนี้ก้อนโตให้ฉันใช้ จนฉันต้องเป็นแบบนี้ เอามานี่ !! ไว้ถ้าฉันเล่นได้ฉันจะเอามาคืน ฉันสัญญา และจะไม่แตะต้องบัตรของแกอีก” แม่พูดอย่างไม่แคร์อะไร แถมยังแย่งบัตรคืนไป
“แม่สัญญากับนัทนะ ว่าถ้าแม่ได้แม่จะเลิกแล้วกลับบ้าน วันนี้ สัญญาสิ แม่” ฉันมองหน้าแม่ด้วยสวยตาอ้อนวอน ฉันไม่อยากให้แม่เป็นแบบนี้เลย
“เออๆ ฉันสัญญา วันนี้ฉันจะกลับมา ทำอาหารไว้รอด้วยละ” แม่ให้สัญญากับฉันแถมยังลูบผมฉันด้วย ฉันรู้สึกอบอุ่นมาก แต่พอแม่ชักมือกลับหัวใจฉันก็โหวงเหวงแปลกๆ ฉันมองแม่ขับรถออกไปจากบ้าน ด้วยสายตาอ้างว้าง
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ โดนัท อายุ 21 ปี เรียนอยู่ปี 4 คณะโลจิสติกส์ อีกไม่นานฉันก็จะเรียนจบแล้ว ที่บ้านฉันเมื่อก่อนอยู่กัน 3 คน พ่อแม่และฉัน พ่อฉันเสียไปตั้งแต่ฉันอยู่ปี 1 ค่ะ พ่อฉันเป็นพนักงานบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง แต่เหมือนบริษัทจะเจ๊งเลยถูกไล่ออก ตอนแรกท่านก็พยายามหางานทำใหม่เรื่อยๆ พอได้งานก็เหมือนไม่ถูกใจ แถมมีปัญหากับพนักงานด้วยกันอีก ก็เลยถูกเพื่อนร่วมงานชวนไปเล่นการพนัน จนติด การงานก็ไม่สนใจจนถูกไล่ออกอีกครั้ง ทั้งบ้านก็ไม่ค่อยจะกลับ จนเป็นหนี้ ท่านเครียดจนสมองแตกตาย ส่วนแม่ฉันเป็นพนักงานต้อนรับที่ร้านอาหารดังแห่งหนึ่ง ฉันเองก็ทำงานที่เดียวกับแม่ตอนที่ฉันจบม.6 พอพ่อเสียแล้วทิ้งหนี้ไว้ให้ แม่ก็ทั้งเครียดและเสียใจในเวลาเดียวกัน มันรวดเร็วมากสำหรับเรา ชีวิตที่เคยมีสุขก็พลันสลายหายไปชั่วพริบตา แม่เลิกทำงาน ลาออกแล้วให้ฉันทำงานแทน ท่านนำเงินที่เก็บสะสมมาหลายปี ทยอยใช้หนี้ให้พ่อจนหมด แต่เหมือนฟ้าจะกลั่นแกล้งครอบครัวฉัน หนี้ก้อนสุดท้าย แม่ฉันต้องเอาไปให้ถึงที่ นั่นก็คือ บ่อนคาสิโน ทำให้แม่ได้ไปลองเล่นแล้วติดเหมือนกับพ่อ จนทำให้เป็นหนี้อีกครั้ง บ้านที่มี รถที่ใช้ขับ แม่เอาไปจำนองเพื่อให้ได้เงินไปเล่น จนทำให้เป็นหนี้ จนถึงทุกวันนี้ ส่วนค่าเทอมฉัน ดีที่ก่อนหน้าที่แม่จะไปเล่นการพนัน ท่านได้โอนเข้าบัญชีฉันครึ่งหนึ่งหลังจากที่จะใช้หนี้ก้อนสุดท้าย แม่บอกว่า เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ฉันก็เลยเอาไปเป็นค่าเทอมจนถึงตอนนี้ฉันก็จะเรียนจบแล้ว อีกไม่กี่เดือน ฉันก็ต้องฝึกงาน ฉันไม่มีปัญหาเรื่องเงินเพราะแม่มีเงินเก็บ ฉันเองก็เก็บเงินมาตั้งแต่เด็กๆเหมือนกัน เลยทำให้เงินไม่ขาดมือ แต่ไม่กี่เดือนมานี้ แม่เล่นหนักขึ้นจนเงินขาดมือ ทั้งรถและบ้านที่ต้องส่งเป็นเดือนอีก ก็ยิ่งทำให้รายจ่ายเพิ่มมากขึ้น เงินเก็บก็แทบจะไม่เหลือ ล่าสุด แม่เล่นจนหมดถึงมาใช้บัญชีของฉัน มันไม่ได้น้อยแต่มันก็ไม่ได้มาก ฉันไม่ได้อยากหวงเพราะเดี๋ยวฉันก็ต้องทำงาน มีเงินเดือน แต่ฉันกลัวว่ามันจะไม่พอกับรายจ่ายที่มากพอควร ทั้งยังรายได้ที่น้อยลงไป ฉันเคยคิดว่า จะไม่เรียน แล้วหาสามีที่รวยๆ หรือฝรั่ง อะไรเทือกนั้น ชีวิตจะได้สบายสักที
ฉันเคยถามแม่ว่า เมื่อไหร่จะเลิกเล่น แม่ตอบฉันว่า ตอนที่ได้เงินมาพอใช้หนี้ ทั้งบ้านและรถให้หมดไปถึงจะเลิก เพราะงั้นคำตอบของแม่จึงเป็นการสนับสนุนความคิดของฉันที่จะทำให้ ฉันอยากจะมีสามีเป็นฝรั่ง แล้วเอาเงินมาใช้หนี้ให้มันหมดแล้วแม่จะได้เลิกเล่น หรือไม่ก็ซื้อเครื่องมาตั้งไว้ที่บ้าน ไม่ก็เปิดบ่อนคาสิโนไปเลย แม่จะได้ไม่ต้องไปเป็นหนี้ใคร แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น เพราะฉันไม่ค่อยได้สนใจใคร แถมฝรั่งเขาก็ชอบคนผิวคล้ำกันซะส่วนใหญ่ ฉันไม่ใช่สไตล์ฝรั่งแน่ๆ จะให้มาเอาคนไทย ฉันก็กลัวจะลำบาก ก็เลยเรียนให้มันจบๆ มีงานทำ ตั้งใจทำงาน จนได้เลื่อนตำแหน่งจะได้มีเงินมากๆ ใช้หนี้ให้แม่เอง และขอให้แม่เลิกเล่นพนัน ฉันคิดว่าแบบนี้เป็นทางออกที่ดีกว่า
ชีวิตฉันเป็นอะไรที่... ไม่รู้สิ น่าเบื่อ เหงา ว้าเหว่ มันไม่มีอะไรน่าสนใจ ชีวิตก็มีแค่ เรียน กลับบ้าน ทำงานบ้าน ทำการบ้าน นอน แถมกลับบ้านมา ก็ไม่มีใครอยู่บ้านอีก เหมือนฉันอยู่คนเดียว เคยคิดไว้ว่า อยากจะเลี้ยงหมาพันธุ์โกเด้นสักตัว เอาไว้เป็นเพื่อนเล่นแก้เหงา แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเอามันมาก็ดูแลไม่ได้ ไม่อยากให้เป็นภาระตัวเองและทรมานสัตว์ แถมยังค่าใช้จ่ายจะต้องเพิ่มมากขึ้นอีกต่างหาก เฮ้อ .... คิดแล้วก็เหนื่อย ชีวิตฉันจะรื่นเริงเหมือนคนอื่นบ้างมั้ยนะ ออกไปเที่ยวก็ไม่ได้ เดี๋ยวได้ใช้ตัง ไม่อยากทรมานตัวเอง แต่ก็เพราะเป็นแบบนี้แหละ ทำให้ฉันมีเวลาอ่านหนังสือมาก เวลาที่เบื่อก็เอาแต่อ่านหนังสือ จนทำให้ฉันได้คะแนนท็อป และมีหลายคนบอกว่า ฉันจะได้เกียรตินิยมแน่ๆ ก็ไม่รู้สินะ ฉันรู้สึกว่าอะไรๆมันไม่แน่นอน แล้วก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไร เพราะได้มาคนที่ฉันอยากให้ยินดี และดีใจกับฉันเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรฉันมากมาย ได้มาก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉันอยากยกให้คนอื่นด้วยซ้ำ คนที่มีใครหลายๆคนพร้อมจะยินดีและดีใจกับสิ่งนั้น ซึ่งมันไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ .. ไม่ใช่เลย มันไม่ควรจะเป็นฉัน
ครืด ครืด ครืด ....
นอนคิดอะไรเพลินเสียงสั่นของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แม่นะเองที่โทรมา โทรมาทำไม ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรหา แถมโทรหาทีไรก็ไม่เคยจะติดหรือจะรับ
“ฮัลโหล มีอะไรหรอแม่”
(นัท แกอยู่ไหน อยู่บ้านใช่รึป่าว?)
“ใช่ นัทอยู่บ้าน แม่มีอะไรหรอ?”
(แกไปแต่งตัวให้เรียบร้อยเลยนะ แต่งตัวสวยๆเลยล่ะ)
“แต่งทำไมอ่าแม่?”
(เออน่า ฉันมีคนจะให้แกรู้จัก เร็วๆละ เดี๋ยวฉันไปรับ ฉันไปถึงแกต้องเรียบร้อยทุกอย่างนะ)
“อ่า เคๆ แม่”
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด...
......อะไรของแม่เนี่ย......
***ผ่านไป 30 นาที***
ฉันที่อยู่ในชุดกระโปรงสีชมพู มีที่คาดผมสีขาวคาดไว้ที่หัว และปล่อยผมสีดำน้ำตาลเข้มที่ยาวลอนลงมา ยืนอยู่หน้ากระจก พร้อมกับหมุนตัวเพื่อสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง นี่เรียบร้อยพอรึยังเนี่ย เรียบร้อยของแม่นี่แบบไหนกัน จะถูกดุป่ะเนี่ย - -/
“นัท เสร็จยัง” แม่เปิดประตูห้องฉันเข้ามา พร้อมกับสำรวจฉันไปด้วย
“เสร็จแล้ว แบบนี้โอเคมั้ยแม่ แล้วแม่จะพานัทไปเจอใครหรอ”
“อืม... สวยมากลูกแม่ ปะ ไปกันเถอะ” แม่มองดูฉันแล้วก็ชื่นชมออกมา ในใจฉันรู้สึกอบอุ่นมาก แต่ด้านนึงในใจกลับบอกว่า นี่ไม่ใช่คำชมที่ต้องการจะชมจากใจจริงๆ มันก็แค่มีบางอย่างทำให้แม่เอ่ยคำชื่นชมนี้ออกมา
ฉันนั่งอยู่บนรถกับแม่ เหมือนว่าแม่กำลังอารมณ์ดี เพราะดูจากสีหน้าแล้ว แม่อมยิ้มอยู่ตลอดเวลาเลย
“แม่ บอกนัทได้ยัง ว่าแม่จะพานัทไปไหน แล้วพาไปเจอใคร”
“ฉันจะพาแกไปเจอคนๆนึง เขาเป็นคนดีมากนะ แกต้องวางตัวให้ดีๆล่ะ เข้าใจมั้ย? ”
“แล้วเขาเป็นใครล่ะ ทำไมแม่ถึงไม่บอกนัทตรงๆ แล้วทำไมนัทต้องไปกับแม่ด้วย”
“ยัยนัท แกฟังแม่ดีๆนะ เขาเป็นเจ้าของบ่อนที่แม่ไปเล่นนั่นแหละ เออว่าแล้ว อ่ะนี่ เครดิตแก ฉันคืนให้ ฉันไม่ต้องการแล้ว” แม่ตอบได้แค่นั้นก็โยนบัตรเครดิตคืนให้ฉัน
“แล้วไงต่อ เขาเป็นเจ้าของบ่อนแล้วไงอ่า แค่นั้นน่ะหรอ เหตุผลที่นัทต้องไปกับแม่”
“ป่าวหรอก ฉันเป็นหนี้เขาน่ะ แล้วเขาก็มีลูกชายอยู่คนนึง เขาอยากให้ลูกชายเขาแต่งงานสักที เพราะลูกชายเขาอายุ 28 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีแฟนสักที เขากลัวว่าลูกชายเขาจะเป็นเกย์ ไม่ก็ขึ้นคาน เลยยื่นข้อเสนอนี้ให้แม่ ให้แม่พาแกไปดูตัวกับลูกชายเขา เพื่อลบหนี้ทั้งหมดไป ทั้งยังหนี้บ้านกับรถอีก เขาจะจัดการทั้งหมดให้เราเอง” แม่อธิบายซะยืดยาว แต่สุดท้ายแล้วที่ฉันจับใจความได้ก็คือ ให้ฉันไปคบกับลูกชายเจ้าของบ่อนเพื่อลบหนี้ ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่า แม่ขายฉันเพื่อลบหนี้หรือป่าว? ที่แม่ทำ.... ทำเพื่อตัวเองหรือทำเพื่ออนาคตของครอบครัว
“แล้วไงต่ออ่า นัทดูตัวกับลูกชายเขาแล้วไง นัทต้องมีคำตอบยังไง”
“ไม่น่าถามนะ ยัยนัท แกก็น่าจะรู้ว่า สิ่งที่แกต้องทำคืออะไร แล้วคำตอบคืออะไร”
“ยังไง คำตอบที่นัทต้องมีคืออะไร นัทไม่เข้าใจ แล้วอะไรที่นัทต้องทำ”
“สิ่งที่แกต้องทำก็คือ แต่งงานกับเขา และคำตอบของแกก็คือ ใช่ เท่านั้น!!”
“ห้ะ !! แต่งงาน? นัทต้องแต่งงานกับเขาหรอ? ทำไมนัทต้องแต่ง แล้วถ้านัทไม่ชอบเขาละ แล้วถ้าเขาไม่ชอบนัทละ จะเอายังไง แม่กับเจ้าของบ่อนคนนั้น จะเอายังไง?” ฉันตกใจมากที่ได้ยินว่าต้องแต่งงาน บ้าหน่า ตอนแรกก็คิดแค่ว่า ต้องคบกับเขา ไม่คิดว่าจะถึงขั้นแต่งงาน ก็แค่คิดว่าให้คบเพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็นเกย์หรือป่าว แต่นี่ต้องแต่งงานเลยหรอ
“ก็ไม่ยังไง เพราะคุณกิตบอกแม่แล้วว่า เขาจะบังคับให้ลูกชายเขาแต่งงานกับแกให้ได้”
“เดี๋ยวนะแม่ คืออะไร ยังไง นัทงงไปหมดแล้ว คือ ต้องให้แต่งงานกับเขา แล้วอะไรที่บอกว่า คุณกิตอะไรของแม่นั้นจะบังคับให้ลูกชายเขาแต่งงานกับนัท เขาเคยเจอนัทหรอ แล้วถ้าลูกชายเขาเป็นเกย์ล่ะ แม่จะให้ลูกสาวของแม่ไปแต่งงานกับเกย์หรือยังไง?”
“ยัยนัท แกจะสงสัยอะไรมากมายนักวะ ห้ะ? ลูกชายเขาไม่เป็นเกย์แน่นอน คุณกิตบอกฉันว่า เขาคบผู้หญิงไปทั่ว ไม่มีเป็นหลักเป็นแหล่งสักที ก็เลยอยากให้ลูกสาวฉันซึ่งก็คือแก ไปแต่งงานกับลูกชายเขา ถ้าไม่ชอบหรือถูกใจอะไรกัน ก็ให้เวลาช่วยเยียวยา เพราะแกเอง ก็มักจะคิดก่อนทำอะไรเสมอ ส่วนลูกชายเขาก็ใช้เหตุผลในการตัดสินใจอะไรก่อนเหมือนกัน เพราะงั้นเลยทำให้ฉันมั่นใจว่า แกกับลูกชายคุณกิตต้องเข้ากันได้และสามารถอยู่กันได้โดยไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน เข้าใจรึยัง หายสงสัยรึยัง เจ้าตัวยุ่ง” แม่อธิบายความจริงให้ฟังด้วยความสุดจะทน พร้อมทั้งว่าฉันว่า ‘เจ้าตัวยุ่ง’ ซึ่งเป็นคำพูดที่แม่ใช้กับฉันเมื่อฉันยังเป็นเด็กน้อย น่อมแน้มน่ารัก อยู่เลย ฉันได้ฟังแล้วอยากจะร้องไห้ ฉันคิดถึง คำพูดนั้นมาก นานมาแล้วตั้งแต่ ม.3 ที่แม่เลิกใช้คำพูดนี้
“เข้าใจแล้ว แต่ที่บอกว่า เขาคบผู้หญิงไปทั่วนี่ หมายถึง เขามั่วผู้หญิงหรอ?” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างอ่อน
“ก็ประมาณนั้นแหละมั้ง” แม่ตอบฉันพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าไปในร้านอาหารร้านหนึ่ง ที่ดูแล้ว หรูเฟ่อร์... *0*
“ห้ะ !! แล้วแม่จะให้นัทแต่งงานกับคนมั่วนี่น่ะ หวังหลานกันมั้ยนิ๊ พวกแม่อ่า ถ้าหวังนะ ช่วยคิดล่วงหน้าไว้ด้วย ว่าเขาจะเป็นเอดส์มั้ย แล้วนัทจะติดจากเขารึป่าว” ฉันตกใจมาก ถึงมากที่สุด เมื่อแม่พูดเหมือนยอมรับและไม่ได้ใส่ใจ ต่างจากฉัน ที่เอ่อ... ห่วงสุขอนามัยของตัวเอง
“ไอ.. ยัยนัท แกนี่คิดไปไกลมากเลยนะ จะแต่งงานกับเขาล่ะสิ หึหึ ฉันการันตีได้ว่า เขาไม่เป็นเอดส์แน่นอน เหมือนเขาจะคบแบบคุย ไม่น่าจะคบแบบนั้น ถึงจะคบแบบนั้นก็มีไม่กี่คนหรอก ส่วนมากที่คบแบบนั้นก็เวลาที่เขาเครียดเท่านั้นแหละ”
“อ้าว แล้วถ้าเขาเครียดเรื่องนัทแล้วไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นแบบนี้ นัทก็แย่ดิ แล้วนัทจะทำไงล่ะ แล้วแม่รู้ได้ไงว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น นัทจะมีความสุขหรอ?”
“เฮ้อ.. เจ้าตัวยุ่ง แกนี่หน๊า คุณกิตเขาบอกแม่มาแบบนั้น ถึงฉันจะอยากให้หมดหนี้ไปมากแค่นั้น การที่ต้องให้ใครสักคนมาแต่งงานกับแก แม่ก็ต้องคิดมาก และคัดสรรคนดีๆมาให้แกแหละ ไม่ใช่ใครก็ได้หรอก แม่ก็เป็นห่วงแกเหมือนกัน ว่าถ้าแกคบกับเขาแล้วแกจะมีความสุขมั้ย ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนหรอกนะ เอาความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้งน่ะ ถ้าแกไม่มีความสุขแล้วแกคิดหรอว่าแม่จะมีความสุขน่ะ ห้ะ เลิกคิดมากแล้วก็ตั้งคำถามมากมายได้แล้ว ปะ ลงจากรถกัน เอ้า!! นั่น ร้องไห้ทำไมกันเจ้าตัวยุ่ง มานี่มา โอ๋ๆ ฉันรู้หรอกว่าที่ฉันทำมันคืออะไร ถึงฉันจะไม่อยู่บ้านมากนัก ฉันก็เป็นห่วงแกนะ แต่ฉันก็คิดว่า แกโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ แม่รักแกนะ เจ้าตัวยุ่ง จุ๊บ” แม่ร่ายยาวมาก พร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พูดไปลูบหัวฉันไป มันทำให้ฉันต้องร้องไห้ออกมา มันกลั้นไม่ไหว มันกลั้นไม่อยู่ ยิ่งแม่โอ๋ฉัน กอดแล้วลูบหลังไป จูบหน้าผากฉัน ฉันยิ่งร้องไห้ ฉันรู้ว่าฉันโตแล้ว ไม่ควรจะมาร้องห่มร้องไห้กับเรื่องแบบนี้ แต่คุณไม่เป็นฉัน คุณไม่รู้หรอก ระยะเวลา 3 เกือบ 4 ปี มันนานมากสำหรับฉัน มันนานมาก สำหรับความอบอุ่น ความใกล้ชิดที่ห่างหายไปของคนในครอบครัว การบอกรักและการโอบกอดของคนเป็นแม่ที่ฉันไม่ได้สัมผัสมันมาเกือบ 4 ปี มันนานมาก พอได้ฟังอีกที มันก็ตื้นตันใจ อบอุ่น คิดถึง สับสน ความรู้สึกมันตีรวนไปหมด คำว่า ‘รัก’ ที่ออกจากปากแม่ มันทำให้ฉันมีที่พึ่ง มันทำให้ฉันไม่โดดเดี่ยว แม้ว่าครอบครัวอื่นอาจจะไม่ได้บอกรักกันทุกวัน แต่สำหรับฉัน ตลอดเวลาเกือบ 4 ปี ที่กลับบ้านมา นับครั้งได้ที่เจอแม่อยู่บ้าน ได้กินข้าวด้วยกัน ได้พูดคุยกัน แล้ววันนี้ แม่พูดคำว่า ‘รัก’ ออกมา ฉัน... ดีใจมาก ดีใจมากที่ได้ฟัง
“ฮึก .. ฮือ ฮึก แม่ ..... แม่สัญ.. ญากับนัทนะ แม่สัญญานะว่า ถ้านัทไม่มีความสุข .. แม่จะพานัทหนีออกมา ฮึก..”
“เออ แม่สัญญา เลิกร้องไห้ได้แล้ว ดูดิ น้ำตาเลอะหน้าหมด แล้วไอที่แต่งหน้ามาเนี่ย ยังไง ต้องแต่งใหม่ใช่มะ ห้ะ” แม่เช็ดน้ำตาให้ฉันพร้อมกับแต่งหน้าให้ฉันใหม่
“แม่แต่งให้นัทหน่อยดิ”
***นับ 10 นาทีได้***
หลังจากที่ฉันจัดการกับตัวเองได้เรียบร้อยแล้ว แม่ก็พาฉันเดินไปที่โต๊ะอาหารที่มี ชาย 2 คนนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีค่ะ คุณกิต”
“อ่า สวัสดีครับ คุณมุก เชิญนั่งครับ”
“ขอบคุณค่ะ นี่ลูกสาวฉันค่ะ โดนัท นัท นี่ลุงกิตลูก”
“สวัสดีค่ะ คุณลุง” ฉันยกมือไหว้หลังจากที่แม่แนะนำฉันให้ได้รู้จักกับลุงกิต
“สวัสดีลูกนัท สวยเหมือนที่แม่เล่าให้ฟังเลยนะเนี่ย นั่งก่อนสิ นี่ลูกชายลุงลูก พี่เก็ท”
แง่มๆๆ สวัสดีก๊ะ ฝากเรื่องนี้หน่อยเน้อออ เรื่องแรกด้วย *3* ขอบคุณคร่าาา
ความคิดเห็น