ตอนที่ 12 : Chapter 11 : ตัดสินใจ
“เฮียหวังว่าเราจะอธิบายเรื่องนี้ให้เฮียฟังได้” เสียของเฮียบุหรี่เย็นเฉียบไม่มีแววล้อเล่นเหมือนอย่างเคย ความรู้สึกกดดันแผ่ซ่านออกมา
“คงจะไม่โกหกเฮียใช่ไหม” เสียงของเฮียซิกการ์ดังตามขึ้นมา หลักฐานคาตาแบบนี้จะพูดอะไรก็ฟังไม่ขึ้นแล้วล่ะครับ ถึงจะให้โกหกอะไรก็คงทำไม่ออกเหมือนกัน
ถ้าจะให้พูดว่าเด็กที่อุ้มอยู่แนบอกไม่ใช่ลูกของตัวเองก็พูดไม่ได้ต่อให้เป็นเรื่องโกหกก็ไม่กล้าพูด ก็เขาเป็นลูกของผมนี่หน่า หันไปมองไอ้ฝิ่นมันทำสีหน้าจริงจังเดินมานั่งข้างผมลูบหัวเบาๆแล้วเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่มันฟังจนจบ บรรยากาศนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ผมทำได้เพียงก้มหน้ามองลูกที่เลิกดูดนมแต่มองเหม่อไปทางอื่นแทน
“ทำไมไม่คิดจะบอกกันบ้าง เฮียยังเป็นพี่เรารึเปล่า” เฮียบุหรี่นั่งกอดกอดอกถามเสียงเรียบ เฮียซิกกการ์แค่นั่งฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่ออกความเห็นอะไร
“เฮียอย่าว่าฝิ่นมันเลยชาเป็นคนไม่ให้มันบอกเอง...”
“ทำไมชา?”
“ชากลัวแม่เสียใจ...”
“แล้วทำอย่างนี้แม่ชาจะไม่เสียใจ?”
ฉึ่ก!
จุกเลยครับ ทำไมจะไม่รู้ว่าตัวเองหนีปัญหารู้ว่าตัวเองผิดแต่ผมก็ไม่กล้าสู้หน้าพ่อแม่จริงๆ ท่านเลี้ยงดูผมมาอย่างดีอะไรที่ท่านให้ได้ท่านให้ผมทุกอย่างแต่ผมกลับตอบแทนท่านแบบนี้... ความรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาทำให้รู้ว่าอีกไม่นานน้ำตาต้องไหลลงมาแน่ๆ
พรึบ!
ผมหันไปมองคนข้างตัวที่ใช้มือดันให้หัวผมไปซบไหล่มันสายตาที่มักจะฉายแววเจ้าเล่ห์ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นและหนักแน่น มันทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้น รู้ว่าผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวจนเผลอกระชับอ้อมกอดที่อุ้มลูกชายให้แน่นขึ้น
“มันผิดที่ผมเองถ้าผมไม่ทำเรื่องก็ไม่เกิด” มันหันไปสบตากับพี่มันอยู่พักใหญ่ๆจนเฮียบุหรี่เปิดปากตอบ
“เฮียไม่ได้เป็นคนตัดสินถูกผิดอะไรหรอกนะ คนที่จะตัดสินน่ะอยู่ที่บ้านนู่น”
“เฮียจะให้พวกผมกลับไปบ้านบอกพ่อแม่ใช่ไหม” ผมตั้งคอขึ้นดีๆแล้วถาม
“เฮียไม่ได้บังคับ”
“แค่ไม่ให้ปฎิเสธ?”
“มันเป็นสิ่งที่ต้องทำไม่ใช่หรอ?”
“แค่อยากได้เวลา” ผมเสตาหลบสายตาเยือกเย็นของเฮียรู้ว่ามันเป็นข้ออ้างแต่ก็รู้สึกไม่พร้อมจริงๆ
“เกือบปีนี่ไม่ใช่เวลา?”
“...” รู้สึกสะอึกกับคำพูดของเฮียนั่นสิ ผมหนีและไม่รู้จะหนีต่อไปจนถึงเมื่อไหร่ คำว่าไม่พร้อมเคยถามตัวเองมาหลายครั้งว่าเมื่อไหร่จะพร้อมแต่ไม่เคยมีคำตอบ...หมดเวลาผลัดแล้วคงต้องตอบตัวเองสักที
“เอาไปคิดดูเฮียจะรออยู่ที่บ้าน”
ผมก้มหน้าลงต่ำไม่รู้จะโต้ตอบอะไรกลับไปความเครียดที่เคยกดไว้เหมือนกำลังจะประทุกลับมารู้สึกถึงน้ำตาที่คลอหน่วยตา
พ่อกับแม่จะว่ายังไงบ้างนะจะโกรธผมคนนี้มากรึเปล่า ผมเป็นลูกที่น่าผิดหวังใช่ไหม เป็นผู้ชายแท้ๆแต่ก็ยังท้องทั้งที่เรียนไม่จบ จะทำให้พ่อแม่ขายหน้าขนาดไหนนะ และเหมือนลูกจะรู้ถึงความผิดปกติของผมเจ้าตัวเล็กแผดเสียงลั่นร้องไห้งอแงจนผมตกใจ ไม่สิทุกคนที่อยู่ก็ตกใจกันหมด
“แง! แงงงงงง!!” ปกติมอร์ฟีนไม่ร้องเหมือนจะกลั้นหายใจแบบนี้ มันดูน่ากลัวมากว่าเขาจะหายใจไม่ออก
“โอ้ๆ~ไม่ร้องนะครับคนเก่ง ชู่ว...ชู่วววๆๆ” ผมรีบอุ้มโยกปลอบตัวเด็กให้หยุดร้อง
“ลูกเป็นอะไร” ไอ้ฝิ่นถามด้วยความร้อนรนผมส่ายหน้าเป็นการบอกว่าไม่รู้ คืออยู่ๆก็ร้องขึ้นมาผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
“หลานโอเคไหม?? ต้องไปโรงบาลรึเปล่า!?” ดูเหมือนมาดเข้มๆของเฮียแกจะหมดไปแล้วตั้งแต่ได้ยินหลานร้อง ดูตื่นตูมมากจนเฮียซิกการ์ส่ายหัวเพราะเฮียบุหรี่แยกไปอยู่ข้างนอกตั้งแต่เล็กๆเลยไม่ได้สนิทกับญาติเท่าไหร่พวกหลานๆก็ไม่เคยได้เลี้ยงเลยตกใจเกินเหตุ
“แง! แงงงงงง!!”
“ชู่วววววว” ผมหอมหัวทุยๆแล้วโยกตัวไปมาเบาๆเป็นการกล่อมเสียงของเจ้าตัวเล็กค่อยๆลดเสียงลงจนสงบลงตัวตากลมมองสบตากับผมมีน้ำตาปริ่มขอบตาเล็กน้อยเพราะเด็กวัยนี้ต่อมน้ำตายังทำงานไม่สมบรูณ์ ผมก็บรรจงเช็ดให้อย่างเบามือแล้วหยิบขวดน้ำให้เจ้าตัวเล็ก
“หึ ร้อนลั่นจนตกใจกันไปหมด” ฝิ่นว่าแล้วลูบหัวมอร์ฟีนที่เอียงหน้าเข้าหามือใหญ่จนดูเหมือนออดอ้อนทั้งที่เป็นการตอบสนองของเด็กแต่ลูกผมทำแล้วดูน่ารักมากตะมุตะมิสุดๆ
“ขอเฮียจับได้ไหม...” เฮียบุหรี่ที่นิ่งไปสักพักถามขึ้น ดูท่าจะสนใจลูกชายผมซะแล้ว น่าแปลกนะที่พอสถานการณ์กลับมาปกติแล้วความตึงเครียดในจิตใจของผมมันเหมือนหายไปหมด ต้องขอบคุณเจ้าตัวเล็กของผมจริงๆนี่รึเปล่าที่เขาว่าลูกเป็นเหมือนยาใจของพ่อแม่
“ลองอุ้มดูก็ได้” ผมจะยื่นให้เฮียลองดูแต่เจ้าตัวส่ายหน้าพรืด แต่เอื้อมมือมาแตะมือป้อมๆแทนมือเล็กก็กำนิ้วของคุณลุงโดยอัตโนมัติ สีหน้าเฮียมันดูตื่นเต้นจนผมหลุดขำเบาๆ
พอเฮียบุหรี่เล่นมือขาพุงแก้มลูกผมจนพอใจ เจ้าตัวก็มานั่งดูเฮียซิกการ์อุ้มหลาน บอกได้คำเดียวว่าเหมาะอย่างไม่น่าเชื่อ แวดตามาดร้ายร้อยยิ้มเหยียดๆที่ชอบประดับบนหน้าหายไปหมดเหลือแต่แววตาอ่อนโยนและร้อยยิ้มบางจนผมอยากขยี้ตามอง เหมือนคุณพ่อมาเองเลยว่ะ
“เฮีย” แต่แล้วเสียงไอ้ฝิ่นก็ขัดบรรยากาศละมุนๆ
“หือ?” เฮียบุหรี่ครางรับในลำคอแต่ไม่ละสายตาจากหลาน หยอกนั่นนี่จนมอร์ฟีนยิ้มหวานแล้วหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปไว้
“ผมจะกลับไปบ้านพรุ่งนี้”
“ห๊ะ!?” ไม่ใช่เสียงใคร เสียงผมนี่แหละครับ!
โถ่...ผมก็ว่าจะหาคำตอบให้ตัวเอง สรุปไอ้ฝิ่นแม่งตอบแทนผมไปแล้ว...
แต่เดี๋ยวปัญหามันไม่ใช่เรื่องนั้น!!
พรุ่งนี้!? มึงจะบ้าเรอะ!? ไม่ให้เวลาผมเตรียมใจสักนิดนี่คิดๆว่าก่อนเปิดเทอมดีกว่าแต่ไม่ใช่พรุ่งนี้นะเว้ย! แต่ดูท่าจะมีผมคนเดียวที่คิดอย่างนั้นเพราะพี่มันยิ้มอย่างถูกใจทั้งสองคน
“แบบนี้สิถึงจะเป็นน้องเฮีย” เฮียบุหรี่ว่าแล้วเอื้อมมือมาตบไหล่ไอ้ฝิ่นป๊าบๆ
“งั้นไม่ต้องให้เฮียไปรอที่บ้านแล้วมั้งกลับมันพร้อมกันนี่แหละ” เฮียซิกการ์พูดพร้อมเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ภาพเทพบุตรเมื่อกี้หายวับไปกับตา!
พวกเฮียกลับไปกันแล้วผมก็นอนกลิ้งอยู่บนเตียง พวกเฮียเห็นว่ามาติดต่องานที่กรุงเทพสองวัน วันนี้วันสุดท้ายที่จะอยู่เลยมาเยี่ยมกลายเป็นว่าโป๊ะแตกเลย จริงๆเฮียซิกการ์ท้าเฮียบุหรี่มาพิสูจน์เรื่องที่ผมท้องรึเปล่าด้วยเพราะดูปัดๆเวลาจะมาเยี่ยมตลอดเลยมาหาแบบไม่บอกซะเลย
“แอ้!” เสียงเจ้าตัวเล็กเรียกความสนใจของผมให้กลับไปอยู่ที่เขาเหมือนเดิมซึ่งก็ได้ผลชะงัก
ฟอดดด!
ผมหอมแก้มยุ้ยๆน่าหมั่นเขี้ยวไปเต็มรักเจ้าตัวก็ส่งเสียงอ้อแอ้ชอบใจใหญ่ ตอนนี้ต้องกอบโกยไว้ก่อนครับเดี๋ยวโตเป็นหนุ่มคงไม่ให้หอมแล้ว คิดแล้วเศร้าช่างมันไป
เหลือบไปเห็นไอ้ฝิ่นมันเดินเข้ามาหลังอาบน้ำพอดีเลยใช้ให้มันหยิบนิทานลูกมาให้ ตอนนี้สองทุ่มแล้วครับได้เวลาเอาเจ้าตัวเล็กเข้านอนแล้ว
มันก็หยิบนิทานมาแล้วมานอนลงข้างๆลูกที่อยู่ตรงกลาง ลูกของผมชอบกินนมและฟังนิทานไปพร้อมกัน ผมจับเขานอนตะแคงดูดนมจากอก พอเห็นลูกเริ่มดูดนมมันก็เริ่มเปิดอ่านนิทานให้ลูกฟังยังไม่ทันจบมอร์ฟีนก็หลับคาอกผมซะแล้วผมเลยจับหัวเขาให้นอนดีๆ ไอ้ฝิ่นก็วางหนังสือที่โต๊ะข้างเตียงแล้วหันมายิ้มบางๆให้ ผมก็ยิ้มตอบแล้วเหลือบมองลูกน้อย
“ราตรีสวัสดิ์ครับ ตัวเล็กของแม่” ผมหอมหัวทุยๆแล้วนอนลง ไอ้ผมก็ก้มลงหอมลูกตามแต่ไม่วายหันมากวนตีนผมอีก
“แล้วจะไม่ราตรีสวัสดิ์พ่อของลูกหน่อยหรอ”
“เพื่อ? นอนไป” ผมส่ายหัวหน่ายๆให้มันร้อยวันพันปีไม่เคยบอกพอเห็นผมพูดกับลูกเข้าหน่อยเสือกมาเรียกร้องเฉย
“เออๆ ฝันดี” แล้วมันก็พลิกตัวหนีเฉย นี่คือร่ะ? งอน?
แต่เวลานี้ไม่ใช้เรื่องที่ผมต้องใส่ใจครับที่ผมต้องการที่สุดตอนนี้คือนอนให้เต็มที่แล้วลุกมารับมือตัวเล็กของผมก่อน ด้วยความเพลียจากทั้งวันทำให้ผมหลับไปอย่างรวดเร็ว
..................
..........
.......
“แง! แงงงงงงง!!” ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องของลูก รับรู้เลยว่าได้เวลากินนมของมอร์ฟีนแล้วลืมตาขึ้นมาก็เห็นไฟข้างเตียงเปิดและไอ้ฝิ่นกำลังอุ้มโอ๋ลูกอยู่เลยยื่นมือไปรับ ลูกพอเห็นหน้าผมก็แผ่วเสียงลงแล้วทำปากดูดจุ๊บๆน่ารักจนผมเผลอยิ้มออกมา เจ้าตัวน้อยดูจะงอแงที่ยังไม่ได้นมสักทีก็เตรียมจะร้องอีกรอบผมเลยต้องรีบเอาเข้าอกพอได้นมเข้าปากก็ดูดจ๊วบๆไม่สนใจอะไรอีก
“ทีหลังปั๊มน้ำไว้ไหม มึงจะได้ไม่ต้องลุกมาบ่อยๆ เดี๋ยวกูดูให้” ผมเงยหน้าขึ้นมองฝิ่นทันทีที่มันพูดขึ้น แล้วส่ายหัว ถึงผมจะเหนื่อยแต่ว่าก็ชอบตอนที่ได้ดูแลเขาตอนเขาดูดนมจากอกมันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกแต่ผมก็ชอบมาก
“มึงก็รู้ว่าลูกชอบดูดจากอกมากกว่า อีกอย่างกูก็อยากดูเขาเอง”
“ตามใจมึง” มันว่ายิ้มๆลูบหัวผมเบาๆ พอลูกกินนมจนอิ่มเขาก็หลับคาอกเหมือนเคยผมก็ต้องจัดให้เขานอนดีๆแล้วนอนตาม รอบนี้ผมก็ได้หลับจนเกือบตีสี่เจ้าตัวเล็กก็งอแงหิวนมอีก ก็ลุกมาให้นมแล้วนอนต่อจนถึงแปดโมงก็ตื่นมาเตรียมของลูกที่จะต้องใช้ระหว่างเดินทางอีก ทั้งขวดนม ขวดน้ำ กระติกน้ำร้อนอันเล็ก ผ้าอ้อม แพมเพิส
เฮ้อ...เป็นพ่อเป็นแม่คนนี่เหนื่อยจริงๆครับ
จัดของจัดการอาหารเช้าเสร็จก็นั่งรอเวลาที่เฮียจะมารับ พวกผมก็นั่งเล่นกับลูกไปครับวันนี้เจ้าตัวน้อยดูจะอารมณ์ดีมากยิ้มหวานขยับดุ๊กดิ๊กตลอดจนผมพลอยอารมณ์ดีไปด้วย
ถึงเวลานัดเฮียโทรมาพอดีเราก็ลงไปขึ้นรถที่หน้าคอนโดแล้วตรงไปสนามบิน บ่ายโมงเศษๆเราก็ถึงเชียงใหม่กันแล้วครับ พอออกมาจากสนามบินผมก็รู้สึกกลัว กังวลไปหมด พวกเราตกลงกันว่าจะไปหาพ่อแม่ไอ้ฝิ่นก่อนแล้วค่อยไปหาพ่อแม่ผม ไปหาพ่อแม่ไอ้ฝิ่นก็น่ากลัวแล้วแต่ไปหาพ่อแม่ผมน่ากลัวกว่าอีกอะ ถึงแม่ผมจะเป็นคนใจดีแต่เวลาโมโหนี่น่ากลัวนะครับ
แต่มาบ้านไอ้ฝิ่นก่อนก็ดีนะครับช่วยย้นเวลาขึ้นเขียงของผมได้บ้าง ถึงจะไม่นานก็เถอะ
เพราะอะไรหรอ?
ก็พรุ่งนี้เราต้องไปสารภาพผิดที่บ้านผมต่อน่ะสิ!
ทุกอย่างมันเร็วไปหมดเลยอะ อยากได้เวลาแต่ใช้หมดแล้วทำไงดี ฮืออออ
เผลอแป๊ปเดียวเราก็มาถึงหน้าบ้านไอ้ฝิ่นกันแล้วครับ ผมหันไปมองไอ้ฝิ่นที่อุ้มลูกลงจากคาร์ซีทที่อุตส่าห์โหลดลงใต้ท้องเครื่องมาด้วย มันมองหน้าผมแล้วเอื้อมมาจับมือผมกุมไว้
“ไม่เป็นไรหรอกทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดี” มันยิ้มบางๆแล้วยกมือผมขึ้นจูบเบาๆมองมาด้วยแววตาหนักแน่น จนแก้มผมร้อนผ่าว
ไอ้บ้านี่! จากที่กูเครียดจะเป็นจะตายกลายเป็นเขินจะระเบิดอยู่แล้ว!!
พวกผมเดินเข้าบ้านหลังใหญ่ทรงไทยประยุกต์ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม บรรยากาศร่มรื่นชวนให้ผ่อนคลายแต่จิตใจกระวนกระวายของผมไม่คลายด้วยสักนิด
“อ้าวคุณซิกการ์เอาคุณบุหรี่กับคุณฝิ่นกลับมาด้วยหรอคะเนี่ย” ป้านอมแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่ทักขึ้นอย่างยินดีที่นานๆลูกชายคนโตคนเล็กบ้านนี้จะกลับมาที่นี่
“ครับ”
“อุ๊ย! คุณชาก็มาไม่ได้เจอนานป้าล่ะคิดถึ๊งคิดถึง”
“ชาก็คิดถึงป้านอมครับ”
“ป้านอมไม่คิดถึงผมบ้างหรอครับ” เฮียบุหรี่พูดแล้วแสดงสีหน้าน้อยอกน้อยใจจนป้านอมต้องดึงมากอดแล้วพูดเอาใจ
“คิดถึงสิคะ คิดถึงที่สุดเลย เอ๊ะแล้วนั่นคุณฝิ่นไปเอาลูกใครมากันคะ น่าเกลียดน่าชังเชียว” ป้านอมมองลูกชายผมที่ถูกไอ้ฝิ่นอุ้มไว้อย่างเอ็นดูเจ้าตัวเล็กที่ตื่นเต็มตาแล้วก็สดชื่นแจกยิ้มหวานไปเรี่ยราดเลยครับ แต่ไม่มีใครตอบคำถามป้าสักคำแค่ยิ้มบางๆ
“แล้วคุณพ่อคุณแม่อยู่ไหนกันครับ” เฮียซิกการ์เปลี่ยนเรื่องเบนความสนใจป้านอมเพราะรู้ว่ายังไม่ใช่ตอนนี้อย่างน้อยก็ต้องให้พ่อแม่รู้ก่อน
“อยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ”
“ครับ งั้นผมเข้าไปหาคุณพ่อคุณแม่นะ” จากนั้นพวกผมก็เดินกันไปห้องนั่งเล่นแต่ยิ่งเข้าใกล้จุดหมายมากเท่าไหร่ผมยิ่งหวั่นๆมากเท่านั่น บอกตัวเองยังไงก็ไม่หายตื่นเต้นเลยครับจะรอดไหมเนี่ยยย
“อ้าวตาซิกกลับมาแล้วหรอลูก” พอเดินผ่านประตูเข้ามาในห้องเสียงของแม่ไอ้ฝิ่นก็ทักขึ้นทันที “อ้าวบุหรี่ฝิ่นชาด้วยหรอลูก”
“สวัสดีครับป้ารัตน์” ผมก็ยกมือไหว้พ่อแม่มันเขาก็รับไหว้ผมยิ้มๆ เดินไปนั่งบนโซฟาพร้อมพวกเฮียหันไปมองไอ้ฝิ่นเห็นมันเดินดุ้มๆไปหาแม่ตัวเองผมก็เกิดความรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาทันที
ประเด็นคือมันอุ้มลูกไปด้วยนี่สิ!
“แล้วนั่นลูกเต้าเหล่าใครล่ะเนี่ย” ไอ้ฝิ่นยิ้มแต่ไม่ตอบ ยกโน้มตัวไปวางลูกบนตักแม่ตัวเองจนป้ารัตน์ต้องรับไว้ ลุงกัมพลพ่อไอ้ฝิ่นก็มองมาอย่างสนใจ เจ้าตัวน้อยของผมก็รู้งานจริงๆครับไม่ร้องไม่งอแงสักเอะ แถมส่งยิ้มหวานจนคุณย่าต้องก้มลงหอมแก้มฟอดใหญ่ท่าทางเอ็นดูมาก แน่ล่ะครับลูกผมน่ารักขนาดนี้ “แก้มยุ้ยเชียว ชื่ออะไรกันหือ?”
“ชื่อมอร์ฟีนครับ”มันก็ตอบแม่มันไป
“แล้วสรุปลูกใคร” คุณลุงถามดูท่าจะคาใจหรือไม่ก็ตะหงิตใจอย่างว่า เด็กเล็กขนาดนี้ไม่มีใครให้ห่างตัวพ่อแม่หรอกครับ
“ลูกผมเองครับ”
“ห๊ะ!” คุณป้ามีท่าทางตกใจมากครับส่วนคุณลุงก็ชะงักไปเหมือนกัน “จริงหรอตาฝิ่น!”
“ผมจะโกหกแม่ทำไม” มันตอบพ่อแม่หน้าตายมาก แต่ผมนี่หน้าซีดไปหมดแล้วครับ อยากระเหยไปเป็นไอในอากาศจริงๆ
“ตายๆๆแล้วไปทำลูกใครท้องเข้าเนี่ย! พ่อแม่เขาจะมาถอนหงอกฉันรึเปล่า! แล้วทำไมถึงเพิ่งมาบอกกันจนลูกโตป่านนี่ห๊ะ!”
“ก็มีหลายๆเรื่องนั่นแหละครับ” ดูมันตอบ โอ๊ยยย!บอกผมทีว่ามันตั้งใจตอบดีๆหรือจะกวนตีนพ่อแม่เล่นกันวะ ลุงกัมพลนี่ขมวดคิ้วกันแน่นหมดแล้ว โฮฮฮฮ
“แล้วแม่เด็กเขาอยู่ไหน” คุณลุงพูดด้วยเสียงดุๆผมพยายามทำตัวให้ลีบที่สุดเท่าที่จะลีบได้ โปรดปล่อยกูให้อยู่เงียบๆคนเดียวเถอะ พลีสสสสสสส!!!
“ก็อยู่ที่นี่แหละครับ”
“ฝิ่นอย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน” เสียงคุณลุงน่ากลัวโคตร
“แม่ของลูกผมก็ไอ้ชานี่แหละครับ”
“ห๊ะ!”สีหน้าคุณป้าตกใจกว่าเดิมอีกครับ ทั้งคุณลุงคุณป้าหันมามองหน้าผมที่เหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อเป็นตาเดียวแล้วเบือนสายตาหนีไป “แม่ไม่ขำนะฝิ่น”
“พูดอะไรให้มันรู้เรื่อง” คุณลุงก็หน้านิ้วคิ้วขมวดแล้วครับคงคิดว่าโดนไอ้ฝิ่นมันปั่นประสาทเล่นอยู่
“ผมพูดเรื่องจริงถ้าพ่อกับแม่ไม่เชื่อจะดูใบเกิดลูกผมเลยก็ได้นะ” ฝิ่นมันจ้องตากับพ่อตัวเองอยู่นานบรรยากาศมาคุไปหมด จนคนสูงวัยกว่าถอนหายใจยอมแพ้
“งั้นว่ามาซิเรื่องราวมันเป็นมายังไง”
“ก็คือว่า...” จากนั้นมันก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดจนจบแน่นอนว่าเรื่องร่างกายของผมมันไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไปใช่ว่าทุกคนจะยอมรับได้ บรรยากาศหลังสิ้นเสียงไอ้ฝิ่นตกอยู่ในความเงียบไปชั่วอึดใจจนกระทั่ง...
“โอ๊ยยย~!ฉันจะเป็นลม! ซิกหยิบยาดมในเก๊ะข้างๆให้แม่ที” เฮียซิกการ์ก็กูรีกูจอหยิบไปโบกใต้จมูกให้ สักพักคุณป้าก็ดันออก ก้มมองทารกตัวน้อยที่มองมาตาแป๋วก็ถอนหายใจอย่างอ่อนใจ
งานนี้บอกได้คำเดียวว่าไอ้ฝิ่นมันร้าย อุ้มลูกไปให้ย่าเล่นก่อนจะรู้ว่าเป็นหลาน ที่นี้จะสั่งจะว่าอะไรก็อุ้มหลานอยู่กับอกแล้วใครจะใจร้ายกับมอร์ฟีนตัวน้อยได้ลงล่ะครับ
“เฮ้อ...ฉันล่ะกลุ้มแล้วแม่เราเขารู้รึงยัง?” ป้ารัตน์หันมาถามผมครับ
“ยังเลยครับ แหะๆ” ผมก็ยิ้มแหยๆแล้วส่ายหัว คุณป้าดูจะหนักใจเพิ่มอีกเอามือแนบอกแล้วถอนหายใจอีกรอบ ถึงป้ารัตน์กับแม่ผมเขาจะสนิทกันแต่เรื่องลูกตัวเองทำลูกเขาท้องมันก็ไม่ใช่เรื่องที่หลายคนจะยอมรับกันได้ง่ายๆ
“ตายๆ เฮ้อ~ที่มานี่ก่อนจะให้แม่ช่วยล่ะสิตาฝิ่น” คุณป้าหันไปมองลูกชายหัวแก้มหัวแหวนตาเขียวปั๊ด ส่วนไอ้ฝิ่นก็ฉีกยิ้มรับ
“ฝากคุณแม่คนเก่งของผมด้วยนะครับ” คุณป้าได้ยิ้นก็มองหน่ายๆ ถ้าป้ารัตน์ไม่ว่าอะไรลุงกัมพลก็ไม่ว่าอะไรด้วยตามหรอกครับ เห็นเจ้าตัวดูดุแต่ก็ค่อนข้างปล่อยลูกให้ตัดสินใจกันพ่อสมควร
คุณป้าพูดอย่างนี้แสดงว่าคุณปู่คุณย่าเคลียร์ได้แล้วเรียบร้อยหายห่วง ผมก็โล่งใจได้เปาะหนึ่งแล้ว มองลูกผมที่นอนดุ๊กดิ๊กอยู่บนตักย่าเขาแล้วก็ยิ้มออกมาได้
อ่าาา ลูกผมน่ารักที่สุด! หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปได้ไหมเนี่ย??
“โอเค...เดี๋ยวแม่จะช่วยพูดให้อีกแรงแล้วกัน”
แฮ่! แต่ดูเหมือนไม่ใช่เวลาครับเขายังคุยกันเครียดๆอยู่เลย
“อีกอย่างได้ลูกเขามาแล้วก็ต้องสู่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราว”
“ห๊ะ!” ผมร้องเสียงหลงจนพวกเฮียที่นั่งเงียบอยู่นานหันมามองขำๆ
คุณลุงพูดด้วยเสียงเรียบๆแต่ทำร้ายระบบประสาทผมเหลือเกิน!!
“โธ่..! ลุงพลผมเป็นผู้ชายนะ” ผมโอดครวญทันที
โดนผู้ชายด้วยกันสู่ขอเนี่ยนะแต่คิดก็ขนลุกแล้ว!
“มีลูกจนถึงขนาดนี้ผู้ชายก็ช่างเถอะ” แต่ดูคุณลุงจะมิได้นำพาตัดบทฉับ
เกิดเป็นชามชาทำไมมันซวยนัก โดยผู้ชายกดว่าซวยแล้ว ดันเสือกท้องอีก แล้วนี่อะไรทีนี้จะโดนสู่ขอ! บ้าไปแล้ววว อย่างนี้วันข้างหน้าไม่มีลูกคนที่สอง หมาหนึ่งตัว บ้านหนึ่งหลังกลางทุ่งดอกไม้ประหนึ่งครอบครัวสุขสันต์เลยรึไง!?
“แต่...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นแหละชา ป้าจะคุยกับแม่เราเองทุกอย่างก็ต้องทำให้มันถูกต้อง ตาฝิ่นเป็นผู้ชายทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบไม่เกี่ยวกับตั้งใจหรือไม่หรอกเกี่ยวที่ว่าทำรึเปล่า” ป้ารัตน์พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดเป็นการบ่งบอกได้ดีว่าห้ามเถียงเด็ดขาดผมเลยต้องพับเก็บเหตุผลโต้แย้งลงแทบไม่ทัน
“เอาล่ะ ทุกคนมากันเหนื่อยๆ ถ้าไม่มีอะไรอีกก็ไปพักผ่อนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยไปบ้านปัทกัน” ลุงพลสรุปแล้วเมื่อเห็นไม่มีใครว่าอะไรเลยลุกออกจากห้องไป สองเฮียพอเห็นเรื่องทุกอย่างคลี่คลายก็เดินออกจากห้องไปเหมือนกันเหลือผมฝิ่นกับป้ารัตน์ที่อุ้มลูกชายผมไว้อยู่
ป้ารัตน์เดินมาหาผม วางลูกลงบนตักแล้วนั่งลงข้างๆ ผมก้มมองหน้าลูกก็รู้สึกดีโคตรๆที่เด็กที่เกิดอย่างไม่ตั้งใจอย่างเขาก็เป็นเด็กที่หลายๆคนยอมรับทั้งครอบครัวของไอ้ฝิ่นทั้งเพื่อนฝูง เหลือก็แต่คนที่ผมอยากให้ยอมรับมากที่สุด... พรุ่งนี้แล้วสินะ...
“ชาลูก” คุณป้าพูดพร้อมลูบหัวผมเบา ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์
“ครับ?”
“เรายี่สิบแล้วใช่ไหม?”
“ครับ”
“แต่ก่อนเราทำตัวยังไงป้าไม่รู้แต่ว่าตอนนี้ชาเป็นแม่คนแล้วนะลูก เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว ทำอะไรก็คิดไว้เสมอนะว่าลูกเรามองเราอยู่เขาจะซึมซับสิ่งที่เราทำแล้วจะเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าทำดีก็ดีไปแล้วถ้าทำไมดีลูกก็จะรับสิ่งไม่ดีไปรู้ไหมลูก” ป้ารัตน์ว่าแล้วมองไปยังตัวเล็กที่ยิ้มแย้มอย่างไร้เดียงสาคงห่วงเพราะคงรู้ว่าผมกับฝิ่นก็ไม่ได้ทำตัวดีเด่อะไรสักเท่าไหร่
“รู้ครับ ตอนท้องก็คิดอะไรได้เยอะ” ผมตอบคุณป้าไปท่านก็ยิ้มให้
“ดีแล้วลูก...ตาฝิ่นก็ด้วยนะ!” ว่าแล้วก็หันไปมองลูกชายคนเล็กดุๆ
“ครับ!” แต่มันก็เป็นมันครับรับคำแข็งขันแต่เสือกฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ จนคุณป้าต้องส่ายหัวหน่ายๆ
“ชาก็ไปพักผ่อนนะลูกไม่ต้องคิดอะไรมากคิดถึงลูกให้เยอะๆ”
“ครับ” พอรับคำเสร็จท่านก็พยักหน้ารับอย่างพอใจแล้วลุกเดินออกไป
“แอ้!” ผมก้มลงมองเจ้าตัวน้อยที่ส่งเสียงเรียกร้องความสนใจที่ดุ๊กดิ๊กไปมาเหมือนอยากเปลี่ยนท่า ผมเลยอุ้มขึ้นมาแนบอกเจ้าตัวก็ดูท่าดีใจใหญ่พูดอ้อแอ้ๆอยู่อย่างนั้นสักพักก็ทำปากดูจุ๊บๆทำให้ผมรู้สึกหมั่นเขี้ยวจนก้มลงหอมแก้มยุ้ยดังฟอด
มอร์ฟีนน่ารักที่สูดดด!
แต่ดูเหมือนไม่ได้นมสักทีก็ขมวดคิ้วเบ้หน้า แต่มันก็ยังน่ารักอยู่ดีผมเลยหอมแก้มอีกข้างดังฟอด
“หอมอยู่คนเดียว” ไอ้ฝิ่นย้ายฝั่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้พูดอยู่ข้างๆจนผมตกใจมันก็ยื่นหน้ามาหอมลูกดังฟอดดูเจ้าตัวเล็กจะชอบถูกหอมยิ้มแย้มพูดอ้อแอ้ๆออกมาอีกไอ้ฝิ่นเลยก้มลงฟัดลูกต่อเจ้าตัวเล็กก็ยิ่งส่งเสียงอ้อแอ้ชอบใจที่มีคนเล่นด้วยเข้าไปใหญ่
“หยุดเลยมึงกูจะพาลูกขึ้นไปกินนม”
“อ่าได้” มันพยักหน้ารับอุ้มลูกขึ้น แล้วเดินขึ้นชั้นสองของบ้านเพื่อจะไปห้องนอนมัน
ห้องมันก็ตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นอย่างสีน้ำตาลและมีสีขาวเป็นสีรองไม่เปลี่ยน มันใช้ห้องชุดนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วครับแต่ก็คลุมโทนน้ำตาลขาวตลอด
ผมนั่งลงบนเตียงปลดกระดุมออกแล้วอ้าแขนรับลูกจากไอ้ฝิ่นแล้วเอาลูกเข้าอก มอร์ฟีนที่หิวแล้วก็ดูดใหญ่เลยครับ น่าเอ็ดดูจนต้องลูบหัวทุยเบาๆ หันไปมองไอ้ฝิ่นก็ต้องรีบเบือนหน้าหนี ใครสั่งใครสอนให้จ้องคนด้วยสายตาร้อนแรงขนาดนั้นวะ!
“อ๊ะ!” ผมตกใจเล็กน้อยเพราะไอ้ฝิ่นมันเดินมานั่งข้างๆตอนแรกนึกมามันจะนั่งดีๆที่ไหนได้ดันผมลงเตียงซะงั้น ดีที่มันไม่ได้ดันแรงอะไรลูกเลยไม่ได้สนใจผมหันไปมองหน้ามันดุๆแต่มันก็เสือกลอยหน้าลอยตาแถมเหยียดยิ้มร้ายแล้วจับแขนข้างนึงกดลงเหนือหัว
“ทำอะไรของมึง!”
“นั่นสิทำอะไรของกู”มันเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วก้มลงซุกไซ้ซอกคอผมเล่นมันรู้ว่าผมขยับมากไม่ได้เพราะลูกดูดนมอยู่เลยได้ใจแตะนั่นนี่ไปหมด
แต่มันคงลืมไปว่าผมอะ...
โครม!
“เชี่ยชา!”
ร้าย... :)
อ่านแล้วก็คอมเม้นหรือฟีดแบ็คกลับมากันด้วยนะคะ
มันเป็นกำลังใจให้คนเขียนจริงๆ☻♥
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฝิ่นนี่ว่าร้ายแล้วนะเอาเข้าจริงชาร้ายกว่าเย๊อะ ชาไม่เมาก็ไม่ง่ายนะ 55555