ณ โรงเรียนลอร์ดไวโอเล็ต โรงเรียนที่เป็นสถานศึกษาของผู้ดีมากหน้าหลายตาทั้งหลาย แต่ละคนที่ได้เข้ามาศึกษาที่นี่จะได้รับความรู้และทักษะมากมายที่ดีพร้อมสมกับฐานะ ฉะนั้นค่าเทอมจึงมิธรรมดา ต้องเป็นลูกขุนน้ำขุนนางหรือเศรษฐีเท่านั้นถึงจะมีกำลังพอจ่ายได้ บรรยากาศโดยรอบๆเปรียบได้กับพระราชวังก็ว่าได้ ตรงลานข้างหน้ามีน้ำพุเด่นอยู่ตรงกลาง เป็นจุดแลนด์มาร์คที่สำคัญแห่งหนึ่งก็ว่าได้ นักเรียนชายในชุดสีขาวสะอาดคลุมด้วยสูทสีดำดูดี และ นักเรียนหญิงในเดรสสีดำยาวถึงเข่าสวมทับเสื้อกะลาสีสีขาว ต่างชุลมุน เพราะนี่เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของชั้นปีจึงไม่แปลกที่นักเรียนๆหลายๆคนจะเริ่มทำความรู้จักและจับกลุ่มกันอย่างวุ่นวาย
*เอี๊ยดด!*เสียงรถเฟอร์รารี่สีดำจอดเทียบกับฟุตบาทเมื่อประตูรถเปิดออกทุกสายตาพลันจับจ้องไปที่ผู้โดยสารข้างในรถที่ก้าวเท้าออกมาเผยโฉม
"เบนจามิน ไวโอเล็ต" ทายาทรุ่นที่3 ของท่านลอร์ดไวโอเล็ต ผู้ก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้
ทุกคนต่างซุบซิบถึงชาติตระกูลอันสูงส่งและใบหน้าที่งดงามดุจดั่งภาพวาดราคาแพงของเขา นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วว่า วินาทีนี้แสงสปอร์ตไลท์ต่างส่องมาที่เขา
และอีกคนที่ตามมานั้นก็ถูกจับจ้องไม่แพ้กัน
"เจนีวา เอลลี่" เขามิใช่คนที่มีชาติตระกูลสูงส่งนัก แต่เขาก็ได้รับการอุปถัมภ์และดูแลอย่างดีจากตระกูลไวโอเล็ต ถ้าจะพูดถึงแต่เรื่องความเป็นมาของเขาคงจะดูคลุมเครือนัก ใบหน้าอันงดงามของเขาใช่ว่าจะถูกเพิกเฉย เขาก็ได้รับความชื่นชมนี้ไม่แพ้กันกับเบนจามินเลยแม้แต่น้อย
เป็นเรื่องยากที่จะฝ่าฝูงชนไปได้โดยไร้สายตาจับจ้อง และ เสียงซุบซิบที่ดูรุงรังจนน่ารำคาญเหลือเกิน แต่เบนจามินก็ยังคงยิ้มแจกความสดใสตลอดทางเพราะนั่นคือสิ่งที่เขาคงถูกสอนมาจากในตำราฉบับผู้ดี ต่างกับอีกคนที่หลบสายตาทุกคนและนิ่งขรึมมองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว
"เฮ้อ กว่าจะผ่านมาได้นะ" เจนีวาถอนหายใจบ่นหลังจากเกร็งหน้านิ่งมาตั้งนาน
"น่ารำคาญ"
"???" เจนีวาหันไปรอบๆเพื่อหาต้นเสียงนั่นด้วยความสงสัย
"น่าหงุดหงิดเป็นที่สุด นายไม่รู้สึกบ้างหรือไง" และแล้วคนที่พูดประโยคแนวนี้มาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น"คนที่มอบรอยยิ้มให้กับทุกคนอย่างสดใส"
"มันก็ไม่แปลกหรอกถ้าพวกนั้นจะมอง นายน่าจะชินนี่?" คนในตระกูลไวโอเล็ตไม่ว่าจะไปที่ไหนคนก็ต้องมองเป็นธรรมดา แล้วยิ่งเป็นสถานที่แห่งนี้ที่ท่านลอร์ด ท่านทวดของเขาเป็นผู้ก่อตั้งยิ่งถูกจับจ้องไปใหญ่
"คนระดับนายเคยรู้อะไรบ้างล่ะ" เบนจามินกอดอกช้อนตามองอีกคนลงต่ำอย่างดูถูก
นี่สินะ ธาตุแท้ของเบนจามิน
"หึ ถ้าหากนายไม่ได้เล่นตลกอยู่ล่ะก็ ชั้นว่านี่คงเป็นธาตุแท้สินะ?" คนอย่างเจนีวาใช่จะยอมอย่างง่ายดาย เขาจ้องมองอีกคนกลับอย่างวางมาด เพื่อให้อีกฝ่ายเห็นว่า
เขาก็ไม่ใช่เล่นๆเหมือนกัน
"รู้อย่างนี้ก็ดี ต่อไปนี้ชั้นจะได้ถอดหน้ากากได้อย่างสบายใจไม่ต้องมาเล่นบทแสนดีกับวัชพืชอย่างนาย" รอยยิ้มนั่นไม่ใช่รอยยิ้มเดียวกันกับเมื่อครู่ซะด้วยซ้ำ แต่เป็นรอยยิ้มของปีศาจ ที่ได้เริ่มเผยบทบาทที่แท้จริงขึ้น
"นายคงจะพยายามขยี้หัวใจชั้นด้วยเรื่องชาติตระกูลไร้สาระนั่น.." ร่างสูงย่างเข้าไปใกล้ๆอีกคนทีละนิด ทีละนิด จนตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองก็อยู่ใกล้กันซะจนได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย
เขากระซิบลงข้างหูอีกคนอย่างเบาๆ
"แล้วซักวันวัชพืชอย่างชั้นจะขยี้หัวใจของต้นไวโอเล็ตอย่างนาย จนต้นตาย..."
"ถ้าทำได้ก็เอาเลยสิ ใครตกหลุมรักก่อนแพ้..."
\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\
TALKKKKKKKKKKKKK
แงงงงงงงงงงงงงง เรื่องนี้เราหัดแต่งนะค้าบบบ อาจจะงงๆและมึนๆหน่อย แต่ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยน้า❤❤❤❤❤
ความคิดเห็น