ตอนที่ 13 : Chapter 12 : หยดน้ำตา
ผมเดินเข้าบ้านมาด้วยใจตุ้มๆต่อมๆไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำผิดแล้วกลัวเท่าครั้งนี้เลยจริงๆเดินเข้าไปในห้องรับแขกเห็นแม่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ก็รู้สึกก้าวขาไม่ออกจนไอ้ฝิ่นต้องจับมือผมจูงเข้าไปหาแม่
“อ้าว กลับมาแล้วหรอลูก” แววตาของแม่มีแววดีใจที่เห็นผมกลับบ้าน
“ครับ”
แต่ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกแย่ถ้าแม่รู้เรื่องของผมแม่จะยิ้มให้ผมอีกไหม...
“แล้วนั่นรัตน์อุ้มเด็กที่ไหนมาล่ะ” แม่หันไปเห็นมอร์ฟีนที่ป้ารัตน์อุ้มอยู่ก็ถามทันที
“หลานฉันเองนั่นแหละ” ป้ารัตน์ตอบด้วยรอยยิ้มบางๆแล้วเดินเขาไปนั่งข้างแม่ ผมก็เดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“แล้วลูกหลานเธอคนไหนเนี่ย” แม่รู้ว่ายังไม่มีลูกคุณป้าคนไหนที่แต่งงานเลยคิดว่าเป็นลูกของหลานคนอื่นแต่ป้ารัตน์ส่ายหัวเบาๆ
“ลูกของตาฝิ่นน่ะ”
“ห๊า ของเจ้าฝิ่นเนี่ยนะ แล้วแม่เด็กอยู่ไหนล่ะ”
“เรื่องนี้แหละที่ฉันจะมาคุยกับเธอ”
“มีอะไรหรอ?”
“แม่ของหลานฉันก็คือชานั่นแหละ”
“เธอว่ายังไงนะ!!” แม่ถามเสียงดังดูท่าทางจะตกใจมากจนผมใจเสีย แม่จะว่ายังไงจะเกลียดผมรึเปล่าที่เป็นลูกที่ไม่ดี
“ชาเป็นแม่ของเด็กคนนี้” ป้ารัตน์ย้ำด้วนน้ำเสียงจริงจัง แม่ตาเบิกกว้าง ผมรีบเสตาหลบไม่กล้าสบตาแม่เลยสักนิด
พรึ่บ!
ผมรีบเงยหน้าขึ้นมาแล้วต้องตกใจสุดๆ แม่ผมเป็นลมไปแล้ว!
ผมรีบเข้าไปประครองดีที่อยู่บนโซฟาทำให้ไม่เป็นอะไร เลยนั่งคุกเข่าลงตรงพื้นหันตะโกนให้ไอ้ฝิ่นหายาดมา ป้ารัตน์ดูตกใจมากที่อยู่ๆแม่ผมก็เป็นลมไปแบบนี้แต่ก็ยื่นยาดมที่พกไว้มาให้ ผมเอายาดมจ่อที่จมูกแม่แล้วส่ายไปมา น้ำตาผมไหลลงมาเองอย่างควบคุมไม่ได้กลัวว่าแม่จะเป็นอะไรไปจริงๆ
ผ่านไปสักพักแม่ก็ได้สติขึ้นมาผมรีบกอดแม่ไว้แล้วปล่อยโฮออกมา เจ้าตัวเล็กได้ยินเสียงผมร้องก็ร้องไห้ตามจนไอ้ฝิ่นต้องเอาไปอุ้มปลอบข้างนอกห้องป้ารัตน์เห็นทุกอย่างโอเคแล้วเลยเดินตามไอ้ฝิ่นไปด้วย จนผมเริ่มสงบลงมีเสียงสะอื้นแต่ไม่ฟูมฟายแล้วแม่ก็ดันตัวผมออก
“เรื่องจริงหรอชา” นั่นเป็นคำแรกที่แม่ถามผมรู้สึกกลัวแต่มันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ยิ่งเห็นแม่ตาแดงๆเหมือนน้ำตาจะไหลน้ำตาผมนี่ไหลพรากไปก่อนเลย
“ชาท้องจริงๆ ฮึก ฮืออออ” ผมพยายามไม่ร้องแต่มันก็ยากจริงๆ
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง” แม่ถามเสียงแหบแห้งจนผมจะร้องไห้หนักว่าเดิม
“ชา ฮึก...เมา” พยายามจะคุมเสียงไม่ให้สั่นแต่มันก็ยากเกิน
“ชารู้ไหม”
“ฮึก...”
“ชาให้แม่ผิดหวัง” เหมือนได้ยินเสียงฟ้าผ่าที่กลางใจ ผมทำให้แม่ผิดหวังทำให้แม่เสียใจ ผมไม่ได้เป็นลูกที่ดีเท่าไหร่แต่ก่อนก็มีหลายเรื่องที่ทำให้แม่หนักใจแต่เรื่องนี้มันหนักที่สุดน้ำตาของแม่ไหลลงมาช้าๆแม่ไม่ได้สะอึกสะอื้นอะไรแต่มันทพให้ผมรู้สึกเจ็บ
ผมทำให้แม่เสียใจอีกแล้ว...
“ฮึก..ชะ ชาขอ ฮึก โทษ..” ผมทำได้แค่ร้องไห้เหมือนเด็กๆกอดขาแม่ไว้ พูดพร่ำขอโทษแม่ไม่หยุด รู้ดีว่าผิดรู้ดีว่าไม่ควรแต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว...
แม่ปล่อยให้ผมร้องไห้นานมากจนผมเริ่มเจ็บคอสองมือที่คอยโอบกอดผมเสมอมาก็วางลงบนหัวแล้วลูบเบาๆ ผมห้ามน้ำตาไม่ได้เลยมันไหลออกมาช้าๆผมก็ซบตักแม่อยู่อย่างนั้น
“เราทำให้แม่โกรธหลายอย่างทั้งดูแลตัวเองไม่ดีและปิดเรื่องไว้”
“ฮึก...มะ แม่ ครับ” ผมเงยหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมองหน้าแม่
“ชาทำตัวไม่ดีทุกครั้งชาจะสัญญาว่าจะไม่ทำตัวแย่อีกแล้วทำไม่ถึงยังทำอยู่...”
“ผะ ผม ฮึก! ไม่ได้ ฮือ ตั้งใจ ”
“ไหนบอกจะปรับปรุงตัวเองไม่ให้แม่เสียใจแล้วนี่อะไร”
“ชา ฮึก จะไม่ ทำอีกแล้ว ฮือออ”
“แม่ต้องฟังคำนี้อีกกี่ครั้งเราถึงจะเป็นอย่างที่พูดจริงๆ”
“ไม่ทำอีก ฮึก แล้วจริงๆ” ผมซบหน้าลงกับตักส่ายหัวไปมาเหมือนเด็กแต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงอยู่กับแม่ผมก็อยากเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆเท่านั้น ถึงจะแย่ยังไงแม่ก็ไม่ผลักไสผมออก
“จะเชื่อได้รึเปล่าก็ไม่รู้”
“เชื่อได้ ฮึก ชะ เชื่อชาเถอะนะแม่”
“แต่เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว...แม่ก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำจนจะไล่หรือตัดขาดอะไรเพราะยังไงชาก็เป็นลูกของแม่”
“แม่..” ผมกำลังจะยิ้มอย่างดีใจถ้าไม่ใช่ว่า
“แต่คนทำผิดก็ต้องรับบทงโทษถูกไหม?”
“มะ แม่จะให้ชาทำอะไร” ผมถามเสียงสั่น นึกหวาดๆความคิดของคนเป็นแม่
“รอก่อนไปเรียกป้ารัตน์มาไป เราก็รอผู้ใหญ่คุยกันข้างนอกไปก่อน”
“ครับ” ในเมื่อแม่ไม่ตอบอะไรผมก็ไม่เซ้าซี้ต่อเดินออกมาหาไอ้ฝิ่นที่อุ้มลูกอยู่ มอร์ฟีนหยุดร้องแล้วกำลังกินน้ำจากขวดอยู่ ผมเลยเข้าไปขออุ้มแทนแล้วบอกป้ารัตน์ให้ไปหาแม่ที่ห้องเดิม ผมพาลูกออกมาเล่นที่ศาลาไม้ในสวนตรงนี้ลมจะเย็นสบายและสดชื้นมากเพราต้นไม้เยอะไอ้ฝิ่นก็เดินตามมาด้วย
ผมนั่งเล่นกับลูกไอ้ฝิ่นก็นั่งมองยิ้มๆ มอร์ฟีนที่เริ่มอารมณ์ดีแล้วก็ยิ้มแย้มคุยอ้อแอ้กลับมาด้วย
“ชอบรึเปล่าครับ หือ?”
“แอ้” โอ๊ย!ลูกผมทำไมยิ้มหวานจังวะโตขึ้นจะยิ้มอย่างนี้ไหนใครอีกไหม หวงจัง ผมเลยก้มลงฟัดท้องกลมๆเล่นจนเจ้าตัวส่งเสียงชอบใจใหญ่
“เล่นกันอยู่สองคนเลยนะ” ไอ้ฝิ่นว่านิ่งๆ ทำอย่างกันงอนแนะ
“ก็ลูกกูน่ารัก” ผมลอยหน้าลอยตาตอบมันก็ส่ายหัวหน่ายๆ
“ก็ลูกกูด้วยไหม”
“ชิชิ” ผมเบ้ปากใส่มัน
“ว่าแต่น้าปัทว่าไง”
“ก็โอเคแล้วแต่บอกต้องมีบทลงโทษวะ กูละกลัวใจแม่จริงๆ”
“เอาหน่าๆเดี๋ยวแม่กูก็คุยให้เขาคงไม่ลงโทษแรงๆหรอก”
“แรงๆไม่กลัวกลัวแผลงๆนี่สิ” ผมคงยังไม่ได้บอกสินะว่าแม่ผมถ้าโกรธก็โกรธจริงๆแถมหายยากด้วยแต่เจ้าตัวไม่ค่อยแสดงออก มาแสดงออกกับบทลงโทษที่ดูเหมือนไม่จริงจังแต่ทรมานคนทำแทนน่ะครับ
รอบที่แล้วที่ทำแม่โกรธโดนสั่งแต่งหญิง 24 ช.ม.แล้วพาออกนอกบ้านแนะนำว่าเป็นลูกสาว ให้อายเล่นๆอีก รู้ทั้งรู้ว่าหน้าเหมือนผู้หญิงเป็นปมของผมแม่ยังจี้ย้ำได้ลงคอ ตอนโกรธคนนี้ไม่สนหน้าไหนหรอกครับ
แล้วรอบนี่จะลงโทษอะไรก็ไม่รู้!!
พอแม่คุยกับป้ารัตน์เสร็จก็ให้พี่ปิ่นแม่บ้านบ้านผมมาเรียกเข้าไปหาที่ห้องเดิมแต่บรรยากาศดีขึ้นกว่าเดิมเยอะถึงผมจะสัมผัสแววเคืองๆจากแม่ได้อยู่ก็เถอะ
“แม่คุยกับป้ารัตน์แล้วนะ”
“เรื่องอะไรครับ”
“แม่ไม่อยากให้วุ่นวายมากเราก็จะผูกข้อไม้ข้อมือจัดงานแต่งเล็กๆเฉพาะครอบครัวเอา พวกเราเรียนจบแล้วค่อยจัดงานจริงอีกที”
“...แม่มันจะเกินไปหน่อยรึเปล่า” ผมว่าเสียงอ่อยๆทันทีคือแบบผมกับมันก็ผู้ชายทั้งคู่นะจะให้จัดงานแต่งนี้มันดูเวอร์ไปไหมอะแล้วนี่จะจัดหลังเรียนจบด้วยหรอปวดเฮดขึ้นมาทันที
“ไม่มีอะไรเกินทั้งนั้นแหละใช่ไหมรัตน์” แม่ผมหันไปหาเพื่อนสนิทที่ก็นั่งยิ้มอย่างเห็นดีเห็นงาม
“ใช่ๆจะเกินไปอะไรลูกก็มีแล้วไม่จัดสิน่าเกลียด ป้าว่าเราคุยกันแล้วนะ ตาฝิ่นก็ไม่มีปัญหาใช่ไหม” ถามเหมือนขอความเห็นนะครับถ้าไม่ใช่ว่าสายตาพิฆาตมากมาย
“ครับ” มันก็รับคำง่ายๆจนผมต้องตวัดสายตาไปมองอย่างหงุดหงิด
“เราไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะปฏิเสธนะชา” ชะอุ้ย! เสียงนิ่งๆของแม่เป็นสัญญาณเตือนว่าผมควรหุบปากได้เป็นอย่างดี
“เรื่องวันป้าก็ตกลงกับแม่เราแล้วนะ” ป้ารัตน์พูดขึ้นมาบ้าง
“วันไหนหรอครับ” ผมถามแล้วมองหน้าป้าสลับกับแม่
“อีกสามวันจ๊ะ” ป้ารัตน์เป็นคนตอบด้วยรอยยิ้มพิมใจที่เหมือนฟาดหัวผมอย่างแรง
“ห๊ะ! เร็วไปไหมอะ” ผมรีบแย้งทันที
ทำไมคนรอบๆตัวผมถึงได้เป็นพวกรีบร้อนกันจังวะ!?
“ไม่เร็วหรอกชา เดี๋ยวเราก็ต้องกลับกรุงเทพก่อนเปิดเทอมใช่ไหมล่ะ เร็วๆนั้นแหละดีจะได้ไม่ยุ่งยาก” แม่ผมว่าแล้วทำหน้าเหมือนถามว่ามีปัญหาอะไรอีกไหม ซึ่งผมก็ตอบได้อย่างเดียวว่า
“ก็ได้ครับ”
“แล้วเรามีปัญหาอะไรรึเปล่าฝิ่น” แม่ผมหันไปหาไอ้ฝิ่นที่นั่งเงียบอยู่
“ไม่มีครับ” มันส่ายหน้าแล้วยิ้มบางๆ แม่ผมก็พยักหน้ารับอย่างพอใจ
“ไหนเอาหลานมาให้แม่ดูซิ มอร์ฟีนใช่ไหม?” แม่ผมพอเคลียร์เสร็จก็ถามหาหลานแล้วครับ มอร์ฟีนตัวน้อยก็ช่างประจบทั้งที่ยังเล็กมากแต่ไม่ค่อยงอแงยิ้มหวานส่งเสียงอ้อแอ้ ดูน่าเอ็นดูมากจนคุณยายต้องก้มลงหอมแก้มฟอดใหญ่
“น่าเกลียดน่าชังจริง” คุณป้าก็พูดขึ้นยิ้มๆที่เห็นมอร์ฟีนตัวน้อยอารมณ์ดี
“ใช่น่าชังจริงๆ” แม่ผมรับคำเบาๆแล้วยิ้มออกมานิดๆ
ผมก็ดีใจนะที่แม่ไม่ดูเหมือนโกรธมาแต่ยิ่งแม่ดูสงบมากเท่าไหร่ผมก็รู้สึกได้เลยว่าบทลงโทษมันต้องสร้างความวายป่วงให้ผมแน่นอน แต่แม่ยังไม่ยอมบอกผมนี่สิ
“อ้อ อีกข้อที่แม่ลืมบอก” น้ำเสียงของแม่เด็ดขาดขึ้นมาทันที
“ครับ?” รับคำอย่างงงๆยังมีอะไรอีกหรอ
“แม่กับป้ารัตน์ตกลงกันแล้วว่าจะห้ามไม่ให้พวกเรามีลูกอีกคนก่อนจบเด็ดขาดเข้าใจไหม?”
“เฮ้อ...ก็นึกว่าเรื่องอะไร” ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกก็เข้าใจครับมีลูกในวัยเรียนมันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำด้วยซ้ำมีคนเดียวก็หัวปั่นจะแย่อยู่แล้ว
“น้าปัทคงไม่ได้ห้าม...” แล้วทำไมไอ้ฝิ่นมันต้องทำสีหน้าเครียดอะไรขนาดนั้นด้วยวะ!!
“อ๋อเรื่องนั้นไม่จ๊ะ แม่เข้าใจว่าวัยนี้ได้เคยแล้วห้ามกันไม่ได้” สายตามีเลศนัยของแม่ทำให้ผมร้อนฉ่าแต่ไอ้ฝิ่นเสือกเหยียดยิ้มอย่างถูกใจ
ยิ่งป้ารัตน์พูดประโยคถัดมาผมยิ่งอยากมุดดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด!
“ที่พวกแม่จะบอกคือจะทำอะไรก็รู้จักป้องกันด้วยแค่นั้นเอง”
..................
..........
.......
แกร็ก...
“ชู่ววว” ผมหันไปมองไอ้ฝิ่นแล้วส่งเสียงเตือนมันให้เข้ามาเบาๆ พร้อมตบก้นลูกที่กำลังเคลิ้มๆไม่ให้ตาใสขึ้นมาอีก มันก็ให้ความร่วมมือค่อยๆปิดประตูตอนนี้ได้เวลานอนกลางวันของมอร์ฟีนแล้วครับ ผมเอาขึ้นมานอนบนห้องเพราะไม่มีอะไรรบกวนปิดม่านก็ได้บรรยากาศน่านอนแล้ว ตอนแรกนึกว่าจะหลับก่อนลูกอีก
“หลับ?” มันถามเสียงเบาผมมองไปที่ลูกก็เห็นว่านิ่งไปแล้วก็ยิ้มบางๆพยักหน้าให้มัน มันก็มองตามผมไปที่ลูกสายตามันอ่อนโยนแบบที่ไม่ได้เห็นง่ายๆกับใครแต่กับลูกมันมองด้วยสายตาแบบนี้เสมอ
“ขึ้นมาทำไม”
“ก็เมียกลับลูกอยู่นี่จะให้ไปไหนล่ะ” มันยิ้มยียวนแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ผมเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้กับความกวนตีนของมัน
“กูจะนอน”
“ก็นอนไป” มันตอบแล้วเลื่อนตัวนอนลงข้างลูกก่อนซะงั้น เลยได้แต่ถอนหายใจล้มตัวลงนอนข้างลูกอีกฝั่งแทนและเตียงนุ่มๆแอร์ฉ่ำๆก็ลากผมเข้าสู่หัวนิทราไปง่ายๆ
จุ๊บๆ
ผมเริ่มรู้สึกตัวเมื่อมีอะไรบางอย่างดูดดุนอยู่บริเวณยอดอก แวบแรกคิดว่าเป็นไอ้ฝิ่นแต่พอลืมตาขึ้นมองเห็นทารกตัวน้อยกำลังดูดนมผ่านเนื้อผ้าพร้อมทำตาแป๋วจนน่าขำแต่ก็ทำเอาขำไม่ออกลูกผมหิวขนาดไหนเนี่ย!?
ท่านอนขอพวกเราสามคนตอนนี้ชิดกันมากลูกอยู่ในอ้อมกอดแนบอกผมและไอ้ฝิ่นก็กอดผมไว้อีกที เหลือบมองมันก็เห็นว่ากำลังหลับสบายเลย ผมเลยกลับมาสนใจทารกตัวน้อยอีกรอบเจ้าตัวยิ้มหวานให้ผมอีกแล้ว จะทำให้หลงไปถึงไหนเนี่ยยย ตะมุตะมิสุดๆ
ผมเลยขยับตัวเลิกเสื้อขึ้นให้เขาดูดได้ถนัดลูกก็ดูจะหิวดูดจ๊วบๆใหญ่จนน่าเอ็นดู กินนมจนเขาอิ่มนั้นแหละถึงได้เบือนหน้าหนีผมก็นอนเล่นมองหน้าลูกที่พออิ่มตาก็เริ่มปรือๆอีกรอบลูบหลังตบก้นไปเพลินๆไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมหรือลูกใครหลับไปก่อน...
“คุณแม่” เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้แต่สมองเริ่มได้ยินเสียงที่เข้ามากระทบโสตประสาทจนต้องขมวดคิ้วเพราความง่วงงุนที่ยังไม่หาย
“แอ้!” เสียงใสๆดังขึ้นอยากลืมตาขึ้นดูชะมันแต่เหมือนหัวมันหนักติดหมอนนุ่มๆไปแล้ว
“ตื่นเร็วครับ” เสียงทุ้มๆเริ่มชัดเจนในสมองมากขึ้นแต่คนขี้เซาก็พลิกหน้าหนี
“แอ้”
“คุณตามาแล้ววว”
“แอ้ แอ้!”
แปะๆ
ผมลืมตามองที่มาของสัมผัสที่ใบหน้าก็เห็นมือน้อยๆที่ถูกจับด้วยมือใหญ่ๆกำลังตบแปะๆลงเบาๆผมยิ้มให้เจ้าของมือน้อยๆที่นอนอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นผมยิ้มให้ก็ยิ้มหวานกลับมา โง้ยยย น่ารักไปไหน!
“ลุกได้แล้ว เมื่อกี่แม่มึงโทรขึ้นมาตาม พ่อมึงเขากลับมาแล้ว” แล้วเสียงทุ้มของไอ้ฝิ่นก็ขัดความฟินผม ให้ผมฟินกับความน่ารักของลูกอีกหน่อยก็ไม่ได้!
“มีเรื่องอะไรปะวะ?” ถึงคิดว่าแม่คงจัดการได้แต่ก็แอบเสียวๆเหมือนกันครับเรื่องเด็กคนนึงนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะครับ
“ไม่มั้งเสียงน้าปัทก็ปกติดี” ฝิ่นมันยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แล้วอุ้มลูกขึ้นมาจับมือป้อมๆที่พยายามคว้าผมคุณพ่อขึ้นมาฟัด
“คิดจะจับหรอ หงั่บๆ”
“แอะ แอ้!” ลูกผมชอบเวลาที่มีคนเล่นด้วยอยู่แล้วครับ ส่งเสียงชอบใจใหญ่
“มองอะไรครับไปล้างหน้าล้างตาสิ” มันแซวผมยิ้มๆจนผมต้องเบือนหน้าหนี
“เออ! ไปแล้ว!” กระแทกเสียงใส่มันไปแต่มันก็ไม่ได้สะทกสะท้าน
ผมเลยลุกไปล้างหน้าล้างตามองเสื้อตัวเองที่มีคราบน้ำนมก็ตัดสินใจอาบน้ำใหม่เลย จัดการตัวเองเสร็จก็เจอสองพ่อลูกเล่นกันอยู่ ฝิ่นมันชอบวางลูกไว้บนอกแล้วเล่นครับ ดั้นนั้นเวลามอร์ฟีนชอบใจก็จะเห็นเขาดุ๊กดิ๊ก ส่งเสียงอ้อแอ้บนอกพ่อเขา ผมก็ยิ้มบางๆให้กับภาพตรงหน้า มันน่ารักจริงๆนะ
ใครจะไปคิดว่าพวกฟันไปทั่วอย่างไอ้ฝิ่นจะเป็นพ่อที่น่ารักได้ขนาดนี้
“ปะ ลงข้างล่างเถอะ” ผมส่งเสียงเรียกมันก็หันมามองแล้วอุ้มลูกลงจากเตียง
เดินลงไปข้างล่างก็เห็นพ่อกับแม่นั่งอยู่ห้องนั่งเล่น สีหน้าพ่อดูอึ้งมากๆ เหมือนไม่คิดว่าเป็นเรื่องจริงเท่าไหร่ ไอ้ฝิ่นยกมือไหว้ท่านก็รับไหว้แบบมึนๆ
“เรื่องจริงหรอ...” พ่อพึมพัมเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“ฮะๆ ขนาดนี้จะล้อเล่นหรอครับ อะ นี่มอร์ฟีนครับ” ท่านก็รับไปอุ้มแบบงงๆแต่เห็นรอยยิ้มพิฆาตของตัวเล็กก็ยิ้มตามออกมาแทน
ลูกผมยิ้มเดียวอยู่จริงๆ
หลังจากนั้นพ่อกลับแม่ก็พลัดกันอุ้มหลานหน้าชื่นตาบานเชียวครับแต่ถ้าสายตาของผมกับแม่บังเอิญสบกันไหร่ผมก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆเมื่อนั้น
บทลงโทษของแม่จะเป็นอะไรวะเนี่ย!
เล่นกันไปสักพักแม่ก็ลุกไปเข้าครัว พอเสร็จเรียบร้อยได้เวลาอาหารเย็นพวกเราก็ย้ายตัวเองไปที่โต๊ะกินข้าว ส่วนลูกผมก็ปูผ้าให้นอนเล่นกับพื้นในห้องนั่งเล่นแล้วฝากพี่ปิ่นไว้
อาหารวันนี้ก็โคตรพิเศษเป็นของโปรดผมทั้งนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมองแม่ด้วยสายตาลูกหมา แม่ยิ้มนิดๆแล้วก้มลงทานข้าวต่อ ผมก็ฉีกยิ้มกว้างเลยทันที
ทำนิ่งๆแต่คิดถึงเขาเหมือนกันใช่ไหมล๊า...
“ฝิ่นจะค้างที่นี่ใช่ไหมลูก” แม่ผมเปิดประเด็นขึ้น เพราะพอลงมาข้างล่างป้ารัตน์ก็กลับไปแล้วโดยทิ้งลูกชายคนเล็กไว้
ผมก็ลืมคิดไปเลยว่ามาอยู่ที่นี่เราจะอยู่กันยังไงที่กรุงเทพตัวติดกันตลอดแต่ถ้าเป็นที่นี่เราต่างก็มีบ้านใครบ้านมัน ผมหันไปมองมันอย่างลืมตัวไม่รู้สายตาผมเป็นแบบไหนมันถึงยิ้มบางๆมาให้
“ค้างที่นี่แหละครับ จะได้ช่วยชาดูลูกด้วย”
“ก็ดีๆ พรุ่งนี้น้ากับแม่เราจะพาทั้งคู่ไปดูชุดที่จะใส่วันงานนะอีกสามวันแล้วเราจัดเล็กๆก็จริงแต่ชวนเพื่อนเรามาก็ดีนะ” แม่ผมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆแต่ผมกับรู้สึกตงิดๆแปลกๆโดยเฉพาะชวนเพื่อนนี่แหละ!
ร้อยวันพันปีถ้าบอกว่าจัดในครอบครัว ไม่มีเพื่อนมาเอี้ยวด้วยแน่นอนแต่ทำไมรอบนี้ถึงอยากให้มาอะ! แม่ผมคงไม่ได้คิดทำอะไรแผลงๆใช่ไหม?
แน่นอนว่าไม่มีใครตอบผมได้...
“เอาปลาไหม?” น้ำเสียงใจดีของพ่อขัดจังหวะความคิดของผมแต่เรื่องนี้ไม่เป็นไรครับ
“เอา!”
“หึ เนื่องนี้ไวเชียวนะมึง” ไอ้ฝิ่นมันแซวแล้วเหยียดยิ้มกวนตีน ผมเลยเบ้หน้าใส่อีกรอบ
“แล้ว?” ผมก็ลอยหน้าลอยตาตอบไปบรรยากาศในโต๊ะก็มีถามนั่นโน่นตามประสา ผมก็หาเรื่องมาเล่าให้พ่อแม่ฟังรู้สึกมีความสุขสุดๆได้อ้อนพ่อแม่เต็มที่ถึงจะมีชนักติดหลังอยู่ แต่พ่อกับแม่ก็เลือกที่จะมองข้ามไปไม่รู้จะปลื้มยังไงเลยล่ะ
พอทานข้าวเสร็จแม่กับพ่อก็ขึ้นไปข้างบนส่วนผมก็กลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกรอบลูกผมหลับไปแล้วครับมองเวลาเกือบๆสองทุ่มก็ไม่แปลกที่ลูกชายผมจะหมดฤทธิ์ไป
“มึงโทรไปชวนพวกมันดิ๊” ผมว่าแล้วค่อยๆอุ้มลูกขึ้นแนบอกว่าจะพาขึ้นข้างบนเลยแต่ไอ้ฝิ่นก็เข้ามาขออุ้มแทนผมเลยปล่อยให้มันอุ้มไป
“เอาไว้บนห้องแล้วกัน” มันตอบแล้วเดินนำออกจากห้องไปผมก็ถือข้าวของลูกตามไป พอขึ้นมาบนห้องจัดท่านอนให้ลูกเรียบร้อยไอ้ฝิ่นมันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดตอนแรกนึกว่าจะโทรแต่เปล่าครับมันกดเข้าไปบอกในไลน์กลุ่มแทน ผมเลยหยิบโทรศัพท์มาเล่นด้วย
< 17 คืนนี้...ใครดี?(8)
F I N :
พวกมึง อีกสามวันว่างไหม? 19.58
เสี่ยรัฐก็มา :
ทำไมวะ? 19.58
F I N :
จะชวนมาเชียงใหม่ 19.59
.K K :
ชวนด่วนขนาดนี้มีอะไรวะ? 19.59
F I N :
งานแต่งกูจะไปไหม 20.00
เสี่ยรัฐก็มา :
อะไรวะนี่กลับไปไม่เท่าไหร่จะแต่งแล้ว
คงไม่ใช้ท้องลูกคนที่สองแล้วนะเว้ย 20.00
: ชื่อชาไม่โกหก
20.01 พ่องเถอะ!!
ซ า ล า เ ป า :
เจ้าสาวมาแล้วกิ้วๆ 20.01
: ชื่อชาไม่โกหก
20.01 กิ้วพร่อง!!
.K K :
เล่นพร่องไม่ดีนะ 20.01
: ชื่อชาไม่โกหก
20.02 งั้นเล่นมึงแทนแล้วกัน
.K K :
เล่นกูก็ไม่ได้เดี๋ยวผัวมึงมาตบ 20.02
เสี่ยรัฐก็มา :
เล่นของมึงความหมายกามสัส รับไม่ด๊ายยย 20.03
Z∆N∑ :
มึงก็กล้าพูดไอ้กัลป์เนอะ 20.03
☢ :
ตัวเองน่ะดูบ้างสัส 20.03
HEINZ :
ไปพรุ่งนี้ 20.03
: ชื่อชาไม่โกหก
20.04 ตั้งแต่ถามมามีมึงตอบตรงอยู่คนเดียว ( ; _ ;)
F I N :
ตกลงตามนี้ อีกสามวันศุกร์พอดี
ไปและจะไปนอนกอดเมีย 20.04
: ชื่อชาไม่โกหก
20.05 ไอ้เหี้ยฝิ่น!!
เสี่ยรัฐก็มา :
โหยยย อย่าให้กูมีเมียบ้างงงงง 20.05
ซ า ล า เ ป า :
เลิกมั่วก็หาได้แล้ว 20.05
.K K :
สมๆ 20.06
ซ า ล า เ ป า :
หมายถึงพวกมึงทุกตัวเลยสาสสสส!!
ผมหลุดหัวเราะเบาๆกับความกวนตียของเพื่อนที่ทุกตัวร่วมกันส่งสติกเกอร์ลอยหน้าลอยตาไปให้ไอ้เปา เป็นเครื่องหมายว่าพวกมันไม่เลิกมัวกัน
หมับ!
“อ๊ะ!” ผมตกใจนิดๆกับอ้อมแขนที่โอบล้อมรอบเอวไว้แบบไม่ทันตั้งตัว
“หมดเวลาสนใจคนอื่นแล้ว ตอนนี้สนใจแต่กูก็พอ” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูเบาๆรู้สึกจั๊กจี้จนต้องเอียงคอหลบแต่มันก็ก้มลงซุกไซ้คอแทน
“อือ..ฝิ่น ยังไม่ได้...”
“รู้”
มันตอบว่ารู้แล้วมึงทำตัวว่ารู้ไหมสัส! อยากเอาหัวโขกเตียงเบื่อจริงๆความรั้นของมัน
ไม่ได้จนหมดขอแค่ตอดนิดตอดหน่อยก็เอา!!
อ่านแล้วก็คอมเม้นหรือฟีดแบ็คกลับมากันด้วยนะคะ
มันเป็นกำลังใจให้คนเขียนจริงๆ☻♥
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฝิ่นนี่ก็พร้อมจะตอดเล็กตอดน้อยชาตลอดเลยขอนิดนึงก็ยังดีเนาะช่วงนี้ของขาด 5555
ขำที่คุยกันในไลน์ชื่อกลุ่มนี่ใครคิดค่ะ หรรษาเหลือเกินบ่งบอกความเป็นกลุ่มนี้มาก