ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานคนธรรมดา The villager legend

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 เพราะระบบมีปัญญหา

    • อัปเดตล่าสุด 26 มิ.ย. 53


     ปี๊นๆ
    ถนนที่คราคร่ำไปด้วยรถหลายร้อยคัน กำลังบีบแตรเร่งรถคันข้างหน้าของตนด้วยความเซ็งจัดหรือจะเพราะเหตุผลอื่นก็ตามซึ่งยานภาหนะทุกอย่างของที่นี่ใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ในการขับเคลื่อนยกเว้นเครื่องบิน สองข้างทางเต็มไปด้วยตึกขนาดใหญ่ และสวนสาธารณะไว้สำหรับผู้ต้องการพักผ่อน แม้มันจะงดงามแค่ไหนกลับไม่เป็นผลกับหญิงสาวคนหนึ่งเลย
     
    "ลุงจอดนี่เลย ติดขนาดนี้ไม่ไหวแล้ว ค่ารถเท่าไหร่"เสียงเล็กแหลมถามอย่างอารมณ์เสียภายในรถประจำทาง
     
    "อ้าวไหนตอนแรกบอกขี้เกียจ อยากนั่งไงมินนี่"หญิงสาวข้างซ้ายเหน็บระหว่างที่กำลังหวีผมสีน้ำตาลยาวของเธออยู่
     
    "เชอะ ก็นั่นมันชั่วโมงที่แล้วนี่ ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว เธอไม่ต้องมาเหน็บเลยไอที"
     
    "แทนที่จะใช้บอร์ดซะตั้งแต่ตอนแรก จะได้ไม่เสียทั้งเวลาทั้งเงินแท้ๆ"ชายผมดำทางด้านขวาเสริมพร้อมกับใช้นัยน์ตาสีนิลจ้องอย่างต่อว่า
     
    "เงียบไปเลยไอ้คุณโรเจอร์"มินนี่พูดพร้อมยื่นเงินให้กับคนขับรถแล้วหันนัยน์ตาสีฟ้ามาจ้องกลับ
    หลังจากลงรถ ทั้งสามก็วางบอร์ดที่ไม่มีล้อไว้บนพื้นแล้วกระโดดขึ้นทันทีพร้อมกับวางเท้าหน้าเหยียบปุ่มบนบอร์ด บอร์ดค่อยๆลอยขึ้นจากพื้นประมาณ 4 นิ้ว เมื่อเข้าที่แล้วก็รีบเร่งความเร็วพุ่งทะยานฉวัดเฉวียนอย่างคล่องแคล่วไปยังจุดหมายซึ่งก็คือโรงเรียนนั่นเอง โรงเรียนที่ทั้งสามอยู่เป็นโรงเรียนอันดับต้นๆของโลก มีผู้ที่อยากเข้ามากมาย ที่นี่ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน ให้นักเรียนใส่ชุดไปรเวทกันตามสบาย โรเจอร์เป็นนักเรียนทุนเพียงคนเดียวในกลุ่มเพราะฐานะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักของเขาทำให้ต้องชิงทุนเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่นับวันยิ่งเพิ่มขึ้นทุกที
     
    ปี๊บๆปี๊บๆ
    เสียงสัญญานมือถือทำให้ทั้งสามต้องเร่งความเร็วของบอร์ด
     
    "ซวยจริง ได้เวลาเคารพธงชาติแล้ว ขืนเอ้อระเหยมีหวัง....."มินนี่สบถต่อ
     
    "หึ แล้ววันนี้เวรใครชักธงขึ้นก็ไม่รู้เนอะว่ามั้ย"โรเจอร์เอ่ยแซว
    "ซวยยกกำลังสอง วันนี้เวรฉันเองนี่หว่า"มินนี่ว่าเสร็จเธอก็เร่งระดับความเร็วของบอร์ดเพิ่มขึ้นและเข้าหาที่หมายซึ่งไม่ไกลจากทั้งสามเท่าไหร่ ลมพัดแรงพาเอาผมสั้นสีทองสวยของมินนี่ยุ่งไปหมด
     
    เมื่อเข้าถึงโรงเรียนก็มีอันจะต้องโดนสายตาคาดโทษและจิกแทงของบุคลากรในโรงเรียนโดยเฉพาะผู้อำนวยการซึ่งวันนี้ดูจะอารมณ์เสียเป็นพิเศษ คุณเธอใส่ชุดสีเลือดหมูทั้งตัวยกเว้นเสื้อเชิ้ตข้างในและรองเท้าส้นสูงที่เป็นสีดำ ผมก็เกล้าเป็นมวยตึงเปรี๊ยะ จนคนมองหลัวว่าหนังหัวคุณเธอจะหลุดออกมา แว่นตาสีชาแหลมปิ๊ววางอยู่บนสันจมูกนั่นไม่ได้ทำให้ปกปิดดั้งแบนๆหน้าบานๆของเธอได้เลย
     
    "ขออภัยที่มาสายค่า!!!!!!"มินนี่กล่าวพร้อมโค้งให้กับผอ. แล้ววิ่งไปที่หน้าเสาธงกล่าวคำสรรเสริญส่วนสองคนที่มาด้วยก็มีอันต้องระเห็จไปเข้าแถวคนมาสาย(ที่มีแค่ทั้งสองเท่านั้น)เมื่อเคารพธงชาติเสร็จก็แยกย้ายกันเข้าห้องเรียนอย่างเป็นระเบียบ
     
    "เดี๋ยวก่อนนางสาวมินนี่ ทอมสัน กรุณามากับฉันด้วย อ้อเธอทั้งสองคนนั่นด้วย"ผอ.เรียกด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
     
    ห้องผู้อำนวยการ
     
    ตึ้ง!
    'หยึ๋ย!'เสียงในใจของสองสาวกับหนึ่งหนุ่มร้องขึ้นพร้อมกัน
     
    "นี่พวกเธอเป็นอะไรกันห๊า!!!!"
     
    'เป็นคนค่ะ / ครับ'ทั้งสามตอบในใจ
     
    "ทำไมถึงไม่มีความรับผิดชอบเลยทั้งที่ฉันอุตส่าห์ไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นกรรมการนักเรียน เป็นหูเป็นตาให้กับโรงเรียน แต่กลับมาโรงเรียนสายไปถึง ยี่สิบนาทีสามสิบเอ็ดวินาที่อย่างนี้"
     
    'นับด้วยเรอะ'ทั้งสามว่าในใจ
     
    "แล้วคุณคุณโรเจอร์นักเรียนทุนอันดับหนึ่งของโรงเรียนอย่างคุณและรวมถึงเป็นประธานนักเรียนด้วย ทำไมถึงไม่คิดที่จะทำตัวเป็นแบบอย่างให้กับโรงเรียนบ้าง คุณทั้งสองคนก็พอกัน เฮ้อ!ช่างหน้าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง  ดิฉันจะขอหักจิตพิสัยของพวกคุณทั้งสามคนด้วยนะคะ แค่นี้ล่ะคะ อ้อ! และกรุณาอย่ามาสายอีกเป็นครั้งที่สองมิฉะนั้นจะเกิดอะไรขึ้นดิฉันไม่ขอรับผิดชอบนะคะ เชิญ!!"
     
     
    พอออกมาจากห้อง
     
    "หึ้ย! แล้วเมื่อคืนใครกันก็ไม่รู้เรียกให้ไปดื่มเป็นเพื่อนเพราะเพิ่งหย่ากับผัวมา แถมอ้วกอีกต่างหากต้องมานั่งเช็ดอ้วกให้ กว่าจะกลับก็เกือบตีสาม ไอ้ผอ.เฮงซวยเอ้ย"
     
    "น่ามินนี่อย่าไปว่าอาจารย์เลย"ทีปลอบ
     
    "เออๆ เห็นแก่เธอนะ"
     
    "จริงสิพรุ่งนี้พวกเธอจะไปวาร์ปเล่นกันมั้ย ยังไงพรุ่งนี้ก็วันหยุดพิเศษอยู่แล้ว"ไอทีชวน
     
    "ไปสิไป ถ้าไปกับเธอล่ะก็ไม่ต้องจ่ายค่าวาร์ปกับค่าจ้างไกด์นี่เนาะ แถมวาร์ปเมื่อไหร่ก็ได้วันหยุดพิเศษยังได้เลย"
     
    "เฮอะ ยัยงกบ้านก็ออกรวยแต่ไม่ยอมจ่ายเอง เห็นทีเค้ามีพ่อเป็นเจ้าของเข้าหน่อยก็ติดสอยห้อยตามเชียวนะ"ใช่แล้วไอที หรือนางสาวไอที ฟรานดิส เธอเป็นลูกสาวของโจเซฟ ฟรานดิสนั่นเอง ไอทีไม่ใช่เด็กมีปัญหา แถมยังมีคนชอบเธออยู่มากมาย แม้ว่าพ่อของเธอจะยุ่งอยู่ตลอด จนไม่มีเวลาดูแลเธอเลย แม่ของเธอเสียไปตั้งแต่คลอดเธอออกมา และถึงบ้านเธอจะรวยแต่เธอก็ไม่หยิ่งเหมือนพวกคุณหนูคนอื่น
     
    "เฮอะแล้วนายมายุ่งอะไรด้วยยะ"
     
    "ก็ทีเป็นเพื่อนฉันนี่"
     
    "ทีก็เป็นเพื่อนฉันเหมือนกัน"
     
    "เถียงเรอะ"
     
    "แล้วจะทำไม"
     
    "ก็....."และทั้งสองคนก็เถียงกันยืดยาวเป็นชั่วโมงโดยลืมไปว่านี่เป็นเวลาเรียน
     
    "เฮ้อ"หญิงสาวคนที่สามก็ได้หลุบนัยน์ตาสีนิลของตนแล้วถอนหายใจ
     
     
     
    ศูนย์การท่องเที่ยวต่างมิติแห่งชาติ(ศทมช.)
     
    แซ่ด แซ่ด
    ศูนย์การท่องเที่ยวแห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม โดยเฉพาะวันศุกร์คนจะมากเป็นพิเศษ แต่วันนี้เป็นวันหยุดพิเศษไม่มีคนมาทำงาน ประตูข้างหน้าศูนย์เป็นโครงเหล็กแบบเปิดอัตโนมัตสองบานขนาดใหญ่มากๆข้างบนรั้วสองข้างประดับด้วยโคมไฟที่คล้ายตะเกียง สีดำดูเรียบๆ
    พอผ่านบานประตูเข้าไปก็จะพบกับตึกมากมาย มีรถขนาดเล็กสีขาว(ขนาดประมาณรถกอลฟ์)คอยบริการการเดินทางไปไหนมาไหนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตึกที่ใหญ่ที่สุดคือตึกที่รวมประตูมิติไว้ทั้งหมดหรือที่เรียกกันว่าตึกวาร์ปมีชั้นอยู่สี่ชั้นด้วยกัน เข้าไปข้างในจะมีเคาท์เตอร์บริการอยู่มากมายนับไม่ถ้วนเพื่อจ่ายเงินและรับตั๋ว แล้วผ่านการสแกนตรวจค้นว่ามีสิ่งเป็นอันตรายหรือไม่ ถ้าผ่านก็เดินขึ้นไปชั้นสองพร้อมกับรับเครื่องอำพรางตัวซึ่งมีลักษณะคล้ายแท่งดินสอเรียกว่าอิลลูชั่น เมื่อต้องการพลางตัวให้กดที่หัวแท่งของปากกา เมื่อเดินเลยผ่านไปจะพบกับห้องโถงที่กว้างไปสุดลูกหูลูกตา จะมีประตูมิติคล้ายอุโมงค์ซึ่งมีแสงสีรุ้งเปล่งออกมาภายในนั้นติดกับผนังเป็นจุดๆซึ่งแต่ละประตูห่างกันไม่มากนักเป็นทางเข้าซึ่งมีป้ายเขียนไว้ว่าเป็นที่ที่จะไปเป็นมิติไหน เมื่อววาร์ปเขาไปในมิติแล้วจะเจอกับไกด์อีกสองคน(ไกด์2คน ต่อ 15 ลูกทัวร์) แต่สำหรับไอทีแล้วเธอจะไปกันกี่คนก็ได้ แถมยังสามารถเลือกไกด์ได้อีกด้วย
     
    "วันนี้ไปมิติไหนดี"โรงเจอร์ถามระหว่างเดินทางไปศูนย์ฯ
     
    "ไปเซอร์ไวล์มั้ย ครั้งที่แล้วยังดูไม่หมดเลยต้องรีบกลับมาทำการบ้าน"ไอทีว่า
    มิติเซอร์ไวล์ที่ไอทีชวนนั้น เป็นมิติแห่งธรรมชาติมีสิ่งมีชีวิตประหลาดๆอยู่มากมาย รวมถึงสิ่งมีชีวิตในเทพนิยายด้วย
     
    "เอาๆ"โรเจอร์และมินนี่กล่าวขึ้นพร้อมกัน มินนี่ไปเพราะอยากเห็นดอกไม้กินคนอีก ส่วนโรเจอร์อยากเห็นม้ามีปีกเพกาซัส
     
    'เหอะๆ ทีงี้หละพร้อมใจกันตอบเชียวนะ'ไอทีว่าในใจ
     
     
     
    ณ ห้องแล็ปลับ ใต้ตึกวาร์ป ศทมช.
     
    "ใกล้จะเสร็จรึยัง"ชายวัยกลางคนถามชายหนุ่มผมฟ้าที่กำลังรัวแป้นพิมพ์อย่างเอาเป็นเอาตาย
     
    "ยังเลยครับศาสตราจารย์"
     
    ศาสตราจารย์ที่ว่าคือพ่อของไอทีนั่นเอง ตอนนี้พวกเค้ากำลังทำการทดลองเกี่ยวกับมิติแสนอันตรายหรือที่พวกเขาเรียกว่าแบล็คโฮล พวกเขาต้องการรู้ให้ได้ว่าข้างในมิตินี้มีอะไรอยู่กันแน่ทำไมถึงไม่มีใครสามารถกลับออกมาได้อีกเลย ยามที่เปิดมิตินี้ออกมามันจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปและทุครั้งที่เกิดเหตุการนี้พวกเขาต้องคอยป้องกันอยู่ตลอดเวลา การทดลองครั้งถือเป็นเรื่องอันตรายและยังเป็นความลับอีกด้วย มีเพียงนักวิจัยภายในห้องนี้เท่านั้นที่รู้เรื่อง   วันนี้เป็นวันหยุดพิเศษพอดีทำให้ไม่ต้องเตรียมการป้องกันอะไรมากนัก ภายในห้องเต็มไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ เครื่องวัดค่าความถี่ เครื่องวัดพลังงาน ฯลฯ ซึ่งทุกอย่างต่อพ่วงไปที่วงแหวนขนาดใหญ่ซึ่งมีขนาดประมาณที่คนสี่คนเข้าไปได้
     
    ปี๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
    "สำเร็จแล้วครับศาสตราจารย์ มิติเปิดออกแล้ว" ชายหนุ่มยิ้มให้กับตนเองที่ทำสำเร็จ พร้อมกับมองไปที่วงแหวน ซึ่งเริ่มมีปฎิกิริยากับอะไรบางอย่าง
     
    "อย่าเพิ่งดีใจไป แจ็ค นี่ยังไม่สำเร็จทั้งหมดเลย   เอาล่ะทุกคนประจำที่ของตัวเองเดี๋ยวนี้ !!"
     
    "ครับ/คะ ศาสตราจารย์"
     
    วู่มๆ
     
    สิ่งที่ปรากฎต่อสายตานักวิจัยในห้องแล็ปนี้ คือ ควันสีดำสนิทที่ค่อยๆก่อตัวแป็นลูกกลมๆ และขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ จนมันขนาดเท่ากับวงแหวนที่เตรียมไว้สำหรับยึด ตอนแรกมันพยามยามต้านทานและทำลายวงแหวนที่ยึดมันไว้ แล้วในเวลาต่อไม่นานมันก็หยุดนิ่ง.....
     
    ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลานานเหมือนกำลังเหม่อ
     
    "สะ สะ สำเร็จแล้วใช่มั้ย พะ พะพวกเราทำสำเร็จแล้วใช่มั้ย"ชายผมฟ้าที่ชื่อแจ็คกล่าวเสียงสั่น ทำให้ทุกคนได้สติจาการช็อค เพราะไม่คิดว่าตนจะทำสำเร็จจริงๆ
     
    "เฮ!!!!!!!!!!!!" ทุกคนโฮ่ร้องกันอย่างดีใจ มีเพียงศาสตราจารย์โจเซฟเท่านั้นที่ไม่ได้ยินดีไปกับเขาด้วย
     
    'ง่ายเกินไป มันง่ายเกินไป หรือว่าเราจะคิดไปเอง'
     
    ระหว่างที่ศาสตราจารย์กำลังคิดไม่ตกนั้น วงแหวนก็เกิดอาการแปลกๆ มีเสียงดังเปรี๊ยะๆเหมือนไฟฟ้าช็อต แต่ดูเหมือนทุกคนจะไม่ได้ยิน เพราะถูกเสียงโฮ่ร้องกลบหมด จนในที่สุดก็มีนักวิจัยหญิงคนหนึ่งเหลือบไปเห็นเข้า เธอตกใจอย่างมาก แล้วรีบตะโกนเรียกศาสตราจารย์ทันที
     
    "ศาสตราจารย์คะแย่แล้วประตูมิติกำลังจะระเบิดแล้ว วงแหวนของเรายึดมันไว้ไม่ได้ค่ะ"
     
    "อะไรนะ"ศาสตราจารย์หลุดออกจากภวังค์อย่างตกใจ แล้วตะโกนสั่งการทันที
     
    "ทำอะไรอยู่เล่า รีบประจำหน้าที่กันสิ"
     
    ทุกคนวิ่งลุกลี้ลุกลนอย่างตกใจไปประตำตำแหน่งของตนเอง มิติแบล็คโฮลกำลังดูดทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องแล็บ
     
    "ไซเรนกางม่านพลังไฟฟ้าไว้เร็วเข้า"
     
    "รับทราบคะ กางม่านพลังงานไฟฟ้า ปล่อยกระแสไฟฟ้า 20%"ม่านพลังไฟฟ้าถูกกางออกคลอบคลุมพวกนักวิจัยไว้ทั้งหมด
     
    "แจ็คช่วยปลดมิตินนี้ออกจากวงแหวนทีได้มั้ย"
     
    "ตะ แต่มันอาจจะรุนแรงกว่าเดิมนะครับศาสตราจารย์"
     
    "เถอะน่า ถ้าไม่ปลดล่ะก็มันจะไม่หยุดทำลายนะ"
     
    "คะ ครับ"เมื่อปลดมิติออก ความรุนแรงก็เพิ่มขึ้นทันที ห้องแล็ปเริ่มสะเทือนอย่างรุนแรง ผนังและเพดานแตกร้าว มีเพียงบริเวณที่กางม่านพลังเท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร
     
    "ไซเรนกางม่านพลัง 50% ไปเลย"
     
    "คะศาสตราจารย์ กางม่านพลังไฟฟ้า ปล่อยกระแสไฟฟ้า 50%"
     
    เปรี๊ยะๆ เปรี๊ยะๆ แบล็คโฮลยังคงสำแดงพลังของมันอย่างบ้าคลั่งและรุนแรงขึนเรื่อยๆสมความหมายของมัน 'หลุมดำ'
    และทันใดนั้นเอง เพดานด้านบนก็พังลงมา ทุกคนพากันตกใจ แต่ที่ตกใจมากที่สุดคือบางอย่างที่ตกลงมาพร้อมกับเศษเพดานแตกด้วย! หัวใจของทุกคนตกไปอยู่ที่ตาตุ่มโดยเฉพาะ ศาสตราจารย์โจเซฟที่บัดนี้หัวใจของเขาได้หลุดออกมาจากร่างแล้ว
     
    "คุณพ่อคะ!!!!"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×