ตอนที่ 14 : Chapter 13 : ลองชุด
“แงงงงงงๆ” ทันทีที่ทารกตัวน้อยแผดเสียงลั่น คุณพ่อที่เป็นคนที่ตื่นง่ายที่สุดก็ลุกขึ้นมาดูทันที ร่างสูงรีบรวบลูกชายขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดแล้วโยกกล่อมไปมา เจ้าตัวเล็กก็ดูจะสงบลงแต่ก็ยังส่งเสียงงอแงไม่ขาดคุณพ่อมือใหม่ก็รีบเปิดไฟหัวเตียงสำรวจทุกอย่างก็ทราบว่าแพมเพิสที่ใส่ไว้เต็มซะแล้ว
“ชู่ววว” ฝิ่นรีบลงจากเตียงไปที่พื้นหยิบฟูกนิ่มๆมาแล้วปูด้วยผ้ายางทับ อุ้มลูกลงมาเปลี่ยนแพมเพิสก่อนที่แม่ของเจ้าตัวเล็กจะตื่นขึ้นมาอีกคน คนพ่อที่ทำหน้าที่เลี้ยงดูลูกมาได้เกือบสองเดือนก็ถอดเปลี่ยนแพมเพิสเช็ดตัวลูกได้อย่างคล่องแคล่วซึ่งกว่าจะมีวันนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะ...
พอสบายตัวเจ้าตัวเล็กก็หยุดร้องเปลี่ยนมามองนั่นนี่ด้วยตาใสแจ๋วแทน เหลือบมองนาฬิกาก็บอกเวลาเกือบตีห้าแน่นอนว่าไม่ใช่เวลาตื่นของคนเป็นพ่อเลยสักนิด
“พ่อไม่ไหวแล้วครับ”
“แอ้!” แต่ทารกน้อยก็ไม่ได้รู้อะไรมานักเมื่อเห็นคุยด้วยก็นึกว่าจะเล่นด้วยส่งเสียงอ้อแอ้ชอบใจแกว่งมือไปมาเพื่อคว้าคนเป็นพ่อ เห็นอย่างนั้นแล้วคนที่ไม่สามารถทนลูกอ้อนของทั้งแม่ทั้งลูกได้ก็ต้องยอมเจ้าตัวเล็กไปตามระเบียบ
‘เหมือนแม่ไม่มีผิด!’
.
.
ก๊อกๆๆ
“น้องชาได้เวลาตื่นแล้วค่ะ”
ร่างบางที่กำลังนอนหลับสบายก็เริ่มรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงรบกวนจากหน้าห้องใบหน้าหวานซุกลงกับหมอนอย่างเกียจคร้านแต่ก็เอื้อมมือมาคลำหาลูกน้อยข้างตัวโดยไม่มอง แต่สัมผัสเย็นชืดก็ทำให้คิ้วหมุนได้
‘ไม่มี!’
|Cha Part|
ผมใจหายวาบจนต้องเด้งตัวขึ้นจากเตียงสอดสายตาหาลูกดีๆ แต่ก็พบว่าหายไปทั้งพ่อทั้งลูก มองลงข้างเตียงก็เห็นตนตัวโตนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนฟูกสำหรับเด็กขาเกินออกมาจนน่าขำมีมอร์ฟีนตัวน้อยนอนห่มผ้าห่มซุกอกอยู่ ผมถึงได้ยิ้มออกมาได้บางๆ เดินลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง ไปที่หน้าประตู
แกร็ก...
“ครับ?” ผมถามพี่ปิ่นที่ยิ่นส่งยิ้มมาให้อยู่หน้าหอ
“คุณปัทให้มาปลุกน่ะค่ะ เห็นว่าจะพาไปลองชุด”
“อ๋อครับ” ผมก็ส่งยิ้มให้แกกลับ พี่ปิ่นเป็นแม่บ้านคนเดียวของบ้านผม บ้านผมเรียกได้ว่าฐานะดีครับค่อนข้างรวยเลยแหละแต่ไม่ได้เวอร์วังเหมือนบ้านไอ้ฝิ่นมัน ทางบ้านผมทำเกี่ยวกับฟาร์มเกษตรแนวออร์แกนิครายได้ก็ดีนะครับ บ้านที่ไร่ก็มีครับแต่ก็ไม่ได้อยู่กันเท่าไหร่ มาอยู่บ้านในตัวเมืองกันมากกว่า
เดินกลับมาที่ฟูกลูกก็เห็นตัวเล็กเริ่มขยุกขยิก เลยนั่งลงแล้วก้มลงไปอุ้มขึ้นมาก่อน เกือบแปดโมงแล้วครับใกล้ได้เวลาเจ้าตัวเล็กกินนมแล้ว มองไอ้ฝิ่นก็อยากจะขำปกติมันรู้สึกตัวไว้จะตาย นอนหลับไม่รู้เรื่องขนาดนี้โดนตัวแสบจัดหนักอะไรบ้างก็ไม่รู้
“แอ้!” ผมหันมาหาลูกใหม่เจ้าตัวน้อยยิ้มหวานมาให้แล้วทำปากดูดจุ๊บแบบที่ชอบทำเวลาหิว ผมก็เลยถอดเสื้อก่อนเพราะยังไงก็ต้องไปอาบน้ำอยู่แล้ว ก่อนอุ้มลูกชายมาแนบอก มอร์ฟีนพอได้กินนมก็ดูดใหญ่ ผมยิ้มบางๆรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ลูกได้ดูดนมจากอก มองภาพน่ารักไปเพลินๆก็ยิ้มเป็นบ้าเป็หลังอยู่คนเดียว แต่ก็นะ ลูกผมเขาน่ารักจริงๆนี่ ขนาดเห็นท่านี้มาตลอดยังไม่เบื่อเลย โง้ยยย ลูกโผมมม
หมับ!
ฟอดดด!
ผมสะดุ้งนิดๆจนลูกที่ดูดนมอยู่สะดุ้งตาม ไอ้ฝิ่นที่มาไม่ให้ซุ้มให้เสียงโอบเอวผมไว้จากด้านหลังแล้วกดจมูกห้อมแก้มผมอย่างเอาแต่ใจแล้วยิ้มเหนือกว่าให้อีก
“เล่นห่าไร ลูกตกใจหมด” ผมก็ได้แต่มองแรงแล้วลูบหลังลูกให้คลายตกใจ เจ้าตัวเล็กของผมถึงได้ยอมดูดนมต่อ ส่วนคนโดนด่าก็ไม่ได้สะถกสะท้านก้มลงหอมแก้มลูกหน้าตาเฉย
“ไม่ได้ตั้งใจ” มันว่าแค่นั้นแล้วนอนลงที่เดิม
“เออๆ มึงไปอาบน้ำไปแม่ให้คนมาเรียกแล้ว เดี๋ยวโดนบ่น” เห็นมันจะนอนต่อผมก็กลัวยาวครับไล่มันไปอาบน้ำก่อนมมันทำหน้าเซ็งๆที่โดนขัดจังหวะแต่ก็ยอมลุกไปอาบน้ำ
วันนี้ไปห้องเสื้อก็คงไม่นาน ขากลับแวะไปซื้อของใช้ลูกเพิ่มดีกว่า
ผมคิดอย่างนั้นแต่ใครจะรู้ว่ามันไม่ใช่เลย...
..................
..........
.......
“สีขาว-ทองดีไหมน่าจะสวยนะ” แม่ผมหันไปถามป้ารัตน์หยิบผ้าตัวอย่างขึ้นมาเทียบกันแล้วยื่นให้ดู ป้ารัตน์มองแต่ดูเหมือนไม่ค่อยจะถูกใจ
“ฉันว่าสีชมพูก็ดีนะเธอ” คุณป้าว่าแล้วหยิบผ้าสีชมพูไปทาบกับสีทอง
“แต่สีฟ้าอ่อนก็สวยนะ” แม่ผมหยิบสีฟ้ามาทาบขาวใหม่ดูถ้าจะชอบสีขาวครับ
“สีขาว-เงินก็น่าจะเลิศ” คราวนี้ป้ารัตน์หยิบสีเงินมาทาบบ้างครับ
“นั่นสิดูดีแน่ๆ” แม่ผมก็ดูท่าจะชอบรายนี้ชอบอะไรสว่างๆอยู่แล้ว
“เอ่อ...แม่ครับ...” ผมขัดการปรึกษาหารือของแม่ๆขึ้นมาทันที ตอนแรกก็จะให้มีพิธีแค่พิธีไทยตอนเช้าตักบาตรผูกข้อไม้ข้อมือเฉยๆแต่คุยกับเจ้าของร้านอีกท่าไหนไม่รู้จะจัดงานรอบเย็นด้วย!
“หือ? อะไรหรอชา” แม่ผมถามแต่ก็ไม่ได้สนใจจะหันมาดูลูกชายที่มองท่านตาปริบๆ ส่วนไอ้ฝิ่นกับลูกน่ะหรอครับ? อุ้มลูกแนบอกหลับกันไปทั้งพ่อทั้งลูกแล้วครับ
แล้วผมก็แอบถ่ายส่งเข้าไลน์กลุ่มให้เพื่อนๆรุมยำกันกันเป็นที่เรียบร้อย
หมดมาดเสือกลายเป็นพ่อลูกอ่อนไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า กลับเข้าเรื่องกันก่อนๆ
“สีไหนก็เอาเถอะครับ” ผมบอกแม่อย่างเหนื่อยใจ
จะไม่เหนื่อยได้ยังไง นี่ก็จะบ่ายโมงแล้วครับมาตั้งแต่สิบโมงเลือกได้แค่แบบชุดเช้าชุดงานเย็นยังไม่ได้เลย ไหนงานจัดกันเรียบง่ายไงนี้ไม่เรียบแล้วครับ!!
“ไม่ได้ๆเราต้องพิถีพิถันหน่อยสิ!” แม่ผมว่าน้ำเสียงจริงจัง แต่มันมากไปไหม?
‘นี่มันงานเขาหรืองานแม่กันแน่วะเนี่ย!!’
ก็ได้แต่คิดในใจแหละครับบอกคุณนายท่านได้ที่ไหน ฟังแม่ๆคุยกันไปกันมาก็เบื่อเลยหันไปหาไอ้ฝิ่นที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่
เปาะ!
ผมดีดจมูกโด่งๆประหนึ่งสันเขื่อนที่น่าหมั่นไส้ของมันเล่น มันขมวดคิ้วนิดๆแต่ก็นอนต่อ ตลกดีครับถ้าเป็นภาวะปกติคงลุกขึ้นมาดุเหมือนพ่อแล้ว ดูท่าจะหมดสภาพจริงๆ
เปาะ!
คราวนี้ดีดหน้าผากมันแทนหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวแล้วเอื้อมมือไปดีดแก้มมันบ้าง
หมับ!
“อ๊ะ!”
ตาคมกริบของมันเปิดขึ้นมองอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ กระชากแขนผมเข้าหาตัวเบาๆแต่ผมที่ไม่ได้ตั้งตัวก็ถลาไปหามันอย่างง่ายดาย
จุ๊บ! ตาผมเบิกโพลงทันทีที่ริมฝีปากเราสัมผัสกันมันขยับปากนิดคลายจะบดเคล้าผมจึงรู้สึกตัวแล้วรีบขืนตัวออกมองหน้ามันดุๆ แต่มันแค่เหยียดยิ้มกลับมา แลบลิ้นเลียริมฝีปากนิดๆด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ไม่น่ารีบออก ยังไม่ทันได้ใช้ลิ้นเลย”
“พ่องเถอะ!” ผมด่ามันเบาๆแล้วหันไปมองทางแม่กับป้ารัตน์ดีที่ทั้งสองเลือกชุดกันขะมักเขม้นเลยไม่ได้สนใจ ส่วนลูกที่มันอุ้มไว้ก็ยังไม่ตื่น ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
แกร็ก...
“แบบชุดมาแล้วค่า” เสียงที่ถูกดัดจนแหลมสูงของชายหนุ่ม(?) หรือพี่โรสผู้เป็นเจ้าของห้องเสื้อแห่งนี้ดังขึ้นเรียกความสนใจของเหล่าแม่ๆได้เป็นอย่างดี
“ว่าไงตาฤทธิ์ ไหนให้น้าดูซิ” ป้ารัตน์รีบถามหาแบบชุดที่เลือกไปทันที
“ว๊ายย คุณน้าบอกกี่ครั้งค่ะว่าให้เรียกโรสน่ะค่ะ แถมไม่ใช่ตานะคะหนูสิค่ะหนู” พี่โรสจีบปากจีบคอพูด คือจะบอกว่าพี่แกเป็นคนที่หล่อมากๆ ขนาดผมเป็นผู้ชายยังรู้สึกเสียดายแทนผู้หญิงเลยครับ หน้างี้ใสวิ้งๆตามประสาคนดูแลตัวเองแต่งตัวก็ดูดีสมกับทำงานด้านแฟชั่น
เวลาพี่แกเดินแมนๆหญิงหันมองกันคอเคล็ดเลยครับ ถึงพี่เขาจะออกสาวขนาดไหนแค่ก็ไม่ได้ทำนมหรือไปเฉาะนะครับเห็นบอกกลัวพ่อรับไม่ได้แต่พี่เขาก็ดูมีความสุขดีแฟนเป็นฝรั่งครับเคยเห็นอยู่หล่อแบบโคตรพ่อโคตรแม่หล่อดูแมนแบบโคตรเข้มเลยอะ
“จ้าๆหนูโรสไหนให้น้าดูแบบซิ” ป้ารัตน์ว่ายิ้มบางๆไปให้
“ค่า นี่เลยค่ะอันนี้เป็นแค่ตัวอย่างนะคะอยากใส่รายละเอียดเพิ่มก็ได้ค่ะ ว่าแต่เลือกสีได้กันรึยังเอ่ย”
“จ๊ะ ว่าจะเอาโทนขาวเงิน สีจะได้ไม่ฉูดฉาดมาก” แม่ผมตอบแล้วรับผ้ามา
“ดีงามมม ดูแพงแน่ๆค่ะ แต่ถ้าจะเอาผ้าโจงกระเบนลายปักที่เลือกไว้ไม่รู้จะมีรึเปล่านะคะ”
“อยากให้เป็นสีเงินน่ะ ดูให้น้าทีนะ” ป้ารัตน์ว่าแล้วชูเสื้อสูทขึ้นดูรูปทรง
“ได้ค่ะเดี๋ยวโรสดูให้นะคะ ว่าแต่งานเย็นจะเป็นชุดแบบไหนดีคะ?”
“คิดว่าจะเป็นสูทสองตัวสีดำตัวสีขาวตัวน่ะ น้าอยากให้ดูทรงนี้ให้หน่อย” แม่ผมยื่นแคตตาล็อกชุดให้ดู พี่โรสก็ก้มมาดูพยักหน้าหงึกหงัก
“โอเคค่า โรสจัดให้” ว่าเสร็จออกจากห้องไปดูชุดมาให้เพิ่ม
ส่วนผมก็นั่งดูตาปริบๆไม่มีส่วนออกความเห็นใดๆทั้งสิ้น จริงๆจะออกก็ได้แหละครับแต่ถ้าบอกว่าชี้ๆเอาก็เอาอันนั้นแหละคงจะโดนบ่นแน่ๆ ก็เงียบๆไว้ดีกว่า
“แอ้!” เสียงใสๆของลูกชายผมดังขึ้นอย่างอารมณ์ดี ขานี่ถ้าได้นอนอิ่มเล่นอิ่มกินอิ่มก็อารมณ์ดีแล้วครับ ผมหันไปมองตาใสๆของลูกก็รับมาอุ้มเอง
“ครับผม” ผมว่าแล้วหอมหัวทุยดังฟอดกลิ่นหอมๆของแป้งเด็กเล่นเอาเคลิ้มไปเลยลูกผมน่าร๊ากกก
แปะๆ ลูกเอามือมาแตะใบหน้าของผมเล่นครับวัยกำลังเริ่มหยิบนู่นจัดนี่ก็อย่างนี้ผมเลยยิ้มหวานไปให้มอร์ฟีนตัวน้อยก็ยิ้มหวานกลับ โอ๊ยยย! ดาเมจแรงมาก!
“เล่นกับพ่อบ้างสิครับ” คราวนี้ไอ้ฝิ่นพูดบ้างลูกก็หันไปตามเสียงแล้วดิ้นดุ๊กดิ๊กตีไม้ตีมือส่งเสียงอ้อแอ้ชอบใจใหญ่
“เล่นกับแม่ดีกว่าเนอะ” มอร์ฟีนก็หันมาหาผมแล้วครับท่าทางๆงงๆที่เสียงมาจากท่างนั้นทีทางโน่นที แต่เป็นการงงที่น่ารักมาก กำลังจะก้มหอมแต่...
ฟอดดด!!
ไอ้ฝิ่นมันชิงหอมตัดหน้าผมไปซะแล้ว!
“อะไรงอนหรอ” ผมหน้าบึงหันหนีมันซุกจมูกลงกับแก้มยุ้ยๆน่ารักของลูกไม่ยอมมองมัน ส่วนมอร์ฟีนก็เอามือแตะๆจับๆหน้าไม่ก็หูผมเล่นนี่แหละ ฝิ่นพยายามจะเข้ามาคุยด้วยแต่ผมสะบักหน้าหนีทุกครั้งจนมันเหนื่อยใจ ลูกผม ผมจะหอม มาหอมก่อนได้ไงเล่า!
แกร็ก...
“น้องฝิ่นน้องชาคะ เจ๊โรสเรียกไปลองชุดน่ะค่ะ” พี่พนักงานเปิดประตูห้องมาเรียก ผมเลยฝากหลานไว้กับคุณย่าคุณยายแล้วเดินออกจากห้องรับรองไปที่โซนลองชุด พี่โรสถือชุดไว้สองตัวก็คงเป็นของฝิ่นกับผมนั่นแหละ
“อันนี้ของน้องฝิ่นส่วนอันนี้ของน้องชานะคะห้องลองด้านนั่นลองนะคะติดขัดตรงไหนบอกพี่ จะได้แก้” พี่โรสว่าอย่างรวดเร็ว แล้วผายมือไปทีห้องลองเสื้อที่เรียงรายเป็นล็อกๆ
“ครับ” ฝิ่นรับคำแล้วเดินนำผมเข้าไป ผมเลือกห้องใกล้ๆมันนั่นแหละห้องลองชุดของที่นี้ขนาดกำลังพอเหมะไม่เล็กเหมือนในห้างตกแต่งสวยด้วย เข้ามาข้างในก็แขวนชุดไว้ก่อน หันหลังกลับเตรียมจะล็อกห้องแต่ก็ต้องชะงักเมื่อไอ้ฝิ่นมันเปิดประตูและแทรกตัวเข้ามาแทน มันจัดการแขวนชุดตัวเองและก้าวมาหาผมช้าๆ จนผมรีบเบี่ยงตัวหนี
หมับ!
“เข้ามาทำไมเนี่ย!” ผมมองมันดุๆพยายามดันอกหนาๆที่กอดและเบียดมาจนหลังผมแทบจะจมไปกำแพงออก แต่มันก็ไม่ขยับสักนิด แถมเหยียดยิ้มร้ายๆตามนิสัยใส่อีก
“ลองชุดไง”
“ลองชุดบ้านมึงเขาเข้ามาลองกันสองคนรึไง!”
“จะได้ลองเมียไปด้วยไง” ไม่ว่าเปล่าขยับหน้าเลวๆของมันเข้ามาใกล้อีกต่างหาก
“พร่องเถอะ” ผมพยายามดันอกมันออกมืออีกข้างก็เอื้อมไปทุบหลังแต่เพราะมันเบียดมามากทำให้ขยับไม่ถนัดเลยทุบได้ไม่แรงเท่าไหร่
“จะขัดทำไมล่ะของมันเคยๆกัน” แววตามันพราวระยับเหมือนสนุกที่ได้แกล้งจนผมหงุดหงิด
“นี่มันห้องลองเสื้อไปลองชุดดีๆ” ผมพยามยามทำสีหน้าจริงจังแต่มันดันเสือกตีมึนไม่รับรู้ลูบเอวลูบสะโพกไปเรื่อยสีหน้ากวนตีนจนน่าถีบ
“มันน่าตื่นเต้นดีว่าไหม?” ฝิ่นยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์ ไม่รอให้ผมบ่นต่อประกบปากจูบลงมาอย่างรวดเร็วผมที่ดีแต่ปากก็เผลอเคลิ้มตามมันไปด้วยจากจูบร้อนแรงก็เริ่มแผ่วลงกลายเป็นการละเลียดชิมฝีปากกันและกันมากกว่า แต่มือปลาหมึกของมันก็ยังทำงานได้ดีเยี่ยมจนผมรู้สึกเหมือนโดนสัมผัสไปทั้งตัว...
“อืมมมม” ผมลูบไหล่มันไปมาแล้วบีบเบาๆเป็นสัญญาณพักยกมันก็ยอมถอน ริมฝีปากออกให้ผมได้สูดอากาศเข้าปอดและก้มประกบลงมาใหม่ ไม่รู้ว่าเราแลกลิ้นกันในห้องลองเสื้อกันนานแค่ไหนแต่...
ก๊อกๆ…
“น้องชาน้องฝิ่นชุดน่ะได้ลองกันรึยังจ๊ะหรือได้เสียกันไปแล้ว” เสียงพี่โรสเรียกจากข้างนอกทำให้ผมเผลอสะดุ้งนิดๆใจหายวาบเหมือนเด็กทำความผิดแล้วโดนจับได้
“อ่า...ปะ แป๊บเดียวครับ” ผมตะโกนตอบดันไอ้ฝิ่นที่ซุกไซ้คอผมต่ออย่างไม่สนใจอะไรข้างนอกแถมเสื้อผ้ามันหายไปตอนไหนหมดไม่รู้ผมเลยหยิบชุดที่ต้องลองมาใส่ทันที ส่วนไอ้ฝิ่นก็ยืนสงบสตินิ่งๆสักแป๊บแล้วเริ่มแต่งตัวตาม
แกร็ก...
“ไงค่ะหนุ่มๆพอดีไหม?” พี่โรสมองเสื้อผ้าที่ผมใส่อยู่ที่ส่วนบนเป็นสูทสีขาวสะอาดตา ส่วนล่างเป็นโจงกระเบนผ้าสีเงินที่ออกสีเทานิดๆทำให้เด่นออกมาจากตัวสูทสีขาว
“แขนคับไปหน่อยครับ” ฝิ่นมันว่าแล้วยื่นแขนไปให้พี่เขาดู พี่โรสก็เอาสายวัดวัดแล้วจับดู
“แหม่กล้ามแน่นเชียว” พี่โรสแซวยิ้มๆ
“เอ่อ ของผมเอวมันจะหลวมๆ” พี่โรสเดินเขามาแล้วจับวัดเอวใหม่
“นี่ก็เอวบางร่างน้อย บนเตียงนี่ท่าจะเผ็ดน่าดู” พี่เขาแซวออกพร้อมสายตาล้อเลียนฝิ่นหัวเราะเบาๆในลำคออย่างถูกใจ
“จนซี้ดเลยล่ะ”
ป๊าบ!
ผมตีหลังมันไปทีนึงข้อหาพูดไม่อายปาก ถึงพี่โรสจะสนิทกันเพราะเป็นลูกเพื่อนพ่อมันก็เถอะแต่มันใช่เรื่องเอามาพูดหน้าด้านๆอย่างงี้ได้ที่ไหนกัน!
“ไม่ต้องเขินเลยจ๊ะน้องชา พี่เข้าใจๆเพราะสามีพี่ก็แซ่บจนซี้ดกันทั้งคืน” พี่เขายิ้มกรุ้มกริ้มมาให้จนผมหน้าร้อนไปหมด ส่วนไอ้ฝิ่นก็หัวเราะเบาๆอย่างชอบใจ
หลังจากนั้นพี่เขาก็ไปจัดการชุดให้สุดท้ายกว่าจะลองชุดเสร็จอะไรเสร็จก็เกือบเย็น ดีที่ไซส์ผมและฝิ่นมันไม่ได้ต่างจากไซส์มาตรฐานมากเลยแก้ไม่เยอะพรุ้งนี้ค่ำๆพี่เขาจะเอาเข้ามาให้ที่บ้านผมเอง และจะค้างด้วยเพราะพี่เขาก็จะเป็นคนแต่งหน้าให้พวกผมสองคนด้วย
“ไงว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว” พอพ้นประตูบ้านเข้ามากำลังจะเดินผ่านห้องรับแขกเสียงของไอ้รัฐก็ทักขึ้นทันที ผมหันไปมองเซ็งๆแล้วทักทายกลับ
“สาวพ่อง!” สำรวจดูก็พบไอ้ไฮนซ์ ไอ้กัลป์ อีกสองตัวที่นอนหลับกันคนละฟากของโซฟา แต่ที่น่าสังสัยที่สุดคือถุงอะไรต่อมึอะไรที่วางกองไว้ข้างล่างโซฟาผมชี้อย่างสงสัย “อะไรวะนั่น?”
“อ่า ของขวัญแต่งงานไง และก็...ของฝากแม่มึง” ไอ้รัฐพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์แถมสายตามีเลศนัยจนขนลุกซู่
แบบนี้มันน่าสงสัยสุดๆไม่ใช่เลยรึไง!?
ผมรีบเดินเช้าไปดูเพื่อจะได้หายสงสัยแต่ไอ้รัฐมันก้มมารวบไว้กับตัวซะก่อน
“อะอ้า จะมาเปิดถุงชาวบ้านชาวช่องได้ไง” มันว่าแถมยังทำหน้าล้อเลียนใส่อีก
“จะให้กูกับแม่กูไม่ใช่รึไง” ผมว่าเสียงขุ่น มีเพื่อนแต่ละตัวทำไมกวนตีนขนาดนี้วะ!?
“แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ให้นี่ ถือว่าเป็นของกูอยู่น้า”
“สัส!” ผมชูนิ้วกลางให้มันอย่างอารมณ์เสีย แต่มันก็ยังทำหน้าระรื่นอีก
“เคยบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องให้ กูก็มีแถมใหญ่ด้วย”
“ฮึ่ย!”
ผมได้แต่ส่งเสียงขัดใจหันหลังกลับเดินตึงตังออกมานอกห้อง
“ไปแกล้งมันมาก” ไอ้ฝิ่นว่า แล้วก็ส่ายหน้าหน่ายใจ จับมือผมจูงเข้าไปหาไอ้รัฐใหม่
“รักเมียหลงเมียโอ๋เมียไปนะ” เปิดช่องให้แซวมันก็แซวทันทีฝิ่นก็ก็เหยียดยิ้มกลับไม่ได้ตอบอะไร
“เสือกจริง” ผมเบ้หน้าใส่แต่มันก็ไม่สนใจ
“เอาหลานมาอุ้มดิ๊ คิดถึงหลานแล้ว” มอร์ฟีนเพิ่งตื่นตอนอุ้มลงจากรถนี่แหละครับทำให้ตายังปรือๆอยู่ไอ้ฝิ่นอุ้มไว้ลูกก็ซุกอกมันแถมตาปรือๆดูน่ารักจนอิจฉาเลยอะ มอร์ฟีนนนมาให้แม่อุ้มสิลูกกกกก
“ยังไม่ตื่นดีเลย” มันเดินเข้าไปนั่งข้างๆไอ้รัฐผมเลยเดินตามไปนั่งข้างมัน
“จะอุ้มหลานไหนมีของฝากให้หลานยัง” ผมแบมือกระดิกนิ้วกวนตีนมัน
“งกไปมึง ฝิ่นมึงเลี้ยงดูเมียยังไงไมงกจังวะ” ด่าผมไม่พอยังไปขอดไอ้ฝิ่นอีก
“หึ” มันก็ไม่ตอบก้มมองลูกที่งัวเงียขยับตัวช้าๆ กระพริบตาเบาๆ แล้วยิ้มหวาน โอ๊ยยยยย ตะมุตะมิน่ารักผุดๆ ผมนี่หยิบโทรศัพท์ถ่ายวิดีโอไว้เลย
“มอร์ฟีนครับ” ผมเลียลูกด้วยเสียงนุ่มๆจากการลองเรียกเล่นๆมาหลายโทนเสียงเขาชอบโทนนี้ที่สุด
“แอ้” เจ้าตัวเล็กก็หันมาหาผมแล้วยิ้มหวานใส่กล้อง โอ๊ยตายๆดาเมจแรงมาก!!
“หมั่นเขี้ยววะ” ไอ้รัฐว่าแล้วเอามือเขี่ยแก้มนิ่มเล่น
“หึ” ส่วนไอ้ฝิ่นก็หัวเราะในคออย่างชอบใจ
ฟอดดดด ผมนี่แหละทนความน่ารักไม่ไหวก้มเลยไปหอมหัวทุย แล้วย้ายไปแก้มทั้งสองข้าง ยิ่งเห็นตัวเล็กค่อยๆหลับตาเวลาเข้าใกล้ยิ่งรู้สึกน่ารักไปหมดเลย เล่นกันไปเล่นกันมาจนสองตัวที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมาเล่นด้วยจนต้องลงมานั่งเล่นกันข้างล่าง เห่อหลานกันซะไม่มี
“อ้าวมากันแล้วหรอลูก” พ่อผมกับพ่อไอ้ฝิ่นที่เดินผ่านหน้าห้อง เพื่อนมันก็ยกมือไหว้กันตามระเบียบทักทายเล็กน้อยๆก็เรียกไปกินข้าวด้วยกันพวกผมก็ระเห็จตัวเองไปนั่งที่โต๊ะกับข้าว พวกผู้ใหญ่ก็คงมาคุยเรื่องวันงานนั่นแหละ จริงๆก็จัดกันฉุกละหุกมากไม่รู้จะรีบไปไหน
ทานข้าวกันผู้ใหญ่ก็คุยเรื่องรายละเอียดงาน เพราะจัดกันแบบเล็กๆเลยไม่ยุ่งยากมากแถมแขกก็คนกันเองทั้งนั้นเลยไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่
“อ้า แม่ก็ลืมบอกไป พรุ่งนี้ไม่ได้ไปไหนใช่ไหม?” แม่ผมถามขึ้นข้าวที่กำลงจะตักใส่ปากชะงักนิดๆ
“ไม่นะ แม่มีอะไรหรอ”
“ดูสถานที่นะแม่ว่าจะไปจัดงานช่วงเช้าที่บ้านแต่ช่วงบ่ายอยากจัดที่ไร่”
“ทำไมอยู่ๆถึงอยากจัดช่วงบ่ายล่ะครับ”
“ก็น่าทำดีไม่ใช่หรอรอบนี้จัดเล็กๆถ้ามีช่วงบ่ายน่าจะอบอุ่นดีนะแม่ว่า”
“แล้วจะจัดกันทันหรอ?” คือที่บ้านนี้ไม่ค่อยมีอะไรหรอกครับไม่ต้องทำอะไรมากส่วนมากก็แค่ของในพิธีเฉยๆ แต่ที่ไร่นี้มันต้องเตรียมสถานที่ใหม่เลยมันจะยุ่งยากไปรึเปล่า?
“ไม่มีปัญหาแม่โทรสั่งดอกไม้แล้วเขามีของอยู่ แถมผ้าก็เอาจากร้านตาฤทธิ์ก็ได้ พวกไม้ก็ไปซื้อเอาแม่ไม่ได้จะทำอะไรมากนะ ตรงส่วนเวทีแค่มีโครงซุ้มเฉยๆ ส่วนที่นั่งแขกก็เป็นโต๊ะเก้าอี้ธรรมดาโทรไปจองไว้แล้ว อาหารทำแบบง่ายๆเหมือนงานเลี้ยงเล็กเฉยๆ คนงานที่ไร่ก็มีขอแรงเขาได้ง่ายมาก”
แม่ผมรายยาวด้วยสีหน้าชอบใจ ตางี้เป็นประกายสุดๆ แบบนี้ล่ะครับเขาชอบจัดนั้นจัดนี้ด้วยตัวเองอย่างบ้านผมแม่ก็เป็นคนจัดเองทั้งหมดแบบมีหัวทางด้านนี้มากๆ
“อ่า...ครับ” คิดไว้ขนาดนี้ผมจะขัดได้ยังไงเห็นแม่มีความสุขรู้สึกสนุกก็ดีแล้ว
พวกผู้ใหญ่เขาก็หันไปคุยกันต่อเรื่องแขกที่จะเชิญด้วยก็มีแต่ที่สนิทๆมีเพิ่มมาจากเพื่อนผมไม่เยอะเท่าไหร่ ที่สำคัญคือตาของผมเห็นว่าไปเกลิ่นๆไว้แล้ว ผมก็ยังไม่ได้ไปหาเลย ท่านก็จะมาวันแต่งเลยตาอยู่กับลุงทัดพี่ชายคนโตของแม่ที่เชียราย
พอทานข้าวเย็นกันเสร็จก็แยกย้ายกันไปพ่อแม่ไอ้ฝิ่นก็กลับบ้านชวนลูกชายกลับก็ไม่ยอมไปด้วย ป้ารัตน์ก็บ่นๆน้อยใจลูกมานี่ไปนอนบ้านแค่คืนเดียวเองไอ้ฝิ่นเลยบอกว่าหลังแต่งจะหอบทั้งผมกั้งลูกไปอยู่ด้วยแทนท่านถึงยิ้มออก
พวกผมเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่นเหมือนเดิมผมก็สะดุดตากับถุงไอ้รัฐที่วางไว้บนโซฟาก็รีบดิ่งไปดูทันที พวกเพื่อนๆนี่ไว้ใจไม่ได้หรอกครับ แม่งขี้แกล้งกันจะตาย
พรึ่บ!
เปิดดูผมก็ต้องเลิกคิ้วของที่อยู่ข้างในเป็นชุดเด็กอ่อนลายน่ารักหลายชุด ผมเลยจับเปิดถุงใหม่ก็เจอผ้าอ้อมหลายผืนจนคิดว่ามันจะให้ใช้แล้วทิ้งรึไงวะ!? กำลังจะเปิดถุงต่อไปถ้าไม่ใช่ว่า
“แหม่ๆ สนใจใหญ่ๆ” เสียงกวนตีนของไอ้รัฐดังมาจากข้างหลังผมหันไปมองแล้วแลบลิ้นใส่มันหมั่นไส้แรงมากแต่ทำอะไรไม่ได้
“เออ! กูอยากรู้มีไรไหม”
“ไม่มีๆ แต่มึงคิดหรอว่าของที่กูจะให้จริงๆจะไปวางล่อตามึงน่ะ” มันยิ้มและโคตรเจ้าเล่ห์
“อยากรู้ก็รอวันงาน” ไอ้กัลป์ว่ายิ้มๆ คิดว่ามันรู้แน่นอนว่าไอ้รัฐจะให้อะไร หันไปมองไอ้ไฮนซ์มันแค่มองกลับมานิ่งๆไม่ยินดียินร้ายอะไร
ดีจริงๆเพื่อนกูแต่ล่ะคน!!
อ่านแล้วก็คอมเม้นหรือฟีดแบ็คกลับมากันด้วยนะคะ
มันเป็นกำลังใจให้คนเขียนจริงๆ☻♥
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบเวลาฝิ่นดับชาหยอกกันมากน่ารัก คือถ้าพี่โรสไม่เรียกอาจมีได้เสียในห้องลองเสื้อละฝิ่นนี่มันฝิ่นจริงๆ
นี่คาดหวังว่าถ้าเดาจากแผ่นสีขาวจากตอน 0 ของขวัญไม่น่าจะพ้นความกามของพี่แกไปได้ (แซวววว)
ถ้ามีวาป ขอด้วยนะจ๊ะ