ตอนที่ 29 : Chapter SP : วันปีใหม่
“ป๊ากับหม๊าไม่อยู่ดูแลกันเองได้ใช่ไหม”
ผมที่กำลังปั่นงานอย่างขมักเขม้นหันไปทางป๊าที่ถามเสียงเข้มเหมือนหนักใจไม่น้อยที่ต้องปล่อยพวกผมอยู่บ้านในระยะยาวแถวเป็นช่วงเทศกาลอย่างปีใหม่ พอดี ป๊าต้องไปเรื่องงานที่ฝรั่งเศสเลยถือโอกาสพาม๊าพาลูกไปเที่ยวด้วยกันสองอาทิตย์ แต่ผมกับโคดีนยังสอบไม่เสร็จแถมผมมีงานที่ต้องปั่นส่งหลังสอบอีก เลยพลาดโอกาสไปแบบโคตรน่าเสียดาย
“แน่นอนป๊า ฟีนดูแลตัวเองได้ดูโคดีนด้วยก็ได้” ผมยืดอกขึ้นอวดๆ แล้วเดินไปกอดอ้อนป๊าไถหน้าไปมา ให้ป๊าคิดตกซะที จะไปอยู่แล้วยังห่วงอยู่นั่น จริงๆผมก็โตแล้วอะนะผมปีสามแล้วส่วนโคดีนก็ปีหนึ่งแต่ป๊าก็ไม่เคยปล่อยให้อยู่บ้านเองนานๆ
ผมต้องไปกลับบ้านมหาลัยตลอดจนปีสาม แต่โคดีนมันเข้าปีหนึ่งคุยกับป๊ายังไงไม่รู้ได้อยู่คอนโดแถวมอเฉย พอผมว่ามันว่าขี้โกงมันก็อ้างว่าคณะมันเรียนหนักเลิกเย็นไม่เหมือนคณะ ผมรู้สึกโคตรไม่ยุติธรรมเพราะผมอยู่ในสายตาป๊าม๊าตลอด
แต่เชื่อเถอะสองอาทิตย์นี้มันจะเป็นสองอาทิตย์ที่สุดเหวี่ยงในหลายๆความหมายแน่นอน...
“มันน่าวางใจไหมเนี่ย หืม” ป๊าลูบหัวผมไปมา ผมเลยเงยหน้าขึ้นพองแก้มยู่ปากนิดๆขมวดคิ้วหน่อยๆแบบที่รู้ว่าป๊าแพ้ลูกอ้อนนี้แน่ๆ แล้วเริ่มหว่านล้อม
“ก็บอกว่าได้ๆอยู่นี่ไงป๊ากันม๊าก็ไปเถอะ” ป๊าก้มหน้าลงมาสบตาด้วยผมส่งสายตาปิ้งๆ ที่หางตาเหลือบไปเห็นม๊าเดินมา ผมเลยเผละออกจากป๊าหันไปกอดอ้อนม๊าทันที
“ม๊าไม่อยู่ทำตัวดีๆล่ะ ไปอยู่มอ.ก็ระวังๆ” ม๊าส่งสายตามาเหมือนรู้ทัน ผมว่าแพลนไปเคาน์ดาวน์ที่พัทยายังไม่รั่วไหลนะขนาดโคดีนผมยังไม่เล่าให้ฟังเลย
“จะได้ไปทำตัวแย่ๆที่ไหนนี่แทบจะเรียกปั่นงานข้ามปีเลยนะ” ผมเอาแก้มถูอ้อนๆม๊าส่งเสียงหึในลำคอเหมือนไม่ค่อยจะเชื่อ ส่วนป๊าถอนหายใจแล้วหันไปยกกระเป๋าเดินทางออกไปที่รถ
“ดีนก็เหมือนกัน เที่ยวก็อย่าเยอะนะ” ม๊าหันไปส่งสายตาดุๆให้โคดีน นั่นแหละตัวดีที่ควรคาดโทษต่อหน้าป๊าม๊านะทำตัวเอื่อยเฉื่อย เหมือนไม่สนใจอะไรแต่นอกสายตาอย่าให้พูด ผมรู้ว่าอาทิตย์ที่แล้วมันเพิ่งไปกินสุกี้หม้อรวมมาเห็นว่าพี่รหัสเลี้ยงครับ ต้องบอกว่ามันเหมือนอยู่คนละโลกกับผมอะ พี่ผมเลี้ยงแต่ชาบูขนมหวาน มากสุดก็ผับแถวมอยันปีสาม แต่ดูโคดีนดิมันแค่ปีหนึ่งเองนะไปไกลเกินไปแล้ว
“ผมไม่ออกทุกวันหรอก” โคดีนตอบแล้วยิ้มเหมือนกระตุกปากน่าหมั่นไส้มากจนผมแบะปากใส่
“ถ้าออกทุกวันก็เกินไปแล้ว” ม๊าพูดเหมือนหน่ายใจ หันมามองผมก็กอดแล้วฟัดแก้มผมอีกด้วย ผมเลยส่งเสียงประท้วงในลำคอ ม๊าถึงได้ปล่อยแล้วหอมแก้มอีกฟอดใหญ่
จริงๆพวกเราล่ำลากันไปแล้วเรียบร้อยแล้วครับน้องก็รออยู่ในรถแล้ว แต่เพราะป๊าคิดไม่ตกที่ปล่อยผมไว้ถึงได้เดินมาย้ำอีกรอบ ม๊าเลยตามเข้ามาอีก ผมหอมแก้มม๊าแล้วเดินไปส่งที่รถโดยมีโคดีนเดินตามมา ผมโบกมือให้น้องที่อยู่ในรถพอคนครบแล้วคนขับรถก็ขับออกไป
ผมมองรถที่แล่นออกไปด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ้นเรื่อยๆพอรู้สึกว่าชักจะเกินไปก็หุบยิ้มแล้วหันไปมอหน้าโคเดอีน รอยยิ้มละไมมุมปากของมันทำให้ผมเดาได้เลยว่ามันมีแผนชั่วอะไรไว้แน่ๆแต่ก็ไม่ใช่เรื่องของผมอะนะ ปีใหม่ก็ต้องมีทางของตัวเองอยู่แล้ว พอส่งป๊าม๊าเสร็จไม่นานโคดีนมันก็กลับไปมอ ผมก็ไปปั่นงานต่อ ปีใหม่ปีนี้มันต้องสุดยอดแน่นอน
.........................
................
.........
“ไปกันเลยปะ?” เสียงน้ำหนาวเพื่อนสุดเลิฟของผมนั่นเองครับ หลังจากสอบเสร็จส่งลานเรียบร้อยก็ดูคึกคักเป็นพิเศษทั้งๆที่ผมหมดแรกจากการสอบที่เพิ่งออกจากห้องมาเมื้อกี้มาก
วันนี้วันที่ 28 แล้วอีกสามสี่วันก็จะปีใหม่แล้วเราก็ตกลงกันว่าสอบเสร็จจะไปกันเลยแล้วค่อยกลับมาเย็นวันที่1 น้ำหนาวมันก็เป็นตัวตั้งตัวตีชวนไปพัทยา แล้วก็มีเพื่อนอีกสองคน ดีที่ป้าน้อยคนดูแลบ้านเก่าแก่ของบ้านผมกลับเชียงใหม่ไปช่วงนี้ ไม่งั้นคงไม่มีอิสระอย่างนี้แน่และเพราะป้าน้อยไม่อยู่นี่แหละทำให้ป๊าห่วงนักหวงหนา ที่บ้านผมตอนนี้ก็มีแต่แม่บ้านกับคนงานนิดหน่อยผมจะออกไปไหนทำอะไรเขาไม่กล้าถามผมเท่าไหร่
นี่แหละอิสระที่ใฝ่ฝัน …
“พวกลุคกับเชาว์เตรียมตัวเสร็จกันแล้วหรอ” ผมถามขณะเดินไปที่รถ คือผมน่ะต้องกลับไปเอาสำภาระที่บ้านนะแต่น้ำหนาวนี่มันหอบมาวันนี้พร้อมเลยครับ ตกลงกันไว้ว่าเดี๋ยวลุคกับเชาว์จะมารับที่บ้านผม ผมเตรียมของไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
ถ้าเป็นที่อื่นคงไม่ต้องหลบๆซ้อนๆกันเท่าไหร่เพราะทุกๆปีพวกผมไปตั้งแคมป์เข้าป่ากันจิบเหล้าเบียร์เอาสนุก ป๊าให้คนไปขับรถให้ด้วยซ้ำ แต่นี้พวกผมกะไปสุดเหวี่ยงกันที่พัทยาอายุก็20กันหมดแล้วไม่มีร้านไหนที่เขาไม่ให้เข้าอีกแล้ว แค่คิดก็ฟิน ผมคิดไปต่างๆนาๆจนรถแล่นเข้ามาในบ้านเค้าลางหายนะก็เริ่มมาครับ ยิ่งเข้าใกล้ที่จอดยิ่งเห็นAudiสีแดงสดประหนึ่งกลัวไม่มีคนมองจอดอยู่ชัดๆ หน้าผมยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ ซึ่งเพื่อนผมก็ไม่ได้รู้เรื่องราวตาโต
“นั่นของพ่อมึงหรอฟีน รุ่นล่าสุดปีนี้เลยนี่หว่า” มันตีแขนผมอย่างตื่นเต้นจนเหมือนจะกรีดร้องอยู่รอมร่อ ผมก็ได้แต่ตอบเสียงอ่อยๆ
“เป็นของพ่อเราก็ดีน่ะสิ” ไม่ต้องแปลกใจนะผมน่ะเป็นคนไม่ชอบพูดคำหยาบกับเพื่อนเท่าไหร่ไม่ใช่ผมเรียบร้อยหรืออะไรนะแต่มันรู้สึกกระดากปากยังไงไม่รู้ ซึ่งคนอื่นๆก็พูดดีกับผมหมด ยกเว้นน้ำหนาว...
“ใช่มะถ้าเป็นของพ่อกูนะจะยืมไปขับทัวร์เหนือจรดใต้เลยล่ะ” ผมกรอกตาอย่างเซงๆ จอดรถแล้วรีบลากเพื่อนเข้าบ้าน
“กลับมาแล้วหรอ” เจ้าของเสียงนุ่มทุ้มที่นั่งจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์กลางโถงบ้านของผมพร้อมหน้าตาและท่าทางประหนึ่งอยู่บนปกนิตยสาร ทำไมท่าจิบกาแฟต้องดูเป๊ะขนาดนี้ บอกเลยนะผมไม่เคยเจอใครที่ถ้าจะเก๊กแล้วไม่รู้สึกหมั่นไส้แต่รู้สึกยอมเท่าคนนี้เลย จะเป็นใครไปไม่ได้ครับนอกจาก...
“พี่ไคลแมกซ์” ผมเรียกแล้ววิ่งไปกอดอย่างร่าเริงพร้อมฉีกยิ้มกว้างทั้งที่ในใจน้ำตาไหลพราก งื้ออออ ดูท่าต้องบอกลาทริปพัทยาของผมซะแล้ว พี่ไคก็รับผมเข้ากอดอย่างไวรวบตัวแล้วหอมแก้มไปมา เพิ่งกลับจากอังกฤษครับไม่ได้เจอกันสามสี่เดือนแล้ว แน่นอนว่าถ้าเป็นปกติผมคงดีใจจริงๆเพราะพี่ไคกลับมาที่ไรของฝากผมเยอะมากแล้วก็มีแต่แบบที่ผมชอบทั้งนั้น แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเหมือนมียักษ์มาหล่นทับรถที่จะเดินทางสู่พัทยาของผมซะแล้ว
ไหนว่าจะกลับมาหลังปีใหม่ไงเล่า!
“คิดถึงจังครับตัวเล็ก” พี่ไคว่าแล้วหอมแก้มอีกฟอด ผมก็เอียงแก้มให้หอมอย่างตามใจ
“งื้อออ น้องฟีนตัวไม่เล็กแล้วนะ” แต่ต้องท้วงเล็กๆเรื่องขนาดตัวของผมมันก็ไม่ได้เล็กขนาดนั้นนะ
“หืม พี่กอดยังตัวเล็กอยู่เลย” คนเจ้าเล่ห์ทำเสียงในลำคอลูบนั่นแตะนี่ไปทั่วผมก็ได้แต่ยู่ปากขัดใจ
“เอ่อ...”เป็นเสียงของน้ำหนาวที่ยืนงงทำอะไรไม่ถูกกับการเปลี่ยนโหมดอย่างรวดเร็วของผม ถึงผมปกติจะทำตัวสุภาพแต่มันก็ระดับธรรมดาอะมาเจอโหมดน้องฟีนของผมงงเป็นไก่ตาแตกแน่นอน ผมไม่ได้รู้สึกอายหรืออะไรนะที่ทำตัวอ้อนคนนั้นคนนี้ไปทั่วก็แบบมีคนให้อ้อนก็ต้องดีกว่าไม่มีอยู่แล้วนี่ แถมพี่ไคก็ชอบที่ผมแทนตัวว่าน้องฟีนมากด้วย แล้วก็ถ้าทำตัวชะงักหรือผิดปกติใส่พี่ไคก็รู้น่ะสิว่ามันต้องมีเรื่อง
“อ๊ะ พี่ไคอันนี้เพื่อนน้องฟีนเอง ชื่อน้ำหนาว น้ำหนาวนี้พี่ไค” ผมรีบแนะนำตัวเพื่อนอย่างรวดเร็วแล้วหันมาฉีกยิ้มเอาใจ แอบคิดตะหงิดๆว่าพี่ไคมาได้จังหวะเกินไปรึเปล่าคงไม่ใช่ใครส่งมาดักทางผมหรอกใช่ไหม
“สวัสดีครับ” ไอ้น้ำหนาวยกมือไหวอย่างเก้ๆกังๆ คงมึนๆกับสถานการณ์ตรงหน้าแต่ผมก็ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว ผมเห็นสายตาของเฮียที่มองเพื่อนอย่างสำรวจก็ร้อนๆหนาวๆ ในมือน้ำหนาวยังถือกะเป๋าเสื้อผ้าอยู่เลย
“แล้วนี่จะไปไหนกันหรอมีกระเป๋าเสื้อพากันด้วย” นั่นไง พี่ไคหันไปถามน้ำหนาวเหมือนชวนคุย
“ก็ว่าจะ...”
“จะมานอนที่บ้านไง! ป๊ากับม๊าไม่อยู่น้องฟีนเลยชวนน้ำหนาวมานอนเป็นเพื่อน” น้ำหนาวทำท่าจะตอบผมก็รีบชิงตอบแทนสายตางของพี่ไคถึงได้ย้ายมาที่ผม นิ้วมือหนายกขึ้นเกี่ยแก้มผมไปมา
“หือ งั้นให้พี่นอนด้วยคนดีไหมครับ ไม่ได้เจอนานมีเรื่องคุยเยอะแยะเลย”
อ๊า! ผมเดินเกมส์พลาดแล้ว ถ้าตอบว่าไม่ก็โคตรมีพิรุธ แต่ถ้าตอบว่าได้พัทยาไม่ได้ไปแน่ๆเลย
“งะ เพื่อนน้องฟีนก็อยู่นะพี่ไคจะไม่สะดวกรึเปล่า” ผมไถหน้ากลมๆอ้อน ไม่รู้ชอบอะไรกันนักหนาทั้งป๊าทั้งมาทั้งโคดีนตลอดจนลุงๆน้าๆ ไม่รอดสักลาย พี่ไคก็ไม่ยกเว้น
“ไม่เห็นเป็นไร”พี่ไคว่าพร้อมลูบหัวผมอีก งะอย่าบอกนะว่าพี่เขาคิดว่าผมอ้อนให้อยู่ด้วย??
“พี่ไคมาเหนื่อยๆไม่ไปพักก่อนเดี๋ยวค่อยมาหาที่หลังก็ได้ เพื่อนน้องฟีนก็อยู่พี่ไคไม่อึดอัดหรอ”
“ไม่เป็นไรพี่อยากอยู่กับน้องฟีนนี่ครับ” พี่ไคลแมกซ์ตอบอย่างเอาแต่ใจผมก็เริ่มไม่รู้จะทำยังไง
“แต่เพื่อนน้องฟีนจะมาอีกสองคนน้า พี่ไคอึดอัดแน่เลย” หว่านล้อมไว้ก่อนแล้วกัน
“ทำไมไล่กันจังครับ มีอะไรรึเปล่าหืม?” นั่นไง! สงสัยอีกแล้ว
“มะ...”
“เฮ้ยฟีนเก็บของเสร็จรึยัง! ไปกันเลยเปล่า?” เสียงไอ้เชาว์ครับดังมาก ผมค่อยๆเงยหน้ามองพี่ไคช้าๆเจอรอยยิ้มละมุนเหมือนเดิมแต่สายตาคมกริบเลยครับ ง่า ทำไงดี!?
“นั่นสิพี่ก็ว่าทำไมบ่ายเบี่ยงจัง สรุปจะไปไหนกันครับ”พี่ไคถามเสียงนุ่มแต่ผมรู้สึกได้ถึงความกดดัน
“มะ..ไม่....งือออ พัทยาครับ” สรรหาคำแก้ตัวไม่ทันก็ตอบไปตามตรงเอนหน้าซุกซบอกพี่ไคไปเรียบร้อยเผื่ออารมณ์จะดีขึ้นบ้าง
ผมหันไปโบมือไล่ให้เพื่อนเชิงให้มันไปรอกันที่รถก่อน ได้ไม่ได้เดี๋ยวเดินไปบอกอีกที
“เป็นเด็กขี้โกหกไม่ดีนะครับ” พี่ไคดึงจมูกผมเล่นไปมา ผมก็ได้แต่ส่งเสียงท้วงในลำคอ
“น้องฟีนเปล่า...ก็ถ้าบอกพี่ไคไม่ให้ไปแน่เลย” ผมว่าอุบอิบ
“ใครว่าไม่ให้ไป” พี่ไคว่าเสียงนุ่มปแถวเอามือผมไปบีบเล่นอีก
“เอ๋....? จริงหรอ!?” ผมก็หูพึ่งมีความหวังขึ้นทันที
“อืม แต่พี่ต้องไปด้วยนะครับ”
“งะ...” ไปพัทยาครั้งนี้นะเพื่อนๆบอกจะพาไปเปิดหูเปิดตา ไปเชาว์มันเคยไป บอกว่าสุดๆบ้างร้านนี้ถอดแทบหมดอะส่วนบ้างร้านก็ตัวเปล่าพวกเราชายหนุ่มสุขภาพดีก็อยากไปรู้ไปเห็นกับเขาบ้างนี้น่า แต่เรื่องแบบนี้จะให้พี่ไครู้ได้ยังไงเล่า...
“หืม? หรือจะไปทำอะไรที่ให้พี่รู้ไม่ได้กันครับ” นี่ก็รู้ทันจัง ดักทางผมหมดเลย พี่ไคไม่น่าดีไปทุกเรื่องก็ได้นะ หน้าดีแล้วต้องสมองดีอีกด้วยหรอ
“เปล่าแต่ฟีนไปกับเพื่อนกันสี่คน เข้าจะไม่เกร็งๆกันหรอถ้าพี่ไปด้วย”
“ไม่ป็นไรตอนไปเดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปให้เอาก็ได้ พี่ไม่เข้าไปกวนหรอก แต่พัทยาก็มีอะไรเยอะให้พี่ไปด้วยดีกว่ามีอะไรจะได้ช่วยทัน พี่เป็นห่วงเรานะครับตัวเล็ก”
“พูดแบบนี้ฟีนดูเป็นเด็กดื้อแล้วพี่ไคเป็นพี่ชายใจดีเลย”
“ไม่ต้องห่วง ต้องทำโทษเด็กขี้โกหกแน่ๆครับ” พี่ไคแมกซ์ว่าเสียงนุ่นแต่ผมรู้สึกสียวสันหลังวาบ แล้วผมจะหาทางรอดยังไงดีเนี่ยยยย
“ไม่ทำโทษไม่ได้หรอ” ผมเอาหัวเอนซบแขนพี่ไคไว้ส่งเสียงอ้อนพี่ไคแค่ยิ้มไม่ตอบรับหรออะไร
พอออกไปข้างนอกผมก็เลยบอกเรื่องราวเพื่อนไปเพื่อนมันก็เข้าใจกันมีแซวหนักๆเลยก็เรื่องน้องฟีน ยิ่งเชาว์นะพูดแทนตัวเองว่าน้องเชาว์อย่างนั้นน้องเชาว์อย่างนี้ใหญ่เลย
แต่สรุปพวกเราก็ได้ฤกษ์เดินทางไปพัทยาสักที!
พวกผมก็ตรงไปที่โรงแรมก่อนเลยครับเข้าไปเช็คอินอะไรให้เรียบร้อยโรงแรมติดหาดบรรยากาศอย่างดีพระอาทิตย์กำลังตกเลยครับ คุยกันไปคุยกันมาแพลนพวกผมก็มีการเปลี่ยนเล็กน้อยตอนแรกว่าจะเมาให้หัวทิ่มกันจนปีใหม่ แต่พอมาคิดอีกทีร่างมันน่าจะพังเกินไปพวกเราเลยเปลี่ยนไปเที่ยวกลางวันสองวันแรกแทน
วันถัดมาพวกผมก็ไปเกาะล้านกันแต่เช้าเลยเล่นน้ำชมวิวถ่ายรู้ โทรคุยกับพี่ไคแมกซ์ เห็นว่ามีงานด่วนจะตามมาวันที่31 ผมยิ่งหลั่นล้าเข้าไปอีกเที่ยวกันมันส์เลยเย็นๆก็กลับเข้าฝั่งช่วงเทศกาลอย่างนี้ห้องพักจองยากครับแถมพวกผมก็ขี้เกียจเดินหาเพราะยังไงพรุ่งนี้ก็จะไปเกาะขามอยู่แล้ว
วันที่30 พวกผมก็ไปเกาะขามเย็นกลับมาหมดแรงมากครับ แต่ด้วยความอยากออกเที่ยวก็หันไปถามเพื่อนๆทันที แบบพรุ่งนี้พี่ไคแมกซ์มาแล้วไม่ได้ต่างกับมีพ่อมาคุมด้วยเลย บางเรื่องยิ่งกว่าพ่ออีก
“จะไปกันเลยปะ” ผมถามเพื่อนอย่างกระตือรือร้น
“เอาไว้สักสองสามทุ่มก็ได้ ดึกๆถึงจะคึกคัก น้องฟีนไม่ต้องรีบ” ลุคตอบพร้อมยิ้มล้อนิดๆ ผมเลยหุบยิ้มแล้วเบะปากใส่มันแทน
“เราอยากไปเร็วๆนี่หน่า”
“ก็เข้าใจอะนะว่าพรุ่งนี้พ่อมึงจะมาคุม แต่ไม่ต้องห่วงพี่น้ำหนาวคนนี้จะพาทัวร์เอง” น้ำหนาวเข้ามากอดคอผมแล้วตบไหล่เบาๆ ผมเลยหันไปมองหน้าเพื่อน แล้วหรี่ตามอง
“น้ำหนาวก็ยังไม่เคยเข้าไม่ใช่หรอ?”
“แหม่ของแบบนี้มันก็เหมือนๆกันหมดแหละ” น้ำหนาวยู่ปากแล้วกรอกตาไปมาด้วยคสามที่น้ำหนาวเป็นน้องเล็กของบ้านแล้วโดนพี่แกล้งหนักมากทำให้ชอบทำตัวเป็นพี่นอกบ้านตลอด ผมก็ตลกดีเลยชอบดักคอเพื่อนเอา เห็นหน้าเหมือนจะงอนของมันแล้วก็ยิ้มทำเสียงโอ้ๆ
“ถ้าคุณพี่น้ำหนาวบอกว่าที่ไหนก็เหมือนกันหมดเนี่ย จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถึง คุณมึงอย่าเอาร้านแถวนี้ไปเทียบกับแถวมอเชียวนะเว้ย” เชาว์พูดเสียงยียวนแล้วยิ้มแบบมีเลศนัย
“ต้องบอกว่าความบันเทิงเทียบกันไม่ติด” ลุคพูดเสริมยิ้มๆ
“ขนาดนั้นเชียว” ผมถามเสียงสูง แบบที่คึกคักช่วงปีใหม่จริงๆเพราะได้ทำอะไรแบบอิสระบ้าง ก็คิดว่าน่าจะสนุกไปสุดเหวี่ยงอะไรแบบนี้ แต่ถ้าถามจริงๆผมก็คิดนะว่าพวกสถานบันเทิงแบบนี้มันก็น่าจะเหมือนๆกัน ถึงจะมีเรื่องร้านที่เชาว์บอกว่าถอดเสื้อเกือบหมดนี่ผมก็ไม่คิดว่าจะอะไรขนาดนั้นนะ
“ต้องบอกว่ายิ่งกว่านั้น”
“พวกพ่อแม่โอ๋สุดๆแบบมอร์ฟีนน่ะคงไม่เคยไปเดินวอกกิ้งสตรีทของพัทยาสินะ” ลุคพูดยิ้มๆ
“หืมก็ไม่ได้โอ๋ขนาดนั้นสักหน่อย แต่ก็ไม่เคยไปจริงๆนั้นแหละ”
“ถ้ายังไม่เคยไปก็บอกไว้เลยว่าได้เปิดโลกแน่นอน”
พอใกล้เวลาสามทุ่มพวกผมก็ออกไปท่องราตรีกันเลย วอกกิ้งสตรีทของที่นี่คึกคักมากครับ คนต่างชาติก็เยอะมาก ข้างทางมีขายของทั่วไปและมีโชว์เปิดหมวกเต็มไปหมดส่วนด้านหลังก็จะเป็นสถานบันเทิงหลายรูปแบบทั้งผับบาร์ร้านเหล้าแบบปกติและไม่ปกติ ลุคเดินพากันไปนั่งร้านนึ่งที่เหมือนร้านเหล้าทั่วไปมีนักร้องร้องเพลงสากลที่กำลังฮิตช่วงนี้สลับไปมาฟังจากสำเนียงแล้วเหมือนเป็นฟิลิปปินส์
“ไหนร้านเด็ดๆที่มึงว่า” น้ำหนาวถามอย่างกระตือรื้อร้น มันก็เคยมาเดินครับแต่งไม่เคยเข้ามานั่งโซนร้านเลยสักครั้งเวลามาก็จะเดินชมบรรยากาศเฉยๆตามสไตล์มากับครอบครัว
“แดกให้เมาก่อนครับเพื่อน ไปร้านเลยเดี๋ยวมึงขอออกก่อนแน่นอน” เชาว์แซวยิ้มๆแล้วหันไปสั่งเหล้ากับพนักงาน พวกเราสายวอดก้ากันก็เอาเรดบูลเป็นมิกซ์ ก็กินจนหมดสองขวด น้ำหนาวดูท่าทางสนุกมากครับบางเพลงลุกขึ้นเต้นใหญ่จะบอกว่า คออ่อนกว่าผมอีกครับผม จะกินพวกตระกูลเหล้าได้เยอะแต่ถ้าเป็นเบียร์เมื่อไหร่สี่กระป๋องใหญ่ก็ร่วงแล้วครับ
พอเริ่มได้แอลกอฮอล์เข้าเส้นเลือดเวลาก็เกือบเที่ยงคืนกันแล้ว สติผมก็เริ่มตึงๆแบบรู้ตัวเลย เชาว์ถึงได้ชวนลุกเดินนำไปที่ร้านหนึ่งที่ต่างร้านทั่วไปที่ไม่มีอะไรกั้นมองเห็นได้จากด้านนอก แต่ร้านนี้ขนาดประตูยังเป็นกกระจกทึบ เดินเข้าไปจะเป็นคล้ายที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ขึ้นบันได้มีสักประมาณสี่ขั้น กลางร้านมีพวกโต๊ะหรือจะเรียกว่าเวทีก็ได้ ด้านข้างก็จะมีเก้าอี้ตั้งไว้ให้นั่งได้ส่วนบนมีเสาตั้งจากโต๊ะถึงเพดานและผู้หญิงเต้นอยู่ในชุดเซเลอร์มูนแบบโคตรสั้นเสียงเพลงก็ดังพอสมควร ผมไม่เคยมาร้านแบบนี้ถึงจะกรึ่มๆอยู่ก็อดรู้สึกเขินขึ้นมาไม่ได้
“เดี๋ยวมีเด็ดว่านี้” เชาว์ว่าพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“กู...ไปนั่งข้างหน้า....ได้ปะ” น้ำหนาวพูดเสียงยานครางแล้วลุกขึ้น
“เฮ้ยๆๆๆ” ผมกับลุครีบจับมันไว้ทันทีพยายามให้มันนั่งลง ที่นั่งจะเป็นคล้ายสเตเดียมหันเข้าหาเวทีหมดดังนั้นถ้าถึงขนาดไปนั่งข้างหน้านี่ผมอายแทนเลย
“เต้นกันสนุกอยากเต้นบ้างงง” น้ำหนาวพูดเสียงอ้อแอ้เชาว์เลยผลักหัวไปที
ตอนนี้ค่อนข้างตึงๆกันพอสมควรเพื่อนๆเลยสั่งเบียร์มาจิบชิวๆ ผมไม่อยากหัวทิ่มเลยสั่งโค้ก ส่วนน้ำหนาวนี่น้ำเปล่าสถานเดียวครับสภาพไม่ไหวมากๆ
“มันจะเที่ยวได้ไหมเนี่ยพรุ่งนี้” ลุคมองน้ำหนาวขำๆ ผมยังไม่ทันตอบอะไรก็โดนเชาว์ขัดไว้ก่อน
“เริ่มแล้วๆ” เชาว์พยักหน้าให้ดูที่กลางเวทีที่ผมเห็นก็ต้องอ้าปากค้าง
ผู้หญิงที่ที่เต้นรูดเสาอยู่ เรียกง่ายๆก็โคโยตี้ค่อยๆเปลื้องผ้าที่ละชิ้นๆแล้วเต้นไปด้วยท่าทางยั่วๆแบบจริงจังเลยครับ คือเรื่องแบบนี้ถึงเพื่อนบอกว่ามีแต่ไม่คิดว่าพอมาเห็นคาตามันจะรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้ผิดต่ออะไรไม่รู้แต่รู้สึกบาปจัง งือออ ผมต้องพยายามไม่ยกมือขึ้นมาปิดตาทั้งที่อยากปิดตาจะแย่แล้วเดี๋ยวคนอื่นเขาก็รู้ว่าผมยังไก่อ่อนอยู่น่ะสิ แถมไม่ใช้ว่าแค่ถอดชุดตัวน้องนะขนาดบรายังถอดทิ้งแล้วโยนไปตกหัวลูกค้าที่นั่งอยู่ข้างเวทีด้วยอะ ผมพยายามมองกระป๋องโค้กตัวเองไว้เพราะไม่รู้จะเอาตาไปว่างไว้ที่ไหน มันสุดมากไม่รู้จะอธิบายไงดีเหมือนโลกที่ผมไม่รู้จักเลยอ่า
“สุดยอด...” น้ำหนาวก็อ้าปากค้างแก้มมันแดงปรั่งเลยครับไม่รู้ว่าเมาหรือเขินแต่มันมองๆแล้วก็เฉไปแล้วก็กลับมามองใหม่เหมือนไม่กล้ามองตรงๆแต่ก็อยากรู้อยากเห็นขนาดมันเมาอยู่นะเนี่ย
“เราจะเปลี่ยนร้านยังอะ” ผมหันไปถามเชาว์รู้สึกอยากออกไปแล้วกินเหล้าฟังเพลงแบบเมื่อกี้ยังสนุกกว่าเลย แบบนี้ผมรู้สึกบาปมากอะ งืออออ
“กำลังสนุกเลย” เชาว์พูดแล้วยิ้มชุกซน ผมเงยหน้าขึ้นนิดๆแล้วดูบนเวที ง่า ทำไงดีๆ
พรึบ!
ทัศนวิสัยของผมถูกบดบังจนมองอะไรไม่เห็นผมเลยค่อยๆจับสิ่งที่บังออกจากความรู้สึกก็รู้เลยเลยว่าเป็นมือข้างหนึ่ง ผมเงยหน้าขึ้นช้าๆ ใบหน้าที่ก้มมองลงมาเป็นใบหน้ายิ้มมุมบ้างแต่สายตากับทำเอาสัญชาตญาณของผมรู้สึกได้ถึงอันตรายขึ้นมาทันที เสียววาบๆเลยล่ะ
“ง่า ไหนว่าพี่ไคจะตามมาพรุ่งนี้ไง...” ผมว่าเสียงอ่อยๆ
“ถ้ามาพรุ่งนี้ก็ไม่รู้น่ะสิว่าเราจะซนอะไร” พี่ไคแมกซ์ว่าเสียงนุ่นแต่รู้สึกเชือดเฉือน ผมไม่รู้จะทำไงดีหัวก็มึนๆเมาๆไม่หาย แถมรู้สึกถูกสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยกดดันสุดท้ายก็เลยใช้แผนเด็ด
แกล้งตายมันซะเลย!!
พอคิดได้ผมก็ทำตัวอ่อนคอตกไปหาพี่ไคเลยเพราะรู้ว่าพี่ไครับไว้แน่ๆ ซึ่งก็รับไว้จริงๆครับพี่เขาตอนแรกดูตกใจมากที่อยู่ผมก็ล่วงลงแต่พอพี่เข้ารับไว้ลองเขย่าปลุกดูก็รู้แล้วครับว่าผมมารยา
“น้องฟีนลุกมาคุยกันดีๆก่อน พี่รู้ทันนะครับ”
“งือออ น้องฟีนง่วงนอน...หัวก็ปวด มากๆเลย พี่ไคพาน้องฟีนกลับน้า” ผมทำเสียงอ้อนซุกหน้าลงกับอกไม่ยอมหันมาคุยดีๆ ตอนนี้เอาตัวรอดไว้ก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน
“น้องฟีน...” พี่ไคแมกซ์ย้ำเสียงหนักให้รู้ว่าจริงจัง
“ฮือออ น้องฟีนปวดหัวมากเลยมึนไปหมด” ผมก็อ้อนๆแบบถูๆไถๆไปพี่ไคเหมือนจะรู้ทันแต่ก็ยอมตามใจถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้มลงกระซิบข้างหูผมเบาๆ
“ถ้าน้องฟีนปวดหัวนักให้พี่ช่วยฉีดยาดีไหมครับ” เสียงนุ่มทุ่มกระซิบข้างหูแทนที่จะทำให้ผมจั๊กกระจี้กลับทำให้ผมตัวแข็งทื่อแทน สุดท้ายพี่ไคพาผมกลับมาที่โรงแรมยังไงผมยังจำไม่ได้เลยครับจำได้แต่เสียงแซวเซเซงที่แย่งกันพูดจนไม่ได้ศัพท์ของเพื่อนก่อนออกจากร้านเท่านั้นเอง
งือออออ ทำไมวันสิ้นปีของผม ผมถึงต้องมาติดแหง็กอยู่บนเตียงอย่างนี้นะ ผมมองพี่ไคที่ยังไม่ตื่นเข้าใจว่าคงจะเพลียไหนจะไปทำงานแล้วบึ่งมาพัทยายังต้องมาลากผมกลับอีก เมื่อคืนผมถึงห้องยังไม่ทันได้ให้พี่ไคอบรมอะไรก็พุ่งใส่เตียงเลยครับ พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย เลยลอดอย่างหวุดหวิด มาวันนี้ต้องงอ้อนเข้าไว้จะได้ไม่โดนดุมาก ผมกลิ้งไปข้างเตียงหาโทรศัพท์เพื่อดูวันเวลา
อืมมม เกือบบ่ายสองแล้ว ผมจะนอนข้ามปีไม่ได้นะ! พอพยายามลุกขึ้นจากเตียง ผมก็ถูกรวบจากทางด้านหลัง อย่างรวดเร็วจนเผลอร้องอุทาน
“จะหนีไปไหมครับ หืม?”
“หนีที่ไหน น้องฟีนจะไปแต่งตัวไง ชุดนอนนองฟีนเป็นเสื้อพี่ไคตัวเดียวเอง” ผมว่าแล้วดึงคอเสื้อขึ้นโชว์เสื้อพี่ไคเลยตะคลุบชายเสื้อข้างล่างไว้
“ไม่ต้องมาทำตัวน่ารักเลยนะครับน้องฟีน พักนี้เอาใหญ่แล้วนะมีเรื่องหน้าตีหลายเรื่องเลย” พี่ไคพูดเสียงเข้ม ไม่ติดกับดักชายงาม(?) ที่ผมวางไว้ ผมก็เลยทำตาปริบๆหันไปซุกอกอ้อนแทน
คนมาซุกซบกับอกก็เหมือนมาขอที่พึ่งจะทำใจร้ายลงได้ไง จริงไหม..?
“น้องฟีนเห็นเพื่อนชวนแล้วน้องฟีนไม่เคยมาเลยอยากมาเฉยๆเอง”
“แล้วที่แบบนั้นน้องฟีนควรเข้าไปไหม”
“ก็ไม่...แต่น้องฟีนไม่ได้ชอบนะ เข้าไปน้องฟีนก็อยากออกจะตาย” ผมรีบยกแขนกอดเอวพี่ไคตอบแบบเอาใจสุดๆ แถมไม่ได้โกหกด้วยผมแค่อยากรู้เฉยๆนี่
“หึ เด็กดื้อ ทำพี่เป็นห่วงมากรู้ไหมครับ” พี่ไคพูดเหมือนคาดโทษ เอานิ้วดันหน้าผากผมเบาๆ
จริงๆคือใจอ่อนแล้วใช่ไหมล่ะ ฟีนรู้ทันน้า
“จะไม่เกเร จะไม่ซน จะไม่ดื้ออออ” ผมว่าแล้วเอาหัวไปดุนๆมือที่พี่ไคไว้ สุดท้ายก็ได้ยินเสียงถอนหายใจ แล้วมือข้างนั้นก็มาลูบหัวผมไปมา คิกๆแบบนี้แปลว่าง้อสำเร็จ!
“แต่ว่า...เรื่องทำโทษมันคนล่ะเรื่องกันนะ” เสียงทุมเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
“ง่ะ...!”
นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ผมพูดเป็นคำได้เลยค่ะครับ
สรุปแพลนเคาท์ดาวน์กับเพื่อนก็ล่มไม่เป็นท่า กว่าผมจะออกจากห้องมาได้ก็ห้าทุ่มกว่าแล้วครับ ยังดีที่ตื่นทันนะไม่งั้นพลาดวินาทีก้าวข้ามปีใหม่แน่ เพื่อนผมก็ไปงานเคาท์ดาวน์กันหมดแล้ว ผมเลยขึ้นมาชั้นบนที่จัดเป็นโซนอาหารด้านนอกวิวดีมากเลย เข้าบอกว่าตรงนี้จะเห็นพลุจากหลายๆที่เลย
มาถึงผมก็รีบส่งอาหารเพราะข้าวยังไม่ได้ตกถึงท้องสักเม็ด ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุการตื่นสายของผมก็นั่งยิ้มละไมไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด บอกว่าแค่ปีใหม่ไม่เห็นต้องเคาท์ดาวน์สักนิด พอสั่งอาหารเสร็จเลยหันไปถาม
“พี่ไคบอกไม่ต้องเคาน์ดาวน์ทำไมถึงได้จองโต๊ะไว้ล่ะครับ”
“ก็เราชอบเรื่องแบบนี้ไม่ใช่หรอ” พี่ไคแมกซ์ว่าแล้วยิ้มบางๆ ผมก็รู้สึกเขินขึ้นมาทันทีเลย
“ก็ไม่ขนาดนั้น สักหน่อย...” ผมว่าเสียงอ่อยๆเขินๆ ความรู้สึกปนกันมั่วแล้ว
“อีกอย่าง...” พี่ไคว่าแล้วลากเสียงชวนให้สงสัย
“หือ?”
“ไม่รู้จะจะลงโทษเสร็จเมื่อไหร่เลยจองไว้ทั้งคืนเลย”
“พี่ไคบ้า!” ผมว่าเบาๆแล้วหันหน้าไปอีกทางได้ยินเสียงเข้าเริ่มนับถอยหลังกันแล้ว
“5!”
“ที่เป็นอย่างนี้เพราะมอร์ฟีนนะครับ รับผิดชอบพี่ด้วยล่ะ”
“4!”
“งืออออ”
“3!”
“น้องฟีน”
“2!”
“หือ?”
“1!”
“ Happy New year !!! ” / “...นะครับ” พี่ไคเหมือนพูดอะไรสักอย่างแต่มันชนกับเสียงแฮปปี้นิวเยียร์พอดี และความรู้สึกบอกว่ามันน่าจะเป็นคำไม่ได้ฟังแล้วจะพลาดมากๆเลย
“อ่าเมื่อกี้พี่ว่าอะไรอะ!”
“บอกว่าสวัสดีปีใหม่นะครับ” พี่ไคพูดยิ้มๆแต่สายตาพราวระยับเลย
“ไม่ใช่ๆ ยังไงก็ไม่ใช่คำนี้แน่ๆ”
“งั้นเอาไว้ฟังปีหน้าเนอะ”
“ไม่ๆบอกมาเลยนะ” ผมเลยทำเสียงงอแง แต่พี่ไคก็ไม่ยอมพูดอีก
“จะใจร้ายไม่บอกสวัสดีปีใหม่พี่หน่อยหรอ” ดูสิทำไม่เปลี่ยนเรื่องง่ายจังแถมผมก็ใจอ่อนอีก
“Happy New year ครับ ขอให้มีความสุขมากๆ”
“ตอนนี้จะทะลักเลยล่ะครับ ♥”
อ่านแล้วก็คอมเม้นหรือฟีดแบ็คกลับมากันด้วยนะคะ
มันเป็นกำลังใจให้คนเขียนจริงๆ☻♥
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล. ทำไมความรู้สึกเหมือนเป็นแฟนกันแล้วเลย งื้อออออ
พ่อน้องฟีนจะต้องไม่รู้เรื่องนี้ใช่มั้ยพอตเตอร์5555555
แง น่าร้าก