ตอนที่ 8 : Chapter 7 : ขยับเข้า
“ท่าต่อไปเอา Policeman ไหม?”
“พ่องเถอะ!” ผมด่ามันแต่แม่งก้มลงมาอุ้มผมแล้วเดินหากำแพงห้องทันที
ให้ตายเถอะ ถ้ามันจะหื่นเหมือนตายอดตายอยากขนาดนี้!!
..................
..........
.......
ในช่วงสายของวันต่อมาสองร่างที่นอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงที่สภาพเละเทะหลังศึกเมื่อคืน ก็ถูกขัดจังหวะการนอนด้วยเสียงอ๊อดหน้าห้อง
ติ๊ง!---หน่องงงงง ติ๊ง!ติ๊ง!ติ๊ง!ติ๊ง!ติ๊ง!ติ๊ง!---หน่องงงงงงงงง!
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเจ้าของห้องที่กลับมา ร่างสูงที่ตื่นขึ้นมามีท่าทางหัวเสียกับการถูกขัดจังหวะการนอน แต่ก็ขยี้ผมแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตู
“หืมมมม เมื่อคืนหนัก?” ทันทีที่เห็นสภาพคนเปิดประตูให้ชัดๆ พี่ชายขี้แกล้งก็ทักขึ้นทันที
“ไม่เสือก” แต่ดูท่าคนถูกขัดเวลานอน จะอารมณ์บูดกว่าที่คิด ไม่ยิ้มร้ายเหมือนปกติมีแต่สีหน้าเด็กอดนอนก็เท่านั้น คนเป็นพี่ก็ได้แต่ยิ้มส่ายหัวกันนอนชายที่ความดันต่ำ เดินตึงตั้งไปนอนต่อแล้ว เขาเดินเข้าไปในห้องครัวว่าจะหากาแฟกิน เปิดหาโหลกาแฟตามตู้ แต่ก็ต้องชะงักกับ...
นมผงสำหรับคนท้อง...
.
.
.
|ChamCha Part|
ผมรู้สึกตัวประมาณเที่ยงพอบิดไปบิดมาบนเตียงลืมตาขึ้นก็เห็นหน้าไอ้ฝิ่นที่จ้องมองมาในระยะประชิด ผมก็จ้องมันกลับเงียบๆ
“หิวไหม?” มันถามแล้วรั้งผมเข้ามากอด ผมที่ชอบนัวเนียมันอยู่แล้วก็ปล่อยตามใจมัน
“อือ”
“งั้นไปกินก่อน ยังง่วงอยู่รึเปล่า?” มันละออกจากตัวผมแล้วลุกขึ้นนั่งหันมาดึงผมด้วยอีกคน ผมที่ยังตื่นไม่เต็มตาก็ลุกนั่งแล้วเอาหัวพิงไหล่มันไว้ ส่ายหัวถูกับไหล่มันเป็นคำตอบ
“เดินไหวไหม?”
ผมก็ส่ายหัวตอบมันก็โอบผมเอาไปพิงไว้กับหัวเตียง แล้วลงจากเตียง
“งั้นเดี๋ยวไปทำข้าวต้มมาให้” ผมพยักหน้ารับเงียบๆ เหมือสมองยังไม่ตื่นดีผ่านไปสักพักมันก็เข้ามาพร้อมกับถ้วยข้าว
“ทำไมไวจัง?” ผมเอียงคอถามมันก็ยิ้มบางๆกลับ
“เฮียมันซื้อข้าวไว้เลยไม่ต้องหุงใหม่”
“อือ”
“กินเสร็จออกไปเดินเล่นกันไหม?” มันนั่งที่ริมเตียงแล้วยกข้าวต้มจ่อปาก ผมก็อ้าปากรับอยากไม่อิดออดมีคนป้อนสบายจะตาย
“วันก่อนก็เพิ่งไป” พอเคี้ยวเสร็จก็ตอบมันไป ผมก็รู้สึกระบมอยู่นะถึงจะไม่มากเท่าครั้งแรกก็เถอะ
“ไม่อยากให้อุดอู้อยู่ในห้อง”
“จะไปที่ไหนอะ”
“ไม่รู้สิ หรือไปขับรถเล่นไหมถ้าขี้เกียจ”
“นอนดูนั่งอยู่บ้านไหม ขี้เกียจออก ยังระบมอยู่เลย” ผมซบหัวลงที่ไหล่มันแล้วบอกอย่างอ้อนๆ
“อืม กูก็ลืมไปว่าหนักมือกับเมียไปนิด” มันตอบพร้อมสายตาวาวๆ แถมก้มลงหอมหัวผมอีก ผมก็ได้แต่ซุกไหล่พึมพำด่ามันไป
ถามว่ามันสะทกสะท้านไหม?บอกเลยว่าไม่!
พอกินข้าวเสร็จมันก็ไล่ผมไปอาบน้ำ หลังจากนั้นเราก็ออกมานั่งเล่นกันที่โซฟา เฮียซิกการ์นั่งดูหนังอยู่ พอพวกเราไปนั่ง เฮียมันก็ละสายตาจากหนังมาจ้องผมนิ่งผิดวิสัยพวกชอบเหยียดยิ้ม ทำเอาผมรู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบแปลกๆ แถมสายตาเฮียมันเหมือนมีอะไรด้วย
“มีอะไรรึเปล่าเฮีย” ฝิ่นมันหันมาจ้องหน้าพี่มัน เฮียมันถึงละสายตาจากผมไป
“กูมากกว่าที่ต้องถาม” เฮียมันเหยียดยิ้มร้าย
“เรื่อง?” แต่ไอ้ฝิ่นก็ทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่หยี่ระ
“นั่นสิ” เฮียมันยิ้มแบบเดิม จนไอ้ฝิ่นก็เหยียดยิ้มที่เหมือนเคาะพิมพ์เดียวกันออกมากลับ
“เลอะเทอะ” ไม่เข้าใจว่าไอ้สองพี่น้องจะกวนตีนหน้ายิ้มกันเองไปถึงไหน ผมเลยเลิกสนใจหยิบรีโมทมาเปลี่ยนช่องแม่ม พวกมึงไม่ดูกันเองนะ!
ผ่านไปสักพักพวกมันก็เลิกจ้องตากันเราเลยมานั่งเลือกหนัง โซฟาห้องผมเป็นแบบตัวแอล ที่สามารถดึงเบาะลงมาได้ ผมกับฝิ่นก็นอนซบกันแบบไม่แคร์สายตาเฮียตรงเบาะที่ดึงลงมาจนเหมือนเตียง ส่วนเฮียก็นอนอยู่ตรงปลายตัวแอลเบ้หน้ามองอย่างหมั่นไส้พวกผม
พอจัดการเลือกหนังเสร็จก็ดูกันยาวๆรู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดเรียบร้อย พวกเราก็เลิกดูออกจากห้องขับรถหาข้าวเย็นกินกันเฮียมันชวนกินอาหารทะเลแต่ผมไม่ชอบกลิ่นมันเท่าไหร่ ถึงช่วงนี้ไม่ค่อยแพ้ท้องแล้วแต่กลิ่นอาหารทะเลก็ยังไม่ชอบอยู่
สุดท้ายก็จบกันที่ร้านอาหารไทยแบบดั้งเดิมเลย ร้านนี้ผมมากินบ้างครับ อาหารไทยรสชาติดีมาก พออาการแพ้ท้องลดลงผมก็มากินรอบสองรอบแล้ว
“กี่ท่านค่ะ” พนักงานต้อนรับสวมชุดไทยมารับเราทันทีที่เปิดประตูเข้ามา
“สามครับ” เฮียมันตอบแล้วยิ้มบางๆส่งให้ แอบเห็นพนักงานหน้าแดงด้วยครับ บ้านนี้เขาเสน่ห์เหลือร้ายกันทุกคน ทำตัวเหี้ยแค่ไหนสาวก็รักก็หลง หมั่นไส้ครับหมั่นไส้!
พอไปถึงโต๊ะเราก็รีบสั่งนู่นนี่มากินครับหิวจัดกันทุกคน นั่งรออาหารไปสักพัก ก็เห็นเฮียบุหรี่กับไอ้ไฮนซ์เดินเข้ามากันสองคน ผมก็ชูมือเรียกเลยครับ ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะแถวนี้มันใกล้หอไอ้ไฮนซ์ แถมร้านนี้มันก็เป็นคนแนะนำร้านโปรดมันครับ
“อ้าว มาไงว่ะ” เฮียบุหรี่เห็นก็เดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆเฮียซิกการ์ ไฮนซ์มันก็ลากเก้าอี้มานั่งตรงหัวโต๊ะ มองเห็นสีหน้าเนื่อยๆของมันแล้วก็ขำครับ ความทุกข์ของเพื่อนเป็นเรื่องตลกสำหรับเรา!
“รถ” เฮียซิกการ์มันก็กวนตีนพี่มันครับ เฮียบุหรี่ก็สบถด่าสองสามคำ แล้วเรียกเด็กเสริฟมาสั่งกับข้าวเพิ่ม จนกระทั่งของมาเสริฟเราก็ลงมือกินกัน คุยกันไปสบายๆ
“ไม่กินต้มยำทะเลหรอแต่ก่อนเห็นชอบ” เฮียซิกการ์ทักขึ้นมาจนบรรยากาศสบายๆหยุดชะงัก เฮียมันจะจำรายละเอียดเกี่ยวกับกูดีไปแล้ว!
“ก็ตอนนี้ไม่อยาก” ผมก็ตอบแถๆไป
“หรอ นึกว่าไม่ชอบกลิ่นซะอีก”
เฮีย มึงถามอย่างนี้ ต้องการอะไร ตอบบบบบ!!
“ทำไมคิดงั้นล่ะเฮีย” ผมยิ้มนิดๆแล้วถามกลับเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร ทั้งๆที่ในใจกูนี่ยิ่งกว่าใส่ใจอีก!
“นั่นสินะ...ทำไม” เฮียมันฉีกยิ้มร้ายแบบโคตรกวนตีนแล้วจ้องผมไม่วางตา สายตาของเฮียมันให้ความรู้สึกเหมือนถูกบีบคั้นแบบสุดๆ
คือเฮียมันกะกดดันแต่กูเลยนี่หว่าคงรู้อยู่แล้วว่าเค้นน้องตัวเองไปไม่ได้อะไรชัวร์ ผมเลยแอบกระตุกชายเสื้อไอ้ฝิ่นที่นั่งแดกกุ้งอย่างสบายใจอยู่ข้างๆ
มึงช่วยสนใจกูด้วย! พลีสสสสสสสสสส!
“อย่ากวนตีน” ฝิ่นมันเปิดปากจนได้ แต่พูดมันไม่ได้ช่วยให้พ้นสถานการณ์ตรงหน้าสักนิด
“ตรงไหนวะ?” เฮียมันตอบยียวนๆ แล้วเหยียดยิ้ม สายตาวาววันเหมือนได้เล่นสนุก แต่มันหน้าขนลุกโคตรๆ กำเสื้อไอ้ฝิ่นไม่ปล่อย มันก็เอามือมันมาทาบทับไว้แล้วบีบเบาๆ เหมือนจะบอกไม่ให้เกร็ง
“พวกมึงคุยเรื่องอะไรกันวะ?” เฮียบุหรี่แทรกขึ้น สีหน้าแบบอยากเสือกเต็มที่
ทำไมพี่สองตัวของไอ้ฝิ่นถึงได้ชอบเสือกชีวิตน้องตัวเองจังวะ!?
“ไม่มีอะไรหรอกเฮีย” ไอ้ฝิ่นค่อนข้างจะเคารพเฮียบุหรี่มากกว่าเฮียซิกการ์ครับเพราะอายุห่างกันเยอะกว่า แถมเฮียซิกการ์มันไม่ค่อยแกล้งไอ้ฝิ่นเท่าไหร่ด้วย
“ก็พูดกันอยู่เนี่ยมันจะไม่มีอะไรได้ยังไง”
“ใช่ไหมล่ะเฮียมันมีอะไรแน่ๆ” เฮียซิกการ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ดึงเฮี่ยบุหรี่เป็นพวกเนียนๆเลยวุ้ย!
“นั่นสิ มันมีอะไรวะ??” เฮียบุหรี่เลิกคิ้วถาม
“เรื่องไร้สาระ” ฝิ่นตอบแบบไม่ได้สนใจ
“ไม่ใช่หรอกมั้ง คนทั้งคน” เฮียซิกการ์ขัดทันที
“มึงอยากพูดอะไรกันแน่เฮีย” ฝิ่นถามเสียงต่ำ บรรยากาศดุเดือนสุดๆ แต่พอผมเผลอหันไปเห็นไอ้ไฮนซ์ที่นั่งแดกข้าวแบบไม่สนใจรอบข้างก็รู้สึกตงิดๆ แลมันดูเจริญอาหารมากตักนั่นตักนี่กินไม่หยุด ผมเลยยกน้ำขึ้นมาจิบบ้าง แต่เสียงเฮียซิกการ์ก็ดึงความสนใจของผมไปที่บทสนทนาอีกครั้ง
“กูแค่อยากรู้ว่าชามันท้องรึเปล่า”
“ห๊ะ!!”
พรวดดดดดดด!
“เฮ้ย!”
“ อัก! แค่กๆ แค่กๆ...”
น้ำครับน้ำ แทบพุ่งจากปากเลยครับ พอพยายามกลั้นน้ำไว้เลยยิ่งสำลักใหญ่ ไอ้ฝิ่นก็รีบดึงทิชชูมาเช็ดปากให้ เฮียซิกการ์ทำหน้าตกใจ เฮียบุหรี่เหมือนสติหลุดไปตั้งแต่พูดห๊ะแล้ว ส่วนไอ้ไฮนซ์มองมาแบบขมวดคิ้วหน่อยๆ เป็นเพื่อนมันก็จะรู้ความหมายครับว่ามันดุที่ไม่ระวัง
“เป็นไงบ้าง” พอผมหยุดไอไอ้ฝิ่นก็ถามดุๆ โหมดพ่อคนที่สองกลับมาแล้วครับ
“ไม่เป็นไร”
“แบบนี้เขาเรียกร้อนตัวรู้ไหม” พอสถานการณ์เข้าสภาวะปกติเฮียซิกการ์ก็รุกไล่ต่อทันที
นี่มึงไม่คิดจะหยุดเลยรึไงวะ!
“ซิกจะบ้าหรอ ชาน้อยเป็นผู้ชายนะ” เฮียบุหรี่น่ารักมาก ออกตัวแทนผมแล้วครับ ว่าจะพูดประโยคนี้เหมือนกัน เอาสิจะหาอะไรมาค้าน!
“ก็ใครจะไปรู้ ผู้ชายอาจท้องได้ก็ได้จริงไหม?” แล้วก็ทำท่าลอยหน้าลอยตา เหยียดยิ้มร้ายๆอีก เหมือนมั่นใจมาก ผมนี่แอบเหงื่อตกเลยครับ แต่พยายามตีหน้าเหมือนไม่รู้สึกรู้สาไว้ ขืนพรวดเหมือนเมื่อกี้จะเข้าทางเฮียมันอีก
“เพ้อเจ้อ” ไอ้ฝิ่นก็ตอบแล้วส่ายหัวเหมือนหน่ายใจ นี้มึงไม่แอบสะดุ้งบ้างอะไรบ้างหรอวะเฮียมันเดาประหนึ่งตาเห็นอย่านี้
“นั่นสิ” เฮียบุหรี่ทำหน้าเหนื่อยใจความคิดน้อง แล้วก้มหน้าลงไปกินข้าวต่อ
“หึๆ รอบนี้จะปล่อยไปก่อน อย่าให้กูหาหลักฐานได้แล้วกัน” เฮียมันทำเหมือนพูดเล่นแต่ผมรู้สึกได้ถึงความจริงจังในน้ำเสียงนั้น งานเข้ากูอีกแล้วไหมล่ะ!
“ไปใหญ่แล้ว” ฝิ่นมันยิ้มไปบ่นเฮียมันไป แบบโคตรเนียนมึงไปหัดสกิลโปกเกอร์เฟซจากที่ไหนวะ กูอยากไปเรียนบ้าง ใจต้องนิ่งขนาดไหนถึงทนสายตาเฮียมันได้
“รอดู” เฮียมันสบตากับฝิ่นแล้วลากสายตามาที่ผม ผมก็เสหลบเนียนๆ ก้มลงกินข้าวต่อ บ้านนี้ทั้งบ้านแม่งชอบยิ้มร้ายแบบนี้ หน้าเฮียมันเลยยิ้มแต่แววตาเหมือนจ้องจะตะครุบ หลอนสัส!
“ชา” เสียงคนที่ไม่มีบทบาทในโต๊ะมานานเรียกผมก็เลิกคิ้วอย่างสงสัย มันจิ้มนิ้วลงเมนูให้ดูเป็นอันว่าผมต้องเรียกเด็กเสริฟแล้วสั่งอาหารให้มัน
มีเรื่องไม่คิดจะช่วย พอทีนี้ล่ะมาใช้กู แม่ง!
“บอทน้อยไม่อิ่มหรอ” เฮียบุหรี่มันหันมาสนใจทันที ไอ้ไฮนซ์พยักหน้าเบาๆ
“แต่เฮียอยากกินของหวานด้วย กินกับเฮียนะ” เฮียยิ้มบางๆถ้าเป็นคนอื่นคงหลงเสน่ห์ไปแล้ว แต่นี่ไอ้ไฮนซ์ครับ แค่พยักหน้ารับแล้วตั้งหน้าตั้งตากินต่อ แต่เฮียมันเสือกยิ้มแบบถูกใจแล้วลูบหัวเบาๆ
หือ? ลูบหัวได้ แม่งมีพัฒนาการว่ะ ปกติไอ้ไฮนซ์มันหวงเนื้อหวงตัวจะตาย
“กินไปไม่ต้องไปเสือกเรื่องคนอื่น” ไอ้ฝิ่นดันหน้าผมกลับมามาที่จานข้าวแล้วทำหน้าดุๆ
“ครับพ่อ”
“กูผัวไม่ใช่พ่อ” เท่านั้นแหละครับสองเฮียหันขวับมาทันที
นี่มึงเพิ่งจะเคลียร์ประเด็นเก่าได้มึงเปิดประเด็นใหม่ทำไมวะ!?
“หึๆมียอมรงยอมรับ ที่กูบอกว่าชาท้องไม่น่าเกินจริงหรอกม๊างงงง”
“เฮ้ยนี่มึงเคลมชาน้อยๆของกูไปแล้วหรอวะ!?” เฮียบุหรี่ไม่แทนตัวว่าเฮียแล้วครับหน้าบูดมาก จนผมล่ะเสียวแทนไอ้ฝิ่น
“อืม หลายดอกด้วย” โถ่! แม่งไม่สะทกสะท้านตอบหน้านิ่งเหยียดยิ้มร้ายอีกด้วย ถ้าเป็นปกติกูคงจะเขินจนดิ้นแต่บรรยากาศที่มีสองเฮียจองเขม็งแบบนี้...
โอ๊ยยยยยย! กูจะบ้า!
“นี่มะ...อุ๊บ!” เฮียมันตาเหลือกเลยครับ ไม่ใช่แค่เฮียครับ รวมทั้งผมด้วย
ถ้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ไอ้ไฮนซ์น่ะสิคว้าหน้าเฮียบุหรี่มาแล้วประกบปากจูบเลย พอได้จูบแล้วเฮียมันก็อย่างไว รั้งท้ายทอยไฮนซ์แล้วแลกลิ้นกันดุเดือด พอผมหันไปมองหน้าไอ้ฝิ่นก็เหยียดยิ้มแบบโคตรร้ายโคตรมาร หันไปมองหน้าเฮียซิกการ์ก็มองขำๆ ไม่ได้อายที่คนในโต๊ะมาจูบกันดูดดื่มกลางร้านอาหาร ถึงมุมที่นั่งจะค่อนข้างส่วนตัว แต่เชื่อเถอะมีคนเห็นแน่นอน
“มึงทำ?” ผมหันไปถามฝิ่น เพราะไอ้ไฮนซ์มันไม่อุตริจับเฮียมันจูบเล่นๆหรอก และคำตอบคือรอยยิ้มแสยะ แล้วเปิดปากพูด
“ก็เฮียบุหรี่เป็นคนที่มีปัญหามากที่สุด” แถมหันมายักคิ้วเพิ่มความน่าหมั่นไส้อีก
บอกเลย...ไอ้ฝิ่นมันร้ายยยยยย...!!!
อ่านแล้วก็คอมเม้นหรือฟีดแบ็คกลับมากันด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เฮียซิกนี่พูดเหมือนตาเห็นแค่เห็นนมสำหรับคนท้องสามารถเรียงไทม์ไลน์ได้เป๊ะโคตรๆ